สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 72
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 72
เนื้อหา
• พระเจ้าโจยอยกลับตั้งสุมาอี้เป็นนายทัพ• สุมาอี้คิดกลอุบายกำจัดเบ้งตัด
• สุมาอี้ยกกองทัพไปรบขงเบ้ง
• ม้าเจ๊กเตรียมการด้วยความประมาท
พระเจ้าโจยอยแจ้งดังนั้นก็ตกใจ จึงปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า กองทัพเมืองเราเสียทีแก่ขงเบ้งแตกหนีมาฉนี้ ท่านทั้งปวงจะคิดอ่านแก้ไขประการใด ฮัวหิมจึงทูลว่า กองทัพขงเบ้งยกมาครังนี้เห็นใหญ่หลวงนัก ครั้นจะนิ่งอยู่ฉนี้กองทัพขงเบ้งยกล่วงเข้ามาเราจะทำการขัดสน ขอพระองค์ยกทัพหลวงออกไปเอง ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงจะได้ตั้งใจทำราชการถวายให้สิ้นฝีมือ
จงฮิวได้ฟังจึงทูลว่า ผู้จะเปนนายทัพนายกองทั้งปวงให้รู้จักที่เสียที่ได้ เอาใจบำรุงทแกล้วทหารทั้งปวง ถ้าผู้ใดมีความชอบก็ปูนบำเหน็จให้ถึงขนาด ถ้ากระทำผิดก็ให้ลงโทษตามอาญาแม่ทัพ อันโจจิ๋นนี้เปนคนผู้ใหญ่เคยทำราชการมาก็จริง แต่มิใช่คู่มือกับขงเบ้ง ข้าพเจ้าเห็นทหารคนหนึ่งมีฝีมือเข้มขัน แม้พระองค์โปรดให้ออกรบกับขงเบ้งแล้ว ถ้าเสียทีแตกพ่ายเข้ามาข้าพเจ้าจะประกันถวายสีสะสิ้นทั้งโคตร แต่เกรงพระองค์จะไม่เห็นด้วย
พระเจ้าโจยอยจึงตรัสว่า บัดนี้ขงเบ้งทำการกำเริบได้ทีอยู่แล้ว แม้ท่านเห็นผู้ใดจะอาสาออกทำการได้ ก็ว่าออกให้แจ้งเถิดเรามิได้ขัด จงฮิวจึงทูลว่า อันขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงนี้ ข้าพเจ้ามิได้เห็นผู้ใด เห็นก็แต่สุมาอี้ผู้เดียว มีสติปัญญาหลักแหลมพอจะเอาชัยชนะขงเบ้งได้ พระเจ้าโจยอยจึงตรัสว่าท่านว่านี้ก็ชอบนัก บัดนี้สุมาอี้อยู่ตำบลใด จงฮิวทูลว่า ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่าอยู่เมืองอ้วนเสีย
พระเจ้าโจยอยได้ฟังจึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่ง เปนใจความว่า ตั้งให้สุมาอี้เปนขุนนางเหมือนแต่ก่อน แล้วให้จัดแจงทหารยกไปเขากิสานบัญจบกับกองหลวง ณ เมืองเตียงอั๋น จะได้ยกไปทำศึกกับขงเบ้ง แล้วก็ให้ทหารถือไปให้สุมาอี้ ณ เมืองอ้วนเสีย
ฝ่ายขงเบ้งยกมาถึงเขากิสาน จึงรู้ว่าโจจิ๋นแตกหนีไปก็มีความยินดีให้ทหารยกเข้าตั้งอยู่ในค่ายโจจิ๋น พอทหารมาบอกว่าลิเงียมอยู่ ณ ะเมืองเตงอั๋นให้ลิอ๋องผู้บุตรมาหาท่าน ขงเบ้งคิดสดุ้งใจว่าเอ๊ะเห็นกองทัพเมืองกังตั๋งจะยกมาตีเมืองเสฉวนกระมัง จึงให้หาลิอ๋องเข้ามาที่ข้างในแล้วถามว่า ท่านมาด้วยธุระสิ่งใด ลิอ๋องจึงบอกว่า ข้าพเจ้ามาหาท่านบัดนี้ด้วยเรื่องเบ้งตัดซึ่งมาอยู่กับโจผีแต่ก่อนนั้นเปน ความจำใจ โจผีเห็นว่าเบ้งตัดเปนคนมีสติปัญญาจึงเอาทรัพย์สิ่งสินไปให้เปนอันมาก แล้วตั้งให้เปนขุนนางผู้ใหญ่ไปรักษาเมืองซงหยง ครั้นโจผีหาบุญไม่แล้วโจยอยได้สมบัติ ขุนนางทั้งปวงชวนกันริษยาเบ้งตัดเปนอันมาก เบ้งตัดก็ไม่มีความสุข คิดถึงพระคุณท่านซึ่งเคยทำการมาแต่ก่อนนั้น จึงว่ากับข้าพเจ้าว่า ได้ทำการผิดแล้วว่าจะขอทำการแก้ตัวใหม่ แม้มหาอุปราชโปรดแล้วก็ให้ยกไปตีเอาเมืองเตียงอั๋นเถิด เบ้งตัดจะยกทหารเมืองซงหยงหนึ่ง เมืองซินเสียหนึ่ง เมืองกิมเสียหนึ่ง บัญจบกันเข้าตีเมืองลกเอี๋ยงแทนคุณมหาอุปราชให้จงได้ ขงเบ้งได้ฟังก็มีความยินดีนัก จึงปูนบำเหน็จให้แก่ลิอ๋องเปนอันมาก
ขณะนั้นทหารคอยเหตุเอาเนื้อความเข้ามาบอกขงเบ้งว่า บัดนี้โจยอยให้หนังสือรับสั่งไปตั้งสุมาอี้เปนขุนนางผู้ใหญ่ แล้วให้ยกกองทัพมาบัญจบกันกับโจยอยณะเมืองเตียงอั๋น ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็ตกใจสดุ้งขึ้น ม้าเจ๊กจึงว่าแก่ขงเบ้งว่า ถึงโจยอยจะยกทัพหลวงมาตั้งเมืองเตียงอั๋นจริงก็จะกลัวอันใด เราจะคิดอ่านเอาชัยชนะจับตัวให้จงได้ ขงเบ้งจึงว่า เราจะกลัวอันใดกับโจยอย เราเกรงแต่สุมาอี้คนเดียวมีสติปัญญาหลักแหลมนัก ถึงเบ้งตัดจะยกทหารขึ้นไปตีเอาเมืองหลวง แม้พบสุมาอี้ก็จะเสียทีเปนมั่นคง เพราะความคิดเบ้งตัดอ่อนกว่าสุมาอี้นัก
