สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 42
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 42
เนื้อหา
- จิวยี่เผาทัพเรือโจโฉ
- โจโฉถูกตีซ้ำเติมตามทางยับเยิน
- กวนอูปล่อยโจโฉ
- โจโฉจัดการหัวเมืองชายแดน
ฝ่าย โจโฉนั้นตั้งใจคอยฟังข่าวอุยกายอยู่ทุกเวลา เทียหยกจึงว่าแก่โจโฉว่า เวลาวันนี้ลมสลาตันพัดมา ขอให้ท่านจัดแจงระวังกองทัพเราอย่าให้มีอันตรายได้ โจโฉจึงตอบว่าท่านอย่าวิตกเลย อันเทศกาลนี้ถึงมาทว่าลมสลาตันจะมีมาก็น้อย ถึงจะมีเหตุมาก็พอจะแก้ไขได้
ฝ่ายคนสนิธของอุยกายครั้นมาถึงก็เอาหนังสือเข้าไปให้โจโฉ ๆ รับเอาหนังสือมาอ่านดูแจ้งในเนื้อความทั้งปวงแล้ว ก็ชวนทหารลงมาอยู่ ณ กองทัพเรือหวังจะคอยรับอุยกาย
ฝ่ายจิวยี่ครั้นเวลาเย็นใกล้จะได้ฤกษ์ จึงให้เอาตัวชัวโฮมามัดเข้าแล้วถามว่าเหตุใดตัวมาลวงเรา บัดนี้เราจะยกกองทัพไป ยังขาดแต่เครื่องเส้นธงชัย เราจะให้ตัดเอาสีสะตัวเส้นธงเอาฤกษ์ไว้ ชัวโฮจึงว่าการทั้งนี้กำเหลงงำเต๊กก็ได้ร่วมคิดกับข้าพเจ้าเหตุใดท่านจึงไม่ ฆ่าเสียด้วย จิวยี่จึงตอบว่า อันกำเหลงงำเต๊กนั้นเราใช้ให้ไปลวงดอกตัวทั้งสองจึงออกเนื้อความ แล้วให้ฆ่าชัวโฮตัดเอาสีสะเส้นธงชัย ครั้นเวลาพลบจิวยี่ก็ให้อุยกายคุมเรือยี่สิบลำ ซึ่งแต่งปักธงเขียวไว้นั้นรีบยกไป อุยกายรับคำจิวยี่แล้วแต่งตัวใส่เกราะลงเรือ คุมเรือเชื้อเพลิงยี่สิบลำไปตำบลเซ็กเพ็ก
ขณะนั้นพอเกิดลมสลาตันหนักมาก ทั้งเดือนก็สว่าง โจโฉจึงออกไปนั่งอยู่หน้าเรือกับทหาร แลเห็นคลื่นใหญ่มีมาตามลม โจโฉคิดประมาทว่าจิวยี่นั้นเห็นจะไม่พ้นมือเรา พอทหารมาบอกว่า บัดนี้อุยกายให้เรือน้อยมาแจ้งข้อราชการว่า ตัวอุยกายนั้นคุมเรือสเบียงมาแล้ว โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงว่า ซึ่งอุยกายมานี้เปนบุญของเรานัก เทพดาหากช่วยดลใจให้มา พอแลเห็นเรือนั้นเข้ามาใกล้ เทียหยกจึงแลไปเห็นเรือนั้นเบาฟ่องอยู่ก็มีความสงสัยจึงว่าแก่โจโฉว่า บัดนี้ลมสลาตันก็เกิดหนักอยู่ ซึ่งจะไว้ใจให้อุยกายเข้ามานั้นไม่ได้เกลือกจะเปนกลอุบาย ถ้ามีเหตุขึ้นจะแก้ไขขัดสนนัก โจโฉจึงถามว่าท่านเห็นอย่างไร เทียหยกจึงตอบว่า อันธรรมดาเรือบันทุกสเบียงอาหารก็จะเพียบหนักอยู่ บัดนี้ข้าพเจ้าแลเห็นว่าเรืออุยกายซึ่งมานั้นเบาฟ่องนํ้าอยู่ เกรงจะมีเหตุข้าพเจ้าจึงห้ามท่าน โจโฉเห็นชอบด้วยจึงให้บุนเพ่งออกไปห้ามไว้ก่อน บุนเพ่งกับทหารประมาณสิบสี่สิบห้าคนก็ลงเรือเร็วออกไปร้องห้ามว่า มหาอุปราชสั่งมาให้เรืออุยกายนั้นทอดไว้แต่ไกลก่อนอย่าเพ่อเข้ามา ด้วยเปนเวลากลางคืนอยู่ ครั้นว่าพอขาดคำลงทหารอุยกายก็ยิงเกาทัณฑ์มาถูกไหล่ขวาบุนเพ่งล้มลง แล้วให้ถอยเรือมาจึงจุดประทัดสัญญาขึ้น อุยกายได้ยินเสียงประทัดสัญญาดังนั้นจึงโบกธงสัญญาขึ้น พอลมสลาตันพัดหนักมา เรือทั้งยี่สิบลำก็ชักใบแล่นตามลมเข้าไปจุดเพลิงขึ้น แล่นประดากันเข้าไปปะเรือขนานกองทัพโจโฉ
