ในเรื่องสามก๊กมีปมชิงรักหักสวาทมากมาย พาให้เสียลับ เสียแผน เสียเหลี่ยม เสียฟอร์มจนแทบไม่รู้จะเอาปี๊บเบอร์ไหนคลุมหัว
แม้แต่มหาอุปราช “โจโฉ” ก็เสียเหลี่ยมไม่เป็นท่าเอาง่ายๆเพราะหลงเสน่ห์หม้ายสาวแห่ง “เมืองอ้วนเซีย”
“โจโฉ” หนีกระเจิดกระเจิง แทบเอาชีวิตไม่รอด!!! เสียเหลี่ยมเพราะหลงเสน่ห์หม้ายสาวแท้ๆ
ในเรื่องสามก๊กมีปมชิงรักหักสวาทมากมาย พาให้เสียลับ เสียแผน เสียเหลี่ยม เสียฟอร์มจนแทบไม่รู้จะเอาปี๊บเบอร์ไหนคลุมหัว
แม้แต่มหาอุปราช “โจโฉ” ก็เสียเหลี่ยมไม่เป็นท่าเอาง่ายๆเพราะหลงเสน่ห์หม้ายสาวแห่ง “เมืองอ้วนเซีย”
เรื่องมีอยู่ว่า...
“โจโฉ” นำทัพไปบุก “เมืองอ้วนเซีย” เพื่อปราบ “เตียวสิ้ว” ในข้อหาที่ยังแข็งเมืองไม่เคารพนบนอบแก่เฮีย
การมาของทัพ “โจโฉ” ต้องเอิกเกริกสมชื่อ สร้างความสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น จึงจะสมกับการออกศึก
“เตียวสิ้ว” เจ้าเมืองอ้วนเซีย จึงเรียกประชุมขุนนางเพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะเอาอย่างไรดี ที่ประชุมจึงตกผลึก เห็นพ้องต้องกันว่า สู้เขาไม่ไหวแน่ ยอมสียดีกว่า
“เตียวสิ้ว” จึงส่ง “กาเซียง”ที่ปรึกษาที่รู้ใจไปเจรจากับ “โจโฉ” เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าขอยอมแต่โดยดี
“กาเซียง” เป็นผู้มีความรู้มีปฏิภาณไหวพริบดี เจรจากับ
“โจโฉ” จน “โจโฉ”เห็นแววและอยากได้ไว้ทำงานด้วย แต่ “กาเซียง”ปฏิเสธอย่างงดงามว่า ตนยังเป็นข้าใน “เตียวสิ้ว” อยู่ ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ จะทิ้งนายไปอยู่กับผู้อื่นเห็นไม่สมควร
.....
เตียวสิ้ว กับ กาเซี่ยง |
พิธีการเสร็จสิ้นก็ถึงคราวเลี้ยงข้าวปลา มโหรี ปี่กลองพร้อม สาวงามร่ายรำจัดเต็ม ทำเอา “โจโฉ”เคลิ้มเชียวล่ะ
อันสุรานารีนั้นย่อมเป็นเครื่องเคียงที่คู่กัน เมื่องานเลี้ยงเลิกลา แต่รสสุรายังค้างคา ดรีกรีที่แผ่ซ่านในเส้นเลือด ทำให้ “โจโฉ”อยากลิ้มรสสาวงาม “เมืองอ้วนเซีย”
ลิ้วล้อเอาใจนายจึงได้เสนอขึ้นว่า ได้พบสาวงามคนหนึ่งสวยใสไร้ที่ติ
ยิ่งบรรยายสรรพคุณ ยิ่งทำให้ “โจโฉ”อยากได้นางมาครองในทันที ขึงเร่งสั่งให้ไปตามสาวงามนางนั้นมาให้โดยด่วน จะได้ไปต่อกัน ชวนจิบน้ำจันอีกสักจอกสองจอก
สาวงามที่ลิ้วล้อเสนอให้นั้นคือ “นางเจ๋าซือ” หม้ายสาวหมาเสน่ห์โฉมสะคราญแห่ง “เมืองอ้วนเซีย” ซึ่งนางมีศักดิ์เป็นอาสะใภ้ของ “เตียวสิ้ว” สามีของนางคือ “เตียวเจ” อาของ “เตียวสิ้ว” ที่ตายไปแล้วแต่นางยังไม่ยอมมีใคร
“โจโฉ” สำเร็จได้ดั่งใจหมาย ได้ลิ้มรสสาวงาม แต่เป็นสาวงามที่เป็นแม่หม้ายมหาเสน่ห์ สบายใจเฉิ๊บ
“นางเจ๋าซื่อ” เมื่อตกเป็นของ “โจโฉ”แล้ว ก็เกรงคำครหา จึงบอกกับ “โจโฉ”ว่าจะอยู่เสพสุขกับนางภายในเมืองต่อไปคงไม่ดีแน่ ว่าเพียงเท่านั้น “โจโฉ” ก็คล้อยตามรีบพานางออกมาตั้งค่ายอยู่นอกเมือง แต่ยังเป็นค่ายที่ปิดล้อม “เมืองอ้วนเซีย” ทั้งสี่ด้าน
......
