เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย รบกับลิโป้ ที่ด้านเฮาโลก๋วน เป็นวีรกรรมความกล้าหาญ หรือความขลาดเขลา
"ความแตกต่างระหว่างผู้อุทิศตน กับผู้ขลาดเขลาเบาปัญญา"ณ ทุ่งกว้าง นอกเมืองลกเอี๋ยง ท่ามกลางฝุ่นทรายคละคลุ้ง ด้านหลังของมันคือกำแพงเมืองสีดำขนาดมหึมา ด่านเฮาโลก๋วน
มันสูงตระหง่าน ยาวสุดสายตา ด้วยความสูงของมัน หากลูกเกาทัณฑ์ยิงถึงแต่ก็มิอาจทำอันตรายใดแม้แต่กับผืนผ้าบาง ๆ บนกำแพงด่านมียอดนักรบคนหนึ่งคอยบัญชาการ ผู้คนขนานนามเขาว่าเทพสงคราม ... ลิโป้
กองกำลังพันธมิตร ทัพ 18 หัวเมือง นำโดยอ้วนเสี้ยว เชื้อสายขุนนางเก่า ส่งนายทัพหัวเมืองเหล่านั้น 8 กอง ประกอบด้วย อองของ เตียวเมา เปาสิ้น อ้วนอุ๋ย ขงเล่ง เตียวเอี๋ยง โตเกี๋ยม และ กองซุนจ้าน รวมทั้งยังส่ง โจโฉ อีกหนึ่งกองให้เป็นกองสอดแนม เข้าตีด่านเฮาโลก๋วน
เช้าวันแรกยุทธ์
อองของเจ้าเมืองโห้ลายเดินทางมาถึงก่อนใคร เขาให้กองทัพเรียงแถวเป็นหน้ากระดานยืนประจันหน้ากับด่าน ส่วนอองของขับม้ายืนอยู่หน้าแถว แล้วเข้าไปท้าลิโป้แม้ว่าด่านเฮาโลก๋วนจะสูงชันและมั่นคง แต่วีรบุรุษไม่อาจหนีหน้า ลิโป้เปิดประตูด่าน นำทหารสามพันออกมาตั้งรับ
อองของสั่งให้ทหารเอกนามหองหยกเข้ารบกับลิโป้ แต่ประมือกันเพียงห้าเพลง หองหยกตกม้าตาย ลิโป้นำทหารสามพันเข้าตีกองทัพอองของแตกกระเจิง แต่เคราะห์ยังดีที่ เตียวเมาเจ้าเมืองตันลิว และ อ้วนอุ๋ยเจ้าเมืองซุนหยง นำกองทัพเข้ามาสบทบพอดี ลิโปจึงสั่งถอนกำลังกลับเข้าไปในด่าน
ลิโป้ เทพสงคราม |
เช้าวันที่สอง
กองกำลังหัวเมืองทั้ง 8 กอง กับโจโฉมาตั้งค่ายพร้อมอยู่หน้าด่านแล้ว เสียงการประชุมเซ็งแซ่ ถกเถียงกันว่าใครจะรบกับลิโป้ แต่ยังไม่ทันจะตกลงกันได้ ทหารเลววิ่งเข้ามารายงานว่า ลิโป้ยกทัพมาท้ารบอยู่หน้าค่ายนายทัพ คนใหญ่คนโตทั้งหลายจึงขึ้นไปดูบนหอรบ เห็นทหารลิโป้คึกคะนอง ทำทีเย้ยหยัน เตียวเอี๋ยงเจ้าเมืองเสียงต๋งจึงส่งทหารเอกชื่อบอกสุ้นเข้ารบ แต่ชั่วพริบตาบอกสุ้นก็ถูกทวนแทงตกม้าตาย นายทัพทั้งหลายต่างมีสีหน้าเลิ่กลั่ก ไม่สู้ดี
ขงเล่งเจ้าเมืองปักไฮจึงตัดสินใจส่งทหารเอกชื่อบู๋อันก๊กออกรบ บู๋อันก๊กมีอาวุธคือกระบองเหล็กอันใหญ่ เข้ารบกับลิโป้ได้สิบสองเพลง มือที่ถือกระบองก็ถูกลิโป้พันขาด บู๋อันก๊กจึงรีบหนีกลับเข้าค่าย
ความโกลาหลบังเกิดขึ้นแล้ว กองทัพทั้งแปดหมดผู้กล้า ไม่มีใครกล้าออกรบ โจโฉจึงเสนอว่าควรส่งคนไปขอกำลังจากอ้วนเสี้ยว และหัวเมืองที่เหลือ มาช่วยรบกับลิโป้ เพราะกองกำลังฝ่ายเรามิอาจต่อกร
ทัพหัวเมืองเกี่ยวกันออกรบ |
ศึกชี้ขาด
ระหว่างที่ยังตกลงปลงใจกันไม่ได้ ลิโป้ก็ยกทัพมาท้ารบหน้าค่าย กองซุนจ้านเจ้าเมืองปักเป๋ง แสดงความกล้าหาญเข้ารบกับลิโป้ด้วยตนเอง แต่ประมือกันได้เียงสิบเพลง กองซุนจ้านก็รู้ตัวแล้วว่าตนเองมิใช่คู่ต่อกรของเทพสงครามผู้นี้ จึงหันหลังควบม้าหนีลิโป้ควบม้าไล่ตาม เงื้อทวนขึ้นหวังจะแทงกองซุนจ้านให้ตายในบัดดล แต่ทันใดก็มีเสียงร้องตวาดราวกับเสียงพสุธากัมปนาท
"ว๊าก...... ไอ้ลูกสามพ่อ กูจะรบกับมึงเอง !"
