เรื่องขงเบ้งลวงเอาลูกเกาทัณฑ์ เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้จริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล มโนสาเร่
เพราะเหตุการณ์นี้ถึงพร้อมด้วยปัจจัยทั้ง 3 คือ เวลา สถานที่ และกำลัง
ในเรื่องสามก๊กตอนขงเบ้งลวงเอาลูกเกาทัณฑ์จากโจโฉ เป็นตอนหนึ่งที่มีการถกเถียงกันมากว่า ไม่มีจริง และหรือถ้ามีจริง ทำไมทหารของโจโฉจึงไม่ใช้ลูกเกาทัณฑ์ติดไฟ กองเรือของขงเบ้งจะได้ถูกไฟครอกตายหมด"เรื่องขงเบ้งลวงเอาลูกเกาทัณฑ์จากโจโฉเป็นเรื่องที่ทำได้จริง"
เรื่องนี้จึงทำให้ผมต้องออกมาค้นคว้าอีกครั้ง แต่คงต้องตัดประเด็น “ไม่มีจริง” ออกไปก่อนเพราะไม่มีปัญญาย้อนเวลาหาอดีต แต่เรื่องทำไมโจโฉไม่ใช้ลูกเกาทัณฑ์ไฟ และปัจจัยที่ทำให้ขงเบ้งยืมลูกเกาทัณฑ์ได้จริงนั้น ผมพอจะหาเหตุหาผลมาอธิบายได้อยู่บ้าง
สถานการณ์
ขงเบ้งยืมเกาทัณฑ์จากภาพยนตร์เรื่อง สามก๊กโจโฉแตกทัพเรือ |
“แล้วขงเบ้งก็ถอยเรือรบนั้นมา จึงให้มัดฟางแลหญ้าผูกเรียงไว้สองข้างแคมเรือรบ แล้วเอาผ้าดำนั้นคลุมมัดหญ้าแลฟางทั้งยี่สิบลำ ครั้นจัดแจงสำเร็จแล้วให้เอาพวนใหญ่ผูกโยงเรือนั้นทุกลำรีบแจวขึ้นไปถึงกอง ทัพโจโฉเวลาประมาณสามยามเศษ
ขณะนั้นเปนเดือนสิบสองข้างแรมหมอกลงหนัก ขงเบ้งจึงให้ทหารทั้งปวงตีฆ้องกลองโห่ร้องอื้ออึงขึ้น โลซกเห็นดังนั้นก็ตกใจตัวสั่นดุจดังว่านั่งอยู่ในกองเพลิงด้วยมิได้รู้ เหตุผล จึงถามขงเบ้งว่า ทหารเรามาน้อยแต่เพียงนี้ แม้โจโฉยกทัพเรือมารบพุ่งท่านจะคิดอ่านต้านทานประการใด ขงเบ้งหัวเราะแล้วบอกเปนนัยว่า หมอกลงหนักอยู่ที่ไหนโจโฉจะอาจยกทัพเรือออกมา ท่านกับเราตั้งหน้าเสพย์สุราเล่นให้สบายใจกว่าจะสว่างขึ้น เราจึงจะถอยเรือล่องกลับลงไป
ฝ่ายโจโฉได้ยินเสียงฆ้องกลองอื้ออึงดังนั้น ก็รู้ว่าทหารจิวยี่มาทำการ ครั้นจะให้เรือรบออกรบพุ่งหมอกก็ลงหนักไม่เห็นกันถนัด แลเกรงอยู่ว่าจิวยี่จะให้ทหารมาซุ่มไว้คอยรบกระหนาบ จึงสั่งอิกิ๋มมอกายให้เอาเรือรบทอดตั้งมั่นไว้ ให้แต่ทหารทั้งปวงระดมยิงเกาทัณฑ์ไป แล้วให้เตียวเลี้ยวซิหลงคุมทหารเปนอันมากลงไประดมยิงทหารจิวยี่ตามริมชายทเล แลนายทหารบกแลเรือทั้งสองกองเห็นแต่เรือเรียงกันตะคุ่มอยู่มิได้เห็นทหารว่า มากแลน้อย