Loading ...

$show=home

จุดเริ่มต้นของการศึกษาสามก๊ก

แหล่งศึกษาเรียนรู้ ทุกเรื่องราวของวรรณกรรมเพชรน้ำเอกของโลก

สามก๊กวิทยา : THREE KINGDOMS ACADEMY

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่อาณาจักร
"สามก๊กวิทยา"
THREE KINGDOMS ACADEMY

สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 8

สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 8
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 8
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 8

เนื้อหา

  • ลิฉุย กุยกีแก้แค้นแทนตั๋งโต๊ะ 
  • พวกลิฉุย กุยกีได้มีอำนาจในเมืองหลวง 
  • ม้าเท้งกับหันซุยอาสาปราบลิฉุย กุยกี
  • โจโฉได้เป็นเจ้าเมืองกุนจิ๋ว 


ฝ่าย ลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียวทหารตั๋งโต๊ะที่หนีไปอยู่เมืองเซียงไสจึงปรึกษา กันแต่งหนังสือให้คนถือไปถึงอ้องอุ้นว่า ซึ่งได้เปนพวกตั๋งโต๊ะนั้นด้วยความจำเปน โทษข้าพเจ้าทั้งสี่ซึ่งได้ทำผิดนั้นขออภัยเถิด บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอทำราชการด้วยท่านสืบไป

ฝ่ายอ้องอุ้นเห็นหนังสือดังนั้นจึงว่า ซึ่งตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าก็เพราะลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียว ถ้ารับสั่งให้ยกโทษคนทั้งปวงเสียเราก็จะยอม แต่ลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียวนั้นจะขอเอาตัวมาฆ่าเสียให้ได้ แลผู้ถือหนังสือจึงเอาเนื้อความไปบอกแก่ลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียวตามคำอ้อ งอุ้นว่า ลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียวจึงปรึกษากันว่า ซึ่งจะเข้าเกลี้ยกล่อมอ้องอุ้นก็มิยอม แลเราทั้งปวงต่างคนต่างเอาตัวรอดเถิด

ฝ่ายกาเซี่ยงที่ปรึกษาจึงว่า ซึ่งจะคิดหนีนั้นเห็นไม่พ้น ขอให้เกลี้ยกล่อมชาวเมืองเซียงไสได้แล้วประจบกับกองทัพเรายกไปทำการตีเอา เมืองเตียงฮัน ถ้าได้เมืองแล้วจึงจะให้ฆ่าอ้องอุ้นเสีย แลท่านทั้งสี่คนนี้จึงจะได้ทำราชการในเมืองหลวงสืบไป แม้ไม่สมคิดจึงพากันหนี ลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียวเห็นชอบด้วย จึงแต่งทหารซึ่งมีสติปัญญาไปเจรจากับชาวเมืองเซียงไสว่า บัดนี้อ้องอุ้นได้เปนใหญ่แล้ว จะยกทหารมาฆ่าชาวเมืองเซียงไสซึ่งหาความผิดมิได้เสียให้สิ้น แล้วลิฉุยให้ตั้งเกลี้ยกล่อมอยู่นอกเมือง จึงให้ทหารเที่ยวร้องป่าวชาวเมืองเซียงไสว่า ถ้าผู้ใดรักชีวิตกลัวอ้องอุ้นจะฆ่าเสีย ก็ให้มาเข้าด้วยเรา จึงจะรอดจากความตาย

ฝ่ายชาวเมืองเซียงไส ครั้นแจ้งดังนั้นก็ตกใจกลัวความตาย จึงชวนกันมาเข้าเกลี้ยกล่อมด้วยลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียว ประมาณสิบห้าหมื่น ลิฉุยจึงแบ่งทหารให้กุยกีเตียวเจหวนเตียวยกไปสี่กอง ครั้นไปถึงกลางทางพบงิวฮูบุตรเขยตั๋งโต๊ะ คุมทหารห้าพันจะไปแก้แค้นอ้องอุ้น นายทัพทั้งสี่กองจึงให้งิวฮูเปนทัพหน้า แล้วยกไปใกล้จะถึงเมืองเตียงฮัน

ฝ่ายอ้องอุ้นครั้นรู้ข่าวดังนั้นจึงปรึกษากับลิโป้ว่า ซึ่งลิฉุยกุยกียกมาดังนี้เราจะคิดประการใด ลิโป้จึงตอบว่าลิฉุยกุยกียกมานี้ท่านอย่าวิตกเลยไว้เปนธุระข้าพเจ้า แล้วให้ลิซกคุมทหารออกไปรบ ลิซกนั้นยกออกมาพบทัพงิวฮูได้รบพุ่งกันเปนสามารถ งิวฮูเห็นจะต้านทานมิได้ก็พาทหารถอยมา แลลิซกนั้นมีใจกำเริบ จึงให้ทหารตั้งเปนชุมนุมอยู่ มิได้ตรวจตราป้องกันโดยกระบวรทัพ แลงิวฮูเห็นลิซกประมาท ครั้นเวลากลางคืนประมาณสองยาม งิวฮูก็ยกทหารเข้าโจมตีปล้นเอาทัพลิซก ฆ่าทหารเสียเปนอันมาก ลิซกนั้นหนีได้จึงเอาเนื้อความซึ่งได้รบพุ่งนั้นเข้าไปบอกแก่ลิโป้ ๆ รู้ดังนั้นก็มีใจโกรธ จึงให้เอาตัวลิซกไปตัดสีสะเสีย แล้วเสียบไว้ณประตูเมือง

ครั้นเวลารุ่งเช้าลิโป้จึงยกทหารออกไปต่อรบงิวฮู ๆ แตกหนีไป แล้วงิวฮูจึงปรึกษากับเอาซกยีว่า ลิโป้นั้นมีกำลังนักเห็นเราจะสู้ลิโป้มิได้ จำจะคิดอ่านหนีไป เอาซกยีเห็นชอบด้วย ครั้นเวลากลางคืนงิวฮูจึงจัดเอาทรัพย์สิ่งสินที่ดีของตัว แล้วพาเอาซกยีกับพรรคพวกซึ่งสนิธสี่คนห้าคนหนีไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง แลเอาซกยีคิดเอาใจออกหากฆ่างิวฮูเสีย แล้วเอาทรัพย์สิ่งของๆ งิวฮู พาเอาคนสี่ห้าคนกับสีสะงิวฮูไปให้ลิโป้ ณ เมืองเตียงฮัน ลิโป้ครั้นแจ้งดังนั้นคิดสงสัยเอาซกยี จึงลอบถามคนสี่ห้าคนซึ่งมาด้วยว่า เกิดเหตุขัดเคืองกันเปนประการใด เอาซกยีจึงฆ่างิวฮูเสียแล้วตัดเอาสีสะมาให้เรา คนทั้งนั้นจึงบอกความแต่หลังให้ฟัง

ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า เอาซกยีนั้นเปนคนโลภหาความสัตย์มิได้ จะเลี้ยงไว้นั้นไม่ควร จึงสั่งให้ทหารเอาเอาซกยีไปฆ่าเสีย แล้วลิโป้จัดแจงทหารยกกองทัพไป พบลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียว ก็ขับม้าแลพาทหารเข้าไล่โจมตี ทหารลิฉุยกุยกีไม่ทันเตรียมตัวก็แตกพ่ายไปทางประมาณห้าร้อยเส้น ถึงเขาแห่งหนึ่งจึงให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ ลิฉุยจึงปรึกษากุยกีเตียวเจหวนเตียวว่า ลิโป้นั้นมีฝีมือรบพุ่งกล้าหาญแต่หาปัญญาความคิดมิได้ เราจะคิดอุบายให้กุยกีคุมทหารไปคอยสกัดทางซึ่งจะเข้าไปเมือง ตัวเราจะคุมทหารรบล่อ ถ้าได้ยินเสียงม้าฬ่อก็ให้ขับทหารเข้ารบ ถ้าได้ยินเสียงกลองก็ให้ทำเปนถอยทหารมา แลเตียวเจหวนเตียวนั้นให้คุมทหารแยกกันเข้ารบเมืองเตียงฮันเปนสองด้าน เห็นลิโป้จะรบป้องกันหน้าหลังมิทัน จะเสียทีแก่เราเปนมั่นคง กุยกีเตียวเจหวนเตียวเห็นชอบด้วยก็คุมทหารยกไปทำตามคำลิฉุยว่า

ฝ่ายลิโป้ก็ยกตามมาถึงท้ายเขา พบกองทัพลิฉุยได้รับกันเปนสามารถ ลิฉุยจึงให้ตีกลอง แล้วถอยทหารขึ้นบนเนินเขา ลิโป้ก็ตามรบขึ้นไป ครั้นเห็นทหารลิฉุยยิงเกาทัณฑ์ทิ้งก้อนศิลาลงมาดังห่าฝน ลิโป้ก็ให้ถอยทหารลงมา

ฝ่ายกุยกีแลเห็นดังนั้นก็ให้ตีม้าฬ่อ ยกทหารเข้าไป ลิโป้ก็ให้กลับหน้ามารบ ฝ่ายกุยกีก็ให้ตีกลองแล้วถอยทหารมา ลิฉุยก็ยกทหารลงมาจากเนินเขาเข้ารบด้วยลิโป้แล้วถอยมา กุยกีรบกระหนาบเข้ามา แต่ลิฉุยกุยกีรบยั่วลิโป้อยู่ถึงสามวันสามคืน แลลิโป้นั้นอยู่ในระหว่างทัพกระหนาบ มิรู้ที่จะป้องกันรบพุ่งข้างไหน จะถอยไปก็มิได้ พอม้าใช้เล็ดลอดมาบอกแก่ลิโป้ว่า บัดนี้กองทัพเตียวเจหวนเตียวยกเข้ารบเมืองเตียงฮันอยู่เปนสามารถ เห็นข้าศึกได้ทีจวนจะได้เมืองอยู่แล้ว ลิโป้ครั้นแจ้งดังนั้นคิดจะเข้าไปช่วยเมืองเตียงฮัน จึงคุมทหารรบฝ่าหักออกไป แล้วลิฉุยกุยกีนั้นตามรบลิโป้มา ลิโป้มิได้เปนกังวลรบทัพข้างหลัง ตั้งหน้ารีบจะไปช่วยเมืองเตียงฮันไว้ให้รอด ลิโป้นั้นเสียทหารเปนอันมาก ครั้นมาใกล้เมืองเห็นทหารเตียวเจหวนเตียวล้อมเมืองไว้ แลทหารลิโป้นั้นกลัวความตาย ก็ไปเข้าด้วยเตียวเจหวนเตียวเปนอันมาก ลิโป้เห็นดังนั้นก็เสียใจ จึงพาทหารซึ่งเหลืออยู่นั้น รวนเรไปมาอยู่ถึงสองวันสามวัน

ฝ่ายลิบ้องอ่องหองสองคนนี้ เปนขุนนางอยู่ในเมืองเตียงฮันเปนพรรคพวกตั๋งโต๊ะ จึงคิดกันเปนไส้ศึกคุมทหารของตัวลอบเปิดประตูทั้งสี่ด้านออกรับกองทัพ ลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียวเข้าไปได้ในเมือง แลลิโป้นั้นก็หักเข้าไปในเมืองรบพุ่งฆ่าฟันทหารลิฉุยกุยกีเสียเปนอันมาก แลลิโป้นั้นเหลือกำลัง จึงพาทหารประมาณร้อยเศษรบหักออกไปจากประตูวัง พอพบอ้องอุ้นเข้าลิโป้จึงว่า ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ซึ่งจะอยู่ต่านทานนั้นเห็นเหลือกำลัง ขอท่านเร่งขึ้นม้าหนีเอาตัวรอดไว้ก่อนจึงจะได้คิดการต่อไป

อ้องอุ้นจึงตอบว่าเดิมเรากับท่านคิดกัน จะทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเปนสุขก็สมคิดแล้ว บัดนี้เกิดเหตุขึ้นเพราะพวกตั๋งโต๊ะ แลเราจะหนีเอาตัวรอดนั้นไม่ควร ถึงจะตายก็เอาความชอบไว้ภายหน้า ท่านจะไปก็ไปเถิด แต่ช่วยเอาเนื้อความทั้งนี้ไปแจ้งแก่หัวเมืองทั้งปวงว่าเราคำนับไปด้วย บัดนี้เกิดเหตุขึ้นในเมืองหลวง ให้หัวเมืองทั้งปวงตั้งใจทำนุบำรุงแผ่นดินยกกองทัพเข้ามาช่วยกำจัดศัตรูราช สมบัติเสีย ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็พูดจาชักชวนเปนหลายครั้งอ้องอุ้นก็มิไป พอเห็นแสงเพลิงซึ่งข้าศึกจุดเผาขึ้นนั้นเปนหลายตำบล ลิโป้ก็ทิ้งครอบครัวเสีย ขึ้นม้าพาทหารร้อยเศษหนีออกจากเมือง ไปหาอ้วนสุด ณ เมืองลำหยง อ้องอุ้นนั้นเข้าไปในวัง

