ศึกใหญ่ระหว่าง “โจโฉ” กับ “ซุนกวน” ที่เราทราบกันดีในนามยุทธการ “เซ็กเพ็ก” ซึ่งในครั้งนั้น “โจโฉ” พ่ายอย่างราบคาบด้วยด้วยลมสลาตันเพียงวูบเดียว ต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับแดนฮูโต๋ อย่างผู้พ่ายแพ้เสียเชิงชาย
คำว่าเชิงชายในที่นี้ ซ่อนนัยสำคัญเป็นอย่ายิ่ง เป็นชนวนเล็กๆก่อนเกิดศึกใหญ่ที่หลายท่านจดจำ
ศึกใหญ่ระหว่าง “โจโฉ” กับ “ซุนกวน” ที่เราทราบกันดีในนามยุทธการ “เซ็กเพ็ก” ซึ่งในครั้งนั้น “โจโฉ” พ่ายอย่างราบคาบด้วยด้วยลมสลาตันเพียงวูบเดียว ต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับแดนฮูโต๋ อย่างผู้พ่ายแพ้เสียเชิงชายเดิมทีก่อนจะเกิดศึกระหว่าง “โจโฉ” กับ “ซุนกวน” นั้นเป็นเรื่องของลูกติดพัน เนื่องจาก “โจโฉ” ไล่ล่า “เล่าปี่” จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน เราเคยเรียนกันเมื่อตอนอยู่ประถม หลายท่านคงจำได้เรื่อง “จูล่ง ฝ่าทัพรับอาเต๊า” ซึ่ง “นางบิฮูหยิน” หนึ่งในภรรยาของ “เล่าปี่” ตัดสินใจโจนลงบ่อฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้เป็นภาระ “จูล่ง” จึงสามารถนำตัว “อาเต๊า” ที่ยังแบเบาะอยู่มาส่งให้กับ “เล่าปี่”
คำว่าเชิงชายในที่นี้ ซ่อนนัยสำคัญเป็นอย่ายิ่ง เป็นชนวนเล็กๆก่อนเกิดศึกใหญ่ที่หลายท่านจดจำ
.......
ขณะที่ “โจโฉ” ไล่ล่า “เล่าปี่” หมายรวบอำนาจให้อยู่ในมือตนเองไว้แต่ฝ่ายเดียวอยู่นั้น มีความคิดจะรวบหัวรวบหางก๊กของ “ซุนกวน” ในคราเดียวกันนี้ จึงปรึกษากับขุนทหารแม่ทัพนายกองของตนเพื่อคิดอ่านเผด็จศึก “ซุนฮิว” จึงเสนอว่าให้ทำหนังสือเชิญ “ซุนกวน” ออกมาเที่ยวป่าล่าสัตว์ด้วยกัน หมายเพื่อพูดคุยทาบทามให้เข้าด้วยกับฝ่ายตน หากสำเร็จเท่ากับจะเผด็จศึกได้ง่ายขึ้น
ขณะนั้น “ซุนกวน” เริ่มรู้ระแคะระคายว่า “โจโฉ” จะรุกรานฝ่ายตน จึงส่ง “โลซก” ไปสืบราชการทางฝ่ายของ “เล่าปี่” ว่าคิดอ่านประการใด
สังเกตจุดนี้ให้ดีนะครับพี่น้อง เพราะคำว่าสามก๊กนั้นชัดเจนว่า ต่างฝ่ายต่างอยากดึง “ซุนกวน” มาอยู่ร่วมให้ได้ เทียบแล้ว “ซุนกวน” คือตัวแปรที่แท้จริง
“เล่าปี่” อยากเห็น “ซุนกวน”รบ “โจโฉ”
“โจโฉ” อยากเห็น “ซุนกวน”รบ “เล่าปี่”
“ซุนกวน” อยากเห็น “เล่าปี่”รบ “โจโฉ”
สมการการเมืองเช่นนี้ เกิดขึ้นตลอดเรื่อง
.......
