สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 29
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 29
เนื้อหา
- โจโฉยกไปรบอ้วนเสี้ยวอีก
- อ้วนชงเสียทัพแก่โจโฉ
- อ้วนเสี้ยวตาย
- บุตรอ้วนเสี้ยวต่อสู้โจโฉ
- บุตรอ้วนเสี้ยวแก่งแย่งกันเป็นใหญ่
- อ้วนถำขอให้โจโฉยกมาช่วยรบอ้วนชง
- โจโฉยกไปล้อมเมืองกิจิ๋ว
- โจโฉตีทัพอ้วนชงแตก
- โจโฉได้เมืองกิจิ๋ว
ขณะนั้นตั้งแต่พระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จมาอยู่ ณ เมืองฮูโต๋ได้แปดปีแล้ว (พ.ศ.๗๔๖) ครั้นถึงเดือนสามข้างขึ้น โจโฉจึงให้แฮหัวตุ้นกับหมันทองคุมทหารไปอยู่รักษาเมืองยีหลำ หวังจะขัดทัพเล่าเปียวไว้ ให้ซุนฮกกับโจหยินอยู่รักษาเมืองฮูโต๋ แล้วโจโฉก็จัดแจงทหารเปนอันมากยกไปตีเอาเมืองอ้วนเสี้ยว ครั้นถึงตำบลแม่น้ำฮองโหจึงให้ข้ามไปตั้งคอยฟังข่าวอ้วนเสี้ยวอยู่
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวครั้นเข้าปีใหม่ค่อยคลายป่วย ก็จัดแจงทหารจะยกไปตีเอาเมืองฮูโต๋ สิมโพยจึงห้ามว่า ครั้งก่อนนั้นท่านเสียทีแก่โจโฉที่ตำบลกัวต๋อครั้งหนึ่ง ซองเต๋งครั้งหนึ่ง เสียทหารเปนอันมาก แลทหารซึ่งเหลือนั้นก็ยังอิดโรยอยู่ ขอท่านยับยั้งบำรุงทหารให้มีกำลังก่อนแล้วจึงค่อยคิดการต่อไป
ขณะนั้นพอม้าใช้มาบอกอ้วนเสี้ยวว่า โจโฉยกกองทัพมาตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮองโหแลกิตติศัพท์นั้นว่าจะยกมาตีให้ถึง เมืองกิจิ๋ว อ้วนเสี้ยวแจ้งดังนั้นจึงว่าแก่สิมโพยว่า เราจะยกกองทัพไปตีเมืองฮูโต๋ท่านมาห้ามปรามไว้ บัดนี้โจโฉก็ยกมาแล้ว ท่านจะนิ่งอยู่ให้กองทัพมาตีถึงเชิงกำแพงเมืองหรือ ครั้งนี้เราจะยกไปล้างโจโฉเสียให้จงได้ อ้วนซงผู้บุตรจึงว่า บิดาป่วยพึ่งจะค่อยคลายยังไม่หายสนิธ ซึ่งจะยกกองทัพไปนั้น โรคก็จะกำเริบมากขึ้น ข้าพเจ้าจะขออาสาคุมทหารไปทำการสงครามด้วยโจโฉ อ้วนเสี้ยวก็ยอม แล้วแต่งหนังสือให้ไปเร่งกองทัพเมืองเซียงจิ๋ว เมืองอิวจิ๋ว เมืองเปงจิ๋ว ให้มาบรรจบอ้วนซง ๆ นั้นตั้งแต่ได้ออกรบฆ่าสูฮวนเสียได้ก็มีใจกำเริบมา
ขณะเมื่ออ้วนเสี้ยวให้ไปเร่งกองทัพทั้งสามหัวเมืองนั้น อ้วนซงมิได้อยู่ท่า จึงคุมทหารประมาณห้าหมื่นเศษ รีบยกไปตั้งค่ายประชิดโจโฉ ๆ เห็นดังนั้นก็ให้เตียวเลี้ยวคุมทหารออกไปรบด้วยอ้วนซง ๆ ขับม้ารำทวนเข้าสู้กันกับเตียวเลี้ยวได้สามเพลง อ้วนซงทานกำลังเตียวเลี้ยวมิได้ก็ชักม้าหนี เตียวเลี้ยวขับม้าไล่ฆ่าฟันทหารอ้วนซงล้มตายเปนอันมาก อ้วนซงพาทหารซึ่งเหลือตายนั้นรีบหนีกลับเข้าไปในเมืองกิจิ๋ว