ฝ่ายลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียว ซึ่งหักเข้าไปในเมืองนั้นก็ฆ่าฟันขุนนางแลทหารเสียเปนอันมาก แล้วยกเข้าถึงในพระราชวัง ขันทีทั้งปวงเห็นดังนั้นจึงเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้กับอ้องอุ้นขึ้นไปบน พระตำหนักหอสูง ลิฉุยกุยกีกับทหารทั้งปวงก็ถวายบังคมพระเจ้าเหี้ยนเต้ ๆ จึงตรัสถามลิฉุยกุยกีว่า ซึ่งตัวบังอาจทำการเข้ามาในพระราชวังจะประสงค์สิ่งใด ลิฉุยกุยกีจึงทูลว่า ข้าพเจ้าทำการทั้งนี้จะได้คิดขบถต่อพระองค์หามิได้ เดิมตั๋งโต๊ะเปนมหาอุปราชได้ทำนุบำรุงแผ่นดิน แลอ้องอุ้นคบคิดกับลิโป้ฆ่ามหาอุปราชเสีย ข้าพเจ้าจึงเข้ามาหวังจะฆ่าอ้องอุ้นเสียให้หายแค้น ถ้าพระองค์ทรงพระเมตตาส่งตัวอ้องอุ้นให้ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะพาทหารออกไป อ้องอุ้นได้ยินลิฉุยกุยกีว่าดังนั้นก็ทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า ข้าพเจ้ามีสัตย์สุจริตต่อแผ่นดิน จึงฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย บัดนี้ลิฉุยกุยกีจะเอาตัวข้าพเจ้า ครั้นข้าพเจ้าจะรักชีวิตบิดพลิ้วอยู่ก็จะเกิดอันตรายในพระราชฐานมากไป ข้าพเจ้าจะขอเอาชีวิตไปให้ลิฉุยกุยกีฆ่าเสียสนองพระคุณพระองค์ ว่าแล้วอ้องอุ้นก็โจนลงไปในช่องแกลพระตำหนักร้องว่า ตัวกูอยู่นี่มึงจะทำประการใดก็มาเถิด ลิฉุยกุยกีได้ยินดังนั้นจึงถามอ้องอุ้นว่า มหาอุปราชมีความผิดสิ่งใดตัวจึงคบคิดกับลิโป้ฆ่าเสีย อ้องอุ้นจึงตอบว่า อ้ายตั๋งโต๊ะนั้นเปนศัตรูราชสมบัติ ทำการหยาบช้าต่อแผ่นดินเปนอันมากกูจึงฆ่าเสีย ขุนนางแลราษฎรทั้งปวงก็มีความยินดีด้วย เหตุไฉนตัวมึงจึงมีความเจ็บแค้นด้วยอ้ายขบถ ลิฉุยกุยกีจึงตอบว่า มหาอุปราชทำความผิดตัวจึงฆ่าเสีย แลเราทั้งสี่นี้ได้มีหนังสือมาอ่อนน้อมจะขอทำราชการด้วยตัวมิยอมว่าจะฆ่า เสียนั้น เรามีความผิดประการใด อ้องอุ้นจึงร้องตวาดแล้วตอบว่า ซึ่งกูมิเอามึงทั้งสี่ไว้ทำราชการด้วยนั้น เพราะมึงเปนพวกขบถกลัวแผ่นดินจะเปนอันตราย ซึ่งมึงคิดการทั้งนี้จะปราถนาสิ่งใดก็เร่งทำเถิดกูมิได้กลัวความตาย ลิฉุยกุยกีได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงเอากระบี่ฟันอ้องอุ้นถึงแก่ความตาย แล้วให้ทหารไปจับบุตรภรรยาญาติพี่น้องอ้องอุ้นมาฆ่าเสียสิ้น แลอาณาประชาราษฎรในเมืองหลวง ครั้นรู้ว่าอ้องอุ้นตายก็ชวนกันร้องไห้รัก

ลิฉุยกุยกีจึงคิดกันว่า เราทำการเข้ามาถึงเพียงนี้แล้ว จะละไว้นั้นมิได้ จำจะคิดเอาราชสมบัติฆ่าพระเจ้าเหี้ยนเต้เสียจึงจะควร เตียวเจหวนเตียวจึงห้ามว่า ซึ่งจะทำจลาจลถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นเราไม่เห็นด้วย หัวเมืองทั้งปวงแลอาณาประชาราษฎรเห็นจะไม่ยอมด้วยเรา ก็จะยกทหารเข้ามาทำการรบพุ่งเปนการใหญ่เราจะได้ความขัดสน ขอให้ชวนกันเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ทูลขอทำราชการในเมืองหลวง แล้วจึงค่อยคิดอ่านแอบรับสั่งให้หาหัวเมืองเข้ามาจับฆ่าเสียให้สิ้น ราชสมบัตินั้นจะได้แก่เราโดยง่าย ลิฉุย กุยกี เห็นชอบด้วย จึงพาเตียวเจหวนเตียวเข้าไปถวายบังคม

พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสถามลิฉุยกุยกีว่า เดิมตัวบอกว่าจะขอเอาตัวอ้องอุ้นแล้วจะยกทหารกลับออกไป บัดนี้ตัวฆ่าอ้องอุ้นเสียแล้วแลยังมิยกกลับไป เองยังอยู่จะประสงค์สิ่งใด ลิฉุยกุยกีจึงทูลว่าแต่ก่อนนั้นข้าพเจ้าได้ทำราชการมีความชอบต่อแผ่นดิน มากอยู่ หาผู้ใดพิททูลพระองค์มิได้ พระองค์จึงมิได้ปูนบำเหน็จข้าพเจ้าให้เปนที่ขุนนาง บัดนี้ข้าพเจ้าสี่คนจะขอทำราชการเปนที่ขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ถ้าพระองค์โปรดให้ตามปราถนา ข้าพเจ้าจึงจะยกทหารออกไปจากพระราชวัง พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสว่า แลตัวทั้งสี่จะพอใจเปนที่ขุนนางตำแหน่งใดก็ให้ว่ามา