ฝ่ายทหารโจโฉเห็นเพลิงติดขึ้นณ เรือขนาน ก็ชวนกันสาดน้ำดับเพลิงเปนอลหม่าน แต่ว่าลมพัดกล้านัก ครั้นจะแก้ไขก็ขัดสนด้วยโซ่แลสายยูนั้นตรึงไว้เปนมั่นคง เพลิงก็ยิ่งไหม้ลามขึ้น ฝ่ายอุยกายจึงพาทหารประมาณเก้าคนสิบคนลงเรือเร็วรีบเข้าไปหวังจะจับโจโฉฆ่า เสีย ขณะนั้นโจโฉแกว่งกระบี่เร่งให้ทหารดับเพลิง ๆ ยิ่งติดมากขึ้น ทหารทั้งปวงทนไฟมิได้ก็วิ่งวุ่นวายไป โจโฉจึงร้องให้เอาเรือรบเล็ก ๆ ถ่ายคนขึ้นบก ครั้นแลขึ้นไปเห็นค่ายบนบกนั้นเพลิงไหม้ขึ้นเปนหลายตำบลก็ยิ่งตกใจหนัก ครั้นเพลิงไหม้มาถึงเรือขนานซึ่งโจโฉอยู่ พอเตียวเลี้ยวเอาเรือเข้ามารับโจโฉก็ลงเรือจะหนีขึ้นบก
ฝ่ายอุยกายถือกระบี่นั่งอยู่หน้าเรือ แลเห็นโจโฉใส่เสื้อแดงหนีเพลิงลงเรือเร็วจะหนีขึ้นบก อุยกายจึงให้ทหารรีบแจวเข้าไปแล้วร้องว่าอ้ายโจโฉมึงจะหนีไปไหน โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งตกใจ เตียวเลี้ยวเห็นอุยกายตามมา จึงขึ้นเกาทัณฑ์ยิงไปถูกอุยกายตกนํ้าลง เตียวเลี้ยวจึงพาโจโฉขึ้นมาได้ถึงตลิ่ง เห็นทหารทั้งปวงแตกตื่นเปนอลหม่านมิได้เปนกระบวรทัพ เตียวเลี้ยวจึงให้เอาม้าตัวหนึ่งมาให้โจโฉขี่แล้วพาทหารรีบหนีไป
ฝ่ายฮันต๋งซึ่งคุมเรือรบสามร้อย ครั้นมาถึงก็ขับเรือทั้งปวงรบเข้าไปในหว่างเรือขนาน พอได้ยินเสียงคนอยู่ในนํ้าร้องให้ช่วยก็จำเสียงได้ว่าอุยกาย จึงให้ทหารลงไปช่วยพยุงขึ้นมา แล้วชักลูกเกาทัณฑ์ออกเสียจากไหล่ได้ แต่ปลายลูกเกาทัณฑ์นั้นหักติดเนื้ออยู่ ฮันต๋งจึงเอาปลายกระบี่ผ่าเอาลูกเกาทัณฑ์ซึ่งหักอยู่นั้นออกมาได้ จึงเอาแพรพันแผลบาดเจ็บไว้ แล้วฮันต๋งถอดเสื้อออกให้อุยกายใส่
ในขณะเมื่อเพลิงไหม้เรือขนานอยู่นั้น นายทหารซึ่งคุมเรือรบคนละสามร้อยนั้น เจียวขิมคุมเรือสามร้อยหนุนฮันต๋งเข้าไป แลตันบูคุมเรือรบสามร้อยตีเข้าไปในหว่างเรือขนานข้างทิศตวันตก จิวท่ายนั้นคุมเรือรบสามร้อยตีกระหนาบเข้าไปข้างทิศตวันออก ในขณะนั้นเรือรบจิวยี่กับเทียเภาแลเตงฮองกับชีเซ่งเปนปีกซ้ายปีกขวา จิวยี่มาถึงค่ายก็ตีตลุมบอนเข้าไปพร้อมกัน เพลิงนั้นติดเข้าที่ใดทหารจิวยี่ก็ตามเข้าไปถึงที่นั้น ทหารจิวยี่เข้าไปถึงไหนเพลิงก็ยิ่งไหม้ ติดลามขึ้นที่นั่นเปนอันมาก เหล่าทหารโจโฉรบพุ่งต้องอาวุธเจ็บปวดล้มตายเปนอันมาก ตกน้ำตายบ้าง ตายในเพลิงบ้าง
