Ebook หนังสือสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 74
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 74
เนื้อหา
• สุมาอี้อาสาตีเมืองกังตั๋ง• ลกซุนรบชนะโจฮิว
• จูล่งตาย
• เกียงอุยคิดกลอุบายลวงโจจิ๋น
• ขงเบ้งล่าทัพกลับเมืองฮันต๋ง
ขณะนั้นมีทหารถือหนังสือมาแจ้งแต่เมืองเอียวจิ๋วว่า บัดนี้จิวหองเจ้าเมืองกวนหยงยกเอาเมืองมาออกแก่โจหิวแล้ว พระเจ้าโจยอยจึงเอาหนังสือนั้นฉีกผนึกออกอ่านดูเปนใจความเจ็ดข้อ ว่าให้ยกทหารไปตีเอาเมืองกังตั๋ง จึงปรึกษาด้วยสุมาอี้ ๆ จึงทูลว่า ซึ่งว่ามาในหนังสือทั้งนี้ชอบนัก ถ้ากระนั้นข้าพเจ้าจะขอยกไปช่วยโจหิวทำการกำจัดข้าศึกเสีย ตีเอาเมืองกังตั๋งให้จงได้
กากุ๋ยขุนนางผู้ใหญ่จึงว่า ซึ่งท่านจะให้สุมาอี้ยกกองทัพไปนั้นข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย อันชาวเมืองกังตั๋งนั้นเปนคนหาความสัตย์มิได้พูดจาเหลาะแหละลอมแลมนักไม่มี ความจริง จิวหองนี้เปนชาวเมืองกังตั๋งแล้วก็มีปัญญาความคิดมาก ซึ่งจะมาอ่อนน้อมโดยสุจริตนั้นผิดอยู่ เห็นจะคิดเปนกลอุบายล่อลวงให้หลงยกไปตีเอาเมืองกังตั๋ง แล้วภายหลังจะย้อนทำร้ายเราจะเชื่อฟังมิได้
สุมาอี้จึงว่าท่านว่านี้มิชอบ จิวหองหรือจะอาจลวงเรา การครั้งนี้มิทำก็จำทำ พระเจ้าโจยอยจึงว่า ถ้าฉนั้นท่านจงเอากากุ๋ยไปทำการด้วยเถิด สุมาอี้ก็คำนับลาพระเจ้าโจยอยจัดแจงพลทหารพร้อมแล้ว ก็ยกไปบัญจบกองทัพ ณ เมืองเอียวจิ๋ว ครั้นได้ฤกษ์แล้วโจหิวยกแยกไปเมืองอ้วนเสียกองหนึ่ง ให้กากุ๋ยกับหมันทองเฮาจิดคุมทหารกองหนึ่งยกไปทางเมืองหยงเสีย สุมาอี้เปนกองใหญ่ยกไปทางกังเหลง กำหนดไปพร้อมกัน ณ เมืองกังตั๋ง
ฝ่ายซุนกวนรู้ว่ากองทัพสุมาอี้โจหิวยกมา จึงปรึกษาแก่ขุนนางทั้งปวงว่า จิวหองแต่งกลอุบายทำไปนอบนบเข้าด้วยโจหิว ลวงให้ยกทหารมาเปนสามทางจะใกล้ถึงเมืองเราแล้ว ซึ่งจะเอาชัยชนะแก่ข้าศึกบัดนี้ท่านทั้งหลายจะคิดประการใด
โกะหยงจึงว่า อันการทั้งนี้ก็ใหญ่หลวงอยู่ ขอให้ลกซุนเปนแม่กองใหญ่คุมทหารยกออกไปทำการจึงจะได้ ซุนกวนก็เห็นด้วยจึงตั้งลกซุนเปนฮูก๊กไต้จงกุ๋น แปลภาษาไทยว่าเจ้าพระยาชูเมือง ให้เปนแม่ทัพ ราชการทั้งปวงสิทธิ์ขาดทั่วทั้งขอบขันธเสมาสนององค์พระเจ้าซุนกวน
ลกซุนคำนับรับที่แล้ว จึงขอจูหวนจวนจ๋องเปนปลัดซ้ายขวา ซุนกวนก็ อนุญาตให้ จึงตั้งจูหวนเปนฝ่ายขวา จวนจ๋องเปนฝ่ายซ้าย ลกซุนก็เกณฑ์ทหารทั้งปวงในแปดสิบแปดหัวเมือง ได้ทหารเจ็ดสิบห้าหมื่นพร้อมด้วยเครื่องศัสตราวุธจะยกไปเปนสามกอง
จูหวนจึงว่า ซึ่งโจหิวหลงด้วยกลของจิวหอง ยกกองทัพล่วงเข้ามาทั้งนี้เปนคนหาปัญญามิได้ แลเราจะยกไปต่อด้วยโจหิวทั้งนี้เห็นจะได้ชัยชนะถ่ายเดียว แม้โจหิวแตกแล้วข้าพเจ้าเห็นว่าจะหนีไปทางเหียบเส็บแลกุยกี๋สองทางนี้เปน มั่นคง อนึ่งทางสองตำบลนี้เปนซอกเขาคับแคบนัก ข้าพเจ้ากับจวนจ่องจะขอยกทหารไปตัดไม้ทับทางขนศิลาถมเสียก่อน ก็จะจับตัวโจหิวได้โดยง่าย ถ้าได้ตัวโจหิวแล้วเราก็จะรีบยกเข้าไปตีเอาเมืองซิวฉุนอันเปนเมืองสำคัญนั้น ให้ได้ แม้ได้เมือซิวฉุนสมคะเนแล้ว ก็จะเดิรสบายเข้าไปเอาเมืองฮูโต๋เมืองลกเอี๋ยงได้โดยสดวก
ลกซุนจึงว่า ซึ่งท่านว่านี้มิชอบ อุบายของเราอันหนึ่งข้าพเจ้าคิดไว้เสร็จอยู่แล้ว ท่านอย่าวิตกเลย จึงให้จูกัดกิ๋นคุมทหารอยู่รักษาเมืองกังเหลงคอยรับทัพสุมาอี้ แล้วก็ตระเตรียมทหารพร้อมไว้คอยฤกษ์อยู่
ฝ่ายจิวหองครั้นรู้ว่าโจหิวยกมาถึงเมืองแล้ว ก็ออกมารับตามประเพณี โจหิวจึงว่า ท่านมีหนังสือมาถึงเราแจ้งเนื้อความเจ็ดข้อนั้น เราก็ได้เอาเนื้อความกราบทูลแก่พระเจ้าโจยอย ๆ ก็มีความยินดีเชื่อท่าน จึงให้เรายกทหารมาเปนสามทาง แลบัดนี้เราคิดกินใจอยู่หน่อยหนึ่ง ด้วยปากคำผู้คนทั้งปวงพูดกันว่า ท่านมีสติปัญญากอปร์ด้วยกลอุบายมาก เกลือกจะล่อลวงเราให้เสียการเมื่อปลายมือ แล้วประการหนึ่งก็คิดว่าซึ่งท่านจะลวงเราก็คงจะไม่เปน แต่ว่ายังคิดสองใจสามใจอยู่
จิวหองได้ฟังดังนั้นก็ทำร้องไห้ ชักเอากระบี่ออกมาจะเชือดฅอตายเสีย โจหิวตกใจฉวยชิงเอากระบี่ไว้แล้วห้ามว่า ท่านจะฆ่าตัวเสียใย จิวหองจึงว่า อันเนื้อความเจ็ดข้อซึ่งข้าพเจ้าแจ้งไปแก่ท่านนั้นเปนความจริง แลผู้ซึ่งมาเจรจาว่าข้าพเจ้าคิดจะล่อลวงท่านนั้น ชรอยจะเปนกลอุบายเมืองกังตั๋งแกล้งจะให้ปรากฎมา ปราถนาจะมิให้ท่านเชื่อใจข้าพเจ้า ๆ น้อยใจว่าตัวนี้ถ้าเปนฟักแฟงจะผ่าอกออกให้ท่านเห็นเท็จและจริง ว่าแล้วก็ทำจะเอากระบี่เชือดฅอเสียอีก
โจหิวเห็นดังนั้นก็ชิงเอากระบี่ไว้เข้ากอดเอาตัวแล้วว่า ข้าพเจ้าว่าสัพยอกลองใจท่านเล่นเท่านี้หรือจะมาฆ่าตัวเสียเล่า ขอขะมาท่านเถิดอย่าถือโทษเลย จิวหองจึงว่า ข้าพเจ้าสัตย์ซื่อต่อท่านจริง ๆ ควรหรือมาว่าฉนี้เล่า ก็เอากระบี่ตัดผมทิ้งออกไป ว่าผมนี้เปนที่รักดังบิดามารดาข้าพเจ้า ๆ ตัดออกให้ท่านเห็นความจริงจงพิเคราะห์ดูเถิด โจหิวเห็นจิวหองทำดังนั้นก็เชื่อหาความรังเกียจไม่ จึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยง ครั้นกินโต๊ะแล้วจิวหองก็คำนับลากลับไป
