ขงเบ้ง เป็นน้ำนิ่ง ความสงบราบเรียบของผิวน้ำ อาจทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าลึกลงไปที่ใต้ผิวน้ำนั้น กำลังเกิดอะไรขึ้น
ขงเบ้ง เป็นน้ำนิ่ง ความสงบราบเรียบของผิวน้ำ อาจทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าลึกลงไปที่ใต้ผิวน้ำนั้น กำลังเกิดอะไรขึ้น
“นิ่งให้เป็น เย็นให้ได้ แล้วทุกอย่างจะคลีคลายไปในทางที่ดี”
ขอมอบคำจำกัดความนี้ แด่ “ขงเบ้ง” ในฐานะที่แคล้วคลาดได้อย่างหวุดหวิดหลายครั้ง เมื่อคราวอยู่ในดงตีนขุนนางฟาก “กันตั๋ง” ของซุน “ซุนกวน”
ก่อนศึกเซ็กเพ็ก (เผาทัพเรือโจโฉ) จะเกิดขึ้น “ซุนกวน” ได้ให้ “โลซก” ขุนนางผู้ใหญ่และเป็นที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้ ไปสืบความดูความคิดฟากฝั่ง “เล่าปี่” ว่าคิดอ่านประการใด กับการรุกคืบเพื่อแผ่อำนาจของ “โจโฉ”
เนื่องจาก “โจโฉ”ไล่ปราบหัวเมืองต่างๆได้ราบคาบ วีรกรรมล่าสุดก่อนเปิดศึกกับ “ซุนกวน” คือการปราบ “อ้วนเสี้ยว” และกวาดต้อนทหารเชลยศึกเป็นของตัวได้สิ้น จากนั้นก็รุกไล่ “เล่าปี่” เข้ามุมอับต้องหนีหัวซุกหัวซุนแทบเอาตัวไม่รอด และหมายรวบแผ่นดินฟาก “กังตั๋ง”ของ “ซุนกวน” ไว้ให้สำเร็จในคราวเดียว
“โจโฉ” พยายามดึง “ซุนกวน” ให้มาเป็นพวกเพื่อปราบ “เล่าปี่” โดยยื่นเงื่อนไขว่าจะแบ่งหัวเมืองใหญ่ให้ อาการคล้ายๆ กับศึกชิงตั้งรัฐบาลในบ้านเราขณะนี้ เพราะการรวมเสียงมีราคาที่ต้องจ่าย มีเก้าอี้เสนาบดีกระทรวงใหญ่เป็นตัวล่อเป้า พอใจก็จับมือ ไม่พอใจก็เล่นตัวสร้างราคากันไป
ระหว่างที่ “ซุนกวน” ชั่งใจอยู่นั้น จึงส่งให้ “โลซก” มาสืบความข้าง “เล่าปี่”
โลซก |
“โลซก” พา “ขงเบ้ง” กลับไปหา “ซุนกวน” ด้วยเพื่อแจ้งในความคิดว่าจะรับศึกนี้อย่างไร ซึ่งในขณะนั้นเหล่าขุนนางของ “ซุนกวน” มีความเห็นแตกเป็นสองข้าง
ฝ่ายพลเรือนพร้อมใจกันให้ “ซุนกวน” ยอมเข้าด้วย “โจโฉ”
ฝ่ายทหารเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันบอกว่างานนี้ต้องสู้
ความหนักใจจึงตกอยู่ที่ “ซุนกวน” ดังนั้นผู้ชี้ขาดอันเป็นความเห็นที่หนักแน่นที่สุดคือ “จิวยี่” ขุนทหารมือวางอันดับหนึ่งแห่งแคว้น “กังตั๋ง”
.....