ก็ให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ระดมไปเอาเรือรบนั้นดังห่าฝน ขงเบ้งให้ทหารทั้งปวงแอบมัดฟางแลหญ้าเปนหุ่นชูขึ้นไว้ ครั้นเห็นลูกเกาทัณฑ์ติดมัดฟางแลหญ้ามากแล้วก็ให้หยุดฆ้องกลองเสีย ให้กลับเรือรบแคมหนึ่งเข้ารับลูกเกาทัณฑ์อีก ให้ตีฆ้องกลองอื้ออึง เห็นลูกเกาทัณฑ์ติดมากแล้วพอสว่างขึ้น
ขงเบ้งจึงแกล้งร้องเย้ยว่า ขอบใจมหาอุปราชให้ลูกเกาทัณฑ์แก่เราเปนอันมาก แลลูกเกาทัณฑ์นี้ก็จะกลับมารบสนองคุณท่าน แล้วก็รีบแจวล่องกลับลงไป ฝ่ายทหารโจโฉเห็นเรือรบทหารจิวยี่กลับไปดังนั้นก็เอาเนื้อความไปบอกแก่โจโฉ ทุกประการ โจโฉจึงให้ทหารลงเรือเร็วรีบตามไปทางประมาณสองร้อยเส้นก็ไม่ทัน”
เราจะนำเนื้อความข้างต้นนี้มาวิเคราห์กัน โดยแบ่งตามปัจจัยต่าง ๆ 3 ประการดังนี้
1. เวลา
ขงเบ้งออกเรือหลังเที่ยงคืน ในคืนเดือนสิบสองข้างแรม แสดงว่ามืดสนิท |
เนื้อความตามบทบรรยายในวรรณกรรม ทำให้เราทราบว่า ขงเบ้งออกเรือมาถึงกองทัพโจโฉในเวลาประมาณ "สามยามเศษ" คิดเป็นเวลาแบบไทย นั่นก็คือในช่วงเวลา "24.00 - 03.00 น." ระหว่างเที่ยงคืนถึงตีสาม
คืนนั้นเป็นคืน "เดือนสิบสองข้างแรม" เป็นคืนเดือนมืด มองพระจันทร์ยังแทบไม่เห็น ท้องฟ้าจึงมืดสนิท ขงเบ้งเลือกออกเรือในเวลาและจังหวะที่เหมาะสมที่สุด ทหารของโจโฉไม่มีที่จะทางสังเกตุเห็นได้เลย
2. สถานที่
หมอกเมืองจีนในเวลากลางวันยังขนาดนี้ กลางคืนเดือนมืดคงไม่ต้องพูดถึง |
สถานที่เกิดเหตุนั้นเป็นที่ ๆ “หมอกลงหนัก” หมอกจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจทำให้ใช้ลูกเกาทัณฑ์ไฟ เพราะหมอกในประเทศจีน ไม่ใช่หมอกธรรมดา ๆ ซึ่งคนทางภาคเหนือของประเทศไทยเรา น่าจะพอรู้บ้างว่าเวลาที่หมอกลงหนักมันเป็นอย่างไร
เวลาหมอกลงหนัก แค่มองไปข้างหน้าสัก 3 เมตรก็แทบจะมองไม่เห็นแล้ว หรือถ้าลองเอามือโบกไปมาในอากาศ มือก็จะเปียก ใครขับรถมอเตอร์ไซด์ฝ่าหมอกแบบนี้ตัวจะชุ่มเหมือนเปียกฝน เพราะความชื้นในอากาศที่ทำให้เกิดหมอกได้นั้น จะมีความชื้นสัมพัทธ์เท่ากับ 95 – 100 % เลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อรวมกับความเย็นเยือกยามค่ำคืนริมฝั่งน้ำ โอกาสที่จะใช้เกาทัณฑ์ไฟจึงมีน้อยมาก
เมื่อถ่ายภาพพร้อมกับแฟลช จะเห็นหยดน้ำในอากาศชัดเจน |