เวลารุ่งเช้ากากุ๋ยมาถึงพร้อมกันเข้า จึงไปหาโจหิวคำนับตามประเพณี โจหิวจึงถามว่าท่านมีกิจสิ่งใดจะว่าไรหรือ กากุ๋ยจึงว่า ข้าพเจ้าเข้ามาบัดนี้หวังจะพูดกับท่านให้แน่นอนเสีย ด้วยข้าพเจ้าเห็นว่าทหารเมืองกังตั๋งนั้นจะมาตั้งสกัดอยู่เมืองอ้วนเสีย ขอท่านอย่าเพ่อยกทหารล่วงเข้าไปก่อน คอยท่าให้กองทัพสุมาอี้ยกมาถึงพร้อมกันแล้วจึงจะยกเข้าไปช่วยกันระดมตีที เดียว
โจหิวจึงว่า ท่านมาห้ามปรามเราทั้งนี้ ปราถนาจะทำการชิงเอาความชอบหรือ กากุ๋ยจึงว่า ข้าพเจ้าแจ้งว่าจิวหองมาตัดผมสาบาลแก่ท่านนั้น เปนกลอุบายดอกหาจริงไม่ จึงเข้ามาห้ามท่านไว้ให้คอยท่าพร้อมกันก่อน แม้ฉุกมีเหตุประการใดก็จะได้ช่วยกันสดวก
โจหิวจึงว่า แรกจะมาทำการสงคราม ควรหรือมาเจรจาว่าเปนกลอุบายฉนี้ จะให้ทแกล้วทหารทั้งปวงเสียน้ำใจให้เสียการไป จะเอาไว้มิได้ ก็สั่งให้ทหารเอาตัวกากุ๋ยไปฆ่าเสีย ทหารทั้งปวงจึงว่า ซึ่งท่านจะให้ฆ่ากากุ๋ยเสียนั้น สงครามยังมิได้ทำแก่ข้าศึกก่อนเห็นมิควร ข้าพเจ้าทั้งปวงจะขอโทษไว้สักครั้งหนึ่ง โจหิวก็อนุญาตยกโทษให้ จึงให้ถอดกากุ๋ยออกเสียจากแม่ทัพ เอาตัวไว้ใช้กิจการในกองทัพ แล้วก็ให้ยกทหารจะไปตีเมืองอ้วนเสีย
ขณะนั้นจิวหองแจ้งว่าโจหิวถอดกากุ๋ยเสียจากที่นายกองก็คิดว่า แม้โจหิวเชื่อฟังถ้อยคำกากุ๋ยเมืองกังตั๋งก็จะมีอันตราย บัดนี้เทพดาจะให้ความชอบแก่เราพะเอิญเปน คิดแล้วก็มีความยินดี จึงแต่งหนังสือไปถึงลกซุนว่า บัดนี้โจหิวหลงด้วยกลข้าพเจ้ายกกองทัพล่วงเข้ามาแล้ว ขอให้ท่านคิดอ่านเอาชัยชนะเถิด ลกซุนแจ้งหนังสือแล้ว ก็สั่งให้ทหารยกไปซุ่มอยู่ตำบลเซ็กเต๋งนั้นกองหนึ่ง แล้วแต่งให้ชีเซ่งเปนกองหน้ายกทหารล่วงไป โจหิวพาเอาตัวจิวหองยกมาถึงกลางทางจึงถามว่า ที่จะพักทหารข้างหน้านั้นชื่อตำบลใด จิวหองบอกว่าข้างหน้านั้นชื่อว่าเซ็กเต๋ง ขอให้ท่านยกทหารรีบไปเถิดอย่าวิตกเลย โจหิวก็หาความสงสัยมิได้รีบยกทหารทั้งปวงมาพักอยู่ตำบลเซ็กเต๋ง เวลารุ่งเช้าม้าใช้ไปสอดแนมได้เนื้อความมาแจ้งว่า กองทัพเมืองกังตั๋งยกมาตั้งสกัดปากทางอยู่ โจหิวแจ้งดังนั้นก็ตกใจจึงว่า จิวหองบอกเราว่าตำบลเซ็กเต๋งนั้นทางสดวกอยู่หามีกองทัพไม่ แลบัดนี้เหตุไฉนจึงมีกองทัพมาสกัดอีกเล่า จึงให้ทหารไปหาจิวหองในทันใด ทหารจึงบอกว่าจิวหองกับบ่าวประมาณสามสิบคนหนีไปแล้ว
โจหิวรู้ว่าจิวหองลวงมาให้ต้องด้วยกลแล้วหลบตัวเสียก็โกรธ จึงว่าถ้าฉนั้นเราก็ไม่กลัว สงครามเพียงนี้เราจะเอาชัยชนะจงได้ ก็แต่งให้เตียวเภาคุมทหารเปนนายกองหน้ายกเข้าระดมตี ซิเซ่งก็ขับทหารออกมาสู้ด้วยเตียวเภาได้ประมาณสิบเพลง เตียวเภาทานกำลังมิได้ก็ชักม้าหนีกลับหลังไป จึงบอกแก่โจหิวว่าซิเซ่งมีกำลังมากนัก ข้าพเจ้ากลัวจะเสียทีจึงกลับมาแจ้งแก่ท่าน โจหิวจึงว่า ซึ่งซิเซ่งเข้มแข็งนั้นท่านอย่าวิตกเลย ไว้พนักงานเราจะตีให้แตกจงได้ จึงให้เตียวเภาคุมทหารสองหมื่นยกไปตั้งซุ่มอยู่ทิศใต้ จึงให้สีเกี๋ยวคุมทหารสองหมื่นไปซุ่มอยู่ทิศเหนือ กำหนดว่าเราจะเปนกองกลางยกเข้าไปล่อแล้วจะทำเสียทีถอยออกมาให้ไล่ ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญาแล้ว ให้ยกทหารทั้งสองข้างตีกระหนาบออกมา เตียวเภาสีเกี๋ยวสองนายรับคำแล้วก็คุมทหารไปซุ่มอยู่แต่เวลากลางคืน
ฝ่ายลกซุนจึงแต่งให้จูหวนจวนจ๋องคุมทหารนายละสามหมื่น ยกลัดทางวกไปข้างหลังค่ายโจหิว กำหนดว่าได้ทีแล้วให้จุดเพลิงขึ้น ถ้าเราเห็นแสงเพลิงแล้วจะยกทหารตีกระทบเข้าไป ฝ่ายท่านก็ตีออกมา เห็นจะจับโจหิวได้โดยง่าย จูหวนจวนจ๋องรับคำแล้วก็ยกทหารแยกกันลัดไปแต่เวลาคํ่า
เตียวเภายกไปตั้งซุ่มอยู่ เห็นกองทัพจูหวนมิได้รู้ว่าเปนทหารเมืองกังตั๋ง สำคัญว่าเปนกองตะเวนพวกกัน ก็ขี่ม้าเดิรเข้าไปถามจูหวน จูหวนก็เอาง้าวฟันตกม้าลงตาย ทหารทั้งปวงก็แตกตื่นอลหม่านไป จูหวนได้ทีก็ให้จุดเพลิงขึ้นในทันใด จวนจ๋องเห็นแสงเพลิงก็รีบยกมา พบกองทัพสีเกี๋ยวซึ่งมาซุ่มอยู่ ก็ขับทหารเข้ารบพุ่งฆ่าฟันกันล้มตายลงเปนอันมาก สีเกี๋ยวสู้มิได้ก็พาทหารแตกหนีไป จูหวนจวนจ๋องสองนายก็ขับทหารเข้าโจมตีค่ายโจหิว ฆ่าฟันกันตลุมบอนเปนอลหม่าน โจหิวแตกหนีออกจากค่ายพาทหารไปตำบลเหียบเส็บ พอพบซิเซ่งคุมทหารขึ้นม้าเข้าไล่ฆ่าฟันทหารโจหิวแตก ทิ้งเครื่องศัสตราวุธเสียแตกกระจัดกระจายกันไป โจหิวก็ขับม้าหนีไปตามทางซอกเขาแต่ผู้เดียว พอพบกากุ๋ยคุมทหารกองหนึ่งสวนทางลงมารับก็มีความยินดี จึงว่าทีนี้ข้าพเจ้าไม่ตายแล้ว กากุ๋ยก็พาลัดทางหนีมาได้ โจหิวจึงว่า ซึ่งท่านทัดทานข้าพเจ้ามิฟังนั้นโทษผิดนักหนา ขอท่านอย่าได้พยาบาทถือความเลย ฝ่ายสุมาอี้รู้ว่ากองทัพโจหิวเสียแก่ข้าศึกแล้วก็ให้ถอยหลังมา
ฝ่ายจูหวนจวนจ๋องเก็บได้เครื่องศัสตราวุธแลสเบียงอาหารผู้คนซึ่งเข้า เกลี้ยกล่อมประมาณสามหมื่น แล้วก็ยกมาหาลกซุน ๆ หยุดทหารคอยท่าอยู่กลางทาง เห็นจูหวนจวนจ๋องได้ผู้คนแลสเบียงอาหารเครื่องศัสตราวุธมามากก็ดีใจ พากันยกกลับมาเมืองกังตั๋ง