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวรู้ว่าอ้วนซงแตกหนีมาก็ตกใจ โรคซึ่งป่วยนั้นก็กำเริบขึ้น อาเจียนโลหิตไหลออกมาถังหนึ่ง ล้มลงสลบอยู่กับที่ นางเล่าชือผู้เปนภรรยาเห็นดังนั้นก็ตกใจ จึงชวนหญิงคนใช้ทั้งปวงอุ้มอ้วนเสี้ยวเข้าไปถึงที่ข้างใน แล้วให้หาสิมโพยฮองกี๋เข้ามาปรึกษากันซึ่งจะให้อ้วนซงเปนเจ้าเมืองกิจิ๋วแทน ตัว
ขณะนั้นอ้วนเสี้ยวฟื้นขึ้น ได้ยินดังนั้นแต่เจรจาไม่ออก จึงเอามือชี้เข้าที่อกของตัว แลนางเล่าชือเห็นอ้วนเสี้ยวเอามือชี้เข้าที่อกดังนั้น ก็เข้าใจว่าจะให้อ้วนซงเปนเจ้าเมือง จึงแกล้งถามอ้วนเสี้ยงหวังจะให้คนทั้งปวงได้ยินประจักษ์ ว่าเมืองกิจิ๋วนี้จะให้แก่อ้วนซงหรือ อ้วนเสี้ยวเจรจาไม่ออกก็พยักหน้าเอา พอลมปะทะขึ้นมาร้องด้วยเสียงอันดัง แล้วก็ชักเหลียวหลังมาก็สิ้นใจตาย
สิมโพยกับฮองกี๋เห็นอ้วนเสี้ยวตายแล้ว ก็ช่วยกันแต่งการศพอยู่ นางเล่าชือจึงเอาตัวนางทั้งห้าคน ซึ่งเปนภรรยาน้อยที่อ้วนเสี้ยวรักใคร่นั้นมาฆ่าเสีย แล้วคิดหึงส์หวงกลัวว่าตายไปนั้นจะพบกับอ้วนเสี้ยว ๆ จะผูกพันรักใคร่อยู่อีก จึงให้เอาดาบมาตัดผมแลแขน แล้วสับหน้าเสียให้เปนบาดแผล หวังจะให้อ้วนเสี้ยวพึงเกลียดชัง แล้วให้เอาศพหญิงห้าคนไปทิ้งเสีย อ้วนซงเห็นมารดาทำดังนั้น ก็คิดเกรงญาติพี่น้องของหญิงห้าคนจะมีใจพยาบาทแก่มารดาแลตัว จึงให้ทหารไปจับเอาญาติพี่น้องหญิงห้าคนนั้นมาฆ่าเสีย ฝ่ายสิมโพยกับฮองกี๋จึงแต่งการยกอ้วนซงขึ้นเปนเจ้าเมืองกิจิ๋ว แล้วแต่งหนังสือให้ทหารถือออกไปถึงอ้วนถำกับอ้วนฮีโกกันว่า บัดนี้อ้วนเสี้ยวถึงแก่ความตายแล้ว
ฝ่ายอ้วนถำยกกองทัพมาใกล้จะถึงเมืองกิจิ๋ว พบผู้ถือหนังสือแจ้งเหตุทั้งปวงว่าบิดาตายแล้ว จึงปรึกษากัวเต๋ากับซินเบ้งว่า บัดนี้บิดาเราถึงแก่ความตายแล้วเราจะคิดประการใด กัวเต๋าจึงว่าตัวท่านเปนบุตรผู้ใหญ่มิได้อยู่ในเมือง ข้าพเจ้าเห็นว่าสิมโพยกับฮองกี๋จะให้อ้วนซงเปนเจ้าเมืองแทนบิดาท่าน ขอท่านเร่งยกเข้าไปในเมือง แล้วให้ขุนนางทั้งปวงปรึกษาตามประเพณีจึงจะควร ซินเบ้งก็ตอบว่า ซึ่งจะให้อ้วนถำเข้าไปถึงในเมืองนั้นไม่ได้ ด้วยสิมโพยกับฮองกี๋เปนต้นคิด