ก่อน “ซุนกวน”ทุบโต๊ะว่าสู้ “ขงเบ้ง” ต้องเผชิญศึกหนักการประลองปัญญาแทบลากเลือด แต่อาศัยความนิ่งและชั้นเชิงที่เหนือกว่าจึงเอาตัวรอดฝ่าด่านมาได้ด้วยดี แถมบางบทสนทนาก็ทิ่มแทงใจดำให้กับขุนนางฝ่าย “กังตั๋ง” แทบกระอักเลือด
จะไม่ให้ขุนนางกระอักเลือดได้อย่างไร ขนาดนายใหญ่อย่าง “ซุนกวน” กับ “จิวยี่” แม่ทัพใหญ่ยังควันออกหูกับลูกยุส่งที่ “ขงเบ้ง” พูดให้ได้แค้นเลย
เมื่อตกลงสู้ “จิวยี่” ได้รับมอบกระบี่อาญาสิทธิ์จาก “ซุนกวน” ให้จัดเตรียมทัพสู้ศึก “จิวยี่”ขอให้ “ขงเบ้ง” ร่วมทัพครั้งนี้ด้วย เพื่อกำจัด “ขงเบ้ง” เพราะคิดอ่านอะไร “ขงเบ้ง” รู้ทันไปเสียหมด แถมรู้ลึกยิ่งกว่าอีก
ถือเป็นธรรมดา ผู้นำไม่อยากให้ใครล่วงรู้ในความคิด แม่นบ่
จิวยี่ |
ครั้งหนึ่ง “จิวยี่”ขอให้ “จูกัดจิ๋น” ซึ่งพี่ชายแท้ๆของ “ขงเบ้ง” เกลี้ยกล่อมให้ทำราชการด้วย แต่ไม่สำเร็จ “ขงเบ้ง” เสียอีกที่เป็นฝ่ายว่ากล่าวพี่ชายให้มาร่วมงานด้วยกับฝ่าย “เล่าปี่”
เป็นอันว่าประเด็นนี้ตกไป ก็สร้างความระกำใจอยู่พอสมควร
“จิงยี่”ไม่ละความพยายามที่จะกำจัด “ขงเบ้ง” จึงสั่งให้ “ขงเบ้ง” นำทัพหนึ่งพันนาย ไปปล้นกองเสบียง “โจโฉ” เพื่อตัดกำลัง หมายยืมมือ “โจโฉ”ฆ่า “ขงเบ้ง”
หลังออกคำสั่ง “ขงเบ้ง” ไม่มีทีท่าสะทกสะท้านใดๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นแผนที่จะกำจัดตน หากบิดพลิ้วไม่รับงานก็จะยิ่งทำให้ “จิวยี่” ได้ใจ
“จิวยี่” ให้ “โลซก” ไปสืบความว่า “ขงเบ้ง” จะรู้ทันหรือไม่
“ขงเบ้ง” ก็รู้ว่า “โลซก”มาสืบความให้ “จิวยี่” จึงแกล้งบอกแผนการและฝากข้อความแสบๆคันๆ ไปว่า “จิวยี่” เป็นทหารที่ไม่ครบเครื่องรู้แต่การสงครามทางทัพเรือ ฝ่ายทับบก “จิวยี่”นั้นหาชำนาญการไม่
ได้ยินอย่างนี้ “จิวยี่” ก็ควันออกหูซิ รีบคว้ากระบี่กระโจนขึ้นม้า นำทัพบกบุก “โจโฉ” หมายลบคำครหาว่าเป็นนายทหารที่ไม่ครบเครื่อง
สรุปว่า “จิวยี่” ต้องกล “ขงเบ้ง” โดยไม่รู้ตัว เพราะความยึดมั่นถือมันมีทิฐิ นั่นเอง
.....
หลังพลาดท่าเผลอตัวดังกล่าว “จิวยี่” ก็ไม่ละความพยายามที่จะกำจัด “ขงเบ้ง” จึงสั่งการให้ “ขงเบ้ง”เป็นแม่งานจัดหาลูกธนู หรือลูกเกาทัณฑ์ โดยให้เวลา ๑๐ วัน เพื่อจัดหาลูกเกาทัณฑ์ให้ครบ ๑๐๐,๐๐๐ ลูก
“จิวยี่” มาไม้นี้ “ขงเบ้ง” ก็จับทางได้ตามเคยเพราะเป็นการหาเหตุเพื่อกำจัดตน
“ขงเบ้ง” จึงตอบกลับไปว่า ๑๐ วันนั้นช้านัก ใช้แค่ ๓ วันก็พอ แถมให้เจ้าพนักงานลงบันทึกไว้ว่าหากไม่สำเร็จยินดีให้ตัดหัว เอาละซิครับพี่น้อง
ขงเบ้ง |
“จิวยี่” แอบสั่งการกำชับให้ ช่างทำลูกเกาทัณฑ์ ถ่วงเวลาไว้ไม่ให้เร่งงานเป็นอันขาด หากมีการร้องขอให้เร่ง ก็ทำเป็นเฉยๆ จากนั้นจึงสั่งให้ “โลซก” เจ้าเก่าไปสืบความว่า “ขงเบ้ง” ดำเนินการไปถึงไหน เพราะงานนี้ “จิวยี่”มั่นใจว่า “ขงเบ้ง” ต้องพ่ายแพ้แน่นอนเพราะปิดทุกทางไว้แล้ว ไม่มีทางที่ “ขงเบ้ง” จะจัดหามาได้ทัน
