“โชคลาภย่อมบำเรอแต่คนใจเด็ด”
แม้โจโฉจะมีส่วนไม่ดีอยู่หลายอย่าง แต่มีลักษณะอันประเสริฐอยู่อย่างหนึ่ง คือความมั่นคงเด็ดเดี่ยว ลักษณะอันนี้แหละที่ยกโจโฉไว้ ณ ที่อันสูง โจโฉนับถือความคิดของตน ทำการอย่างเด็ดขาด เมื่อภัยมาถึงตัวก็ไม่สะทกสะท้าน หลบหลีกไปได้อย่างง่ายดาย
ความเด็ดเดี่ยวเป็นสิ่งที่บันดาลความสำเร็จสมความปรารถนา มีคนเป็นอันมากที่ทำอะไรไม่สำเร็จ เพราะใจไม่เด็ดพอ จะทำอะไรก็กลัวโน่นกลัวนี้ ในที่สุดก็ไม่ได้ทำ อะไรเลย มิได้สร้างตนเองให้สูงขึ้น นอกจากจะเป็นพื้น ให้เขาเหยียบย่ำอยู่ร่ำไป
ทุกวันนี้ สังคมได้ทำลายความดีข้อนี้ของมนุษย์เสียเป็นอันมาก เราไม่กล้าทำอะไรใหม่ ได้แต่เลียนแบบและเดินตามหลังเขาเรื่อยไป ในที่สุดก็ต้องกินน้ำใต้ศอกของผู้อื่น
ธรรมดาผู้นำย่อมจะได้ขึ้นไปชมเชยความเบิกบานสำราญใจบนยอดเขาเสียจนช่ำใจ ก่อนผู้ตามหลังจะขึ้นไปถึง แต่ผู้นำต้องเป็นคนใจเด็ด เพราะถ้ามีเหวอยู่ข้างหน้า ผู้นำจะต้องพบก่อน และอาจตกลงไปก่อน
โจโฉเป็นคนตาเล็ก มีความคิดรวดเร็ว เมื่อเยาว์มีนิสัยเป็นนักเลง โจเต็กผู้อาคิดจะให้โจโก๋ทำโทษโจโฉ แต่พอโจโฉทราบความ ก็เอาตัวรอดโดยใช้อุบายง่าย ๆ ให้บิดาไม่เชื่อถือถ้อยคำของอา
โจโฉ แสดงความใจเด็ด ครั้งแรกเมื่อจะเข้าไปฆ่าตั๋งโต๊ะแต่ผู้เดียว การทำเช่นนี้พวกอำมาตย์อื่น ๆ ไม่กล้าทำ เพราะเท่ากับเข้าไปฆ่าพญายม ซึ่งตนเองกลับจะถูกฆ่า
มากกว่าอื่น โจโฉทำไม่สำเร็จ เพราะตั๋งโต๊ะรู้ตัวระแวงใจเสียก่อน ถามโจโฉว่า “ถอดกระบี่เข้ามาจะทำร้ายกูหรือ” โจโฉแก้ไขเหตุร้ายได้ทันที โดยแก้ตัวว่าเอากระบี่มาสนอง คุณตั๋งโต๊ะที่ได้ชุบเลี้ยงมา เมื่อแก้หลุดมาได้ก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าอยู่กับตั๋งโต๊ะจะมีภัย จึงเลยรีบหนีออกจากเมืองทันที ถ้าโจโฉจะลังเลใจอยู่สักหน่อย ก็คงหมดชื่อเสียแล้ว มีคนเป็นอันมากต้องเสียใจเพราะความลังเล
โจโฉ ทำงานอย่างเด็ดเดี่ยว |
โจโฉออกมาตั้งตัวได้รวดเร็วกว่า หัวหน้าก๊กอื่น ๆ เพราะการทำงานอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ท้อถอยเมื่อสิ้นหวัง และรีบฉวยโอกาสทุก ๆ คราว ไม่ยอมให้พ้นผ่านไป