ม้าเจ๊กได้ฟังก็เห็นด้วยจึงว่า ถ้ากระนั้นเราจะนิ่งให้เบ้งตัดเปนอันตรายก็ไม่ชอบ จำจะมีหนังสือไปกำชับเตือนสติไว้ก่อน ขงเบ้งจึงแต่งหนังสือเปนใจความว่า เบ้งตัดเปนคนมีสติปัญญาคิดจะทำราชการไปตีเมืองลกเอี๋ยงสนองคุณพระเจ้าเล่า เสี้ยนนั้นเราก็ขอบใจมีความยินดีด้วย แม้สำเร็จราชการครั้งนี้ความชอบของท่านก็จะมีในพระเจ้าเล่าเสี้ยนมากกว่าขุน นางทั้งปวง บัดนี้เราได้ยินกิตติศัพท์ว่า โจยอยตั้งให้สุมาอี้เปนขุนนางผู้ใหญ่ แล้วให้จัดแจงทหารมาบัญจบกันกับกองทัพโจยอยณะเมืองเตียงอั๋น แม้สุมาอี้รู้เนื้อความว่าท่านจะทำการฉนี้ ก็จะยกกองทัพมารบท่านตัดศึกเสียก่อน เห็นว่าท่านจะทำการไม่สำเร็จ ให้ท่านคิดอ่านระมัดระวังตัวจงหนัก จะใช้ทแกล้วทหารทั้งปวงก็ตรึกตรองจงดีอย่าให้รู้ถึงสุมาอี้ แล้วก็ผนึกส่งให้ลิอ๋องถือไปให้เบ้งตัดณะเมืองซงหยง
ลิอ๋องจึงเข้าไปหาเบ้งตัดแจ้งเนื้อความทั้งปวง แล้วเอาหนังสือนั้นยื่นให้ เบ้งตัดรับมาฉีกผนึกออกอ่านดูแจ้งในใจความแล้วจึงหัวเราะ ว่าความคิดขงเบ้งดีจริงแต่คิดเกินสูงกว่าการไป เบ้งตัดจึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งเปนใจความว่า ข้าพเจ้าเบ้งตัดคำนับมาถึงมหาอุปราช ซึ่งท่านมีเมตตาช่วยเตือนสติมาทั้งนี้พระคุณหาที่สุดไม่ ข้อซึ่งสุมาอี้นั้นมหาอุปราชอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะรับเปนธุระ เพราะสุมาอี้อยู่ ณ เมืองอ้วนเสียนั้นทางไกลเมืองลกเอี๋ยงแปดพันเส้น แต่เมืองลกเอี๋ยงจะมาถึงเมืองข้าพเจ้านี้ ทางไกลหมื่นสองพันเส้น แม้สุมาอี้รู้เนื้อความกว่าจะขึ้นไปบอกโจยอย แล้วจึงจะยกทหารมาถึงข้าพเจ้าสักเดือนหนึ่งก็มิใคร่จะถึง ประการหนึ่งทหารทั้งสามหัวเมืองนี้ ข้าพเจ้าจัดแจงไว้พร้อมแล้ว ถึงมาทว่าสุมาอี้ยกมาข้าพเจ้าก็มิได้กลัวจะรบเอาชัยชนะให้จงได้ แล้วก็สั่งให้ลิอ๋องถือกลับมาให้ขงเบ้ง ๆ แจ้งในหนังสือดังนั้นก็โกรธ ทิ้งหนังสือแล้วลุกขึ้นสบัดมือกระทืบเท้าว่า เบ้งตัดคิดการดูหมิ่นฉนี้จะตายเพราะฝีมือสุมาอี้เปนมั่นคง
ม้าเจ๊กจึงถามว่า เหตุใดมหาอุปราชจึงว่าฉนี้ ขงเบ้งจึงว่า คำโบราณกล่าวไว้ว่า ผู้จะเปนขบถคิดร้ายต่อท่าน แม้ท่านไม่รู้ตัวจึงทำการได้สดวก บัดนี้เบ้งตัดทนงคิดการผิดไป แลสุมาอี้เปนขุนนางผู้ใหญ่ ถ้ารู้ว่าเบ้งตัดเปนขบถจะไปบอกโจยอยทำไมให้ช้าการ จะรีบยกทหารมาสักสิบวันก็จะถึงตัวเบ้งตัด ต่อจับตัวเบ้งตัดแล้วจึงจะกลับไปบอกโจยอยไม่ได้หรือ ทหารทั้งปวงได้ฟังก็เห็นด้วย ขงเบ้งจึงแต่งหนังสือให้ทหารรีบไปให้เบ้งตัดว่า ให้ระมัดตัวจงหนัก แม้รู้ไปถึงสุมาอี้จะเสียการ ทหารนั้นก็ลาขงเบ้งไป
ฝ่ายสุมาอี้อยู่ ณ เมืองอ้วนเสีย รู้ว่าพระเจ้าโจยอยแต่งกองทัพออกไปทำศึกกับขงเบ้งเสียทีเปนหลายครั้ง ก็เสียใจทอดใจใหญ่ สุมาสูกับสุมาเจียวซึ่งเปนบุตรสุมาอี้มีสติปัญญาหลักแหลม บิดาได้สั่งสอนให้ชำนาญในกระบวรสงครามมาแต่น้อย ครั้นเห็นบิดาทอดใจใหญ่จึงถามว่า บิดาวิตกด้วยสิ่งใด สุมาอี้จึงว่า เจ้าเปนเด็กถึงบิดาจะบอกก็จะรู้อันใด สุมาสูจึงว่า ซึ่งวิตกของบิดาข้าพเจ้าแจ้งอยู่แล้ว เพราะพระเจ้าโจยอยละเมินเราเสีย ข้าศึกจึงล่วงดูหมิ่นเข้ามาได้ถึงเพียงนี้