ฝ่ายกำเหลงแม่ทัพบก ขณะเมื่อเข้าจุดเพลิงเผาสเบียง ณ ค่ายฮัวหลิมเสียนั้น ลิบองเห็นแสงเพลิงก็คุมทหารยกหนุนเข้าไปจุดเพลิงเผาค่ายต่อกันไป กำเหลงได้ฆ่าฟันทหารโจโฉล้มตายเปนอันมาก ฝ่ายตังสิดกับพัวเจี้ยงก็ให้ทหารเอาเพลิงเผาค่ายทหารโจโฉขึ้นทั้งสี่ด้าน เหล่าทหารโจโฉสู้รบล้มตายบ้างหนีไปบ้าง ฝ่ายโจโฉกับเตียวเลี้ยวแลทหารประมาณร้อยเศษ เมื่อหนีขึ้นมาจากตลิ่งนั้น จะเข้าอาศรัยค่ายใดเพลิงก็ไหม้ลามไปเปนหลายค่าย จึงพากันหนีไปที่เพลิงยังไม่ติดขึ้นนั้น
ขณะเมื่อบุนเพ่งถูกเกาทัณฑ์กลับมาแล้ว ครั้นเพลิงไหม้เรือขนานขึ้น มอกายหนีออกได้มาพบบุนเพ่งเข้าก็พากันขึ้นตลิ่ง ได้ทหารประมาณห้าสิบคนรีบหนีไปพบโจโฉ ๆ จึงถามเตียวเลี้ยวว่า จะหนีไปแห่งใดจึงจะพ้นข้าศึก เตียวเลี้ยวจึงบอกว่า ให้หนีไปทางตำบลฮัวหลิมเห็นจะพ้นภัย โจโฉก็พาทหารทั้งปวงรีบหนีไป พอได้ยินเสียงทหารกองหนึ่งโห่ร้องตามมาข้างหลังก็ตกใจ
ฝ่ายลิบองตามมาใกล้เข้าจึงร้องว่า โจโฉมึงจะหนีไปแห่งใด ตัวกูเปนทหารซุนกวนมาคอยสกัดอยู่หวังจะเอาชีวิตมึง โจโฉได้ยินดังนั้นก็ให้เตียวเลี้ยวลงมาป้องกันข้างหลัง ตัวนั้นพาทหารรีบไปข้างหน้า แลไปเห็นเพลิงตรงทางจะไปนั้นไหม้ขึ้นเปนอันมาก พอได้ยินเสียงทหารคนหนึ่งร้องมาแต่เนินเขาว่า ตัวกูชื่อเล่งทองคุมทหารมาสกัดอยู่หวังจะเอาชีวิตมึง โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ พอซิหลงมาทันเข้าจึงว่า มหาอุปราชอย่ากลัว แล้วซิหลงก็เข้าสู้รบกับเล่งทองเปนสามารถมิได้แพ้ชนะกัน ซิหลงก็พาโจโฉรีบหนีต่อไป
ฝ่ายม้าเอี๋ยนกับเตียวคี ซึ่งโจโฉให้ไปตั้งค่ายอยู่ตำบลลิมหยงนั้น เห็นทัพโจโฉเกิดเพลิงไหม้ขึ้นก็คุมทหารสามพันยกมาช่วย พอพบโจโฉเข้าโจโฉค่อยคลายใจ ให้ม้าเอี๋ยนกับเตียวคีคุมทหารพันหนึ่งนำทางไปก่อน แลทหารสองพันนั้นโจโฉเอาไว้ป้องกันตัวไปข้างหลัง ม้าเอี๋ยนเตียวคีคุมทหารพันหนึ่งนำหน้าโจโฉไปทางประมาณร้อยเส้น พอได้ยินเสียงทหารกองหนึ่งโห่ร้องอยู่ข้างหน้าแล้วนายทหารร้องมาว่า ตัวกูชื่อกำเหลงคุมทหารมาสกัดอยู่ หวังจะจับอ้ายเหล่าร้ายฆ่าเสียให้สิ้นเชิง ม้าเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็โกรธขับม้าเข้าไปจะรบ ยังไม่ทันประอาวุธกัน กำเหลงเอาง้าวฟันถูกม้าเอี๋ยนตัวขาดสองท่อน เตียวคีเห็นดังนั้นก็โกรธ ขับม้าไปจะรบพุ่งแก้แค้นแทนเพื่อนกัน กำเหลงก็ขับม้าออกมาแล้วร้องตวาดด้วยเสียงอันดัง เห็นเตียวคีตกใจเสียทีกำเหลงก็เอาง้าวฟันเตียวคีตกม้าตาย ทหารทั้งปวงก็แตกหนีลงมาบอกเนื้อความแก่โจโฉ ๆ ได้ฟังดังนั้นก็พากันอ้อมหนีไปทางหับหุย