ลิฉุยกุยกีเตียวเจหวนเตียวปรึกษากันแล้ว จึงเขียนหนังสือถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ๆ ทอดพระเนตรเห็นหนังสือนั้นว่า ลิฉุยเปนที่กีจงกุ๋น ภาษาไทยว่าเปนนายทหารใหญ่กองใน แล้วเปนผู้สำเร็จราชการด้วย กุยกีนั้นเปนที่ฮอจงกุ๋น ภาษาไทยว่าเปนนายทหารกองหลัง แล้วว่าที่จางวางขุนนางทั้งปวงด้วย เตียวเจแลหวนเตียวนั้นเปนนายทหารซ้ายขวา พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ประทานให้ แลลิฉุย กุยกีครั้นได้รับสั่งแล้วจึงออกมาตั้งอยู่นอกวัง จึงปรึกษากันว่า เมืองฮองหลงนั้นเปนเมืองหน้าด่านจะไว้ใจแก่ข้าศึกมิได้ จึงให้เตียวเจหวนเตียวคุมทหารไปรักษาอยู่ แลลิบ้องอ่องหองซึ่งเปิดประตูรับนั้น เลื่อนที่ขึ้นเปนขุนนาง แลทหารซึ่งมีสติปัญญาก็ตั้งขึ้นเปนขุนนางด้วย แล้วให้ทหารไปสืบเสาะเก็บเอากระดูกตั๋งโต๊ะมาให้แต่งการศพอย่างที่มหาอุปราช แล้วให้แห่ออกไปจะฝังศพไว้ตามธรรมเนียม ในขณะทำการเมื่อจะฝังศพนั้น พอเกิดลมพายุพัดหนักฝนตกห่าใหญ่น้ำท่วมแผ่นดินลึกประมาณสองศอก อัสนีผ่าถูกศพ กระดูกนั้นกระจายไป ครั้นฝนสงบลง ลิฉุยจึงให้เก็บเอากระดูกมาผสมกันเข้า แล้วจะให้ฝังเวลากลางคืนนั้น ซ้ำเกิดพายุฝนตกฟ้าผ่าถูกกระดูกนั้นกระจายไป ลิฉุยจึงให้เก็บเอากระดูกนั้นมาผสมกันเข้าอีกเปนหลายครั้ง ฝนก็ตกฟ้าคนองผ่าลงทุกครั้ง จนกระดูกนั้นสาบสูญไปสิ้นมิได้ฝัง ซึ่งเกิดเหตุทั้งนี้เพราะตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าต่อแผ่นดิน แลลิฉุย กุยกี ก็กลับเข้าไปเมืองหลวง ทำการกำเริบหยาบช้าต่างๆ อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน แลลิฉุยกุยกีเอาเงินทองไปถึงใจแก่ขันทีซึ่งรักษาพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้วสั่ง ว่า ถ้าได้ยินพระเจ้าเหี้ยนเต้ตรัสดีแลร้ายประการใด ก็ให้เอาเนื้อความมาบอก

ขณะนั้นพระเจ้าเหี้ยนเต้ยังทรงพระเยาว์อยู่ จะตรัสตราสินราชการเมืองก็ผันแปรฟั่นเฟือนไป ราชการแลขุนนางในเมืองหลวงนั้นก็เปนสิทธิ์อยู่ในบังคับบัญชาลิฉุยกุยกีสิ้น ลิฉุยกุยกีจึงให้หาจูฮีซึ่งเปนขุนนางนอกราชการนั้น มาตั้งเปนขุนนางผู้ใหญ่ที่ปรึกษาราชการ

ฝ่ายม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียง กับหันซุยเจ้าเมืองเป๊งจิ๋วปรึกษากันว่า บัดนี้ลิฉุยกุยกีได้เปนขุนนางผู้ใหญ่ ทำการหยาบช้าเหมือนครั้งตั๋งโต๊ะ จำเราจะคิดอ่านกำจัดเสีย บ้านเมืองทั้งปวงจึงจะเปนสุข จึงแต่งหนังสือเข้าไปถึงม้าฮูหนึ่ง ตงเซียวหนึ่ง เลาเฉียหนึ่ง สามคนนี้เปนขุนนางข้าหลวงเดิมของพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า ลิฉุยกุยกีทำการหยาบช้าทุกวันนี้แผ่นดินได้ความเดือนร้อนเหมือนครั้งตั๋ง โต๊ะ แลเนื้อความทั้งนี้จงกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ทราบ เราจะยกกองทัพเข้าไปล้างลิฉุยกุยกีเสีย ท่านทั้งสามจงคิดกระทำข้างในเมือง

ม้าฮูตงเซียวเลาเฉีย ครั้นรู้ในหนังสือนั้นแล้ว จึงกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ๆ ก็มีพระทัยยินดี จึงทรงพระอักษรเปนใจความว่า ซึ่งม้าเท้งกับหันซุยคิดทั้งนี้เราขอบใจนัก ถ้าสำเร็จราชการแล้วเราจะตั้งให้เปนขุนนางผู้ใหญ่ แล้วส่งให้ทหารม้าเท้งหันซุยถือกลับมา

ม้าเท้งหันซุยเห็นลายพระหัตถ์ก็มีความยินดีนัก จึงจัดแจงทหารสองหัวเมืองได้ประมาณสิบเอ็ดสิบสองหมื่น ยกไปถึงกลางทาง แล้วให้ทหารร้องประกาศแก่ชาวเมืองว่า ซึ่งยกมานี้จะทำการกำจัดศัตรูราชสมบัติเสีย

ฝ่ายม้าใช้แจ้งดังนั้นก็เอาเนื้อความเข้าไปแจ้งแก่ลิฉุยกุยกี ๆ จึงให้หาเตียวเจหวนเตียวมาปรึกษาว่า ม้าเท้งหันซุยยกมานี้ใครยังจะคิดประการใด กาเซี่ยงที่ปรึกษาจึงว่า ม้าเท้ง หันซุยยกมานั้นเปนทางไกลกันดาร เราจะรักษาหน้าที่ไว้ให้ยกเข้าล้อมถึงเชิงกำแพง ถ้าเห็นว่าขาดสเบียงลงแล้ว จึงให้ยกทหารออกโจมตีก็จะจับม้าเท้งกับหันซุยได้โดยง่าย