สุมาเจียวได้ฟังพี่ชายว่าดังนั้นจึงหัวเราะ ว่าบิดาอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าคะเนดูมิเช้าวันนี้ก็ตวันบ่ายเห็นหนังสือรับสั่งพระเจ้าโจยอยจะมา ถึง ท่านก็จะได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินเปนมั่นคง ขณะนั้นทหารก็เข้ามาบอกสุมาอี้ว่า พระเจ้าโจยอยให้หนังสือมาถึง สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ ลงคำนับกราบลงที่ตํ่าแล้วให้เชิญหนังสือรับสั่งเข้ามาอ่านแจ้งในใจความแล้ว ก็จัดแจงทหารจะยกไปเมืองเตียงอั๋นตามรับสั่ง พอทหารเข้ามาบอกว่าซินหงีเจ้าเมืองกิมเสียใช้ให้ทหารคนสนิธมาว่า จะบอกความลับแก่ท่าน สุมาอี้ก็ให้หาเข้ามา ทหารจึงบอกว่า ข้าพเจ้ามาหาท่านบัดนี้หวังจะแจ้งความลับ ด้วยเบ้งตัดอยู่ ณ ะเมืองซงหยงคิดขบถจะไปเข้าด้วยขงเบ้ง เตงเหียนผู้หลานกับลิจูคนสนิธจึงมาบอกแก่ซินหงี ๆ จึงให้ข้าพเจ้ารีบมาบอกท่าน
สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นจึงว่า แม้ขงเบ้งกับเบ้งตัดคิดกันเข้าแล้ว เบ้งตัดก็จะรับอาสายกไปตีเมืองลกเอี๋ยง ขงเบ้งจะเข้าตีเอาเมืองเตียงอั๋นก็จะสำเร็จโดยง่าย หากว่าบุญพระเจ้าโจยอยยังมากอยู่ จึงพเอิญให้พระเจ้าโจยอยกลับนับถือตั้งเราเปนขุนนางดังเก่า แล้วให้รู้เนื้อความนี้ เราจะนิ่งเสียบัดนี้ก็ไม่ชอบ จำจะคิดอ่านไปจับตัวเบ้งตัดตัดความคิดขงเบ้งเสียก่อน เห็นขงเบ้งก็จะถอยทัพกลับไป
สุมาสูจึงว่า เบ้งตัดเปนขุนนางผู้ใหญ่อยู่ ขอให้บิดาบอกหนังสือขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าโจยอยให้ทราบก่อน สุมาอี้จึงว่า อันการขบถจะนิ่งอยู่ช้านั้นไม่ได้ ข้าศึกจะมีกำลังมากขึ้น เราคิดอ่านยกกองทัพไปจับตัวเบ้งตัดแล้วจึงมากราบทูลพระเจ้าโจยอยต่อภายหลัง แล้วสุมาอี้จึงคิดกลอุบายให้เลียงกี๋ถือหนังสือรีบไปให้เบ้งตัดเปนใจความว่า ให้จัดแจงสเบียงอาหารไว้ให้พร้อม เราจะยกกองทัพไปบัญจบกัน ณ เมืองเตียงอั๋นทำศึกกับขงเบ้ง ครั้นเลียงกี๋ไปแล้ว สุมาอี้ก็จัดแจงทหารยกออกจากเมืองทางสองวัน พบซิหลงคุมทหารมา ซิหลงก็ลงจากม้าเข้าไปหาสุมาอี้บอกว่า บัดนี้พระเจ้าโจยอยจัดแจงทหารจะยกไปเมืองเตียงอั๋น เห็นท่านช้าอยู่จึงให้ข้าพเจ้ามาตามรีบยกกองทัพไป สุมาอี้จึงว่า บัดนี้เบ้งตัดเปนขบถเราจะรีบไปจับเสียก่อน แล้วก็เล่าเนื้อความทั้งปวงให้ซิหลงฟังทุกประการ ซิหลงได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย สุมาอี้จึงให้ซิหลงเปนกองหน้า ให้บุตรสองคนเปนกองหลัง รีบยกทหารไปถึงกลางทางพบทหารเบ้งตัดซึ่งถือหนังสือไปให้ขงเบ้งนั้นกลับมา ทหารเห็นประหลาทก็จับตัวมาให้สุมาอี้ ๆ จึงถามว่า ตัวเปนทหารผู้ใดไปไหนมาให้บอกตามจริงเราจะไว้ชีวิต แม้อำพรางเราจะตัดสีสะเสีย ผู้ถือหนังสือนั้นกลัวก็บอกความจริงทุกประการ แล้วเอาหนังสือขงเบ้งนั้นให้สุมาอี้อ่านดูแจ้งในหนังสือนั้นก็ตกใจ จึงว่าความคิดขงเบ้งนี้ต้องความคิดเรา แม้เบ้งตัดแจ้งหนังสือนี้แล้วทำตามขงเบ้งก็จะสำเร็จความคิดเปนมั่นคง หากบุญเจ้าเรายังมากอยู่ เทพดาจึงพเอิญให้เราจับผู้ถือหนังสือได้ แล้วสุมาอี้ก็รีบยกทหารไป
ฝ่ายเบ้งตัดอยู่ในเมืองซงหยงให้ไปชักชวนซินหงีเจ้าเมืองกิมเสียกับซินต๋ำ เจ้าเมืองซินเสีย เจ้าเมืองทั้งสองนั้นกลัวเบ้งตัดก็รับไว้แต่ปากแต่จัดแจงทหารเตรียมไว้ ถ้าสุมาอี้มาถึงก็จะรับเปนใส้ศึก เบ้งตัดก็ไว้ใจมิได้สงสัย พอเลียงกี๋ถือหนังสือสุมาอี้มาถึง เบ้งตัดรับหนังสือมาอ่านดูแจ้งในใจความแล้วจึงถามว่า บัดนี้สุมาอี้ยกมาแล้วหรือยัง เลียงกี๋จึงแกล้งบอกว่า สุมาอี้จัดแจงกองทัพจะยกไปเมืองเตียงอั๋นแล้ว เบ้งตัดได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงแต่งโต๊ะเชิญให้เลียงกี๋เสพย์สุรา เลียงกี๋ก็ลาเบ้งตัดออกจากเมืองไปหาซินต๋ำซินหงี บอกเนื้อความทั้งปวงซึ่งสุมาอี้ยกมานั้นให้ฟัง ซินหงีซินต๋ำจึงว่า เบ้งตัดให้สัญญาเราว่าเวลาพรุ่งนี้จะยกธงสำคัญของขงเบ้งขึ้น ให้เราทั้งปวงพร้อมกันยกไปตีเมืองลกเอี๋ยง