ฝ่ายซุนกวนซึ่งมาตั้งกองทัพอยู่ตำบลอุยเต้นั้น ครั้นเห็นแสงเพลิงไหม้ขึ้นที่กองทัพโจโฉก็มีความยินดี คิดว่าครั้งนี้จิวยี่ทำการชนะโจโฉแล้ว จึงให้ลกซุนจุดเพลิงขึ้นเปนสำคัญ ครั้นไทสูจู้มาพบซุนกวน ๆ จึงให้ลกซุนกับไทสูจู้คุมทหารบัญจบกันรีบยกมาช่วยจิวยี่ทำการ โจโฉเห็นกองทัพไทสูจู้ลกซุนยกมาก็พาทหารรีบลัดทางหนีจะไปตำบลอิเหลง พอพบเตียวคับเข้าโจโฉจึงให้คอยป้องกันข้างหลังกับเตียวเลี้ยวแล้วขับม้ารีบ หนีไป ครั้นเวลาจะใกล้รุ่งเหลียวหลังไปเห็นแสงเพลิงนั้นไกลแล้วก็ค่อยคลายใจลง จึงถามทหารทั้งปวงว่าที่นี้ชื่อตำบลใด ทหารจึงบอกว่าท่านมานี้จะใกล้ถึงตำบลฮัวหลิมอยู่แล้ว
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็รีบขับม้าพาทหารไปตามทางเนินเขา แลที่นั้นเปนดงไม้ใหญ่ โจโฉแหงนหน้าขึ้นแล้วหัวเราะด้วยเสียงอันดัง ทหารทั้งปวงเห็นโจโฉหัวเราะดังนั้นก็สงสัยจึงถามว่า ครั้งนี้เสียทีแก่ข้าศึกมา มหาอุปราชหัวเราะนี้ด้วยเหตุสิ่งใด โจโฉจึงบอกว่า เราหัวเราะนี้ด้วยเหตุว่าความคิดขงเบ้งกับจิวยี่ยังน้อยนัก แม้เราได้คิดอ่านทำการเหมือนขงเบ้งกับจิวยี่นั้น เราก็จะแต่งกองทัพมาซุ่มอยู่ ณ เนินเขาป่านี้ ที่ไหนข้าศึกจะหนีพ้นมือเรา นี่ขงเบ้งจิวยี่มิได้คิดเหมือนใจเรา ครั้นว่าสิ้นคำลง พอได้ยินเสียงประทัดแล้วเห็นแสงเพลิงจุดขึ้นสองข้างทาง ทหารก็โห่ร้องออกมาจากป่าเนินเขาเปนอันมาก แลจูล่งร้องมาว่า ตัวเรานี้ขงเบ้งให้มาคอยสกัดจับอ้ายศัตรูราชสมบัติฆ่าเสีย โจโฉได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงให้เตียวเลี้ยวเตียวคับป้องกันข้างหลัง โจโฉก็พาทหารหนีไป
ขณะนั้นทหารโจโฉทิ้งม้าแลอาวุธไว้เปนอันมากรีบหนีตามโจโฉไป ฝ่ายจูล่งแลทหารทั้งปวงจับได้ม้าแลเครื่องศัสตราวุธไว้เปนอันมาก เมื่อโจโฉหนีไปนั้นลมสลาตันพัดยังไม่หยุด จนเวลารุ่งขึ้นฝนตกห่าใหญ่ ครั้นฝนหายทหารทั้งปวงจึงพากันไปเที่ยวตีชิงเข้าปลาอาหารของราษฎรชาวบ้านนอก มาได้ พอพบเคาทูซิหลงกับที่ปรึกษาผู้น้อยสี่ห้าคนโจโฉจึงค่อยคลายใจจึงถามทหารว่า ป่านี้ชื่อใด ทหารก็บอกว่าแดนป่าตำบลอิเหลงทางนั้นเปนสองทาง โจโฉจึงว่า เราจะไปเมืองลำกุ๋นนั้นจะไปทางใดเร็ว ทหารบอกว่าไปทางใต้เร็วกว่าทางเหนือ ตัดตรงออกปากทางโฮโลก๊ก โจโฉได้ฟังดังนั้นก็พาหหารรีบไป ครั้นถึงตำบลโฮโลก๊กเห็นทหารทั้งปวงอิดโรยกำลังจึงให้หยุดหุงอาหาร แล้วให้ฆ่าม้าเสียเอาเนื้อแจกกัน แลทหารทั้งปวงถอดเสื้อถอดเกราะนั้นออกตากไว้ แล้วเอาม้าผูกให้กินหญ้า
ในขณะนั้นอาหารยังไม่ทันสุก โจโฉนั่งอยู่ใต้ร่มไม้หัวเราะขึ้น ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็มีความสงสัยจึงถามว่า เมื่อเวลาจะใกล้รุ่งนั้นท่านหัวเราะครั้งหนึ่งว่าขงเบ้งกับจิวยี่มีความคิด น้อย จูล่งก็คุมทหารออกมาโจมตีท่านจึงพาทหารหนีต่อมา บัดนี้เหตุใดท่านจึงหัวเราะอีกเล่า โจโฉจึงว่า