ซุนกวนแจ้งว่าลกซุนชนะศึกมาก็ดีใจ จึงพาขุนนางทั้งปวงออกมารับทัพถึงนอกเมือง แล้วให้เอาสัปทนกั้นลกซุนเข้ามา ครั้นนายทัพนายกองถึงพร้อมแล้ว พระเจ้าซุนกวนจึงว่า ซึ่งจิวหองมีความชอบทำกลล่อลวงข้าศึกจนตัดผมเสียเอาชัยชนะได้ครั้งนี้นั้น ตั้งให้เปนกวนไล่เหาขุนนางในทำเนียบ แล้วก็ปูนบำเหน็จรางวัลแก่ทแกล้วทหารเปนอันมาก ลกซุนจึงทูลพระเจ้าซุนกวนว่า โจหิวเสียทีแตกกลับไปครั้งนี้เห็นทแกล้วทหารทั้งปวงบอบช้ำอิดโรยนักอยู่แล้ว ขอให้ท่านมีหนังสือไปถึงเมืองเสฉวนฉบับหนึ่ง ให้ขงเบ้งยกทหารไปตีเมืองลกเอี๋ยงเถิด พระเจ้าซุนกวนเห็นด้วย ก็ให้มีหนังสือบอกไปถึงเมืองเสฉวนตามถ้อยคำลกซุนทุกประการ แลขณะเมื่อโจหิวเสียทแกล้วทหารแตกไปครั้งนั้น ก็เปนทุกข์ตรอมใจจนเปนไข้มากลางทาง ครั้นถึงเมืองลกเอี๋ยงก็ป่วยหนักลงถึงแก่ความตาย
ฝ่ายสุมาอี้ครั้นยกทัพกลับมาถึงเมืองลกเอี๋ยงแล้ว ขุนนางทั้งปวงจึงเข้ามาถามข่าวว่า ซึ่งโจหิวยกทหารไปทำการครั้งนี้เสียทีแก่ข้าศึกแตกกลับมาก็ชอบอยู่ แต่ตัวท่านนี้เปนนายทัพไปกองหนึ่งต่างหาก จะแตกเสียทแกล้วทหารทั้งปวงเหมือนโจหิวหามิได้ ทหารทั้งปวงก็พร้อมมูลอยู่ เหตุไฉนจึงพลอยกลับมาด้วยเล่า สุมาอี้จึงว่า ซึ่งยกมาทั้งนี้เพราะคิดว่ากองทัพเราเสียทีแล้ว เกลือกขงเบ้งจะรีบยกกองทัพมาตีเอาเมืองเตียงอั๋น ระวังหลังอยู่จึงกลับมา ขุนนางทั้งปวงได้ฟังก็เห็นว่าสุมาอี้กลัวตาย หนีศึกมาแล้วยังพูดอวดตัวอยู่ ก็ชวนกันเอามือปิดปากหัวเราะ แล้วต่างคนก็ลาไปที่อยู่
ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งในหนังสือซึ่งพระเจ้าซุนกวนให้มาเปนใจความว่า บัดนี้เราให้ลกซุนคุมทหารไปกำจัดทหารพระเจ้าโจยอยเสีย โจหิวผู้เปนแซ่เดียวกันกับพระเจ้าโจยอยก็ถึงแก่ความตาย สุมาอี้ทหารเอกนั้นก็แตกหนีไปแล้ว ชาวเมืองลกเอี๋ยงก็กลัวฝีมือทหารในเมืองกังตั๋งนัก แลฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ประกอบไปด้วยเกียรติยศ มีทแกล้วทหารปรากฎเสมอกัน ควรเราทั้งสองเมืองจะเปนแผ่นดินเดียวกันโดยทางราชไมตรี แลบัดนี้ทหารในเมืองลกเอี๋ยงก็อิดโรยอยู่แล้ว ขอให้ท่านแต่งทหารยกไปตีเอาเห็นจะได้โดยง่าย
พระเจ้าเล่าเสี้ยนมีความยินดี จึงมีหนังสือบอกไปถึงขงเบ้งณะเมืองฮันต๋ง ขงเบ้งแจ้งดังนั้นก็กะเกณฑ์ทหารพรักพร้อมแล้วจะยกกองทัพไป ขณะเมื่อประชุมทหารพร้อมอยู่นั้น พอเกิดลมหัวด้วนพัดมาถูกกิ่งสนธิ์ตรงหน้าโรงประชุมขุนนางหักสบั้นลง ทหารทั้งปวงพากันตกใจ ขงเบ้งจึงจับยามดูก็รู้ว่าทหารเอกตายเปนมั่นคง จึงบอกแก่ขุนนางแลทหารทั้งปวงว่า บัดนี้ทหารเอกเขี้ยวศึกของเจ้าเราตายเสียแล้ว ว่าพอขาดคำลงทหารคนหนึ่งเข้ามาบอกว่า บัดนี้เตียวกองเตียวหองบุตรจูล่งจะเข้ามาหาท่าน
ขงเบ้งแจ้งดังนั้นก็รู้ว่าจูล่งถึงแก่ความตาย กระทืบท้าวทิ้งจอกสุราลงเสีย ขณะนั้นเตียวกองเตียวหองก็เข้ามาคำนับบอกว่า เวลาคืนนี้ประมาณสามยามบิดาข้าพเจ้าถึงแก่ความตายแล้ว ขงเบ้งก็ร้องไห้รักจูล่งจนสลบไป ครั้นฟื้นขึ้นแล้วจึงว่า อันจูล่งถึงแก่ความตายนี้เหมือนหนึ่งแขนซ้ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนหัก ด้วยเปนนายทหารผู้ใหญ่เขี้ยวศึกมา ทหารทั้งปวงก็พากันร้องไห้รักจูล่งทุกคน แล้วขงเบ้งก็ให้บุตรจูล่งไปแจ้งแก่พระเจ้าเล่าเสี้ยนณะเมืองเสฉวน
พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งว่าจูล่งถึงแก่ความตาย ก็ทรงพระกรรแสงรำพรรณไปถึงความหนหลังทุกประการ แล้วก็ให้แต่งการศพจูล่งไปฝังไว้ที่สมควร จึงปลูกเปนศาลเทพารักษไว้บูชามาตราบเท่าทุกวันนี้ แล้วตั้งให้บุตรจูล่งทั้งสองเปนทหารผู้ใหญ่
ขณะนั้นขงเบ้งจึงใช้ให้คนถือหนังสือไปแจ้งแก่พระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า ข้าพเจ้าจะขออาสายกทหารไปกำจัดศัตรูเสีย ให้อาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเปนสุขตามซึ่งได้รับปฏิญาณพระเจ้าเล่าปี่ไว้ ขอพระองค์อย่าได้ขัดขวางให้เสียประเพณีเลย พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งในหนังสือแล้วก็มีความยินดีจึงตอบไปว่า ให้ขงเบ้งรีบยกกองทัพไปเถิด ขงเบ้งแจ้งในหนังสือตอบแล้ว ก็ตั้งให้อุยเอี๋ยนเปนกองหน้า จึงยกทหารสามสิบหมื่นไปทางตำบลตันฉอง
ขณะนั้นม้าใช้จึงเอาเนื้อความไปแจ้งแก่สุมาอี้ณะเมืองลกเอี๋ยงว่า บัดนี้กองทัพเมืองเสฉวนยกมาทางตันฉองแล้ว สุมาอี้จึงเอากิจการกราบทูลแก่พระเจ้าโจยอย ๆ จึงให้หาขุนนางทั้งปวงมาปรึกษา โจจิ๋นจึงทูลว่า แต่ก่อนโปรดให้ข้าพเจ้าไปรักษาเมืองหลงเสนั้น ก็หาความชอบมิได้มีโทษอยู่เปนหลายครั้ง ข้าพเจ้ามิได้ทำการแก้ตัวก่อน ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะขออาสายกทหารไปทำการเอาชัยชนะจงได้ แลอองสงนั้นเปนคนมีฝีมือถือง้าวหนักหกสิบชั่ง ซ่อนลูกขลุบไปได้ในเสื้อถึงสามลูก ทิ้งข้าศึกนั้นก็แม่นยำนัก ข้าพเจ้าจะขอเอาไปเปนทัพหน้าด้วย