ลิบ้องอ่องหองจึงว่า ซึ่งกาเซี่ยงว่านั้นข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าพเจ้าจะขอทหารหมื่นหนึ่ง จะยกออกไปตัดเอาสีสะม้าเท้งหันซุยมาให้ท่าน กาเซี่ยงจึงตอบว่า ลิบ้องอ่องหองจะยกไปนั้นเห็นจะเสียทีเปนมั่นคง ลิบ้องอ่องหองจึงตอบว่า ถ้าเราสองคนออกไปไม่ได้สีสะม้าเท้งกับหันซุยเข้ามา ท่านจงตัดสีสะเรานี้แทนเถิด ถ้าได้สีสะนายทัพทั้งสองนั้นเข้ามา ท่านจงตัดสีสะท่านให้แก่เราด้วย กาเซี่ยงจึงว่าแก่ลิฉุยกุยกีว่า ลิบ้องอ่องหองจะอาสาออกไปรบก็ตามเถิด แต่เขาเจียวจิดนั้นทางไกลเมืองหลวงประมาณสองพันเส้น อยู่ฝ่ายตวันตกมีทางจำเพาะเดิรตามซอกเขา ขอให้เตียวเจหวนเตียวคุมทหารไปซุ่มอยู่ตำบลนั้นให้จงมาก ภายหลังถ้าลิบ้องอ่องหองเสียทีมาประการใดก็จะได้ช่วย

ลิฉุยกุยกีจึงตอบว่า ซึ่งจะให้เตียวเจหวนเตียวยกออกไปตั้งอยู่ ณ ซอกเขานั้นเราไม่เห็นด้วย แล้วลิฉุยกุยกีจึงเกณฑ์ทหารหมื่นห้าพันให้ลิบ้องอ่องหองยกออกไปทางประมาณสอง พันเส้น พบกองทัพม้าเท้งหันซุยก็ตั้งประชิดกันอยู่ ครั้นเวลารุ่งเช้านายทัพทั้งสองฝ่ายยกทหารออกตั้งอยู่นอกค่าย ม้าเท้ง หันซุย จึงร้องว่า อ้าย ลิบ้อง อ่องหองเปนศัตรูราชสมบัติผู้ใดจะอาสาไปจับมาให้เราได้

ม้าเฉียวผู้บุตรม้าเท้งอายุสิบแปดปี หน้าดังสีหยกกิริยาว่องไวรับอาสา แล้วถือทวนขับม้าฝ่าทหารขึ้นไป อ่องหองเห็นม้าเฉียวยังเด็กอยู่ก็คิดประมาท ขับม้ารำง้าวออกมารบด้วยม้าเฉียวได้ห้าเพลง ม้าเฉียวเอาทวนแทงอ่องหองตกม้าตาย แล้วม้าเฉียวชักม้าจะกลับมา ลิบ้องเห็นดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้ารำง้าวไล่ตามม้าเฉียวมาข้างหลัง ม้าเฉียวชำเลืองดูแต่ทำเปนไม่เห็น ม้าเท้งเห็นลิบ้องตามมา จึงร้องบอกแก่ม้าเฉียวว่า ศัตรูตามมาจะทำร้ายข้างหลัง ให้เร่งระวังตัว ลิบ้องเห็นจวนจะทันเข้า จึงเอาง้าวฟันเอาม้าเฉียว ๆ หลบได้ จึงชักม้ากลับหลังโถมเข้าจับลิบ้องได้ เอามาให้แก่บิดา แลทหารม้าเท้งหันซุยได้ทีดังนั้น ก็ไล่ฆ่าฟันทหารลิบ้องล้มตายเปนอันมาก ม้าเท้งกับหันซุยจึงยกทหารเข้าไปตั้งค่ายอยู่ใกล้เมืองเตียงฮัน แล้วให้เอาลิบ้องไปฆ่าเสีย ตัดเอาสีสะเสียบไว้หน้าค่าย

ฝ่ายม้าใช้จึงเอาเนื้อความมาบอกแก่ลิฉุย กุยกี ๆ ครั้นแจ้งดังนั้นก็คิดว่ากาเซี่ยงว่านั้นชอบ เรามิได้ทำตามคำจึงเสียทหารไปทั้งนี้ แต่นั้นมาลิฉุยกุยกีก็นับถือเชื่อฟังกาเซี่ยง แล้วก็ให้จัดแจงค่ายคูประตูหอรบ เกณฑ์ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินพร้อมมั่นคงทุกด้าน

ฝ่ายม้าเท้งกับหันซุยก็ยกทหารถึงเชิงกำแพงเมืองได้ประมาณสองเดือน ทหารในกองทัพนั้นขาดสเบียงอดเข้าปลาอาหารอิดโรย ม้าเท้งหันซุยเห็นทหารขาดสเบียง จึงปรึกษากันจะให้ยกกองทัพถอยไป ยังมิตกลงกัน