ซึ่งเราหัวเราะนี้เพราะเห็นว่าความคิดขงเบ้งจิวยี่นั้นน้อยทำการไม่ตลอด แม้เหมือนตัวเราได้คิดการดังนี้ก็จะแต่งกองทัพมาซุ่มไว้ณปากทางนี้ ถ้าข้าศึกหนีมาก็จะจับตัวได้โดยง่าย ครั้นว่าสิ้นคำลง พอเห็นแสงเพลิงจุดขึ้นทั้งสี่ด้าน แล้วได้ยินเสียงทหารโห่ร้องอื้ออึงยกมาตั้งสกัดปากทางนั้นไว้กองหนึ่ง แลทหารทั้งปวงนั้นก็ล้อมเข้ามาเปนอันมาก เตียวหุยจึงร้องว่า อ้ายโจโฉนี้เปนศัตรูแผ่นดิน ขงเบ้งให้กูมาตั้งสกัดทางอยู่ ครั้งนี้เห็นมึงไม่รอดชีวิต โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ตกใจโดดขึ้นม้าพาทหารสี่ห้าคนรีบหนีไปก่อน แลทหารทั้งปวงนั้นก็แตกบ่าไปทุกตำบล แต่เคาทูเตียวเลี้ยวซิหลงรบพุ่งป้องกันอยู่ภายหลังแล้วหนีตามโจโฉไป เหล่าทหารซึ่งเตียวหุยคุมมานั้นก็ได้ม้าแลอาวุธทั้งเกราะแลเสื้อเปนอันมาก เตียวหุยนั้นมิได้ติดตามโจโฉไป
ฝ่ายโจโฉครั้นหนีมาไกลแล้ว เห็นทหารของตัวซึ่งตามมานั้นต้องอาวุธบาดเจ็บเปนหลายคน โจโฉจึงถามทหารทั้งปวงว่า เราจะไปเมืองลำกุ๋นนั้นไปทางใดจึงจะเร็ว ทหารคนหนึ่งจึงบอกว่า ทางลัดนั้นเร็วกว่าทางใหญ่ห้าร้อยเส้น อันทางลัดนั้นเดิรยากด้วยเปนซอกเขามีหลุมบ่อก็มาก บัดนี้ข้าพเจ้ารีบไปดูปากทางลัดมีกองเพลิงอยู่ โจโฉจึงสั่งให้ทหารไปตามทางซึ่งมีเพลิงอยู่นั้น ทหารจึงว่าทางลัดนั้นมีกองเพลิง ข้าพเจ้าคิดว่าพวกข้าศึกคงมาซุ่มสกัดอยู่เปนมั่นคง เหตุใดท่านจึงจะให้ไปทางนั้นเล่า
โจโฉจึงตอบว่า เรารู้อยู่ว่าความคิดขงเบ้งนั้นจะลวงเรา จึงแกล้งให้เอาเพลิงมากองไว้ปากทางลัด แล้วเอาทหารไปซุ่มไว้ทางใหญ่ หวังจะให้เราคิดเกรงกองเพลิงนั้นว่าจะมีทหารอยู่ จะให้เราคิดหนีไปทางซึ่งซุ่มทหารไว้นั้น ทหารทั้งปวงเห็นชอบด้วย โจโฉก็พาทหารรีบหนีไปตามทางลัดซึ่งมีกองเพลิงอยู่นั้น
ขณะเมื่อโจโฉหนีมานั้น ทหารทั้งปวงซึ่งต้องอาวุธเจ็บป่วยลำบากเปนอันมาก ทั้งอิดโรยกำลังอุตส่าห์รีบเดิรไปมิใคร่ได้ บ้างก็หลบหลีกเข้าไปแอบต้นไม้อยู่ริมเนินเขา แลทหารนั้นคั่งกันอยู่ โจโฉจึงถามว่า เหตุใดไม่รีบเดิรไป ทหารจึงบอกต่อกันมาว่า ทหารเจ็บป่วยเปนอันมาก ทั้งทางก็กันดารนัก ด้วยเปนซอกเขาแลเนินเขา แล้วเมื่อเช้านั้นฝนตกนํ้าขังอยู่ ที่หลุมที่บ่อแลท้องธารม้าแลคนเดิรลื่นลำบากนักจึงคั่งกันอยู่
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า เมื่อแรกจะยกกองทัพมานั้น ต่างคนต่างขันอาสาว่าจะรบพุ่งกว่าจะสิ้นชีวิต แม้ภูเขาแลแม่น้ำกั้นหน้าอยู่ก็จะทำตะพานทำลายภูเขาไปให้ได้ บัดนี้เสียทีกลับมา คนทั้งปวงย่อท้ออยู่หรือ โจโฉจึงให้คนป่วยเจ็บนั้นหลีกลงมาเดิรข้างหลัง แลทหารข้างหน้านั้นให้ตัดไม้ถมที่ลุ่มที่บ่อลงให้ม้าเดิรเร็วไปได้ แม้ผู้ใดไม่ทำตามให้ตัดสีสะเสีย แล้วสั่งเคาทูซิหลงซึ่งคุมทหารป้องกันข้างหลังนั้น ถ้าเห็นคนป่วยเจ็บไม่รีบเดิรก็ให้ฆ่าเสียอย่าให้ข้าศึกพบพาน เหล่าทหารข้างหน้าก็ทำตามคำโจโฉสั่ง โจโฉก็ขับม้ารีบไป ในขณะนั้นทหารทั้งปวงเหยียบกันตายเปนหลายคน ผู้ซึ่งเจ็บป่วยไปไม่ได้นั้นทหารทั้งปวงก็ฆ่าเสียบ้าง คนทั้งปวงกลัวต่างคนต่างร้องไห้