พระเจ้าโจยอยมีความยินดี จึงให้หาตัวอองสงเข้ามาหน้าที่นั่ง ทอดพระเนตรเห็นอองสงมีตัวสูงหกศอก หน้าดำตาแดง พูดจาโฮกฮาก กิริยาอาการลักษณเหมือนเสือ ก็ตบพระหัตถ์ทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า เรามีทหารเข้มแข็งฉนี้จะกลัวอันใดแก่ขงเบ้ง จึงพระราชทานเกราะทองและเสื้อเปนรางวัล แล้วก็ตั้งให้เปนกองหน้าโจจิ๋น ๆ ก็คำนับแล้วลาออกมาจัดแจงทหารทั้งปวง จึงให้เตียวคับโกฉุยสองนายยกไปรักษาด่าน โจจิ๋นคุมทหารสิบห้าหมื่น ให้อองสงเปนกองหน้ายกไปตามกำหนด
ฝ่ายทหารกองหน้าขงเบ้งยกมาใกล้ตันฉองแล้ว จึงไปแจ้งความแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้ตำบลตันฉองนั้นมีค่ายตั้งสลักอยู่ ก่อกำแพงกั้นไว้ในปากทางลงเขื่อนคูมั่นคงคับขันนัก เฮ็กเจียวคุมทหารมารักษาอยู่ ซึ่งจะยกหักไปเห็นขัดสน ขอให้ละทางตันฉองเสีย ยกทหารไปทางแปะเฉียออกเอาทางเขากิสานเถิด
ขงเบ้งจึงว่า อันตำบลตันฉองนี้เปนที่สำคัญใหญ่หลวง กับเกเต๋งนั้นก็เหมือนกัน แม้ว่าเราได้ตันฉองนี้แล้วจะทำการต่อเข้าไปเอาเมืองลกเอี๋ยงก็จะได้โดยง่าย อันจะถอยไปเดิรทัพทางแปะเฉียนั้นมิได้ ก็สั่งให้อุยเอี๋ยนยกทหารเข้าล้อมค่ายตันฉองไว้ แต่อุยเอี๋ยนให้ทหารเข้าหักค่ายตันฉองถึงสี่วันห้าวันแล้วก็มิได้ จึงให้ทหารล้อมมั่นไว้ แล้วกลับลงมาแจ้งแก่ขงเบ้ง ๆ โกรธจึงว่า ตัวเปนแม่กองหน้ายกมาทำการหวังจะตีเอาเมืองลกเอี๋ยงอีก แต่ตำบลตันฉองเท่านี้ยังตีมิแตก แล้วที่ไหนจะทำการใหญ่หลวงสืบไปได้เล่า ก็สั่งให้ทหารคุมเอาตัวอุยเอี๋ยนไปฆ่าเสีย
กิมเซี่ยงจึงว่าแก่ขงเบ้งว่า แต่ข้าพเจ้ามาอยู่เปนข้าท่านก็ช้านานแล้วยังมิได้ทำความชอบสิ่งใดสนองคุณ ท่านเลย ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะขออาสาเข้าไปเกลี้ยกล่อมเฮ็กเจียวให้ออกมานบนอบท่านจงได้ แลซึ่งจะให้ประหารชีวิตอุยเอี๋ยนเสียนั้น ข้าพเจ้าขอโทษไว้ก่อน ขงเบ้งจึงว่า ซึ่งท่านมีภักดีต่อเรานั้นก็ขอบใจ แต่ซึ่งจะไปเกลี้ยกล่อมเฮ็กเจียวให้มานอบนบเรานั้นจะไปว่าประการใด กิมเซี่ยงจึงว่า อันเฮ็กเจียวกับข้าพเจ้านี้เปนคนคุ้นเคยกันมาแต่น้อย ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวก็เห็นจะยอมดอก ขงเบ้งจึงว่า ถ้าท่านอาสาสำเร็จครั้งนี้ก็จะมีความชอบมาก กิมเซี่ยงคำนับแล้วก็ลาไป ครั้นถึงหน้าค่ายเฮ็กเจียวจึงร้องบอกว่า เราชื่อกิมเซี่ยงเปนเพื่อนรักกันกับเฮ็กเจียว ระลึกถึงจะมาหา เปิดประตูรับเราด้วย ทหารจึงเอาเนื้อความเข้าไปบอกแก่เฮ็กเจียว ๆ จึงให้เปิดประตูรับเข้าไปในค่าย ต่างคนต่างคำนับกันแล้วเฮ็กเจียวจึงถามว่า ท่านมาหาเรานี้มีกิจกังวลสิ่งใดหรือ กิมเซี่ยงบอกว่า บัดนี้ตัวข้าพเจ้าไปทำราชการอยู่ด้วยพระเจ้าเล่าเสี้ยน ขงเบ้งรู้ว่าท่านกับข้าพเจ้าเปนคนชอบใจกันมาแต่ก่อน ใช้ให้มาหาทั้งนี้หวังจะให้สนทนาด้วย
เฮ็กเจียวได้ฟังดังนั้นก็โกรธหน้านิ่วเข้าในทันใดจึงว่า ตัวท่านไปเปนข้าพระเจ้าเล่าเสี้ยน ตัวเราก็เปนข้าพระเจ้าโจยอย ได้กินเบี้ยหวัดผ้าปีของเจ้าด้วยกัน บัดนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนกับเจ้าเราก็เปนข้าศึกกัน ตัวท่านกับเราต่างคนต่างก็เจ็บร้อนด้วยเจ้า ถ้อยทีเปนข้าศึกกันอยู่ ซึ่งท่านจะมาเจรจาด้วยเรานั้นพูดกันมิเต็มปาก ไปเสียเถิด ว่าเท่านั้นแล้วเฮ็กเจียวก็ลุกหนีเดิรขึ้นไปบนหอรบเสีย ทหารทั้งปวงก็ขับกิมเซี่ยงออกมา
กิมเซี่ยงขี่ม้าออกมาถึงนอกค่าย แลขึ้นไปดูบนหอรบเห็นเฮ็กเจียวยืนอยู่ ก็ร้องขึ้นไปว่า น้องเราเปนไฉนได้ดีแล้วไม่คิดถึงความรักมาแต่หลังบ้างเลย บากหน้าเสียง่าย ๆ ไม่อินังกัน เฮ็กเจียวได้ยินจึงร้องตอบลงมาว่า อันประเพณีเราเปนข้าเจ้าแผ่นดินได้กินเบี้ยหวัดผ้าปีแล้ว ก็ตั้งใจภักดีสนองคุณเจ้าตราบเท่าสิ้นชีวิตจึงจะนับว่าชาย ท่านอย่ามาว่าเซ้าซี้อยู่เลย เร่งไปบอกขงเบ้งให้ยกทหารรีบเข้ามาตีเราเถิด ถ้ามิไปบัดนี้เราจะให้ทหารเอาเกาทัณฑ์ยิงให้ตายเสีย กิมเซี่ยงก็ขับม้ารีบมาบอกแก่ขงเบ้งตามถ้อยคำเฮ็กเจียวว่าทุกประการ
ขงเบ้งแจ้งดังนั้นก็โกรธจึงว่า เฮ็กเจียวนี้เจรจาโอหังหนักหนาจะได้ดูฝัมือกัน จึงให้หาชาวบ้านมาถามว่า เฮ็กเจียวมาตั้งรักษาตำบลตันฉองนี้มีทหารมากน้อยสักเท่าใด ชาวบ้านจึงบอกว่ามีทหารอยู่ประมาณสามพัน ขงเบ้งได้ยินก็หัวเราะว่า เฮ็กเจียวมีทหารเท่านี้หรือจะอาจต่อด้วยเราได้ ก็สั่งให้ทหารทำบันไดแลเชือกสำหรับซึ่งจะคล้องใบเสมาขึ้นไป แลเครื่องศัสตราวุธทั้งปวงตระเตรียมพร้อมทุกประการ
ครั้นเวลารุ่งเช้าขงเบ้งก็ให้เข้าระดมหักค่ายเฮ็กเจียว ๆ เห็นทหารขงเบ้งเอาบันไดเข้าพาดดังนั้น ก็ให้ทหารจุดคบเพลิงเผาบันไดเสีย แล้วก็ให้เอาเกาทัณฑ์ยิงระดมลงไปถูกทหารขงเบ้งล้มตายเปนอันมาก เข้ามิได้ก็ถอยออกมา ขงเบ้งโกรธจึงคิดว่า ทำให้เสียทหารทั้งนี้ก็เพราะเบาความประมาทจึงเสียทีแก่ข้าศึก จำจะตีเอาให้จงได้ จึงให้ทหารทำแตะสำหรับจะกันลูกเกาทัณฑ์บังตัวเข้าไปให้ทั่วทุกคน
ครั้นเวลาเช้าก็ให้ยกทหารเข้าหักค่ายใหม่ เฮ็กเจียวเห็นทหารขงเบ้งทำแตะบังตัวเข้ามากันลูกเกาทัณฑ์ดังนั้น ก็ให้ทหารขนเอาก้อนศิลามาผูกเชือกเข้าทิ้งลงไป ทหารขงเบ้งเอาแตะขึ้นรับทานมิได้ก็ถูกเจ็บปวดล้มตาย ครั้นจะชิงเอาก้อนศิลาก็มิได้ ทหารบนเชิงเทินทิ้งลงมาแล้วก็สาวกลับขึ้นไป ขงเบ้งเห็นทหารล้มตายเบาบางลงเข้ามิได้ก็ให้ถอยออกมา