เมื่อโจโฉได้อำนาจแล้ว ก็กำอำนาจไว้ได้ตลอดอายุ และคงทำการโดยความเฉียบขาดเรื่อยมา คำสั่งที่โจโฉได้สั่ง ทุกคนต้องกระทำตาม ใครทำดีให้รางวัล ใครผิดลงโทษ ด้วยเฉียบขาดนี้เอง คำสั่งทุกข้อของโจโฉจึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนต้องเคารพทำตาม เหมือนล้อที่หมุนไปตามพวงมาลัย เป็นเหตุให้กิจการต่าง ๆ สำเร็จไปด้วยความเรียบร้อย
การงานทุกอย่างต้องอาศัยความเฉียบขาด เมื่อใดความเฉียบขาดไม่มี การงานก็เหมือนกับนาฬิกาที่ตีสิบสอง เมื่อเข็มบอกว่าบ่ายโมง ซึ่งไม่มีอะไร นอกจากความผิดพลาดเสียงานและหายนะในที่สุด
การพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของโจโฉ คือครั้งแตกทัพเรือ มนุษย์เราต้องมีแพ้ แต่ผู้แพ้ที่ชนะคือผู้แพ้ที่ไม่ยอมท้อถอย โจโฉแตกทัพครั้งนี้ แตกอย่างยับเยิน แม้ตนเองก็แทบ เอาตัวไม่รอด แต่เมื่อรอดตัวมาได้ก็เลิกเศร้าโศกเสียใจหรือท้อถอย ตั้งหน้าคิดการต่อไป ผู้ที่ทำการจวนจะสำเร็จอยู่แล้วให้ผู้อื่นมาชิงไปเสียได้ ก็เพราะไม่มั่นคงพอ
เมื่อโจโฉใกล้จะตาย มีปีศาจของผู้ที่โจโฉฆ่ามาหลอกหลอนต่าง ๆ แทนที่โจโฉจะกลัวกลับเอาดาบฟัน ไม่ว่าผีปีศาจอะไร โจโฉไม่เคยขยั้นครั่นคร้าม แม้พระยามัจจุราชโจโฉก็สู้หน้า ด้วยน้้ำใจอันเด็ดเดี่ยว ปัจฉิมวาทะ ของโจโฉประโยคหนึ่งว่า “กรรมมาถึงตัวแล้วจะทำ ประการใดก็หาพ้นไม่” คำกล่าวเช่นนี้เป็นคำกล่าวของผู้ที่ไม่เอาความร้ายมาเป็นอารมณ์
ผู้อ่อนแอที่เกิดมาโดยไม่มีผู้ใดเอาใจใส่ (และคงจะตายไปอย่างเงียบ ๆ เหมือนแมลงอะไรตัวหนึ่ง) มักจะยกความผิดไปให้แก่โชคและวาสนา เมื่อเห็นใครได้ดีมีลาภ ก็ว่าวาสนาของเขาดี เมื่อตนเองใจไม่เด็ดพอที่จะแข่งกับผู้อื่น ก็แก้ตัวว่า “แข่งอะไรแข่งได้ เว้นแต่แข่งวาสนา” ครั้นแล้วก็นอนระทมใจ สาปแช่งเทวดาร้อยแปดที่ให้เขา เกิดมาอย่างอยุติธรรม ไม่ให้เขามีวาสนาเหมือนคนอื่น บางคนเชื่อในวาสนาเสียจริงๆ จนไม่คิดจะทำอะไร ได้แต่นอนคอยให้ราชรถมาเกย ถ้าวาสนามีอยู่จริง ๆ ตัววาสนา ก็คงจะรังเกียจที่จะเข้ามาหาคนชนิดนี้ โชควาสนานั้นก็เหมือนหญิงงาม เราต้องชิงต้องสู้ ต้องมีมานะ จึงจะเอามาชมได้
------------
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "บุคคลภาษิตในสามก๊ก" ผลงานของอาจารย์เปลื้อง ณ นคร หรือนามปากกา ตำรา ณ เมืองใต้
กรุณาแสดงความคิดเห็น