โจโฉได้ยินเสียงร้องไห้ก็โกรธ จึงว่าเหตุใดคนทั้งปวงจึงร้องไห้อื้ออึงดังนี้ อันเปนแลตายนั้นก็สุดแต่บุญแลกรรม ครั้นไปพ้นซอกเขาเห็นทหารซึ่งมาด้วยนั้น เหลืออยู่ประมาณสามร้อยเศษโจโฉก็ให้เร่งทหารรีบเดิรไป ทหารทั้งปวงจึงว่าม้าแลคนอ่อนนักแล้ว ขอให้หยุดอยู่ก่อนสักหน่อยหนึ่งจึงค่อยไป โจโฉก็ว่า เร่งไปให้ถึงเมืองเกงจิ๋วก่อนจึงหยุดพักเถิด แล้วรีบขึ้นม้าไปทางห้าสิบเส้นถึงตำบลฮัวหยง โจโฉก็หัวเราะขึ้น ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็สงสัยจึงถามว่า ท่านหัวเราะถึงสองครั้งก็มีเหตุทุกที บัดนี้หัวเราะอีกใยเล่า โจโฉจึงว่า เราหัวเราะเย้ยความคิดขงเบ้งจิวยี่ ด้วยที่นี้ชอบกลมิได้แต่งทหารมาซุ่มไว้ แม้มีพวกขงเบ้งจิวยี่มาตั้งสกัดอยู่เราก็จะเสียทีแก่เขา ครั้นว่าขาดคำดังนั้น พอได้ยินเสียงประทัด แล้วกวนอูขี่ม้าถือง้าวคุมทหารออกมายืนสกัดทางไว้
โจโฉเห็นดังนั้นก็ตกใจจะหนีไปก็มิได้ แล้วคิดมานะขึ้นมาจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า บัดนี้จวนตัวแล้วให้ตั้งใจสู้รบทุกคน ทหารทั้งปวงจึงว่า คนทั้งปวงก็อ่อนอยู่แล้ว ทั้งม้าก็ไม่มีกำลัง จะเข้าสู้รบนั้นเห็นขัดสน เทียหยกจึงว่า จะหนีจะสู้นั้นก็ไม่ได้ อันน้ำใจกวนอูเปนทหารนั้นก็จริง ถ้าเห็นผู้ใดไม่สู้รบแล้วก็มิได้ทำอันตราย ประการหนึ่งเปนผู้มีความสัตย์ ทั้งรู้จักคุณคนนักด้วย แล้วท่านก็ได้เลี้ยงดูมีคุณไว้ต่อกวนอูเปนอันมาก แม้ท่านเข้าไปว่ากล่าวโดยดีเห็นกวนอูจะไม่ทำอันตรายท่าน โจโฉเห็นชอบด้วย จึงขับม้าเข้าไปใกล้ถ่อมตัวลงคำนับแล้วร้องถามว่า แต่ท่านจากเรามายังมีความสุขอยู่หรือ
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ยอบตัวลงคำนับแล้วว่า สุขแลทุกข์ก็เปนประมาณอยู่ บัดนี้ขงเบ้งให้ข้าพเจ้ามาฆ่ามหาอุปราชเสีย โจโฉจึงว่าเราแตกจิวยี่มาครั้งนี้ได้ความลำบากนัก ท่านจงเห็นแก่ความไมตรีของเราซึ่งมีไว้แก่ท่านแต่ก่อนจงเปิดทางให้เราไป กวนอูจึงตอบว่า ซึ่งคุณของมหาอุปราชอยู่กับข้าพเจ้านั้นก็จริงอยู่ ครั้งเมื่ออ้วนเสี้ยวยกมารบท่านตำบลแปแบ้นั้น ข้าพเจ้าได้อาสาฆ่างันเหลียงบุนทิวแทนคุณท่านแล้ว บัดนี้เปนการของขงเบ้งใช้ให้มา ซึ่งท่านจะให้ข้าพเจ้าเปิดทางให้ไปนั้น ขงเบ้งจะมิเอาโทษข้าพเจ้าหรือ