ครั้นเวลากลางคืนก็ให้เลียวฮัวคุมทหารสามพันขุดอุโมงค์จะให้ทะลุเข้าไปใน กำแพง เฮ็กเจียวรู้ก็ขุดสกัดเสียมิให้ทะลุเข้าไปในกำแพงได้ แต่ขงเบ้งให้ทหารเข้าทำการรบพุ่งอยู่ฉนี้ประมาณยี่สิบวัน ถ้อยทีถ้อยต้านทานกันอยู่มิได้แพ้ชนะกัน ทหารล้มตายลงเปนอันมาก ขงเบ้งมีความวิตกเปนทุกข์ในใจอยู่
ขณะนั้นทหารเข้ามาบอกว่า บัดนี้ทางทิศตวันออกเห็นกองทัพยกมากองหนึ่ง จารึกอักษรมาในธงชื่อว่าอองสง ขงเบ้งแจ้งดังนั้นจึงถามว่าผู้ใดจะอาสาเราออกไปรับทัพอองสงครั้งนี้ได้ เจียหยงซึ่งเปนทหารรองจึงว่า ข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปเอง ขงเบ้งมีความยินดีจึงเกณฑ์ทหารอีกสามพันให้แก่เจียหยง ๆ คำนับแล้วก็ยกไป ภายหลังจึงให้จงคีคุมทหารอีกสามพันยกหนุนไป แล้วก็ถอยทัพหลวงเลื่อนลงมาตั้งอยู่พ้นที่เดิมทางประมาณสองร้อยเส้น
ฝ่ายเจียหยงคุมทหารยกไปถึงกลางทาง พบกองทัพอองสงยกมาปะทะกันเข้าก็ขับทหารเข้ารบพุ่งกันเปนสามารถ เจียหยงออกสู้ด้วยอองสงได้สามเพลง อองสงแทงด้วยทวนตกม้าตาย ทหารทั้งนั้นก็แตกหนีร่นลงมา อองสงได้ทีขับทหารไล่ติดตามไปพบกองทัพจงคีสวนขึ้นมาก็เข้ารบพุ่งกัน จงคีขับม้าเข้าสู้ด้วยอองสงได้สามเพลง อองสงฟันด้วยง้าวตัวขาดตกม้าตาย ทหารก็ตื่นแตกหนีกลับมา จึงบอกกับขงเบ้งตามซึ่งได้รบพุ่งนั้นทุกประการ
ขงเบ้งแจ้งเหตุก็ตกใจ จึงให้เลียวฮัวอองเป๋งเตียวหงีคุมทหารออกไปรบกับอองสง ครั้นเลียวฮัวอองเป๋งเตียวหงีสามนายยกทหารมาพบกองทัพอองสงเข้าก็ตั้งค่ายรบ กันอยู่ ขณะนั้นเตียวหงีจึงให้เลียวฮัวอองเป๋งรักษาค่ายไว้ ตัวก็ขับม้าออกมาต่อสู้ด้วยอองสงได้ประมาณสี่สิบเพลงมิได้เสียทีกัน อองสงทำเสียทีชักม้าหนี เตียวหงีไล่กระชั้นไป เลียวฮัวเห็นดังนั้นก็เกรงว่าจะเสียทีจึงร้องเรียกจะให้กลับมา พออองสงทิ้งลูกขลุบมาถูกอกเข้า เตียวหงีขัดอยู่ก็ซบลงบนหลังม้า อองสงได้ทีก็ขับม้าไล่มา เลียวฮัวอองเป๋งเห็นดังนั้นก็ขับม้ารำทวนออกมาช่วย เข้าสู้กับอองสงกันเอาเตียวหงีเข้ามาในค่ายได้ ทหารอองสงเห็นได้ทีก็เข้าตีค่ายเลียวฮัวอองเป๋งเตียวหงีแตก ไล่ฆ่าฟันทหารล้มตายเปนอันมาก เลียวฮัวอองเป๋งเตียวหงีก็พาทหารหนีมาหาขงเบ้ง จึงบอกว่าอองสงนั้นมีกำลังมากนักทานมิได้ ขอให้ท่านยับยังตั้งมั่นไว้ในที่นี้ก่อนอย่าเพ่อยกล่วงขึ้นไป ว่าพอสิ้นคำลงเตียวหงีก็รากโลหิตออกมาเปนหลายครั้ง
ขงเบ้งจึงหาเกียงอุยเข้ามาปรึกษาว่า เจียหยงจงคีก็ถึงแก่ความตายแล้ว บัดนี้เตียวหงียกออกไปเล่าก็ป่วยกลับเข้ามา ข้าศึกมีกำลังเข้มแขงนัก อันเราจะไปทางตันฉองนี้เห็นขัดสน จะคิดประการใดดีขอท่านช่วยดำริห์ให้เราด้วย เกียงอุยจึงว่า ซึ่งตำบลตันฉองนี้เปนทางคับขัน แล้วเฮ็กเจียวก็มีสติปัญญา ฝีมือก็เข้มแขงป้องกันรักษามั่นคงอยู่จะหักไปมิได้ ขอให้ท่านแต่งทหารที่มีฝีมือยกไปตั้งค่ายสลักทางรักษาตำบลเกเต๋งไว้ แล้วจึงจัดทหารให้ตั้งรับอยู่ที่นี้กองหนึ่ง เราก็จะลอบยกทัพใหญ่ลัดไปออกเอาตำบลกิสานอย่าให้ข้าศึกทันรู้ ข้าพเจ้าจะคิดกลอุบายจับเอาตัวโจจิ๋นให้ได้
ขงเบ้งเห็นชอบ จึงให้อองเป๋งกับลิอิ๋นคุมทหารลัดไปตามทางน้อยให้ตั้งรักษาตำบลเกเต๋งนั้น ไว้ แล้วให้อุยเอี๋ยนตั้งรักษาปากทางตันฉอง จึงให้ม้าต้ายเปนกองหน้า กวนหินเตียวเปาเปนกองหลัง ก็ลอบยกทหารมาทางจำก๊กไปออกทางกิสาน เกียงอุยจึงแต่งเปนหนังสือลับฉบับหนึ่งให้คนถือเข้าไปถึงโจจิ๋น
ฝ่ายโจจิ๋นยกออกมาตั้งอยู่ปากด่านเมืองลกเอี๋ยง ครั้นเกณฑ์ให้อองสงยกไปช่วยเฮ็กเจียว รู้ข่าวว่ามีชัยชนะแก่ข้าศึกก็ยินดี จึงให้ตรวจตรารักษาด่านทางเปนกวดขัน พอทหารซึ่งไปเที่ยวตะเวนสอดแนมจับได้บ่าวเกียงอุยซึ่งใช้ให้ถือหนังสือลับ เข้าไปนั้นมาแจ้ง จึงถามว่าเองมาแต่ไหน คนถือหนังสือจึงบอกว่า ข้าพเจ้านี้จะได้เปนคนสอดแนมเข้ามาซับทราบเอากิจการนั้นหามิได้ ด้วยบัดนี้เกียงอุยคิดถึงคุณท่านใช้ให้ข้าพเจ้าเอาหนังสือลับมาถึงท่านฉบับ หนึ่ง แต่ทว่าทแกล้วทหารทั้งปวงอื้ออึงอยู่ ข้าพเจ้าจะเอาหนังสือออกมาให้ท่านมิได้ ขอให้ขับทหารไปเสีย
โจจิ๋นได้ฟังก็ยินดี จึงขับทหารออกไปเสีย คนใช้จึงแหวกคอเสื้อออกเอาหนังสือนั้นให้ โจจิ๋นจึงฉีกผนึกออกอ่านดูเปนใจความว่า ข้าพเจ้าเกียงอุยผู้มีโทษ ขอคำนับมาถึงโต๊ะก๊กท่านผู้ใหญ่ให้แจ้ง ด้วยแต่ก่อนข้าพเจ้าจะได้คิดเอานํ้าใจออกหากหามิได้ เปนเหตุทั้งนี้เพราะหลงกลของขงเบ้งจึงต้องมาอยู่เปนข้าให้เขาใช้ ทุกวันนี้จำใจอยู่ คิดจะใคร่กลับมาถิ่นฐานของตัวก็มามิได้ บัดนี้ขงเบ้งก็มีความเอ็นดูข้าพเจ้ารักใคร่สนิธหารังเกียจไม่ แลคุณท่านมีแก่ข้าพเจ้าแต่ก่อนนั้นก็ยังมิได้ทดแทน ถึงตัวข้าพเจ้าจะตายมิได้กลับไปบ้านเมืองก็ตามเถิด แต่ขอสนองคุณท่านให้สิ้นธุระเสียก่อน ซึ่งท่านจะออกรบด้วยขงเบ้งนั้นอย่าสู้ให้เต็มฝีมือเลย แกล้งทำถอยหนีเสียให้กองทัพเมืองเสฉวนไล่ไป ข้าพเจ้าอยู่ภายหลังจะจุดเพลิงขึ้นในค่ายเผาสเบียงอาหารเสียให้สิ้น ถ้าเห็นทหารทั้งปวงตกใจอลหม่านขึ้นแล้วจึงให้ทหารกลับสวนรบลงมา ก็จะจับตัวขงเบ้งได้โดยง่าย