โลซก
เมื่อ “โลซก” มาสืบราชการฝ่าย “เล่าปี่” ซึ่งขณะนั้น “ขงเบ้ง” อ่านหมากขาดแล้วว่าจะต้องเดินเกมแบบไหน “ขงเบ้ง” จึงตาม “โลซก” กลับไปเยือน “ซุนกวน” และอยู่ร่วมศึกเซ็กเพ็กจนจบ ทั้งๆที่ตอนนั้น “ขงเบ้ง” เหมือนนอนอยู่ท่ามกลางคมหอกคมดาบ คมอาวุธที่พร้อมประหารให้จบชีวิตแทบทุกวินาที เพราะความที่ “ขงเบ้ง” รู้ทัน “จิวยี่” แม่ทัพใหญ่ของ “ซุนกวน” ไปเสียทุกเรื่อง
“ซุนกวน” สั่งเตรียมสถานที่ให้โอ่โถงเพื่อต้อนรับ “ขงเบ้ง” ให้รู้ว่าอาณาจักร “กังตั๋ง” ยิ่งใหญ่มากแค่ไหน เหมือนเป็นการข่มกันกลาย ๆ ในเชิงสัญลักษณ์ แต่กว่าที่จะได้พบ “ซุนกวน” ต้องเจอบรรดาขุนนางผู้ใหญ่ต่างออกมาประลองกึ๋น “ขงเบ้ง” ชนิดที่เรียกว่าหากไม่เก๋าจริงคงได้คลานออกมาเชียวละ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีรายละเอียดการปะทะคารมกันนี้ก็สนุกมาก ไว้ว่าง ๆ จะเล่าสู่ฟังอีกครับ
ทั้ง ๆ ที่ก่อนเข้าถึง “ซุนกวน” นั้น “โลซก” กำชับนักกำชับหนาว่า อย่าได้บอกว่ากองกำลังของ “โจโฉ” มีมากมายถึงร้อยหมื่น “ขงเบ้ง” ก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ “ขงเบ้ง” อ่าน “ซุนกวน” อย่างทะลุหัวใจ ว่าคนอย่านี้ต้องพูดคุยในเชิงยุส่ง เพื่อให้เกิดความมานะถึงจะเป็นผล
ทุกอย่างที่ “โลซก” ห้าม “ขงเบ้ง” ทำ
และเป็นผลเสียด้วย “ซุนกวน” โกรธจัดจนหนวดกระดิก เปิดแน๊บไปสงบสติอารมณ์ที่ข้างในห้อง เพราะกลัวใจตัวเองจะเผลอสั่งฆ่า “ขงเบ้ง” เพราะเกรงใจอยู่ในที เนื่องจาก “จูกัดจิ๋น” พี่ชาย “ขงเบ้ง” นั้นทำราชการอยู่ด้วยหลายปีสร้างความชอบอยู่หลายประการ
“ซุนกวน” หลบเข้าหลังฉากด้วยความโกรธ “โลซก” จึงต้องรีบเคลียร์กับ “ขงเบ้ง” จนในที่สุด “โลซก” เข้าไปตาม “ซุนกวน” ออกมาอีกรอบ เนื่องจากความโกรธนั้นเป็นเพียงปฐมบทของการสนทนา หาได้พูดจนตลอด จึงยังจับความไม่ได้ศัพท์ ทั้งสองต่างขอโทษขอโพยกัน แล้ว “ขงเบ้ง” จึงเผยแผนการในเบื้องต้นว่าต้องอะไร อย่างไรบ้าง จึงจะพอสู้ “โจโฉ” ได้
.......
ซุนกวน
ตัดสลับมาที่ “จิวยี่” แม่ทัพใหญ่ของฝ่าย “ซุนกวน” เมื่อรู้ว่า “โจโฉ” จะยกทัพมารุกรานแดนตน จึงรีบบึ่งมาหา “ซุนกวน” แทบจะในทันทีทันใด แต่ตอนถึงเมืองหลวงนั้นเป็นเวลาค่ำแล้วจึงเข้าที่พักก่อนรุ่งสางวันใหม่ถึงจะเข้าไปพบ “ซุนกวน”
ถือเป็นนาทีทองของเหล่าขุนนางที่ยังไม่ตกผลึกทางความคิด เพราะมีความคิดออกเป็นสองทางทั้งที่บอกให้ยอมทั้งที่บอกให้สู้ เป็นเวลาทองของการล็อปบี้ยิส ซึ่ง “จิวยี่” รับข้อเสนอของทั้งสองฝ่ายเพื่อพิจารณา
หลังจากขุนนางคนสำคัญทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารเข้าพบ “จิวยี่” แล้ว “โลซก” จึงได้พา “ขงเบ้ง” เข้าพบบ้าง
“โลซก” พรั่งพรู ความคับแค้นที่มีต่อเหล่าขุนนางว่าเจ็บแค้นยิ่งนัก หลายคนพากันบอกกล่าวนายให้ยอมเข้าด้วยกับ “โจโฉ” เถิดทั้งๆที่ยังไม่ได้สู้เลยสักตั้ง ได้ยินแค่ข่าวลือก็กลัวกันใหญ่แล้ว “ขงเบ้ง” นั่งฟัง “โลซก” และ “จิวยี่” คุยกันอยู่เงียบ ๆ มือหนึ่งคงลูบหนวดไปพลางอีกมือคงหยิบพัดขนนกพัดไปเบา ๆ แก้เซ็งเพราะได้อ่านใจ “จิวยี่” ไว้อย่าทะลุปรุโปร่งแล้ว