โจโฉจึงว่า ซึ่งท่านแทนคุณเราครั้งหนึ่งก็จริง แลเมื่อท่านหักด่านออกมาถึงห้าตำบล แล้วฆ่านายด่านแลทหารทั้งปวงเสียเปนอันมาก เราก็มิได้โกรธ ด้วยคิดถึงคำที่ท่านได้ว่าไว้ เราจึงให้หนังสือไปถึงแฮหัวตุ้นซึ่งอยู่แม่น้ำฮองโหให้ปล่อยท่านไป บัดนี้ตัวเราเข้าตาจนเหมือนหนึ่งคนตกน้ำ แล้วก็ไม่ต่อสู้ท่าน ๆ จงเห็นไมตรีเราซึ่งได้อ้อนวอน ท่านจงปล่อยเราให้พ้นภ้ยเถิด กวนอูได้ฟังโจโฉว่าดังนั้นก็มีความสงสาร ทั้งคิดถึงคุณซึ่งมีมาแต่หลัง จึงขับม้าพาทหารหลีกทางเสีย
โจโฉเห็นดังนั้นค่อยคลายใจรีบขับม้าไป ทหารเหลือตามมาได้ประมาณสามสิบคน กวนอูเห็นทหารโจโฉซึ่งอยู่ภายหลังนั้นจะรีบตามโจโฉไป กวนอูจึงตวาดด้วยเสียงอันดัง ทหารซึ่งขี่ม้าเดิรเท้าได้ยินดังนั้นก็ตกใจจึงลงคุกเข่าคำนับกวนอูสิ้นทุกคน กวนอูเห็นทหารทั้งปวงอ่อนน้อมก็มีความสงสารมิได้ว่าประการ ใด ทหารทั้งปวงคำนับลากวนอูแล้วก็รีบตามโจโฉไป
ฝ่ายโจโฉครั้นมาพ้นตำบลฮัวหยง เหลียวหลังมาเห็นทหารซึ่งตามมายี่สิบเจ็ดคน ขณะเมื่อเดิรทางมานั้นโจโฉสรรเสริญกวนอูว่าสัตย์ซื่อนัก ครั้นเวลาพลบคํ่า โจโฉเห็นทหารกองหนึ่งจุดคบเพลิงมาข้างหน้าเปนอันมากก็ตกใจ คิดว่าครั้งนี้ชีวิตเราจะถึงแก่ความตายเปนมั่นคง ครั้นใกล้เข้าเห็นโจหยินก็ค่อยคลายใจ โจหยินเข้าคำนับโจโฉแล้วบอกว่า ข้าพเจ้ารู้ข่าวว่ามหาอุปราชเสียทีแก่ข้าศึกจึงคุมทหารมารับท่าน โจโฉจึงปรับทุกข์แก่โจหยินแล้วพาทหารเข้าเมืองลำกุ๋น โจหยินจึงให้แต่งโต๊ะแล้วเชิญโจโฉกับที่ปรึกษาเสพย์สุราหวังจะให้คลายความ ทุกข์
ขณะเมื่อกินโต๊ะอยู่นั้นโจโฉร้องไห้ ที่ปรึกษาแลทหารเห็นดังนั้นก็สงสัยจึงถามโจโฉว่า เมื่อแตกมากลางทางนั้นได้ความลำบากเปนอันมาก ข้าพเจ้าเห็นท่านหาสู้เปนทุกข์ไม่ บัดนี้ท่านพ้นมาจากเงื้อมมือข้าศึกแล้ว ชอบแต่จะซ่องสุมทหารยกไปแก้แค้นจึงจะควร เหตุใดท่านจึงมาร้องไห้ฉะนี้เล่า โจโฉจึงว่า ซึ่งเราร้องไห้เพราะเหตุคิดถึงกุยแก แม้กุยแกยังไม่ตายก็จะได้มาด้วยเรา ๆ ก็จะไม่ยากถึงเพียงนี้ ว่าแล้วก็ร้องไห้รํ่าถึงกุยแก
ครั้นเวลารุ่งเช้าโจโฉจึงว่าแก่โจหยินว่า เราจะกลับไปเมืองฮูโต๋ก่อน จัดแจงทหารแล้วจะยกมาตีเอาเมืองกังตั๋งให้ได้ ตัวเจ้าจงอยู่รักษาเมืองลำกุ๋น เราจะเขียนหนังสือเข้าผนึกไว้ให้สำหรับตัว แม้อับจนเมื่อใดก็ให้ฉีกผนึกออกอ่านดูแล้วจงทำตามหนังสือ อันชาวเมืองกังตั๋งนั้นจะไม่มายํ่ายีได้ แล้วโจโฉก็เขียนหนังสือเข้าผนึกส่งให้โจหยิน ๆ รับเอาหนังสือแล้วว่า เมืองหับป๋านั้นเปนแดนต่อแดนเมืองกังตั๋ง ท่านจะให้ผู้ใดอยู่รักษา โจโฉจึงว่า เมืองเกงจิ๋วกับเมืองลำกุ๋นเจ้าจงรักษาไว้ทั้งสองเมืองเถิด อันเมืองซงหยงนั้นเราก็ให้แฮหัวตุ้นอยู่รักษาแล้ว แต่เมืองหับป๋านั้นเราจะให้เตียวเลี้ยวอยู่เปนเจ้าเมือง แลลิเตียนกับงักจิ้นเปนปลัด ถ้ามีการสิ่งใดก็ให้บอกไปถึงจะได้ช่วยกัน แล้วโจโฉจัดแจงขุนนางแลทหารเมืองเกงจิ๋วได้เปนอันมากก็ยกกลับไปเมืองฮูโต๋ โจหยินจึงให้โจหองผู้น้องคุมทหารไปอยู่รักษาด่านอิเหลง