โจจิ๋นแจ้งในหนังสือสำคัญว่าจริงก็ดีใจ จึงว่าชรอยเทพดาจะมาช่วยเราให้ได้ความชอบครั้งนี้ ก็ปูนบำเหน็จรางวัลแก่ผู้ถือหนังสือแล้วจึงว่า ท่านจงกลับไปบอกแก่นายท่านเถิด ถ้าเราจะทำการได้เมื่อใดจึงจะกำหนดไปให้รู้ คนถือหนังสือคำนับแล้วก็กลับมาบอกแก่เกียงอุย
ฝ่ายโจจิ๋นก็ให้นายทัพนายกองทั้งปวงเข้ามาปรึกษาว่า ซึ่งเกียงอุยให้หนังสือลับมาฉนี้ ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด ปี่เอียวจึงว่า ขงเบ้งนี้เปนคนเจ้าปัญญาความคิดเกลือกจะให้เกียงอุยทำกลมา จะเชื่อฟังทีเดียวนั้นมิได้ อนึ่งเกียงอุยก็เอาใจออกหากไปอยู่กับขงเบ้งช้านานแล้ว หรือจะกลับมาเข้าด้วยท่านนั้นก็ผิดอยู่
โจจิ๋นจึงว่า เกียงอุยไปอยู่ด้วยขงเบ้งนั้น ก็มิใช่จะตั้งใจไปโดยสุจริต จำเปนจำอยู่ แล้วตัวก็เปนคนชาวเมืองเรา คิดจะใคร่กลับถิ่นฐานของตัวอยู่ทุกวัน เห็นไม่สมัคที่จะอยู่เมืองเสฉวนจะกลับมาหาเราเปนมั่นคง ท่านอย่าวิตกเลย อันจะลวงเรานั้นก็ผิดไป
ปี่เอียวจึงว่า ซึ่งท่านจะเชื่อฟังก็ตามเถิด แต่ทว่าตัวท่านจงอยู่รักษาค่ายอย่าเข้าไปเลย ข้าพเจ้าจะขอเข้าไปกระทำตามถ้อยคำของเกียงอุยเอง แม้เกียงอุยซื่อตรงต่อจริง ก็เปนความชอบของท่าน ถ้าจะคิดเปนกลอุบายประการใด ก็ไว้เปนพนักงานของข้าพเจ้าจะต่อสู้ด้วยศัตรูมิให้ร้อนถึงท่าน
โจจิ๋นก็เห็นชอบ จึงเกณฑ์ทหารให้ปี่เอียวห้าหมื่น ปี่เอียวก็ลายกทหารไปทางประมาณสองวันจึงให้หยุดกองทัพอยู่ ม้าใช้จึงมาบอกว่า บัดนี้กองทัพเมืองเสฉวนยกมาตั้งอยู่ตำบลจำก๊กเปนหลายค่าย ปี่เอียวแจ้งดังนั้นก็ยกทหารรีบไป ครั้นถึงจำก๊กทหารเมืองเสฉวนก็ยกออกมาดังจะเข้ารบ ปี่เอียวก็ขับทหารรุกเข้าไป กองทัพเมืองเสฉวนก็ทำถอยหนีลงมา ปี่เอียวเห็นดังนั้นก็ให้ทหารหยุดอยู่ กองทัพเมืองเสฉวนก็กลับหน้ารุกขึ้นมา ปี่เอียวก็ให้ทหารประจันหน้าลงไป กองทัพเมืองเสฉวนก็กลับถอยหลังเสีย แต่ล่อให้กองทัพปี่เอียวไล่ไปดังนั้นจนวันยังคํ่าคืนยังรุ่ง ครั้นปี่เอียวจะให้พักทหารหุงเข้ากินก็กลัวกองทัพเมืองเสฉวนจะโจมตีเข้ามาจะ หยุดอยู่มิได้ ก็ขับทหารรีบรุกขึ้นไปจนอิดโรยถอยกำลังลง นายทัพนายกองเมืองเสฉวนซึ่งตั้งซุ่มอยู่นั้นเห็นได้ที ก็ยกทหารโห่ร้องเข้าล้อมหน้าล้อมหลังปี่เอียวไว้โดยรอบ
ฝ่ายขงเบ้งแต่งตัวอ่าโถงถือพัดป้องหน้า ขี่เกวียนน้อยยกทหารออกมาข้างหน้าจึงร้องไปว่า ให้ทหารทั้งปวงบอกนายทัพออกมาเราจะสนทนาด้วย ปี่เอียวได้ยินขงเบ้งร้องมา ก็ขับม้ามาข้างหน้าแล้วสั่งทหารว่า ถ้าเห็นทหารขงเบ้งรบพุ่งเข้ามาก็ให้ถอยเสีย กองทัพเราจะยกวกมาข้างหลังค่ายกองหนึ่ง ถ้าเห็นแสงเพลิงติดขึ้นแล้ว จงเร่งรบพุ่งฆ่าฟันเข้าไป
ขงเบ้งเห็นปี่เอียวขี่ม้าเดิรออกมาหน้าทหารทั้งนั้นจึงร้องว่า ท่านจะออกมาเจรจาด้วยเรานั้นหาควรไม่ จงกลับไปบอกโจจิ๋นให้ออกมาพูดกับเราจึงจะควร ปี่เอียวก็โกรธจึงร้องตอบมาว่า โจจิ๋นนายเราเปนคนตั้งอยู่ในสัตย์ในธรรม หรือจะควรมาเจรจาด้วยท่านเปนคนพาลทรยศต่อแผ่นดิน นายเราเหมือนหนึ่งพฤกษาชาติซึ่งมีลำต้นเปนเงินมีใบแลดอกผลเปนทอง ก็ควรจะตั้งอยู่ในยอดเขา อันจะตั้งอยู่ในพื้นแผ่นดินหาควรไม่
ขงเบ้งได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงเอาพัดโบกให้ทหารล้อมเข้าจับเอาตัว ม้าต้ายเตียวหงียกทหารตีกระหนาบออกมาพร้อมกันทั้งสองข้างทาง ปี่เอียวก็ให้ทหารถอยหนีออกมาทางประมาณสามร้อยเส้น พอเห็นแสงเพลิงติดขึ้นข้างหลังค่ายขงเบ้ง ก็สำคัญว่าเกียงอุยจุดเพลิงขึ้นตามสัญญาแล้วก็ขับทหารรบเข้าไป ขงเบ้งก็ให้ทหารถอยล่อมา ปี่เอียวได้ทีก็ขับม้าไล่ขึ้นไปหน้าทหารทั้งปวง
กวนหินเตียวเปาซึ่งตั้งซุ่มอยู่ก็ยกทหารระดมยิงเกาทัณฑ์ออกมาทั้งสองข้าง ปี่เอียวรู้ตัวว่าต้องด้วยกลขงเบ้งก็ชักม้าหนี ทหารทั้งปวงแตกตื่นเหยียบกันล้มตาย แลถูกเกาทัณฑ์บาดเจ็บเปนสาหัส ปี่เอียวขับม้าหนีมาถึงปากทาง พบกองทัพเกียงอุยยกออกมาสกัดอยู่จึงร้องด่าว่า อ้ายขบถมึงแกล้งล่อลวงกูให้หลงด้วยกล
เกียงอุยก็หัวเราะแล้วจึงว่า กูตั้งใจจับโจจิ๋นอีก บัดนี้มาพลัดได้มึงเล่า ก็ตามเถิดเร่งลงมาจากม้าให้กูมัดเอาตัวดี ๆ อย่าพักหนีไปเลย ปี่เอียวเห็นทหารล้อมหน้าหลังไว้เปนสามารถจะหนีไปมิพ้น ก็ชักกระบี่เชือดฅอตายเสียในทันใด ทหารทั้งปวงนั้นก็กลับเข้านบนอบด้วยขงเบ้งสิ้น ขงเบ้งมีความยินดีก็ให้รีบยกทหารไปตั้ง ณ ตำบลเขากิสาน แล้วก็ปูนบำเหน็จทแกล้วทหารทั้งปวงตามความชอบ
ฝ่ายโจจิ๋นแจ้งไปว่าปี่เอียวเสียแก่ข้าศึกแล้ว จึงให้หาโกฉุยเข้ามาปรึกษา แล้วจึงแต่งหนังสือให้คนถือไปแจ้งแก่พระเจ้าโจยอยว่า ข้าศึกยกมาตั้งตำบลเขากิสาน แลเสียทแกล้วทหารล้มตายเปนอันมาก ปี่เอียวนายทหารใหญ่นั้นก็เสียแก่ข้าศึกแล้ว
พระเจ้าโจยอยแจ้งดังนั้นก็ตกใจ จึงให้หาสุมาอี้เข้ามาปรึกษาว่าบัดนี้โจจิ๋นบอกหนังสือมาว่า กองทัพเมืองเสฉวนยกล่วงเข้ามาตั้ง ณ ตำบลเขากิสานแล้ว ปี่เอียวก็ถึงแก่ความตาย ทแกล้วทหารทั้งปวงก็เสียเปนอันมาก ท่านจะคิดป้องกันข้าศึกประการใด