ฝ่ายเบ้งตัดจัดแจงทหารอยู่ในเมือง พอทหารมาบอกว่านอกเมืองนั้นมีข้าศึกยกมาเปนอันมาก แต่มิได้แจ้งว่าทหารผู้ใด เบ้งตัดได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ ขึ้นไปดูบนกำแพงเห็นธงสำคัญก็รู้ว่ากองทัพซิหลงยกมา จึงให้ทหารชักสะพานคูปิดประตูเมืองไว้ให้มั่นคง
ฝ่ายซิหลงควบม้าพาทหารเข้าไปถึงคูเมือง เห็นเบ้งตัดยืนอยู่บนกำแพง จึงร้องด่าว่าอ้ายโจรขบถต่อเจ้าเร่งออกมาหากูโดยดีกูจะไว้ชีวิต เบ้งตัดได้ยินก็โกรธให้ทหารเอาเกาทัณฑ์ระดมยิงลงไป ถูกหน้าผากซิหลง ทหารทั้งปวงเข้าประคองตัวซิหลงแล้วก็ถอยทัพออกไป เบ้งตัดเห็นดังนั้นก็เปิดประตูเมืองจะยกทหารไล่ออกไป พอสุมาอี้ยกมาถึง เบ้งตัดก็กลับเข้าตั้งมั่นอยู่ในเมืองดังเก่า สุมาอี้ก็ขับทหารให้เข้าล้อมเมืองไว้เปนสามารถ
ฝ่ายซิหลงกลับออกมาตั้งค่ายอยู่ พิษเกาทัณฑ์กลุ้มขึ้นพอเวลาเย็นก็ตาย ขณะเมื่อซิหลงตายนั้นอายุได้ห้าสิบเก้าปี สุมาอี้ก็จัดแจงศพซิหลงส่งขึ้นไปฝังไว้ ณ เมืองลกเอี๋ยงตามบันดาศักดิ์
ฝ่ายเบ้งตัดครั้นเวลาเช้าขึ้นดูบนเชิงเทิน เห็นทหารสุมาอี้เข้าล้อมเมืองไว้โดยรอบ มั่นคงเหมือนล้อมด้วยตรางเหล็ก ก็คิดวิตกนักไม่รู้จะแก้ไขประการใด พอเห็นซินหงีกับซินต๋ำยกมาก็ดีใจ สำคัญว่าจะยกมาช่วยก็เปิดประตูเมืองคุมทหารออกไปรับ
ซินหงีกับซินต๋ำเห็นดังนั้นก็ควบม้าเข้าไป แล้วร้องด่าเบ้งตัดว่า อ้ายขบถมึงคิดทรยศต่อเจ้าเร่งไปหาที่ตายเถิด เบ้งตัดได้ยินดังนั้นก็ตกใจควบม้าจะหนีเข้าเมือง เตงเหียนกับลิจูอยู่บนเชิงเทินก็ให้ทหารเอาเกาทัณฑ์ยิงต้านไว้ แล้วร้องว่าอ้ายขบถมึงอย่าเข้ามาเลย กูจะเปิดประตูเมืองรับสุมาอี้เอาความชอบแล้ว เบ้งตัดได้ฟังก็ตกใจควบม้าจะพาทหารหนีออกจากที่ล้อม พอซินต๋ำไล่มาทันเอาทวนแทงถูกเบ้งตัดตกม้าตายตัดเอาสีสะมาให้สุมาอี้ ทหารทั้งปวงก็เข้าหาสุมาอี้ เตงเหียนกับลิจูก็เปิดประตูเชิญสุมาอี้เข้าตั้งอยู่ในเมือง
สุมาอี้เกลี้ยกล่อมให้ราษฎรชาวเมืองอยู่เย็นเปนสุข แล้วให้ทหารเอาสีสะเบ้งตัดขึ้นไปถวายพระเจ้าโจยอย ๆ แจ้งเนื้อความทั้งปวงแล้วก็มีความยินดีนัก ให้ทหารเอาสีสะเบ้งตัดไปเสียบประจานไว้ณทางสามแพร่ง แล้วแต่งหนังสือรับสั่งใจความว่า ซินต๋ำกับซินหงีมีความชอบให้ตั้งเปนขุนนางผู้ใหญ่ ยกไปช่วยทำการศึกกับสุมาอี้ ให้ลิจูเปนเจ้าเมืองซินเสีย ให้เตงเหียนเปนเจ้าเมืองซงหยง แล้วก็สั่งให้ทหารถือไปให้สุมาอี้ ณ เมืองซงหยง พระเจ้าโจยอยก็จัดแจงกองทัพยกไปเมืองเตียงอั๋น
สุมาอี้จัดแจงตามหนังสือรับสั่งแล้ว ก็รีบยกกองทัพไปเมืองเตียงอั๋น รู้ว่าพระเจ้าโจยอยยกมาถึงเข้าตั้งอยู่ในเมืองแล้ว ก็หยุดทหารตั้งค่ายอยู่นอกเมือง สุมาอี้ก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าโจยอย ๆ เห็นสุมาอี้ก็มีความยินดี จึงตรัสว่าท่านอย่าน้อยใจเราเลย ซึ่งเราคิดผิดเบาความแพ้กลอุบายขงเบ้งนั้นเราขออภัยเสียเถิด ครั้งนี้เบ้งตัดคิดขบถหากว่าท่านรู้ หาไม่เมืองก็จะเปนอันตราย สุมาอี้จึงทูลว่า เมื่อเซงหงีให้ทหารไปบอกข้าพเจ้าว่าเบ้งตัดเปนขบถนั้น ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่าเบ้งตัดเปนขุนนางผู้ใหญ่ จะบอกหนังสือขึ้นไปกราบทูลพระองค์ให้มีหนังสือลงมาก่อนก็กลัวจะช้าไป ซึ่งข้าพเจ้าทำการละเมิดนอกรับสั่งโทษข้าพเจ้าก็ผิดอยู่ตามแต่พระองค์จะโปรด แล้วก็เอาหนังสือของขงเบ้งซึ่งจับได้นั้นถวาย
พระเจ้าโจยอยจึงตรัสว่า ท่านนี้มีสติปัญญาหลักแหลมหาผู้เสมอมิได้ แต่นี้ไปเมื่อหน้าถ้าผู้ใดทำความผิดโทษถึงตายแล้ว ก็ให้ฆ่าเสียเถิดอย่าบอกเราให้รู้เลย แล้วก็พระราชทานเครื่องยศสำหรับกษัตริย์ให้สุมาอี้เปนอันมาก ให้เร่งยกกองทัพไปรบกับขงเบ้ง สุมาอี้จึงทูลว่า เตียวคับมีฝีมือเข้มแขงเคยทำศึกมาเปนอันมาก ข้าพเจ้าจะขอให้เปนแม่ทัพไปด้วย พระเจ้าโจยอยก็โปรดให้ สุมาอี้ก็ถวายบังคมพาเตียวคับยกทหารไปเขากิสาน ฝ่ายพระเจ้าโจยอยครั้นให้เตียวคับกับสุมาอี้คุมทหารยกไปแล้ว จึงให้ซินผีซุนเล้คุมทหารกองหนึ่งยกไปช่วยโจจิ๋น