“จิวยี่” ก็แสร้งลองใจ “โลซก” เช่นกันว่าจะมีความหนักแน่นมากน้อยเพียงไร จึงพูดในทำนองว่าจะให้ยอมต่อ “โจโฉ” เพื่อจะได้ไม่ต้องสุมเสี่ยงต่อความสูญเสีย จะได้สบายไม่ต้องคิดอะไรมาก “โลซก” โกรธจัดผิดหวังกับ “จิวยี่” เป็นอย่างยิ่ง
ขงเบ้ง จิงยี่ โลซก หารือเรื่องการศึก
ถึงคราวที่ “ขงเบ้ง” พูดขึ้นบ้าง “ขงเบ้ง” ก็ยุสงเลยว่าถ้า “จิวยี่” บอกว่ายอมก็ยอมเถอะ จะได้ไม่ลำบาก “ขงเบ้ง” ก็จะได้กลับไปหา “เล่าปี่” เตรียมการสู้ศึก “โจโฉ” แม้จะมีกำลังน้อยก็มีศักดิ์ศรีกว่า เอากะเขาซิครับ ยุส่งถือเป็นกลศึกเชิงจิตวิทยาที่ “ขงเบ้ง” ใช้ได้ผลนักแล
“ขงเบ้ง” บอกกับ “จิวยี่” ว่าจะไปยากอะไร ถ้าจะให้ “โจโฉ” เลิกทัพกลับไป ไม่ต้องสู้รบให้เสียกำลังพล เพียงแค่เรือลำน้อยเพียงหนึ่งลำ กับสาวงามเพียงสอง แค่นี้ก็ห้ามทัพได้ดั่งใจหมายแล้ว
“จิวยี่” จึงเร่งเค้นคำตอบจาก “ขงเบ้ง” ว่าเหตุใดท่านจึงมั่นใจถึงเพียงนี้
“ขงเบ้ง” จึงชี้แจงว่า นานมามากแล้วตั้งแต่ตนยังอยู่ ณ “เขาโงลังกั๋ง” ยังไม่ได้มาอยู่ด้วยกับ “เล่าปี่” แสดงว่ากิตติศัพท์เลื่องลือนี้ขจรขจายไปไกลมาก “โจโฉ” สร้างปราสาทใหญ่โตเพื่อเป็นการฉลองตำแหน่งที่ตอนนั้น “โจโฉ” เหมือนขึ้นลิฟท์ เพราะอยากได้ตำแหน่งอะไรก็ร่างหนังสือขึ้นมา “พระเจ้าเหี้ยนเต้” ก็เซ็นต์ให้ก็ได้เป็นแล้ว
ปราสาทใหญ่โตแล้วเสร็จ “โจโฉ” ให้ช่างสลักจารึกอักษรเป็นโครงกลอนไว้บนปราสาทว่า
“ปารัศว์ซ้ายขวาซึ่งเราทำไว้ ชื่อว่า “หยกหลง”กับ “กิมฮอง”
ข้าจะกอดนางสองเกี้ยวทั้งซ้ายขวา มีความสุขทุกเวลามิให้อนาทร”
“ขงเบ้ง” หลับตาพริ้มๆ ร่ายโครงกลอนของ “โจโฉ” ให้ “จิวยี่” ฟัง แต่ขณะนั้น “จิวยี่” โกรธจัดควันออกหู กระทืบเท้าปัง ๆ “ขงเบ้ง” กับ “โลซก” กระโดนหนีกันกระเจิงคนละทิศคนละทาง เพราะตกใจกลัวว่า “จิวยี่” จะชักกระบี่ฟาดมา
พอ “จิวยี่” สบงบลงบ้าง “ขงเบ้ง” จึงแสร้งถาม (ทั้งๆที่รู้ว่า “จิวยี่”โกรธเพราะอะไร) ว่าเหตุไฉนท่านจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้
ก็จะไม่ให้โกรธได้ไงเพราะหนึ่งในสอง “เกี้ยว” ที่ว่ามานี้คือเมียรักของ “จิวยี่” นั่นเอง
เกี้ยวหนึ่ง คือ “ไต้เกี้ยว” เมีย “ซุนเซ็ก” พี่ชายของ “ซุนกวน”
เกี้ยวสอง คือ “เสียวเกี้ยว” เมีย “จิวยี่” แม่ทัพใหญ่ของ “ซุนกวน”
ขงเบ้ง
นี่ละหนา ชายชาติทหาร ฆ่าได้ แต่อย่าหยามไปถึงเมีย
“จิวยี่” ไม่วิเคราะห์อะไรอีกแล้ว รุ่งเช้าเข้าถึง “ซุนกวน” ผู้เป็นนายและแจ้งให้ทราบอย่างเด็ดขาดว่า ศึกนี้ยอมไม่ได้…!!!!
นี่ละครับพี่น้องชนวนเล็กๆที่ยิ่งใหญ่มากใน “ศึกเซ็กเพ็ก”
ที่ทัพ “เมืองกังตั๋ง” ที่นำโดย “จิวยี่” เผาทัพเรือ “โจโฉ” ราบพนาสูญ
ปรีชา นาฬิกุล
๑๗ ก.พ.๒๕๖๒
กรุณาแสดงความคิดเห็น