โจโฉ กับ นางเจ๋าซือ |
“เตียวสิ้ว” เข้าไปเสนอต่อ “โจโฉ”ว่า เหตุการณ์ไค่อยสงบดีนัก ทหารทั้งสองฝ่ายแอบลอบทำร้ายกันอยุ่บ่อยครั้ง จึงขอนำกำลังฝ่ายตน เข้าตั้งค่ายแทรกซึมกับทัพ “โจโฉ” ที่ล้อมเมืองไว้ เพื่อคอยกำราบไม่ให้ทหารทำร้ายกัน อีกทั้งจะเป็นการสานสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียว
ชั่วโมงนั้น “โจโฉ”ไม่เป็นอันจะคิดเรื่องอื่นเลยนอกจากเมื่อไรจะค่ำหนอ จะได้เคล้าเคลียคลอแม่หม้ายมหาเสน่ห์ให้สมดังใจ
อนุมัติตามคำขอ
“เตียวสิ้ว” นำทหารแทรกตามจุดต่างๆ แล้วดำเนินตามแผนอย่างรัดกุม รอเพียงจังหวะเวลาที่พร้อมเท่านั้น
ฝ่าย “โจโฉ” มี “เตียนอุย” เป็นขุนทหารคู่ใจที่คอยเตื่อนสติ ซึ่ง “โจโฉ”เคยเชื่อในคำเตือนมาโดยตลอด แต่ ณ จุดนี้ไม่เชื่อใครอีกแล้ว นอกจากเชื่อมั่นและศรัทธาในสรีระศาสตร์ของหม้ายสาว “เจ๋าซือ”ผู้เดียวเท่านั้น...
“เตียวสิ้ว” กับ “กาเซียง” ร่วมกันวางแผนจัดงานเลี้ยงแล้วเชิญ “เตียนอุย”มาเป็นแขกพิเศษ เพื่อหวังให้ “เตียนอุย” เมาจนทิ้งอาวุธคู่กาย หมดพิษสงจะได้จัดการกับ “โจโฉ”ได้ง่ายขึ้น
วัน เวลา พร้อม ทุกอย่างเข้าทาง
“เตียวสิ้ว” ลงมือตามแผน
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
“เตียนอุย” จบชีวิต!!!
“โจโฉ” หนีกระเจิดกระเจิง แทบเอาชีวิตไม่รอด!!!
เสียเหลี่ยมเพราะหลงเสน่ห์หม้ายสาวแท้ๆ
เตียนอุย |
ปรีชา นาฬิกุล
๑๐ ก.ย.๒๕๖๒
๑๐ ก.ย.๒๕๖๒
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นผลงานของคุณ ปรีชา นาฬิกุล จากเพจ "หยิบสามก๊ก มาถกเล่น" ที่แบ่งปันมาให้อ่านเล่นกัน หากนักอ่านท่านใดสนใจบทความสามก๊กดี ๆ เพิ่มเติม สามารถแวะไปเยี่ยมชมได้ ทั้งนี้ต้องขอขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
กรุณาแสดงความคิดเห็น