ครั้นสุมาอี้ยกทหารยี่สิบหมื่นล่วงด่านออกมา จึงให้ทหารทั้งปวงตั้งค่ายมั่นอยู่ แล้วให้หาเตียวคับเข้ามาปรึกษาว่า ซึ่งจะทำการรบพุ่งกับขงเบ้งบัดนี้จะวู่วามมิได้ ด้วยขงเบ้งนี้เจ้าปัญญาความคิดนัก อันเมืองไปเซียซึ่งโจจิ๋นไปรักษาอยู่นั้นก็ฬ่อแหลมอยู่ เห็นขงเบ้งจะแต่งกองทัพเปนสองกองยกแยกไปตีเอาเมืองไปเซียตำบลกิก๊กเกี่ยวไว้ เปนมั่นคง เราจะให้มีหนังสือไปถึงโจจิ๋นให้ระมัดระวังตรวจตรารักษามั่นไว้ จะให้ซินผีซุนเล้คุมทหารยกไปซุ่มอยู่ตำบลกิก๊กคอยตีกองทัพขงเบ้ง
เตียวคับจึงว่า ท่านคิดทั้งนี้ก็ชอบอยู่ แต่ตัวท่านนั้นจะยกไปทางตำบลใดเล่า สุมาอี้จึงว่า อันตำบลเกเต๋งกับเมืองหลิวเซียนั้นก็ใกล้กันอยู่เปนที่คับขันนัก แล้วเปนปากทางจะเข้าเมืองฮันต๋ง เราจะยกกองทัพไปซุ่มอยู่อย่าให้ทันรู้ เห็นขงเบ้งจะประมาทสำคัญว่าโจจิ๋นเลินเล่ออยู่จะไม่ตระเตรียมทหารป้องกัน เมืองไปเซีย ก็จะยกกองทัพรีบไปตีเอา ถ้าเราเห็นกองทัพขงเบ้งล่วงตำบลเกเต๋งเข้าไปแล้ว เราจะสกัดทางเสีย ขงเบ้งก็จะจนอยู่ แม้จะเลี้ยวไปตั้งเมืองหลงเส เราจะแต่งทหารไปตั้งสกัดทางน้อยทางใหญ่เสีย อย่าให้ทหารขงเบ้งออกเที่ยวหาสเบียงอาหารได้ก็จะขัดลง อยู่มิได้จะพาทหารหนีไปทางฮันต่ง ฝ่ายเราได้ทีก็จะยกกองทัพออกโจมตีเอา เห็นจะได้ชัยชนะฝ่ายเดียว
เตียวคับก็ยกมือขึ้นคำนับแล้วสรรเสริญว่า ท่านมีสติปัญญาเหมือนหนึ่งเทพดา สุมาอี้ปรึกษาเสร็จแล้ว ก็แต่งหนังสือให้คนถือไปถึงโจจิ๋นณะเมืองไปเซียแล้วจึงกำชับเตียวคับว่า เราจะคิดกลอุบายทั้งปวงถึงเห็นชอบด้วยกันก็ดีแต่ทว่าอย่าประมาท อันขงเบ้งนั้นจะเหมือนเบ้งตัดหามิได้ ตัวท่านเปนกองหน้าจะยกทหารเดิรทัพไปอย่าดูเบา จงแต่งกองสอดแนมไปดูลู่ทางทั้งปวงก่อน แม้มิได้เห็นผู้คนซ้ายขวาแล้วจึงยกไป ถ้ามิได้ตรวจตราซับทราบดูให้ถ้วนถี่ เห็นว่าได้ทีแล้วจะยกรีบไปนั้นก็จะต้องกลของขงเบ้งโดยไม่ทันรู้ตัว เตียวคับรับคำแล้วก็คำนับลายกทหารกองหน้าไป
ขณะนั้นขงเบ้งยกทหารมาตั้งอยู่ ณ เขากิสาน คนเอาข่าวราชการแจ้งแต่เมืองซินเสียไปบอกขงเบ้งว่า บัดนี้ซินต๋ำซินหงีลิจูเตงเหียน ซึ่งท่านให้ไปอยู่รักษาเมืองซินเสียด้วยเบ้งตัดนั้น คิดเอาใจออกหากกลับไปเข้าด้วยสุมาอี้เปนไส้ศึก ให้ยกกองทัพลัดทางมาประมาณแปดวัน เบ้งตัดมิทันรู้ตัวสุมาอี้ยกทหารเข้าโจมตีเอาเมืองซงหยงได้ ฆ่าเบ้งตัดถึงแก่ความตายแล้วสุมาอี้กลับไปทูลแก่พระเจ้าโจยอย ๆ มีใจกำเริบ บัดนี้กลับให้เตียวคับเปนกองหน้า สุมาอี้เปนกองหลวงคุมทหารยกมาอีกจะรบกับท่าน
ขงเบ้งได้แจ้งดังนั้นก็ตกใจ จึงว่าสุมาอี้ยกทหารมาครั้งนี้ เห็นจะล่วงเข้าไปตั้งสกัดอยู่ตำบลเกเต๋งจะปิดต้นทางเราเสีย ผู้ใดจะอาสาไปรักษาที่เกเต๋งไว้ได้ ม้าเจ๊กจึงว่า ข้าพเจ้าจะรับอาสาไปเอง ขงเบ้งจึงว่า ซึ่งท่านจะไปรักษาตำบลเกเต๋งนั้นก็ขอบใจ อันที่เกเต๋งนี้ตำบลน้อยก็จริงแต่ว่าเปนที่สำคัญนัก แล้วหากำแพงไม่ จะป้องกันรักษาก็ยาก ถึงว่าท่านมีฝีมือเข้มแข็งก็จะประมาทไปบ้าง ถ้าเกเต๋งตำบลเดียวเสียแก่ข้าศึก ทหารทั้งปวงก็จะเปนอันตรายสิ้น
ม้าเจ๊กจึงว่า เสียแรงข้าพเจ้าเปนทหารเรียนวิชาการมาแต่น้อยจนใหญ่ทำศึกมาก็ช้านาน แต่ตำบลเกเต๋งเท่านี้รักษาไว้มิได้ก็ตายเสียดีกว่าอยู่ ขงเบ้งจึงว่า ท่านอย่าประมาท อันสุมาอี้นี้มีปัญญาความคิดมากฝีมือก็เข้มแขง อนึ่งเตียวคับทหารเอกก็เปนกองหน้ามาด้วยแต่ล้วนคนดี ซึ่งท่านจะไปรักษาเกเต๋งไว้นั้นยังกะไรอยู่หรือ