ม้าเซ็กเธาว์ สัตว์สงครามที่มีกำลังมาก วิ่งได้วันละพันลี้ไม่เหนื่อย ยังต้องผงะถอย เมื่อได้ยินเสียงนั้น
กองซุนจ้านโชคดี ที่มีสามพี่น้อง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย มาร่วมกองทัพด้วย กวนอูเคยสังหารฮัวหยงทหารเอกของตั๋งโต๊ะไปก่อนหน้านี้แต่กลับถูกดูแคลนจากบรรดาเจ้าเมืองว่าเป็นเพียงทหารเลว คราวนี้คนที่ออกรบกับลิโป้ คือเตียวหุย
ภาพวาด สามวีรบุรุษรบลิโป้ |
เตียวหุยขับม้าเข้ารบกับลิโป้ ได้ห้าสิบเพลง ก็มิได้แพ้หรือชนะ กวนอูเห็นดังนั้นก็กลัวว่าเตียวหุยจะสู้ไม่ได้ จึงขับม้าเข้าไปช่วย กวนอูสู้กับลิโป้ได้สามสิบเพลง แต่ลิโป้ก็ยังมั่นคงอยู่
"ถ้ามีภัยอันตรายสิ่งใดแลรบศึกเสียที ข้าพเจ้ามิได้ทิ้งกัน จะแก้กันจนกว่าจะตายทั้งสาม"
เสียงปฏิญาณ คำสาบานแห่งสวนดอกท้อ ดังก้องกังวาลขึ้นจากตื้นของหัวใจ เล่าปี่พี่ใหญ่ ขับม้าทะยานเข้าไปช่วยน้องทั้งสอง หากจะตายในวันนี้ ก็จักขอตายพร้อมกันทั้งสามคน
กระบี่คู่ ง้าวมังกรเขียว ทวนอสรพิษ กระทบกับทวนเสี้ยวจันทร์ ดังเฉ่งฉับ ไร้คำพูดคำจา ทุกสายตาจับจ้องการรบครั้งนั้นอย่างไม่อาจละวาง ไม่มีแม้เสียงฆ้องหรือกลองรบ ลานกว้างแห่งนั้นมีเพียงเสียงฝีเท้าม้า และเสียงคมอาวุธ
จังหวะเพลงรบสุดท้าย ลิโป้จ้วงแทงไปที่เล่าปี่ เล่าปี่เอากระบี่ปัดทวนนั้นออก แล้วบังคับม้าจะเข้าไปฟันลิโป้ สามพี่น้องบังคับม้าเข้าล้อมอย่างเป็นกระบวนศึก ลิโป้เห็นว่าสู้ไม่ได้ จึงตะบึงม้าหนีกลับเข้าไปในด่าน
การรบในวันนั้น มิได้รู้แพ้ชนะกัน พอลิโป้ขึ้นไปบนเชิงเทิน ก็ให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ ทิ้งก้อนศิลาใส่กองทัพหัวเมือง จนต้องล่าถอยไป
การรบที่ด่านเฮาโลก๋วน ส่งผลทำให้ขวัญกำลังใจกองทัพลิโป้ลดน้อยลง ลิยูที่ปรึกษาของตั๋งโต๊ะเสนอให้ย้ายเมืองหลวงไปเมืองเตียงฮัน เพื่อหนีภัยสงคราม
เสียงวิจารณ์
เล่าปี่ กวนอู และ เตียวหุย |
การรบในวันนั้นจบลงแล้ว สามวีรบุรุษรบลิโป้ เป็นเหตุการณ์ส่องสะท้อนความองอาจกล้าหาญ ของวีรบุรุษสี่คนคือ ลิโป้ เล่าปี่ กวนอู และ เตียวหุย
ลิโป้เก่งกล้า สมกับนามเทพสงคราม ส่วนเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความสามัคคีของพวกพ้อง ความศักดิ์สิทธิ์ของคำสาบานในสวนดอกท้อ
คนรุ่นหลัง ไม่เข้าใจเรื่องการศึก ไม่เคยเห็นค่าคำสาบาน บ้างซ้ำวิจารณ์ว่าเป็น "หมาหมู่" รุมรบลิโป้
คนไทยโบราณ นิยมการชนไก่ ชนวัว กัดปลากัด ซึ่งทั้งไก่ วัว และปลากัดที่นำมาต่อสู้กันนั้น ล้วนต้องใช้สัตว์ตัวผู้ เพราะหากนำสัตว์ตัวเมียมาสู้กัน มันจะอยู่เฉย ไม่เข้าตีกัน ใช้การไม่ได้ นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า "หน้าตัวเมีย"
หากจะเปรียบว่า สามพี่น้อง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย คือหมาหมู่ แล้วบรรดาแม่ทัพนายกอง คนใหญ่คนโตที่อยู่เฉย ไม่เข้าตีกัน ใช้การไม่ได้ มาร่วมทัพโดยเปล่าประโยชน์นั้น สมควรจะเปรียบว่าอะไร
ถ้าไม่ใช่ หน้าตัว .... !?
กรุณาแสดงความคิดเห็น