ขณะนั้นคนใช้สนิธของม้าฮู ลอบเอาเนื้อความไปบอกแก่ลิฉุยกุยกีว่า ม้าฮูนายข้าพเจ้าคบคิดกับตงเซียวเลาเฉียรับเปนไส้ศึก ม้าเท้งจึงยกมาทำการสงคราม ลิฉุยกุยกีครั้นแจ้งดังนั้นก็โกรธ จึงให้ทหารไปจับตัว ม้าฮูหนึ่ง ตงเซียวหนึ่ง เลาเฉียหนึ่ง กับบุตรภรรยาญาติพี่น้องมาฆ่าเสียสิ้น แล้วก็ตัดสีสะตัวนายทั้งสามคนเสียบประจานไว้บนหน้าที่เชิงเทินให้ข้าศึกเห็น ม้าเท้งหันซุยเห็นดังนั้นจึงปรึกษากันว่า ไส้ศึกในเมืองก็เปนเหตุแล้ว ฝ่ายทหารในกองทัพเราก็ขาดสเบียงลง ถ้าจะตั้งล้อมไว้ดังนี้ก็จะเสียทหารมาก ครั้นปรึกษาเห็นพร้อมกันก็เลิกทัพถอยไป ลิฉุยกุยกีเห็นดังนั้นจึงให้เตียวเจคุมทหารยกไปตามม้าเท้งกองหนึ่ง แล้วให้หวนเตียวยกทหารไปตามหันซุยกองหนึ่ง ครั้นมาถึงเขาตันฉอง หันซุยเหลียวมาเห็นหวนเตียว หันซุยจึงร้องว่า ตัวท่านกับเราเปนชาวบ้านเดียวกันมาแต่น้อย เปนไฉนท่านหามีความเมตตาไม่ จะมาทำอันตรายแก่เรา หวนเตียวจึงตอบว่า ทุกวันนี้ราชการในเมืองหลวงเปนสิทธิ์อยู่กับลิฉุยกุยกี ๆ ให้เรายกออกมาตามท่านทั้งนี้ก็เปนการใหญ่ แลเราจะเห็นแก่หน้าท่านอยู่นั้นมิได้ หันซุยจึงตอบว่า เรายกมาทำการทั้งนี้ก็เพราะหวังจะทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเปนสุข ถึงท่านจะมิคิดถึงเราก็จงคิดถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้ซึ่งครองราชสมบัตินั้นเถิด หวนเตียวได้ยินหันซุยว่าดังนั้น เปนข้อกตัญญูต่อแผ่นดินอยู่ หวนเตียวก็ให้ทหารทั้งปวงหยุดตั้งมั่นอยู่ แลหันซุยนั้นก็เร่งขับทหารทั้งปวงรีบไปถึงเมืองเป๊งจิ๋ว

ฝ่ายเตียวเจซึ่งไปตามม้าเท้งนั้น ครั้นไม่ทันแล้วก็ยกทหารกลับมาตั้งอยู่กับหวนเตียว แลลิเบียดซึ่งเปนหลายลิฉุยนั้น มาในกองทัพหวนเตียว ครั้นเห็นหวนเตียวมิได้จับหันซุย ก็เอาเนื้อความทั้งนั้นเข้าไปบอกแก่ลิฉุยผู้เปนอาว์ ลิฉุยได้ยินดังนั้นก็โกรธ จะให้ทหารออกไปจับตัวหวนเตียวมา กาเซี่ยงจึงห้ามว่าบัดนี้บ้านเมืองยังมิสงบ ซึ่งจะให้ทหารออกไปจับหวนเตียว เห็นว่าหวนเตียวจะไม่ยอมให้จับโดยง่าย ก็จะเกิดรบพุ่งกันขึ้นอีก ขอให้แต่งคนออกไปบอกแก่เตียวเจหวนเตียวโดยดีว่า ซึ่งยกไปตามม้าเท้งหันซุยไม่ทันนั้นก็แล้วไปเถิด บัดนี้เราแต่งโต๊ะเชิญขุนนางทั้งปวงมาเสพย์สุรา จึงให้เตียวเจ หวนเตียวเข้ามากินโต๊ะด้วย ถ้าเตียวเจหวนเตียวเข้ามากินโต๊ะแล้วจึงค่อยจับเอา การจึงจะไม่วุ่นวาย ลิฉุยเห็นชอบด้วย จึงให้คนออกไปหาเตียวเจหวนเตียวเข้ามากินโต๊ะ เตียวเจหวนเตียวมิได้รู้เหตุก็ยกทหารกลับเข้ามาเมืองเตียงฮัน แล้วเข้าไปกินโต๊ะด้วยลิฉุยกุยกี เมื่อเสพย์สุราอยู่นั้นลิฉุยจึงว่าแก่หวนเตียวว่า เราให้ยกทหารไปตามจับหันซุย แลตัวมิได้ทำตามคำเรา เอาน้ำใจไปแผ่เผื่อกับหันซุยนั้น ตัวจะคิดร้ายแก่เราหรือ หวนเตียวได้ยินดังนั้นก็ตกใจยังมิทันตอบประการใด บู๋ซูก็ลากเอาตัวหวนเตียวไปฆ่าเสีย แล้วตัดเอาสีสะหวนเตียวมาให้ลิฉุยดู เตียวเจเห็นดังนั้นยังมิได้รู้เหตุประการใดก็ตกใจหมอบลงกับริมโต๊ะ ลิฉุยเข้าประคองเตียวเจขึ้นแล้วจึงว่า หวนเตียวนั้นเอาใจออกหากเราคิดกับหันซุยจะทำร้ายเรา ท่านหาความผิดมิได้อย่าตกใจกลัว แล้วยกเอาทหารซึ่งหวนเตียวคุมนั้นให้แก่เตียวเจ ให้เตียวเจยกออกไปรักษาเมืองฮองหลงอยู่ดังแต่ก่อน

ขณะนั้นขุนนางทั้งปวงในเมืองหลวง ก็ยิ่งคิดเกรงกลัวลิฉุยกุยกีขึ้นเปนอันมาก แลกาเซี่ยงนั้นว่ากล่าวให้ลิฉุย กุยกี เกลี้ยกล่อมเอาใจขุนนางแลราษฎรทั้งปวงให้มีน้ำใจรัก แลขุนนางทั้งนั้นก็อยู่ในอำนาจลิฉุยกุยกีสิ้น

ขณะนั้นมีหนังสือบอกเมืองเซียงจิ๋วมาว่า มีโจรโพกผ้าเหลืองประมาณสามสิบสี่สิบหมื่นเที่ยวทำร้ายอาณาประชาราษฎร ลิฉุยกุยกีเห็นหนังสือบอกดังนั้น จึงปรึกษาแห่ขุนนางทั้งปวงว่า ซึ่งเกิดโจรทำอันตรายหัวเมืองดังนี้ เราจะคิดประการใดจึงจะบำราบโจรได้ จูฮีจึงว่า ซึ่งเกิดโจรขึ้นณแดนเมืองเซียงจิ๋วนั้น ข้าพเจ้าเห็นแต่โจโฉผู้เดียว มีฝีมือจะไปปราบโจรฝ่ายตวันออกได้ ลิฉุยกุยกีจึงถามว่า โจโฉนั้นอยู่แห่งใด จูฮีจึงบอกว่า โจโฉนั้นได้มาทำการกับอ้วนเสี้ยวเมื่อครั้งรบตั๋งโต๊ะ บัดนี้กลับไปอยู่เมืองตงกุ๋นมีทหารอยู่เปนอันมาก ขอให้มีหนังสือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกไป ให้โจโฉยกออกไปปราบโจรณแดนเมืองเซียงจิ๋วเห็นจะได้โดยง่าย ลิฉุยกุยกีเห็นด้วย จึงแต่งหนังสือรับสั่งสองฉบับ ๆ หนึ่งให้เปาสิ้นเจ้าเมืองปักเป๋งยกทหารไปเข้าด้วยโจโฉปราบโจร ฉบับหนึ่งให้โจโฉกับเปาสิ้นยกไปปราบโจรณแดนเมืองเซียงจิ๋ว