ม้าเจ๊กจึงว่า อย่าว่าแต่สุมาอี้กับเตียวคับมาเลย ถึงโจยอยจะยกมาเองข้าพเจ้าก็มิกลัว แล้วทำหนังสือทานบนไว้ให้ขงเบ้งว่า ถ้าทำการมิได้เหมือนปาก ให้ประหารชีวิตข้าพเจ้าทั้งบุตรภรรยาเสียให้สิ้น ขงเบ้งรับเอาหนังสือทานบนแล้ว จึงเกณฑ์ทหารสองหมื่นห้าพันให้แก่ม้าเจ๊ก แล้วสั่งอองเป๋งให้ไปด้วย จึงว่าตัวท่านมีสติปัญญาอย่าได้ประมาท จงช่วยกันตรึกตรองคิดอ่านผ่อนผันให้จงดี และจะตั้งค่ายดูทำการทั้งปวงจงปรึกษาปรองดองให้พร้อมกันอย่าแก่งแย่งให้เสีย การ จงทำแผนที่มาให้แก่เรา ถ้าท่านช่วยกันรักษาตำบลเกเต๋งไว้ได้ก็จะมีความชอบ ม้าเจ๊กอองเป๋งรับคำขงเบ้งแล้ว ก็คำนับลาคุมทหารยกไปตำบลเกเต๋ง
ครั้นม้าเจ๊กอองเป๋งยกไปแล้ว ขงเบ้งจึงว่าแก่โกเสียงว่า อันม้าเจ๊กกับอองเป๋งจะไปรักษาเกเต๋งนั้น เราก็มีความวิตกอยู่มิวางใจเลย ด้วยเมืองหลิวเซียนั้นใกล้กันกับเกเต๋ง แล้วเปนซอกเขาป่าดงรกชัฏ มีที่จะซุ่มทแกล้วทหารไว้ได้มาก ท่านจงคุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปตั้งณะเมืองหลิวเซียซุ่มทหารไว้ ถ้าเห็นเกเต๋งจะเปนประการใด จงยกทหารไปช่วยม้าเจ๊กอองเป๋งให้ทันที โกเสียงคำนับลาแล้วก็ยกทหารไปตั้งอยู่ตามสั่ง
ขงเบ้งจึงให้หาอุยเอี๋ยนเข้ามาว่า บัดนี้เราให้โกเสียงไปตั้งณะเมืองหลิวเซียนั้นก็ยังมิวางใจเลย ด้วยการครั้งนี้เห็นจะใหญ่หลวงอยู่ ท่านจงยกทหารไปตั้งซุ่มไว้ณะหลังเกเต๋ง ถ้ากองทัพเราเสียทีก็จะได้ช่วยกัน อุยเอี๋ยนจึงว่า ข้าพเจ้าเปนทัพหน้า ชอบแต่ท่านจะใช้ให้ข้าพเจ้ายกไปทำความชอบก่อนอีก แลบัดนี้มหาอุปราชให้ม้าเจ๊กอองเป๋งโกเสียงยกไปเอาความชอบแล้ว จะกลับใช้ข้าพเจ้าเปนกองหน้าไปภายหลังก็จะเปล่าอยู่ จะเอาความชอบประการใด
ขงเบ้งจึงว่า ท่านอย่าน้อยใจเลย อันม้าเจ๊กแลอองเป๋งโกเสียงนั้นเห็นจะสู้เตียวคับมิได้ ท่านยกไปเปนกองหลังครั้งนี้ เห็นจะได้ทำการมีความชอบอีกแล้ว ตำบลเกเต๋งนั้นท่านอย่าคิดว่าเล็กน้อย เปนที่สำคัญอยู่ อย่าได้ประมาท อุตส่าห์ตรวจตราป้องกันเปนกวดขันอย่าให้เปนอันตรายได้ อุยเอี๋ยนก็คำนับลาออกมาจัดแจงทหารพร้อมแล้วก็ยกไปตั้งซุ่มอยู่ ณ หลังเกเต๋ง
ขงเบ้งจึงสั่งจูล่งกับเตงจี๋ว่า ท่านจงคุมทหารไปล่อทัพสุมาอี้ในตำบลกิก๊ก มาทว่าจะมิได้รบพุ่งก็ดี แม้กองทัพสุมาอี้เห็นเข้าก็จะตกใจ แลตัวเราก็จะยกกองหลวงไปเมืองไปเซียทีเดียว ถ้าได้เมืองไปเซียแล้วก็จะได้เมืองเตียงอั๋นด้วย เตงจี๋กับจูล่งรับคำแล้วก็ยกทหารไป ขงเบ้งจึงตั้งเกียงอุยเปนกองหน้า แล้วก็ยกทัพหลวงออกจากค่ายเขากิสาน
ฝ่ายม้าเจ๊กครั้นยกมาถึงเกเต๋ง ก็พิเคราะห์ดูภูมิฐานแล้วก็หัวเราะ จึงว่าตำบลเกเต๋งนี้มีซอกห้วยธารเขาเปนอันมาก ที่ไหนทหารสุมาอี้จะยกมาได้ มหาอุปราชนี้ปรารมภ์หาต้องการไม่ อองเป๋งจึงว่า อันตำบลเกเต๋งนี้มหาอุปราชกำชับมาว่าเปนที่คับขันอยู่เราอย่าประมาท ขอให้ท่านตั้งค่ายใหญ่ครอบปากทางนี้ลงไว้ ด้วยมีทางน้อยแยกเปนห้าทางเข้ามารวมกันในต้นทางนี้ เกลือกจะมีข้าศึกแต่งกองทัพแยกมาบัญจบกันจะไว้ใจมิได้
ม้าเจ๊กจึงว่า อันจะตั้งค่ายลงในกลางทางนี้หามีธรรมเนียมไม่ แลเขาริมทางนี้ก็โดดอยู่เขาเดียว ข้างตีนเขาเล่าก็มีป่าไม้รกชัฏ เหมือนเทพดามาแต่งที่ชัยชนะไว้ให้เรา เราจะยกทหารขึ้นไปตั้งซุ่มอยู่บนยอดเขาจะมิดีกว่าหรือ อองเป๋งจึงว่า จะทิ้งที่สำคัญเสียไม่เห็นด้วย แม้ตั้งค่ายปิดปากทางนี้ลงไว้แล้ว ถึงว่าข้าศึกจะยกมาสักสิบหมื่นก็เห็นจะไม่หักทางล่วงเราไปได้ ถ้าท่านจะคุมทหารขึ้นไปตั้งอยู่บนเขานั้น ข้าศึกรู้ยกทหารมาล้อมไว้ทั้งสี่ด้านจะมิจนเสียหรือ
ม้าเจ๊กหัวเราะแล้วจึงว่า ท่านว่าทั้งนี้เหมือนความคิดผู้หญิง โบราณว่าไว้ถ้าจะรบศึกให้อยู่ที่สูงถึงจะต่อด้วยศัตรูก็ได้เปรียบ อาจเอาชัยชนะได้โดยเร็วเหมือนผ่าไม้ไผ่ แม้ทหารสุมาอี้ยกมาเราจะไล่ให้แตกหนีไปมิให้มีเกราะติดตัวเลย