เกลือกจะทำกลไว้ประการใดอันตรายจะมีแก่เราต่างๆ กัวเต๋าจึงว่า ซึ่งท่านสงสัยดังนั้นก็ชอบอยู่ จงให้หยุดทหารไว้นี่ก่อน แต่ตัวข้าพเจ้าผู้เดียวจะขออาสาเข้าไปในเมือง ฟังดูดีแลร้ายให้ประจักษ์ แล้วจึงจะคิดอ่านต่อไป อ้วนถำกับซินเบ้งก็เห็นด้วย กัวเต๋าก็ลาอ้วนถำรีบเข้าไปหาอ้วนซง ๆ จึงถามกัวเต๋าว่า อ้วนถำพี่เรามาด้วยหรือไม่ กัวเต๋าจึงบอกว่า อ้วนถำรู้หนังสือซึ่งให้เร่งกองทัพนั้นก็รีบยกมาตั้งอยู่นอกเมือง แต่อ้วนถำเปนปัจจุบันป่วยอยู่ บัดนี้ใช้ให้ข้าพเจ้าเข้ามาฟังดูว่าจะยกกองทัพไปรบโจโฉเมื่อใด อ้วนซงจึงว่าเมื่อบิดายังไม่ตายนั้นได้สั่งไว้ให้เราเปนเจ้าเมืองกิจิ๋ว ให้ถ้วนถำนั้นคงอยู่เปนเจ้าเมืองเซียงจิ๋ว บัดนี้โจโฉก็ยกกองทัพมาตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮองโห ท่านจงกลับออกไปบอกแก่อ้วนถำให้ยกเปนกองหน้าไปทำการสงครามด้วยโจโฉก่อน แล้วเราจะยกกองทัพไปช่วย กัวเต๋าจึงตอบว่า อ้วนถำสั่งข้าพเจ้ามาให้แจ้งเนื้อความแก่ท่านว่า ในกองทัพซึ่งยกมาบัดนี้ หามีผู้ใดซึ่งมีสติปัญญาจะปรึกษาการสงครามไม่ อ้วนถำจะขอสิมโพยกับฮองกี๋ไปด้วยจะได้ช่วยคิดการ อ้วนซงจึงว่าซึ่งเราจะยกเปนกองหลวงไปนี้ ก็จะได้อาศรัยแต่ความคิดสิมโพยฮองกี๋ เมื่ออ้วนถำให้มาขอไปแล้วเราจะได้ผู้ใดเปนที่ปรึกษาเล่า กัวเต๋าจึงว่าถ้าท่านไม่ให้ทั้งสองคน ก็ขอแต่สิมโพยหรือฮองกี๋ไปด้วยแต่สักคนหนึ่งเถิด อ้วนซงมิได้รู้กลอุบาย ครั้นจะขัดอ้วนถำก็ไม่ได้ จึงเขียนชื่อสิมโพยฮองกี๋เสี่ยงทาย ถ้าจับถูกชื่อผู้ใดก็จะให้ผู้นั้นไป อ้วนซงจับถูกชื่อฮองกี๋ก็บังคับให้ฮองกี๋ไป แล้วอ้วนซงก็แต่งหนังสือให้ไปถึงอ้วนถำว่า เราให้ฮองกี๋มาเปนที่ปรึกษา ให้อ้วนถำยกเปนกองหน้ารีบเข้าไปทำสงครามด้วยโจโฉ เราจึงจะยกกองหลวงไปช่วย กัวเต๋ากับฮองกี๋ก็รับเอาหนังสือแล้วลาอ้วนซงไปถึงกองทัพอ้วนถำ ฮองกี๋นั้นเห็นอ้วนถำมิได้ป่วยเหมือนคำกัวเต๋าก็คิดฉุกใจไม่มีความสบาย กัวเต๋าจึงส่งหนังสือให้อ้วนถำ
อ้วนถำแจ้งในหนังสือดังนั้นก็โกรธจะให้ฆ่าฮองกี๋เสีย กัวเต๋าห้ามไว้แล้วเข้าไปกระซิบว่าแก่อ้วนถำว่า ครั้งนี้กองทัพโจโฉยกล่วงแดนเข้ามา อันฮองกี๋นี้อยู่ในเงื้อมมือเรา ซึ่งท่านจะด่วนฆ่าเสียนั้นไม่ควร ขอให้ท่านงดไว้ก่อนทำเปนไม่รู้เท่าอ้วนซง เราอุตส่าห์คิดอ่านทำการสงครามรบพุ่งโจโฉให้สำเร็จแล้ว จึงค่อยคิดอ่านเอาเมืองกิจิ๋วก็จะได้โดยง่าย อ้วนถำเห็นชอบด้วย จึงยกกองทัพไปถึงตำบลลิหยง