ฝ่ายเปาสิ้นครั้นแจ้งในหนังสือรับสั่งแล้ว ก็จัดแจงยกทหารไปหาโจโฉ แลโจโฉนั้นครั้นทราบในหนังสือรับสั่งก็มีความยินดีจึงจัดแจงทหารเปนอันมาก แล้วพาเปาสิ้นยกไปถึงตำบลซิวสุนแดนเมืองเซียงจิ๋ว พบโจรโพกผ้าเหลืองพวกหนึ่งตั้งอยู่เปนอันมาก เปาสิ้นจึงอาสายกเข้าโจมตีพวกโจร พวกโจรต่อรบเปนสามารถ แล้วแต่งทหารโจรวกหลังฆ่าเปาสิ้นตายในที่นั้น ฝ่ายโจโฉเห็นเปาสิ้นตายก็โกรธ จึงยกทหารเข้ารบฆ่าพวกโจรล้มตายเปนอันมาก แลโจโฉคุมทหารไล่พวกโจรไปถึงแดนเมืองเจปัก ทหารทั้งปวงจับโจรได้บ้าง โจรมาเข้าเกลี้ยกล่อมบ้าง ได้คนประมาณสี่หมื่นห้าหมื่น แล้วโจโฉให้พวกโจรชเลยนั้นเปนกองหน้ายกไปเที่ยวปราบโจรทุกตำบล แต่โจโฉยกทหารเที่ยวปราบโจรนั้นได้ประมาณสองเดือน โจรทั้งปวงนั้นมาเข้าเกลี้ยวกล่อมทั้งเก่าทั้งใหม่ได้ประมาณสามสิบหมื่น บันดาหญิงชายชาวเมืองซึ่งโจรจับไว้ได้นั้นประมาณร้อยหมื่น โจโฉเลือกจัดเอาที่ฉกรรจ์นั้นไว้เปนทหารประมาณยี่สิบหมื่นเศษ ชายชรากับหญิงนั้นให้กลับไปทำมาหากินอยู่ตามภูมิลำเนา โจโฉจึงบอกหนังสือขึ้นไปให้กราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า ข้าพเจ้าปราบโจรสงบแล้ว ลิฉุยกุยกีแจ้งในหนังสือโจโฉดังนั้น จึงเอาขึ้นกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ๆ ตรัสว่า โจโฉครั้งนี้มีความชอบเปนอันมาก ให้มีหนังสือไปตั้งให้โจโฉเปนใหญ่กว่าหัวเมืองตวันออกทั้งปวง ลิฉุยกุยกีนั้นหาทันคิดไม่ ก็ให้มีหนังสือตั้งโจโฉตามรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้

โจโฉครั้นได้หนังสือรับสั่งก็มีความยินดีนัก จึงยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองกุนจิ๋ว แล้วให้ตั้งเกลี้ยกล่อมผู้คน แลจัดหาผู้มีสติปัญญาไว้ จะได้เปนที่ปรึกษาไปภายหน้า แลผู้คนทั้งปวงมาเข้าเกลี้ยกล่อมด้วยเปนอันมาก

ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง ซุนฮกผู้เปนอาว์ ซุนสิวผู้หลาน ซึ่งอยู่กับอ้วนเสี้ยวจึงปรึกษากันว่า อ้วนเสี้ยวเปนคนหยาบช้า เห็นเราจะอยู่ด้วยสืบไปนั้นมิได้ บัดนี้หัวเมืองฝ่ายตวันออกนั้นโจโฉได้เปนใหญ่ มีใจโอบอ้อมอารีแก่คนทั้งปวง เราพากันไปอยู่ด้วยจึงจะควร ซุนสิวผู้หลานเห็นด้วยจึงพากันหนีอ้วนเสี้ยว ไปเข้าเกลี้ยกล่อมโจโฉ ณ เมืองกุนจิ๋ว โจโฉเห็นซุนฮก ซุนสิวนั้นคมสัน เห็นจะมีสติปัญญาจึงหาเข้ามาพูดจาแล้วตั้งไว้เปนที่ปรึกษา ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า ข้าพเจ้าได้ยินคนทั้งปวงเล่าลือว่า เทียหยกชาวเมืองตงกุ๋นนั้นมีสติปัญญา บัดนี้อยู่ในเมืองกุนจิ๋ว เปนไฉนท่านมิเกลี้ยกล่อมเอามาไว้ โจโฉจึงว่าเราได้ยินเขาลืออยู่ช้านานแล้วแต่เรายังมิรู้จักตัว แล้วโจโฉจึงให้คนไปสืบเสาะเกลี้ยกล่อมได้เทียหยกมา โจโฉเห็นก็มีความยินดี จึงเอาเทียหยกไว้ทำราชการด้วย

ฝ่ายเทียหยกรู้ว่าซุนฮกเสนอความดีแก่โจโฉทั้งนั้น เทียหยกจึงว่าแก่ซุนฮกว่า ซึ่งท่านสรรเสริญข้าพเจ้า ๆ นี้มีสติปัญญาน้อย แลกุยแกชาวเมืองเดียวกันกับท่าน มีสติปัญญาเปนอันมาก เปนไฉนท่านมิว่าให้เอาตัวกุยแกมาไว้ทำราชการด้วย ซุนฮกจึงตอบว่าเราลืมไป ต่อท่านมาว่าบัดนี้จึงระลึกขึ้นได้ ซุนฮกจึงเอาเนื้อความไปบอกแก่โจโฉ ๆ ก็ให้ไปเกลี้ยกล่อมเอามาไว้ กุยแกจึงบอกแก่โจโฉว่า เล่าหัวเปนเชื้อพระเจ้าฮั่นกองบู๊หนึ่ง บวนทงชาวเมืองซันหยงหนึ่ง ลิเกียนชาวเมืองบู๊เสงหนึ่ง มอกายชาวเมืองตันลิวหนึ่ง สี่คนนี้มีสติปัญญาเปนอันมาก โจโฉจึงให้เกลี้ยกล่อมทั้งสี่คนนั้นมาไว้เปนที่ปรึกษา