อองเป๋งจึงว่า โบราณว่าทำสงครามให้อยู่สูงก็ชอบอยู่ ถ้าแลจะตั้งอยู่บนเขานั้น ข้าศึกยกมาล้อมไว้ปิดทางน้ำเสียทหารเราจะอดน้ำระหายอยู่ เมื่อเปนฉนั้นแล้วจะคิดประการใด ม้าเจ๊กจึงว่า ท่านหารู้จักทำการศึกไม่ โบราณว่าจะทำสงครามให้ตั้งที่ตายก่อนแล้วจึงตั้งที่เปน แม้ข้าศึกล้อมเราไว้ให้ทหารทั้งปวงอดนํ้าก็เหมือนทำโทษใส่ตัวเอง ด้วยทำทหารเราอดน้ำแล้วหรือจะสู้ตายกับที่ ก็จะมีใจกำเริบโกรธมุขึ้น ถึงมาทว่าคนหนึ่งจะสู้ได้ตั้งร้อยคน จะหักออกไปให้จงได้ ข้าศึกก็จะแตกกระจายไป ตัวเราก็ได้เรียนรู้ในกลสงคราม ทำการศึกมาก็หลายครั้ง ถึงมหาอุปราชก็ได้ปรึกษาหารืออยู่เนือง ๆ เหตุไฉนตัวท่านเพียงนี้จะมาดูหมิ่นขัดขวางเรา
อองเป๋งจึงว่า ถ้าท่านมิฟังจะยกทหารขึ้นไปตั้งบนเขาก็ตามใจ ขอแบ่งทหารให้ข้าพเจ้ากึ่งหนึ่งเถิดจะไปตั้งค่ายอยู่ข้างทิศใต้ แม้ข้าศึกยกมาล้อมท่านข้าพเจ้าจะได้รบพุ่งต้านทานไว้ แลขณะเมื่อพูดกันอยู่พอชาวบ้านป่าพวกหนึ่งแตกมาบอกว่า บัดนี้ทหารสุมาอี้ยกกองทัพมาจะใกล้ถึงตำบลนี้แล้ว ม้าเจ๊กแจ้งดังนั้นจึงว่าแก่อองเป๋งว่า เราจะแบ่งทหารให้ท่านห้าพันจงไปตั้งค่ายอยู่เถิด เราก็จะยกทัพขึ้นไปตั้งบนเขา ถ้าแลทำการกำจัดข้าศึกเสียได้มีชัยชนะแล้ว เราก็มิบอกความชอบให้แก่ท่าน อองเป๋งรับเอาทหารแล้วก็ยกไปตั้งค่ายอยู่ไกลเขาทางประมาณร้อยเส้น จึงทำเปนแผนที่รีบให้คนเอาไปแจ้งแก่ขงเบ้ง
ฝ่ายสุมาอี้จึงใช้สุมาเจียวผู้บุตร คุมทหารยกไปสอดแนมดูสั่งว่า ถ้าไปถึงตำบลเกเต๋งอย่าเพ่อวู่วามจงยับยั้งซับทราบดู แม้เห็นขงเบ้งให้ทหารยกไปตั้งอยู่แล้วจงรีบมาบอกให้แจ้ง ขณะนั้นสุมาเจียวยกไปสอดแนมดู เห็นทหารขงเบ้งไปตั้งอยู่จึงกลับมาบอกแก่สุมาอี้ผู้บิดา
สุมาอี้แจ้งดังนั้นทอดใจใหญ่ว่า ขงเบ้งนี้มีปัญญารู้ตลอดล่วงไปประดุจหนึ่งเทพดา เรานี้รู้มิถึงเลย สุมาเจียวจึงว่า เหตุใดบิดามาด่วนเสียใจฉนี้เล่า ข้าพเจ้าเห็นว่าตำบลเกเต๋งนั้นแม้จะรบเอาก็ได้ง่าย ไม่พักวิตกเลย สุมาอี้จึงถามว่า เหตุไฉนจึงมาเจรจาประมาทฉนี้ สุมาเจียวจึงว่า ข้าพเจ้าไปสอดแนมดู เห็นตำบลเกเต๋งนั้นทหารขงเบ้งจะได้ตั้งค่ายอยู่ในที่สำคัญหามิได้ ขึ้นไปตั้งอยู่บนเขา สุมาอี้ได้ยินดังนั้นก็ยินดีจึงว่า แม้ฉนั้นก็เหมือนเทพดาช่วยเรา จะได้ให้ความชอบเปนมั่นคง แล้วสุมาอี้แต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าคุมทหารประมาณร้อยเศษรีบไปถึงตำบลเกเต๋ง เที่ยวดูท่าทางจะเข้าออกรอบเขานั้นแล้วก็กลับมา
ขณะนั้นม้าเจ๊กจึงสั่งทหารทั้งปวงว่า ถ้าเห็นทหารสุมาอี้ยกมาถึงตำบลนี้แล้ว เราโบกธงสำคัญขึ้นเมื่อใด ก็ให้กรูกันลงจากเขาเข้ารบพุ่งตีทหารสุมาอี้ให้แตกไปจงได้
ฝ่ายสุมาอี้ครั้นกลับมาแล้วก็ยังไม่แจ้งว่าที่ตำบลเกเต๋งนั้นผู้ใดมาตั้ง อยู่ จึงใช้ให้ทหารคนหนึ่งไปสืบดู ทหารกลับมาบอกว่าตำบลเกเต๋งนั้นม้าเจ๊กน้องม้าเหลียงคุมทหารมาตั้งอยู่ สุมาอี้แจ้งดังนั้นก็หัวเราะ จึงว่าม้าเจ๊กคนนี้ปรากฎก็แต่ชื่อ เปนคนหาปัญญาไม่ ขงเบ้งใช้คนโฉดเขลาฉนี้ก็จะเสียการเปนมั่นคง แล้วจึงถามทหารว่า จะยกมาตั้งอยู่แต่ม้าเจ๊กกองเดียวหรือ ๆ มีทหารตั้งอยู่แห่งใดบ้าง ทหารจึงบอกว่า อองเป๋งคุมทหารตั้งอยู่ไกลเขาออกไปทางประมาณร้อยเส้นนั้นค่ายหนึ่ง
สุมาอี้จึงให้เตียวคับยกไปตั้งสกัดต้นทางไว้ หวังมิให้อองเป๋งมาช่วยกันได้ แล้วให้ซินต๋ำซินหงีสองนายยกทหารไปตั้งปิดทาง ซึ่งทหารม้าเจ๊กจะลงมาตักน้ำกินนั้นเสีย จึงสั่งว่าถ้าเห็นเราทำการได้ท่วงทีแล้วก็ให้ช่วยกัน สุมาอี้จัดแจงกองทัพเสร็จไว้แต่ในเวลากลางคืน ครั้นเวลารุ่งเช้าก็ให้ยกทหารมา กองทัพสุมาอี้ตั้งล้อมเขาไว้