“โลซก” กลับมาบอก “จิวยี่” ว่า “ขงเบ้ง” หาได้เตรียมการอันใดเลย วันๆมัวแต่นั่งดีดขิม ลูบเคราเล่น
“จิวยี่” ได้ฟังการรายงานยิ่งหัวเราะชอบใจ งานนี้ได้กำจัดคนรู้ทันสำเร็จแน่ๆ
ก่อนครบกำหนดส่งงาน “ขงเบ้ง” ขอให้ “โลซก” จัดหาเรือบรรทุกฟาง จัดหาคนแจวเรือให้ “โลซก”จัดให้ตามที่ร้องขอ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว “ขงเบ้ง” ชวนให้ “โลซก” ลงไปในเรือลำเดียวกันนั่งก๊กสุราร่ายกวีไปด้วยกัน ในตอนนั้น “โลซก”เป็นฝ่ายกังวลใจเอามากๆ เกรงว่า “ขงเบ้ง”จะไม่มีลูกเกาทัณฑ์ไปส่งให้ “จิวยี่”ในวันครบกำหนด
“ขงเบ้ง” สั่งให้คนแจวเรือ แจวเรือไปยังทัพของ “โจโฉ” และทำการดั่งหนึ่งเป็นกองโจรลอบเข้ามาปล้นเสบียง ฝ่าย “โจโฉ” เห็นเรือเร็วแจวมา คิดว่าทหาร “จิวยี่”บุกต่างระดมยิงเกาทัณฑ์เข้าใส่ราวกับห่าฝน เพราะในวันนั้นมีเมฆหมอกปกคลุมเป็นจำนวนมาก ไม่รู้อะไรเป็นอะไรก็ระดมยิงไว้ก่อน
“ขงเบ้ง” ให้ทหารโห่ร้องอื้ออึง ฝ่าย “โจโฉ” ยิ่งระดมยิงไม่ยั้ง ฟางที่มัดมากับเรือนั้นคือที่รับเอาลูกเกาทัณฑ์เป็นอย่างดี เมื่อสมคะเนว่าได้ลูกเกาทัณฑ์ครบตามจำนวนแล้ว ประกอบกับท้องฟ้าเริ่มกระจ่างขึ้น พอที่จะมองเห็นอะไร “ขงเบ้ง” จึงสั่งทหารแจวเรือกลับคืนสู่ค่าย แถมส่งท้ายด้วยการให้ทหารตะโกนบอกขอบคุณ “โจโฉ” ที่ให้ลูกเกาทัณฑ์เป็นจำนวนมาก และสัญญาว่าจะนำลูกเกาทัณฑ์นี้คืนสนองให้อย่างสาสม
“โลซก” ได้แต่อ้าปากหวอ ตาค้างกับสิ่งที่เห็น และสรรเสริญสติปัญญา “ขงเบ้ง” ยิ่งขึ้นไปอีก
เรือฟางยืมเกาทัณฑ์ |
เทียบฟอร์มกันแล้ว “จิวยี่” กับ “ขงเบ้ง” มีสติปัญญาใกล้เคียงกัน เพราะทั้งสองวิเคราะห์เกมและประเมินออกมาตรงกันว่า ศึกครั้งนี้หากจะเอาชนะ “โจโฉ” ได้มีทางเดียวคือใช้ไฟเผา
หากเปรียบกับสายน้ำ “จิวยี่” เป็นเหมือนน้ำเชี่ยว รบเร็วรุกเร็ว แบบไม่ให้ข้าศึกตั้งตัว ข้อดีคือจบเร็ว เห็นผลไว แต่อาจขาดความรอบคอบไปนิดหนึ่ง สายน้ำที่เชี่ยวไหล ปลามักกระโจนเล่นน้ำ จึงกลายเป็นเหยื่ออันโอชะให้แก่ผู้มาจับปลา
“ขงเบ้ง” เป็นน้ำนิ่งๆ ความสงบราบเรียบของผิวน้ำ อาจทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าลึกลงไปที่ใต้ผิวน้ำนั้น กำลังเกิดอะไรขึ้น
เขาอาจกำลังเดินเกมจัดตั้งรัฐบาลได้เบ็ดเสร็จ รอเพียงประกาศความชัดเจนในวันเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
ปรีชา นาฬิกุล
๑ เม.ย.๒๕๖๒
หมายเหตุ : บทความนี้เป็นผลงานของคุณ ปรีชา นาฬิกุล จากเพจ "หยิบสามก๊ก มาถกเล่น" ที่แบ่งปันมาให้อ่านเล่นกัน หากนักอ่านท่านใดสนใจบทความสามก๊กดี ๆ เพิ่มเติม สามารถแวะไปเยี่ยมชมได้ ทั้งนี้ต้องขอขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
กรุณาแสดงความคิดเห็น