3. กองกำลัง
ภาพวาดเรือของขงเบ้งตามจินตนาการ |
กองเรือของขงเบ้งมากันยี่สิบลำ เป็นกองเรือสีดำตะคุ่มเพราะขงเบ้งให้เอาผ้าดำคลุมหุ่นฟางไว้ พร้อมกับตีฆ้องกลองโห่ร้องอื้ออึง ทำให้ฟังดูเหมือนมีมาก ขงเบ้งเป็นฝ่ายรุกและริเริ่มอุบาย จึงมีความพร้อมต่อสถานการณ์นี้อย่างเต็มเปี่ยม
ทหารของโจโฉยิงเกาทัณฑ์ตอบโต้อย่างเร่งรีบ |
ส่วนกองเรือโจโฉประจำการอยู่ชายฝั่ง มองไม่เห็นว่าเรือที่มาเป็นเรืออะไร จำนวนเท่าไร เกรงว่าจะเป็นอุบายจึงไม่กล้าออกเรือ อีกทั้งหากปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป เรือจะประชิดบุกมาถึงฝั่งได้ ทหารโจโฉจึงต้องรีบฉกฉวย คว้าเกาทัณฑ์ยิงสวนไปก่อนโดยไม่มีเวลาเตรียมไฟและหัวเกาทัณฑ์เพลิง
ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
ภาพนี้มีความหมาย เพราะคนวาด ๆ รูปเกาทัณฑ์เป็นสัญลักษณ์เงินเหรินหมินปี้ หรือ หยวน (¥) ของจีน |
เรื่องการยืมเกาทัณฑ์ของขงเบ้งจึงถึงพร้อมในปัจจัยทั้งสาม คือ เวลา สถานที่ และกำลัง ทุกสิ่งล้วนเป็นใจแก่ขงเบ้ง จึงสรุปได้ว่า เรื่องขงเบ้งลวงเอาลูกเกาทัณฑ์ เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้จริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล มโนสาเร่
หลังเหตุการณ์นั้น... ขงเบ้งได้เฉลยว่าเขาได้ทำนายเหตุการณ์และพยากรณ์อากาศเอาไว้แต่แรกแล้ว ตามที่ได้กล่าวแก่โลซกว่า
“อันธรรมดาเปนชายชาติทหาร ถ้าไม่รู้คเนการฤกษ์บนแลฤกษ์ตํ่า ก็มิได้เรียกว่ามีสติปัญญา ซึ่งเราจะมาทำการทั้งนี้เพราะรู้ว่าวันนี้หมอกจะลงหนัก เราจึงอาจให้ทัณฑ์บนจิวยี่ไว้”
ซึ่งเราจะมาทำการทั้งนี้เพราะรู้ว่าวันนี้หมอกจะลงหนัก |
ภาพล้อเลียนเหตุการณ์ สมมุติว่าโจโฉใช้ลูกเกาทัณฑ์ไฟ |
ลำพัง อ่านสามก๊กสามจบ... คงจะไม่พอเพราะต้องหาความรู้รอบตัวมาอ่านเสริมด้วย ... ยิ่งอ่านก็จะยิ่งสนุกและชื่นชอบเพราะ 'ล่อกวนตง' คนแต่งเรื่องสามก๊ก เขาแต่งได้ดีสมเหตุและสมผล
ทั้งนี้ หากเพื่อนนักอ่านท่านใดมีความเห็นต่าง และยังคิดว่าเรื่องทำนองนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง ขอเชิญแสดงความคิดเห็นของท่าน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์กันครับ
กรุณาแสดงความคิดเห็น