สุมาอี้จึงทูลพระเจ้าโจยอยว่า ซึ่งกองทัพเมืองเสฉวนจะยกมาทางตันฉองนั้นขัดสนมามิได้ จึงยกกองทัพตลบมาเดิรทางตำบลกิสานนี้ หวังจะแยกพลทหารมาตามทางลัด ข้าพเจ้าจะแต่งทหารออกไปตั้งปิดทางลัดทั้งปวงเสียให้สิ้นอย่าให้เข้ามาได้ ถ้าช้าอยู่ประมาณสองเดือนแล้ว กองทัพขงเบ้งก็จะขัดสนเข้าปลาอาหารเห็นจะเลิกไปเอง ฝ่ายเราได้ทีก็จะยกทหารโจมตีเอา เห็นจะจับตัวขงเบ้งได้โดยง่าย ขอให้มีหนังสือไปกำชับโจจิ๋นเสียอย่าให้ยกทหารล่วงไป จงยับยั้งดูท่วงทีชั้นเชิงขงเบ้งให้แน่นอนก่อน ให้ระมัดระวังกลของขงเบ้งซึ่งจะแต่งล่อลวงนั้นให้จงได้
พระเจ้าโจยอยเห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือตามคำสุมาอี้ให้หันค่ายถือไปแจ้งแก่โจจิ๋น สุมาอี้จึงสั่งแก่คนถือหนังสือว่า ท่านอย่าบอกแก่โจจิ๋นว่า เราทูลพระเจ้าโจยอยให้มีหนังสือกำชับมา โจจิ๋นจะน้อยใจเรา หันค่ายผู้ถือหนังสือรับคำแล้วก็คำนับลาไป ครั้นมาถึงค่ายโจจิ๋นจึงเอาหนังสือข้อรับสั่งนั้นให้ โจจิ๋นแจ้งในข้อรับสั่งแล้ว จึงปรึกษากันกับโกฉุยซุนเล้ว่า ข้อรับสั่งทั้งนี้ท่านจะเห็นประการใด
โกฉุยจึงว่า อันข้อรับสั่งทั้งนี้เห็นจะเปนความคิดของสุมาอี้ ให้มีหนังสือออกมา เห็นว่าเราทั้งปวงจะทำการได้ชัยชนะ มีความปราถนาจะเอาความดีใส่ตัวเองจึงให้ห้ามเสีย โจจิ๋นจึงว่าท่านว่าทั้งนี้เราก็เห็นด้วย ถ้าเราจะทำตามข้อรับสั่งนี้ แม้ว่ากองทัพเมืองเสฉวนมิถอยไปนั้นจะทำประการใด โกฉุยจึงว่า ถ้าฉนั้นขอให้ท่านใช้คนไปบอกแก่อองสงให้ยกทหารเข้าล้อมตีตัดสเบียงขงเบ้ งเสียให้ได้ ถ้าทหารทั้งปวงขัดสเบียงลงแล้วก็จะเลิกไป
ซุนเล้จึงว่าท่านคิดฉนี้ดีนัก ถ้าแลขงเบ้งขัดอาหารเข้าดังนั้น ข้าพเจ้าจะเอาดินประสิวสุพรรณถันบันทุกเกวียนให้มาก แล้วจะเอาหญ้าแลฟางปกเสีย จะคุมทหารเข็นเกวียนไปทำดังหนึ่งจะมาส่งลำเลียงท่าน จึงจะแต่งให้คนสอดแนมไปแจ้งแก่ขงเบ้ง ๆ ขัดสเบียงอยู่ก็จะให้ทหารมาตีเอา ข้าพเจ้าก็จะให้ทิ้งเกวียนเสีย ทหารขงเบ้งก็จะกลุ้มกันเข้าชิงสเบียง จึงเอาเกาทัณฑ์เพลิงยิงเข้าไปให้เพลิงติดขึ้นเผาทหารขงเบ้งเสีย แล้วจะยกออกโจมตีให้แตกไป
โจจิ๋นมีความยินดีก็สั่งให้ซุนเล้ทำตามอุบาย จึงให้ไปบอกอองสงให้ยกทหารลอบไปตีตัดสเบียงขงเบ้งเสีย แล้วโกฉุยยกไปรักษาทางซึ่งจะมาแต่เกเต๋งกิก๊ก มิให้กองทัพขงเบ้งยกมาได้ จึงเกณฑ์ทหารไปรักษาด่านทางสกัดเสียทุกตำบล แต่นั้นก็กำชับทหารให้ตั้งมั่นอยู่มิได้ออกรบพุ่ง
ฝ่ายขงเบ้งครั้นตั้งอยู่ ณ เขากิสาน มิได้เห็นกองทัพโจจิ๋นยกออกมารบ จึงปรึกษากับเกียงอุยว่า โจจิ๋นมิได้ยกทหารออกมาสู้รบ แต่ให้ตั้งมั่นไว้แล้วให้กองทัพยกไปตั้งสกัดทางทั้งปวงเสีย ซึ่งจะเอาสเบียงอาหารมาส่งทางตันฉองนั้นก็มิได้ แต่ในเดือนนี้ส่งสเบียงกันมิได้แล้วทหารเราก็จะขัดสนอิดโรยลง จะคิดประการใด แลเมื่อขงเบ้งปรึกษาอยู่นั้น พอม้าใช้มาบอกว่าชาวเมืองเสหลงมาแจ้งว่า ซุนเล้คุมทหารเกวียนสเบียงมาส่งกองทัพโจจิ๋นทางตวันตก
ขงเบ้งจึงถามว่า ซึ่งชื่อซุนเล้นั้นผู้ใด ชาวเมืองลกเอี๋ยงซึ่งมาเข้าเกลี้ยกล่อมนั้นจึงบอกว่า ซุนเล้คนนี้เดิมเปนขุนนางผู้น้อยฝ่ายพลเรือน ได้ตามเสด็จพระเจ้าโจยอยไปประพาสป่าครั้งหนึ่ง เสือไล่พระเจ้าโจยอยมาทหารทั้งปวงช่วยมิทัน ซุนเล้สามารถฉวยได้กระบี่วิ่งเข้าฟันเสือตาย พระเจ้าโจยอยจึงตั้งให้เปนนายทหารใหญ่ตามความชอบ ขงเบ้งแจ้งดังนั้นจึงว่า โจจิ๋นนี้เห็นว่าเราขัดสนสเบียงอยู่แล้ว แกล้งแต่งซุนเล้ให้คุมลำเลียงมาหวังจะลวงเผาทหารเรา ๆ ก็รู้อยู่ แต่แรกเราทำศึกมามีชัยชนะนั้น ก็เพราะกลอุบายลวงเผาทหารข้าศึกอีก แลบัดนี้โจจิ๋นจะลักเอาความคิดของเรามาทำแก่เราผู้เจ้าของนี้ยังจะได้อยู่ หรือ เราก็จะเอากลซ้อนเหนือกลบ้าง จึงให้ม้าต้ายคุมทหารยกไปตีเกวียนสเบียงสั่งกำหนดไปว่า ถ้าเห็นทหารโจจิ๋นคุมสเบียงมาพักอยู่ทางตวันตก ก็ให้ขึ้นไปเหนือลมจงเอาเพลิงเผาป่าลงมา ฝ่ายโจจิ๋นสำคัญว่าเรายกลงไปตีสเบียงต้องด้วยกลของตัวแล้ว ก็จะยกทหารมาล้อมค่ายเราไว้ จึงสั่งให้ม้าต๋งเตียวหงีคุมทหารห้าพันออกไปตั้งซุ่มอยู่นอกค่าย กำหนดว่าถ้าเห็นโจจิ๋นยกมาล้อมค่ายแล้วให้ตีกระทบเข้ามา จึงแต่งให้กวนหินเตียวเปาคุมทหารยกลอบไปซุ่มอยู่ให้ใกล้ค่ายโจจิ๋น ถ้าเห็นโจจิ๋นยกทหารออกมา ก็ให้เช้าชิงเอาค่ายให้จงได้ จึงให้งอปั้นงออี้คุมทหารไปตั้งอยู่ต้นทาง ถ้าเห็นข้าศึกเสียทีแล้วก็ให้ยกออกสกัดทางเสีย ขงเบ้งจัดแจงเสร็จแล้วพาทหารขึ้นไปอยู่บนเนินเขา
ฝ่ายซุนเล้ครั้นคุมเกวียนมาถึงริมเขาตวันตก ม้าใช้เอาเนื้อความมาบอกว่า บัดนี้ขงเบ้งแต่งทหารกองหนึ่งให้ยกมาจะตีเกวียนสเบียง ซุนเล้ก็ดีใจ จึงใช้ให้คนรีบไปบอกโจจิ๋น ๆ สั่งให้เตียวฮอกับงักหลิมซึ่งเปนกองหน้านั้นคอยระวังแสงเพลิงข้างตวันตก แลกระซิบบอกว่า ถ้าเห็นแสงเพลิงแล้วก็สมคเน เห็นขงเบ้งจะต้องในกลของเรา จงเร่งยกทหารไปล้อมค่ายขงเบ้งไว้ให้ได้ เตียวฮองักหลิมก็ให้คนขึ้นคอยดูแสงเพลิงอยู่บนเขา