ฝ่ายกวนอูครั้นเปิดทางให้โจโฉไปแล้ว จึงคุมทหารกลับมาถึงหน้าค่ายแฮเค้าพร้อมกันกับเตียวหุยจูล่ง ในขณะนั้นเตียวหุยจูล่งได้ทหารแลม้ากับเครื่องศัสตราวุธสิ่งของต่าง ๆ เข้าไปให้ขงเบ้ง ๆ ครั้นรู้ว่ากวนอูมาถึงหน้าค่ายจึงพาเล่าปี่ทำเปนออกไปรับแล้วว่าแก่กวนอูว่า ตัวเรารู้ว่าท่านผู้มีน้ำใจช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินไปได้สีสะโจโฉซึ่งเปนศัตรู ราชสมบัติมา เราออกมารับท่านด้วยความยินดี
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่ ขงเบ้งเห็นกวนอูสเทินใจดังนั้นจึงแกล้งซ้ำว่า ท่านน้อยใจเราหรือว่าไม่ไปรับถึงกลางทาง แล้วว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า เหตุใดจึงไม่บอกข่าวให้เรารู้ก่อนจะได้ไปรับกวนอู ควรหรือนิ่งเสียได้ แกล้งให้กวนอูโกรธจนไม่พูดกับเรา กวนอูได้ฟังขงเบ้งว่าดังนั้นจึงว่าข้าพเจ้าจะมารับโทษ ขงเบ้งจึงแกล้งถามว่าท่านไปไม่พบโจโฉจะกลับมาเอาสีสะเราหรือ กวนอูจึงบอกว่า ข้าพเจ้าไปนั้นพบโจโฉเหมือนคำท่าน แต่ข้าพเจ้าหามีฝีมือไม่ โจโฉจึงหนีไปได้ ขงเบ้งก็หัวเราะแล้วถามว่า อันตัวโจโฉหนีไปได้นั้นก็ตามทีเถิด แต่ท่านยังจับทหารมาได้บ้างหรือไม่ กวนอูบอกว่า ถึงทหารโจโฉนั้นข้าพเจ้าก็จับไม่ได้ ขงเบ้งทำเปนโกรธแล้วว่า ตัวท่านไปพบโจโฉแล้ว หากคิดถึงคุ ณ เขาอยู่จึงมิได้เอาสีสะมานั้นโทษท่านใหญ่หลวงนัก ซึ่งสัญญาไว้แก่เรานั้นลืมเสียแล้วหรือ กวนอูจึงตอบว่า ซึ่งข้าพเจ้าได้สัญญาไว้ว่า ถ้าพบโจโฉแล้วมิได้เอาสีสะมานั้นก็จะให้สีสะข้าพเจ้าแทนตามสัญญา แล้วก็ชักกระบี่ออกจะตัดสีสะให้ขงเบ้ง ๆ เห็นกวนอูชักกระบี่จะตัดสีสะให้ดังนั้นก็เข้ายุดมือไว้แล้วห้ามว่าซึ่งเรา ใช้ท่านไปทั้งนี้ปราถนาจะให้ท่านแทนคุณโจโฉดอก มิได้คิดว่าจะเอาโทษท่าน ซึ่งท่านจะให้สีสะเราตามสัญญานั้นก็ขอบใจที่มิได้เสียความสัตย์ สมเปนชาติทหาร แล้วไปเถิด กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงเอากระบี่ใส่ฝักเสีย ขงเบ้งกับเล่าปี่ก็พากวนอูเข้ามาค่าย
ฝ่ายจิวยี่ครั้นมีชัยชนะแก่โจโฉแล้ว ก็ยกกองทัพกลับมา ณ ค่าย ให้ปูนบำเหน็จทหารใหญ่น้อยทั้งปวงตามสมควร จึงให้เอาเรือรบบันทุกทหารโจโฉซึ่งจับไว้ได้นั้นส่งไปให้ซุนกวนณปากน้ำเมือง กังตั๋ง แล้วจิวยี่ยกกองทัพไปตั้งอยู่ที่ตำบลลิมกั๋ง หวังจะคิดอ่านไปตีเมืองลำกุ๋น
กรุณาแสดงความคิดเห็น