ฝ่ายม้าเจ๊กเห็นสุมาอี้ยกเข้าล้อมไว้ดังนั้นก็โบกธงสัญญาจะให้ทหารทั้ง ปวงลงมาตีทัพสุมาอี้ ทหารม้าเจ๊กเห็นข้าศึกมาล้อมอยู่เปนอันมากก็กลัวมิอาจลงมารบพุ่งได้แต่เรรวน อยู่ ม้าเจ๊กเห็นทหารทั้งปวงย่อท้อแก่ข้าศึกมิได้ลงมารบพุ่งก็โกรธ จับนายกองทหารสองคนฆ่าเสีย ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็กลัว ม้าเจ๊กจึงลงจากยอดเขาเข้ารบพุ่งด้วยทหารสุมาอี้เปนสามารถ ทหารสุมาอี้รบต้านทานไว้ไม่เปิดช่องให้ ทหารม้าเจ๊กจะหักออกมามิได้เหลือกำลังก็ถอยกลับขึ้นไป ม้าเจ๊กเห็นออกมามิได้ก็เสียใจ จึงให้ตั้งมั่นไว้บนเขาคอยกองทัพจะยกมาช่วย
ฝ่ายอองเป๋งเห็นสุมาอี้ให้ทหารเข้าล้อมเขาไว้ ก็ยกมาจะช่วยม้าเจ๊ก พอพบกองทัพเตียวคับตั้งสกัดทางอยู่ ก็เข้ารบพุ่งกันเปนสามารถ ทหารเตียวคับก็ตีต้านไว้มามิได้จึงถอยกลับไป สุมาอี้กำชับตรวจตราทหารให้ล้อมเขาไว้เปนกวดขัน แต่เวลาเช้าจนเที่ยง ทหารม้าเจ๊กจะลงมาตักน้ำกินมิได้ต่างคนเรรวนระส่ำระสายนัก อยู่มิได้ก็ลอบหนีลงมาเข้านบนอบสุมาอี้เปนอันมาก ทหารซึ่งยังอยู่บนเขามิลงมานั้น สุมาอี้ก็สั่งทหารให้เอาไฟจุดเผาล้อมขึ้นไป ทหารม้าเจ๊กก็ตื่นร่นเปนอลหม่าน ม้าเจ๊กเสียทีจะอยู่ต้านทานมิได้ก็พาทหารหักลงมา สุมาอี้ก็แกล้งให้ทหารแยกทางให้ม้าเจ๊กหนีไป
เตียวคับเห็นม้าเจ๊กแตกมา ก็ขับทหารไล่ติดตามกระชั้นจะจับเอาตัว พออุยเอี๋ยนรู้ยกทหารรีบมาช่วย พบม้าเจ๊กแตกมาก็แหวกทางให้ออกข้างหลัง อุยเอี๋ยนก็ขับทหารเข้ารบพุ่งด้วยเตียวคับ ๆ สู้มิได้ก็ถอยหนี อุยเอี๋ยนได้ทีก็ไล่ตามรบพุ่งกระชั้นไปจะตีคืนเอาเกเต๋งด้วย ครั้นรีบตามมาทางประมาณห้าสิบเส้น สุมาอี้กับสุมาเจียวพ่อลูกยกทหารมาตั้งซุ่มอยู่ก็ออกกระหนาบตีอุยเอี๋ยนทั้ง สองข้างทาง เตียวคับเห็นดังนั้นก็กลับรบสวนทางลงมา อุยเอี๋ยนเข้าอยู่ในหว่างกลางรบพุ่งฆ่าฟันตลุมบอนกันเปนอลหม่าน
ขณะนั้นทหารอุยเอี๋ยนตายในที่รบกึ่งหนึ่ง พออองเป๋งยกทหารมาทันเห็นสุมาอี้ล้อมอุยเอี๋ยนเข้าไว้ ก็ตีกระทบเข้าไปช่วยอุยเอี๋ยน ๆ เห็นอองเป๋งก็มีความยินดีจึงว่า ทีนี้เราไม่ตายแล้ว สองนายก็คุมทหารบัญจบกันระดมตีกองทัพสุมาอี้ ฆ่าฟันทหารล้มตายลงเกลื่อนทั้งสองข้าง สุมาอี้กับสุมาเจียวเตียวคับก็ถอยทหารพ่ายออกมา อุยเอี๋ยนกับอองเป๋งก็พากันกลับไปจะเข้าค่าย พอมาจะใกล้ถึงแลไปเห็นธงปักไสวอยู่ปลายค่าย ก็รู้ว่าข้าศึกเข้าชิงเอาค่ายได้แล้ว จึงให้ทหารรออยู่
ฝ่ายซินต๋ำซินหงีซึ่งเข้าอยู่ในค่าย เห็นอุยเอี๋ยนอองเป๋งกลับมาจะเข้าค่าย ก็คุมทหารยกออกมาต้านทานไว้ อุยเอี๋ยนอองเป๋งก็พาทหารหนีจะไปหาโกเสียง ณ เมืองหลิวเซีย ขณะนั้นโกเสียงแจ้งว่าเกเต๋งเสียก็ยกทหารมาช่วย พอพบอุยเอี๋ยนกับอองเป๋งแตกมาก็ไต่ถามแจ้งเหตุทั้งปวงทุกประการแล้วจึงว่า เวลาคํ่าวันนี้เราจะช่วยกันยกทหารเข้าปล้นเอาค่ายเกเต๋งคืนให้จงได้ ครั้นปรึกษาพร้อมกันแล้ว เวลาคํ่าก็แยกทหารออกเปนสามกอง ให้อุยเอี๋ยนยกไปเปนกองหน้า โกเสียงก็ยกทหารตามไป
ครั้นอุยเอี๋ยนยกมาถึงตำบลเกเต๋ง เห็นค่ายเปล่าอยู่มิได้มีผู้คนรักษาก็คิดว่าสุมาอี้แกล้งทำกลไว้ จึงให้รอทหารอยู่แต่นอกค่าย โกเสียงก็รีบยกทหารตามมาทันเช้า จึงปรึกษากันว่า บัดนี้เรายกมาเห็นแต่ค่ายเปล่ามิได้เห็นทหารสุมาอี้จะตั้งอยู่แห่งใดตำบลใด ก็ยังไม่รู้ อนึ่งอองเป๋งก็ยังมิมาถึงพร้อมกัน ว่ายังมิทันขาดคำก็ได้ยินประทัดจุดขึ้นทหารโห่ร้องเอิกเกริกก็ตกใจ แลไปเห็นแสงเพลิงจุดไหม้มาริมสองข้างทาง ทหารทั้งปวงก็ร่นเข้าหากัน ฝ่ายสุมาอี้ก็ให้ทหารล้อมโกเสียงกับอุยเอี๋ยนเข้าไว้ อุยเอี๋ยนกับโกเสียงก็ขับทหารเข้ารบพุ่งตลุมบอนกันอยู่ พออองเป๋งยกทหารมาตามเนินเขา เห็นโกเสียงกับอุยเอี๋ยนรบพุ่งกับสุมาอี้ดังนั้น ก็ให้จุดประทัดสัญญาขับทหารเข้าโจมตีหักกลางเข้าไปช่วยโกเสียงกับอุยเอี๋ยน ทหารล้มตายเปนอันมาก ก็พาอุยเอี๋ยนกับโกเสียงออกจากที่ล้อมได้ จะหนีกลับไปเมืองหลิวเซีย
กรุณาแสดงความคิดเห็น