ฝ่ายซุนเล้ครั้นมาถึงริมเขาเปนเวลาพลบคํ่า ก็ให้ทหารเอาเกวียนสุมกันเข้าไว้ แกล้งคอยทหารขงเบ้งจะยกมาปล้น ม้าต้ายคุมทหารมาถึงให้คนลอบเข้าไปดู เห็นทหารซุนเล้ตั้งล้อมเกวียนอยู่ จึงให้ทหารรายไปในป่าล้อมซุนเล้เข้าไว้โดยรอบ พอลมตวันตกพัดหนักมา ม้าต้ายก็ให้ทหารเอาเพลิงจุดเข้าด้นลม ลมก็โบกลงไป ซุนเล้ตกใจให้ทหารออกสกัดดับเพลิง เพลิงหนักขึ้นด้วยกำลังลมเข้ารอมิได้ ก็ไหม้เกวียนดินประสิวสุพรรณถันเข้า ซุนเล้ก็พาทหารหนีเพลิงออกมา ม้าต้ายให้ทหารโห่ร้องยิงเกาทัณฑ์รบต้านหน้าไว้ ทหารซุนเล้ก็ถูกเพลิงเจ็บปวดล้มตายเปนอันมาก ซุนเล้กลัวความตายก็พาทหารหักออกมาหนีไปได้
ฝ่ายเตียวฮองกับงักหลิมเห็นแสงเพลิงติดขึ้นดังนั้น ก็ยกทหารออกมาล้อมค่ายขงเบ้งเข้าไว้ ม้าต๋งเตียวหงีซึ่งตั้งอยู่นอกค่ายเห็นทหารโจจิ๋นยกมาล้อมดังนั้น ก็ตีกระทบออกมาพร้อมกัน ทหารเตียวฮองักหลิมมิทันรู้ตัวถูกเกาทัณฑ์ล้มตายเปนอันมาก ก็แตกร่นกันมาถึงปากทาง พอพบงอปั้นงออี้คุมทหารออกมาสกัดอยู่ ยิงเกาทัณฑ์รบพุ่งต้านทานไว้ ก็เข้าฆ่าฟันตลุมบอนกัน เตียวฮองักหลิมหักออกมาได้
แลขณะเมื่อเตียวฮองักหลิมยกออกมาจากค่ายนั้น กวนหินเตียวเปาซึ่งไปตั้งซุ่มอยู่ก็ยกเข้าชิงเอาค่ายได้ ครั้นเตียวฮองักหลิมแตกมาถึงจะเข้าค่าย กวนหินเตียวเปาก็ให้ทหารเอาเกาทัณฑ์ระดมยิงออกมา แล้วยกทหารออกไล่ฆ่าฟันล้มตายเปนอันมาก เตียวฮองักหลิมก็แตกหนีไปหาโจจิ๋น จึงแจ้งเนื้อความให้ฟังทุกประการ โจจิ๋นก็เสียน้ำใจจึงกำชับตรวจตราให้ทหารรักษาค่ายมั่นไว้ มิได้ยกออกสู้รบด้วยทหารขงเบ้ง ทหารเมืองเสฉวนครั้นได้ชัยชนะแล้วก็ยกกลับมา
ฝ่ายขงเบ้งใคร่ครวญดูสเบียงอาหารเบาบางลงแล้ว ก็ให้ตรวจตราตระเตรียมทหารพร้อมทุกหมวดทุกกอง กำหนดจะเลิกทัพกลับไปเมืองเสฉวน ขณะนั้นเอียวหงีจึงห้ามว่า สงครามครั้งนี้ก็มีชัยชนะแก่ข้าศึกอยู่อีก เหตุไฉนท่านจึงจะให้ทหารกลับคืนไปเล่า ขงเบ้งจึงว่าเราทำการครั้งนี้ได้เปรียบก็จริง แต่ทว่าสเบียงอาหารซึ่งจะเปนกำลังแก่ราชการก็เบาบางแล้ว เกลือกว่าข้าศึกยกอ้อมไปปิดหลังไว้ก็จะเสียท่วงที ประการหนึ่งกองทัพเมืองลกเอี๋ยงอุดหนุนเพิ่มเติมกันก็จะต้องรบพุ่งช้าอยู่ อันการทำศึกถ้าเห็นจะชนะก็ควรรีบรัดทำการเสียแต่ต้นมือ อันเราจะเลิกทัพบัดนี้เล่า ก็เพราะเห็นว่ากองทัพเมืองลกเอี๋ยงมิอาจตามเรา แต่ยังวิตกอยู่ด้วยอุยเอี๋ยนผู้เดียว เราจึงจะใช้ให้ใครไปบอกให้คิดกลอุบายฆ่าอองสงเสียเห็นก็จะสำเร็จอยู่ ครั้นบอกดังนั้นแล้วเวลารุ่งเช้าขงเบ้งจึงให้เลิกกองทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง
ฝ่ายเตียวคับซึ่งไปรักษาด่านอยู่นั้น ยกทหารมาถึงค่ายโจจิ๋นจึงบอกว่า บัดนี้มีรับสั่งพระเจ้าโจยอย ให้ข้าพเจ้ายกทหารมาให้ท่านใช้สอยกิจการทั้งปวง โจจิ๋นจึงถามว่า เมื่อท่านจะยกมานี้ได้ลาสุมาอี้หรือไม่ เตียวคับจึงบอกว่าข้าพเจ้าได้ไปลา โจจิ๋นจึงถามว่าสุมาอี้ว่าประการใดบ้าง เตียวคับจึงบอกว่า สุมาอี้ว่าแก่ข้าพเจ้าว่า ถ้าขงเบ้งนี้เสียทีแก่เราก็เห็นจะไม่เลิกทัพไป แม้มีชัยชนะก็จะยกพลทหารกลับไปเปนมั่นคง แล้วเตียวคับจึงถามว่า แต่ท่านเสียทีแก่ขงเบ้งมานั้น ได้ให้คนไปสืบดูบ้างหรือไม่ โจจิ๋นจึงบอกว่ายังมิได้ให้คนไปดูก่อน เตียวคับจึงว่า ขอให้ท่านใช้คนไปสืบดูให้แน่นอนเถิด โจจิ๋นจึงใช้ให้คนไปสืบดูกลับมาบอกว่า ขงเบ้งเลิกทัพไปได้สองวันแล้ว โจจิ๋นแจ้งดังนั้นก็เอามือตบอกเข้า เสียใจว่าเรารู้มิทันขงเบ้งเลย
ฝ่ายอุยเอี๋ยนครั้นแจ้งว่าขงเบ้งจะเลิกทัพไปแล้ว สั่งมาให้ฆ่าอองสงเสีย จึงแต่งทหารให้ลอบยกไปซุ่มอยู่หลังค่ายอองสง สั่งว่าถ้าเห็นอองสงออกจากค่ายให้เอาเพลิงเผาค่ายขึ้นแล้วให้รีบหนีมา ครั้นจัดแจงเสร็จแล้ว ก็ให้ทหารทั้งปวงลาดไปก่อน สั่งกำชับว่าถ้าอองสงยกตามมาให้พากันหนีไปอย่ารออยู่ แล้วอุยเอี๋ยนกับทหารสามสิบคนก็เข้าซุ่มอยู่ในป่า แลในเวลากลางคืนนั้นม้าใช้เอาเนื้อความไปบอกแก่อองสงว่า บัดนี้อุยเอี๋ยนยกทหารหนีไปแต่เวลาพลบนั้นแล้ว อองสงแจ้งดังนั้นก็ยินดี จึงยกทหารออกจากค่ายรีบติดตามมา ทหารอุยเอี๋ยนซึ่งล่าไปนั้น เห็นทหารอองสงโห่ร้องกระชั้นเข้ามาใกล้ก็รีบหนีไป ทหารซึ่งซุ่มอยู่หลังค่ายอองสงนั้นได้ทีก็ลอบเข้าไปเอาเพลิงจุดค่ายขึ้น แล้วโห่ร้องวุ่นวายดังจะโจมตีเข้าไปแล้วก็พากันลัดหนีมา
ฝ่ายอองสงยกทหารตามไปวันนั้น เหลียวหลังมาเห็นแสงเพลิงติดขึ้น ณ ค่ายก็รู้ว่าอุยเอี๋ยนทำกล ชักม้าพาทหารจะกลับหลังมาค่าย อุยเอี๋ยนกับทหารสามสิบคนแอบอยู่ในรก ก็ชักม้ารำง้าวออกมาร้องว่ากูชื่ออุยเอี๋ยนอยู่นี่ อองสงเหลือบไปเห็นอุยเอี๋ยน จะชักม้าผินหน้าเข้ารับมิทัน อุยเอี๋ยนก็ฟันด้วยง้าวถูกตัวขาดตกม้าตาย ทหารทั้งปวงก็แตกตื่นไป อุยเอี๋ยนก็รีบกลับมาถึงเมืองฮันต๋ง จึงแจ้งแก่ขงเบ้งทุกประการ ขงเบ้งมีความยินดีก็แต่งโต๊ะเลี้ยงนายทัพนายกองทั้งปวง
ขณะนั้นม้าใช้จึงเอาเนื้อความไปบอกแก่โจจิ๋นว่า อุยเอี๋ยนฆ่าอองสงถึงแก่ความตายแล้ว โจจิ๋นแจ้งก็สลดน้ำใจ จึงเกณฑ์ให้เตียวคับซุนเล้โกฉุยตั้งอยู่รักษาด่านทางเมืองเตียงอั๋นทุกตำบล แล้วก็เลิกทัพกลับเมืองลกเอี๋ยง
กรุณาแสดงความคิดเห็น