ฝ่ายโจโฉแจ้งดังนั้น ก็ยกล่วงไปตั้งประชิดค่ายอ้วนถำอยู่ อ้วนถำจึงให้อังเจี๋ยวคุมทหารยกออกไปรบด้วยโจโฉ ๆ ก็พาทหารออกไปยืนม้าอยู่หน้าค่าย แล้วให้ซิหลงคุมทหารออกรบด้วยอังเจี๋ยวได้ห้าเพลง ซิหลงเอาทวนแทงถูกอังเจี๋ยวตกม้าตาย โจโฉเห็นได้ทีก็ขับทหารเข้าไล่ฆ่าฟันทหารอ้วนถำล้มตายเปนอันมาก ครั้นเวลาจวบค่ำโจโฉก็พาทหารกลับเข้าค่าย อ้วนถำจึงให้ทหารรักษาค่ายไว้เปนมั่นคง แล้วแต่งหนังสือให้ม้าใช้ไปขอกองทัพอ้วนซงมาช่วย
อ้วนซงแจ้งในหนังสือดังนั้น จึงปรึกษากับสิมโพยเห็นพร้อมกันแล้ว ก็จัดแจงทหารห้าพันให้ยกไปช่วยอ้วนถำ ฝ่ายม้าใช้โจโฉรู้ก็เอาเนื้อความรีบไปบอกแก่โจโฉว่า บัดนี้อ้วนซงให้ทหารยกมาช่วยอ้วนถำ โจโฉแจ้งดังนั้นก็ให้ลิเตียนงักจิ้นคุมทหารไปสกัดตีทหารอ้วนซง ลิเตียนกับงักจิ้นคุมทหารรีบอ้อมไปสกัดฆ่าฟันทหารทั้งห้าพันนั้นล้มตายสิ้น
ฝ่ายอ้วนถำรู้ข่าวว่าอ้วนซงให้ทหารมาช่วยห้าพัน แลทหารโจโฉไปสกัดฆ่าฟันเสียก็โกรธ ว่าอ้วนซงไม่ยกมาช่วยเหมือนถ้อยคำ จึงด่าฮองกี๋เปนข้อหยาบช้า ฮองกี๋จึงว่าท่านอย่าเพ่อโกรธก่อน ข้าพเจ้าจะให้มีหนังสือไปถึงอ้วนซง ให้ยกกองทัพมาเองให้จงได้ แล้วฮองกี๋ก็แต่งหนังสือเปนใจความว่า ให้อ้วนซงยกกองทัพมาช่วย ครั้นแต่งหนังสือแล้วส่งให้อ้วนถำ ๆ จึงให้ม้าใช้ถือไปให้อ้วนซง
ฝ่ายอ้วนซงแจ้งในหนังสือนั้นแล้ว จึงปรึกษากับสิมโพยว่า ซึ่งฮองกี๋จะให้เรายกกองทัพไปช่วยอ้วนถำนั้น ท่านจะเห็นประการใด สิมโพยจึงว่า การซึ่งท่านได้เปนเจ้าเมืองนี้ กัวเต๋าก็มีสติปัญญาเห็นจะรู้เท่าอยู่ หากคิดกันกับอ้วนถำ ทำกลอุบายมาขอฮองกี๋ไปช่วยคิดการสงคราม แล้วจะยกกลับมาตีเอาเมืองกิจิ๋ว บัดนี้ซึ่งอ้วนถำให้ฮองกี๋มีหนังสือมาขอกองทัพไปช่วยนั้น ท่านอย่ายกไปเลย อ้วนถำหรือจะต้านทานความคิดแลฝีมือโจโฉได้ เราจะนิ่งไว้ให้อ้วนถำพ่ายแพ้แก่โจโฉ คิดว่าอุปมาเหมือนยืมมือโจโฉให้ฆ่าอ้วนถำเสีย อ้วนซงเห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือตอบไปว่า ซึ่งจะให้ยกกองทัพไปช่วยนั้นไม่ได้ ด้วยโจโฉก็ล่วงเข้ามาในแดนเรา จำเราจะตั้งรักษาเมืองไว้ คนใช้ก็รับเอาหนังสือรีบไปให้อ้วนถำ ๆ แจ้งในหนังสือดังนั้นก็โกรธ จึงให้เอาตัวฮองกี๋ไปฆ่าเสีย แล้วปรึกษากับกัวเต๋าซินเบ้งว่า เราคิดจะเข้าทำราชการด้วยโจโฉจึงจะมีความสุขสืบไป กัวเต๋ากับซินเบ้งยังมิได้ตอบประการใด