ฝ่ายอิกิ๋มชาวเมืองกิเป๋งซึ่งเปนโจรมีพรรคพวกเปนอันมาก ก็คุมพวกเพื่อนมาเข้าเกลี้ยกล่อม ขอเปนทหารอยู่ด้วยโจโฉ ครั้นอยู่มาแฮหัวตุ้นพาเตียนอุยมาหาโจโฉ แล้วบอกว่าเตียนอุยคนนี้เปนชาวเมืองตันลิว แลเตียนอุยนั้นมีกำลังกล้าแขง ฆ่าบ่าวเตียวเมาเสียเปนอันมาก แล้วหนีไปอยู่ป่า พอข้าพเจ้าออกไปเที่ยวเล่นเห็นเตียนอุยตีเสือตาย แล้วข้ามแม่น้ำมาพบข้าพเจ้า ๆ เห็นสมควรเปนทหาร ข้าพเจ้าจึงเกลี้ยกล่อมมาอยู่เปนทหารท่าน โจโฉได้ยินดังนั้นก็พิศดูเตียนอุย เห็นรูปร่างนั้นโตใหญ่เข้มแข็งสมควรเปนทหาร จึงถามเตียนอุยว่า ตัวจะเปนทหารนั้นถืออาวุธสิ่งใด เตียนอุยจึงบอกว่า ข้าพเจ้าเคยชำนาญถือทวนสองเล่ม หนักเล่มละแปดสิบชั่งจีน มีสำหรับตัวข้าพเจ้าอยู่แล้ว โจโฉได้ยินดังนั้นจึงให้จัดม้ามีฝีเท้า ให้แก่เตียนอุยขึ้นขี่ม้ารำทวนดูโจโฉเห็นเตียวอุยขี่ม้ารำทวนนั้นเข้มแข็ง ว่องไว ขณะนั้นโจโฉเห็นธงใหญ่สำคัญสำหรับทัพซึ่งปักอยู่หน้าเมืองนั้น ต้องพายุเอนจะล้มลง ทหารประมาณยี่สิบห้าคน เข้าประคองยกขึ้นก็ไม่ไหว เตียนอุยเห็นดังนั้นจึงโจนลงจากม้าวิ่งไปขับทหารทั้งปวงเสีย เตียนอุยจึงเข้ายกธงนั้นตรงขึ้นดังเก่า โจโฉเห็นดังนั้นจึงสรรเสริญเตียนอุยว่า มีกำลังดุจหนึ่งคนโบราณ แล้วให้จัดเกราะให้แก่เตียนอุย ตั้งให้เตียนอุยเปนนายทหาร สำหรับรักษาตัวโจโฉ

Download

กรุณาแสดงความคิดเห็น

ชื่อ

กวนอู,67,การ์ตูน,19,การเมือง,77,กิจกรรม,18,เกม,160,ขงเบ้ง,94,ของสะสม,40,ข่าวสาร,118,คำคมสามก๊ก,77,จิวยี่,5,จูล่ง,21,โจโฉ,66,ซุนกวน,7,เตียวหุย,11,เนื้อหาสามก๊ก,5,บทความ,353,บุคคลภาษิตในสามก๊ก,12,แบบเรียน,8,ปรัชญา,45,เพลง,41,ภาพยนตร์,53,รูปภาพ,67,ลิโป้,9,เล่าปี่,18,วิดีโอ,66,วิธีคิดวิธีทำงาน,13,เว็บไซต์,14,สถานที่,21,สามก๊ก12,14,สามก๊ก13,32,สามก๊ก14,3,สามก๊ก2010,95,สามก๊ก8,1,สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน),87,สุมาอี้,15,หงสาจอมราชันย์,13,หนังสือ,173,อาวุธ,7,แอป,43,Dynasty Warriors,57,E-book,87,
ltr
item
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy: สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 8
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 8
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 8
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhC30ETFrQAq16X-7hNQAfVlnLHaUesPi4FklVRmKQC3TYL9i8dCkWHYYh1r2W-WodkxDi5df6WCna_p1lpIYyxhsQrgLwLXIbrYBCPFYGF5WjIUjHH-cQ41ZTh4EB_Ahqm23CrBAqHeZmr/s640/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581+%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588+%25E0%25B9%2598.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhC30ETFrQAq16X-7hNQAfVlnLHaUesPi4FklVRmKQC3TYL9i8dCkWHYYh1r2W-WodkxDi5df6WCna_p1lpIYyxhsQrgLwLXIbrYBCPFYGF5WjIUjHH-cQ41ZTh4EB_Ahqm23CrBAqHeZmr/s72-c/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581+%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588+%25E0%25B9%2598.jpg
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy
https://www.samkok911.com/2017/02/samkok-ebook-8.html
https://www.samkok911.com/
https://www.samkok911.com/
https://www.samkok911.com/2017/02/samkok-ebook-8.html
true
4216477688648787518
UTF-8
โหลดเนื้อหาทั้งหมด ไม่พบเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ดูทั้งหมด อ่านเพิ่ม ตอบ ยกเลิกการตอบ ลบ โดย หน้าแรก หน้า โพสต์ ดูทั้งหมด เรื่องแนะนำสำหรับคุณ หมวดหมู่บทความ เนื้อหาในช่วงเวลา ค้นหา บทความทั้งหมด ไม่พบเนื้อหาที่คุณต้องการ กลับหน้าแรก Sunday Monday Tuesday Wednesday Thursday Friday Saturday Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat January February March April May June July August September October November December Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec just now 1 minute ago $$1$$ minutes ago 1 hour ago $$1$$ hours ago Yesterday $$1$$ days ago $$1$$ weeks ago more than 5 weeks ago Followers Follow THIS PREMIUM CONTENT IS LOCKED STEP 1: Share to a social network STEP 2: Click the link on your social network Copy All Code Select All Code All codes were copied to your clipboard Can not copy the codes / texts, please press [CTRL]+[C] (or CMD+C with Mac) to copy สารบัญ