ฝ่ายม้าใช้รู้กิตติศัพท์ดังนั้น จึงเอาเนื้อความไปบอกแก่อ้วนซงตามคำอ้วนถำปรึกษา อ้วนซงแจ้งดังนั้นจึงปรึกษากับสิมโพยว่า แม้เราจะไม่ไปช่วยอ้วนถำ ๆ ก็จะเข้าด้วยโจโฉ เห็นเมืองเราจะเสียเปนมั่นคง สิมโพยเห็นชอบด้วย อ้วนซงจึงให้สิมโพยกับโซฮิวนายทหารอยู่รักษาเมือง แล้วให้เกณฑ์ลิกองกับลิเซียงพี่น้องคุมทหารสามหมื่นเปนกองหน้า อ้วนซงคุมทหารเปนอันมากเปนกองหลวงหนุนไปตั้งอยู่ใกล้ค่าย หวังจะช่วยอ้วนถำทำศึกด้วยโจโฉ
ฝ่ายอ้วนฮีกับโกกันรู้ข่าวดังนั้น ก็เกณฑ์ทหารยกมาตั้งค่ายเปนลำดับต่อค่ายอ้วนซงไป พอม้าใช้เอาเนื้อความมาบอกอ้วนถำว่า อ้วนซงกับอ้วนฮีแลโกกันยกมาช่วย อ้วนถำมีความยินดี ก็มิได้คิดอ่านซึ่งจะไปเข้าด้วยโจโฉ แล้วให้ตั้งมั่นดูท่วงทีกองทัพทั้งสามเมือง จะรบพุ่งด้วยโจโฉประการใด
ในขณะนั้นอ้วนซงอ้วนฮีโกกัน คุมทหารออกรบพุ่งเสียทีแก่โจโฉทุกครั้ง ถึงสิบเจ็บสิบแปดวัน ทหารต้องอาวุธล้มตายเปนอันมาก ครั้นอยู่มาวันหนึ่งโจโฉเห็นได้ที จึงจัดแจงทหารเปนสี่กอง ยกเข้าตีหักหาญพร้อมกันทั้งสี่ค่าย ทหารทั้งสามเมืองล้มตายบ้าง แตกหนีไปบ้าง จับได้บ้าง อ้วนถำกับอ้วนซงอ้วนฮีโกกัน เห็นจะต้านทานมิได้ก็ทิ้งค่ายเสีย พาทหารซึ่งเหลือนั้นหนีกลับไป โจโฉก็คุมทหารยกติดตามไป
ฝ่ายอ้วนถำกับอ้วนซงนั้นหนีเข้าไปในเมืองกิจิ๋วได้ แล้วให้ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ แต่อ้วนฮีกับโกกันคุมทหารตั้งค่ายรับโจโฉอยู่นอกเมือง โจโฏเกณฑ์ทหารให้ตั้งค่ายลง แล้วคุมทหารไปตีค่ายอ้วนฮีโกกันเปนหลายครั้งก็มิได้ กุยแกจึงว่าแก่โจโฉว่า อ้วนเสี้ยวก็ตายแล้ว อันทหารซึ่งเราจับไว้ได้นั้นบอกว่า บุตรอ้วนเสี้ยวทั้งสามคนนั้นก็แก่งแย่งกันอยู่ ผู้น้อยจะตั้งตัวเปนใหญ่ ครั้งนี้หากมีศึกมาจึงเข้าประนอมช่วยกันคิดอ่านป้องกันเมือง แม้ว่าว่างศึกอยู่ ต่างคนต่างจะแขงเมืองไว้ก็จะเกิดรบพุ่งกันขึ้นเอง ขอให้ท่านละเมืองกิจิ๋วเสียก่อน ยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วแลหัวเมืองฝ่ายใต้กำจัดเล่าเปียวเสียก่อน ฝ่ายบุตรอ้วนเสี้ยวทั้งสามคนนั้นเห็นกองทัพเราเลิกไป ก็จะคิดอ่านรบพุ่งชิงเมืองกันขึ้นเอง เมื่อเห็นกำลังถอยลงแล้ว จึงค่อยยกมาตีเอาเมืองกิจิ๋วก็จะได้โดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย จึงเลิกกองทัพกลับมาถึงค่ายตำบลลิหยง จึงแต่งให้กาเซี่ยงคุมทหารตั้งขัดทัพอยู่ตำบลนั้น แล้วให้โจหองคุมทหารถอยไปตั้งขัดทัพระวังริมแม่น้ำฮองโหไว้ โจโฉจึงให้จัดแจงทหาร แล้วยกกองทัพลงไปทางหัวเมืองฝ่ายใต้ ฝ่ายอ้วนฮีกับโกกันเห็นโจโฉเลิกทัพกลับไปก็มีความยินดี ต่างคนต่างก็ยกทัพกลับไปเมือง
ขณะนั้นอ้วนถำยังอยู่ในเมืองกิจิ๋ว จึงลอบปรึกษากับกัวเต๋าซินเบ้งว่า ตัวเราเปนบุตรใหญ่ อ้วนซงนั้นเปนบุตรภรรยาน้อย ทั้งอายุก็อ่อนกว่าเรา ซึ่งจะเปนใหญ่ในเมืองกิจิ๋วนี้เราไม่ยอม ท่านทั้งสองจะเห็นประการใด กัวเต๋าจึงว่า ท่านจงจัดแจงทหารออกไปตั้งอยู่นอกเมือง แล้วเกณฑ์ทหารไปซุ่มไว้ จึงให้เข้ามาบอกอ้วนซงสิมโพยว่า ท่านจะยกกลับไปเมือง แล้วให้เชิญอ้วนซงสิมโพยออกมากินโต๊ะ จึงให้ทหารซึ่งซุ่มอยู่นั้นจับอ้วนซงกับสิมโพยฆ่าเสีย เมืองกิจิ๋วก็จะได้แก่ท่าน อ้วนถำเห็นชอบด้วย จึงพาทหารออกมาตั้งอยู่นอกเมือง จัดแจงไว้พร้อมตามคำกัวเต๋า พออองสิวที่ปรึกษาอ้วนถำมาแต่เมืองเซียงจิ๋ว อ้วนถำเห็นอองสิ้วมาก็มีความยินดี จึงเล่าความซึ่งคิดจะทำร้ายอ้วนซงนั้นให้ฟัง อองสิวจึงว่า อันธรรมดาพี่น้องกันนั้น อุปมาเหมือนหนึ่งแขนซ้ายแขนขวา เหตุใดท่านจะมาคิดใจเบา ตัดแขนซ้ายขวาเสียนั้นไม่ควร เมื่อท่านทำร้ายแลตัดพี่น้องเสียได้นั้น ข้าพเจ้าเห็นจะไม่มีความสบาย แลท่านจะเอาผู้อื่นมาเปนพี่น้อง เขายังจะมีใจเจ็บร้อนด้วยท่านหรือ ซึ่งท่านจะฟังคำคนสอพลอยุยงนั้นไม่ควร ด้วยเขาเปนคนคิดสั้น จะเอาบำเหน็จปากแต่ครู่หนึ่งยามหนึ่งเท่านั้น
อ้วนถำได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงขับอองสิวออกไปเสียจากที่ แล้วให้คนใช้เข้าไปเชิญอ้วนซงสิมโพยตามคำกัวเต๋าว่า คนใช้ก็เข้าไปบอกอ้วนซงสิมโพยว่าอ้วนถำให้เชิญออกไปกินโต๊ะ อ้วนซงจึงปรึกษากับสิมโพยว่า ซึ่งอ้วนถำให้มาหาเราออกไปกินโต๊ะนั้นท่านจะเห็นประการใด สิมโพยจึงว่า ซึ่งอ้วนถำให้มาหาออกไป ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเปนความคิดกัวเต๋าทำกลอุบาย ถ้าจะออกไปบัดนี้ก็จะมีอันตรายเปนมั่นคง แม้จะนิ่งไว้ฉนี้ อ้วนถำกับกัวเต๋าจะมีความคิดแก่ขึ้น ขอให้ท่านยกกองทัพออกไปจับตัวอ้วนถำกับกัวเต๋ามาฆ่าเสีย เมืองเราจึงจะสิ้นเสี้ยนหนาม อ้วนซงเห็นชอบด้วย ก็เกณฑ์ทหารได้ห้าหมื่นยกออกไปนอกเมือง
ฝ่ายอ้วนถำเห็นอ้วนซงคุมทหารยกเปนกระบวรทัพออกมา ก็แจ้งว่าอ้วนซงรู้กลอุบายทั้งปวง แล้วอ้วนถำใส่เกราะถือทวนขึ้นม้าพาทหารออกไป แล้วร้องว่าแก่อ้วนซงว่า ตัวมึงคิดคดเอายาพิษให้บิดากูกินจนถึงแก่ความตาย แล้วตั้งตัวขึ้นเปนเจ้าเมืองใหญ่ จะบังคับบัญชากูซึ่งเปนพี่นั้นเห็นชอบอยู่แล้วหรือ
อ้วนซงได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารบกับอ้วนถำเปนสามารถ อ้วนถำทานกำลังอ้วนซงไม่ได้ ก็ขับม้าพาทหารทั้งปวงหนีไป อ้วนซงไล่ฆ่าฟันทหารอ้วนถำล้มตายเปนอันมาก ครั้นจะตามอ้วนถำไปเห็นจะไม่ทันจึงพาทหารกลับเข้าเมือง อ้วนถำเห็นอ้วนซงกลับไปแล้ว จึงพาทหารซึ่งเหลือหยุดอยู่ แล้วคิดจะยกกลับไปแก้แค้นอ้วนซง จึงให้เงียมเพ็กคุมทหารเปนกองหน้า ตัวนั้นเปนกองหลวง ยกกลับไปจะจับอ้วนซง
ฝ่ายอ้วนซงรู้ดังนั้น จัดแจงทหารแล้วยกออกมาจะรบด้วยอ้วนถำ เงียมเพ็กจึงขับม้าขึ้นไปหน้าทหาร แล้วร้องว่ากล่าวแก่อ้วนซงเปนข้อหยาบช้า อ้วนซงได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ขับม้าออกไปจะรบกับเงียมเพ็ก ลิกองจึงร้องห้ามว่า ซึ่งท่านจะออกไปรบกับเงียมเพ็กนั้นไม่ควร ข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปเอง แล้วลิกองก็ขับม้าออกไปรบด้วยเงียมเพ็กได้ห้าเพลง ลิกองเอาทวนแทงถูกเงียมเพ็กตกม้าตาย อ้วนถำเห็นเสียทีดังนั้นก็ขับม้าพาทหารซึ่งเหลือนั้นรีบหนีเข้าไปอยู่ใน เมืองเพ็งง้วนก้วนซึ่งเปนเมืองขึ้น รักษาหน้าที่เชิงเทินไว้เปนมั่นคง
ฝ่ายอ้วนซงยกตามไปเห็นดังนั้น จึงให้ทหารล้อมเมืองไว้ได้สามด้าน กัวเต๋าจึงว่าแก่อ้วนถำว่า ซึ่งจะตั้งรับอยู่ในเมืองนี้เห็นไม่ได้ ด้วยสเบียงอาหารก็น้อย ทั้งทหารอ้วนซงก็มีใจกำเริบ ขอให้ท่านมีหนังสือไปอ่อนน้อมต่อโจโฉ ให้โจโฉยกมาตีเมืองกิจิ๋ว อ้วนซงก็จะยกทัพกลับไปต้านทานโจโฉ ท่านจึงยกตีเปนทัพกระหนาบออกไป เห็นอ้วนซงจะเสียทีเปนมั่นคง อันโจโฉยกทัพมานั้นเปนทางกันดารด้วยสเบียงอาหาร แม้เราจะคิดอ่านกลับรบพุ่งด้วยโจโฉก็จะมีชัยชนะโดยง่าย ซึ่งข้าพเจ้าคิดทั้งนี้เห็นได้การทั้งสองฝ่าย อ้วนถำเห็นชอบด้วยจึงปรึกษาว่า ท่านจะเห็นผู้ใดซึ่งมีความคิดพอจะถือหนังสือไปให้โจโฉ กัวเต๋าจึงว่า ซินผีซึ่งเปนเจ้าเมืองเพงง้วนก้วนอยู่นี้มีสติปัญญา แล้วก็เปนน้องซินเบ้ง ถ้าให้ถือหนังสือไปเห็นจะพูดจาให้โจโฉยกมาได้
อ้วนถำจึงให้แต่งหนังสือเปนใจความว่า ข้าพเจ้าอ้วนถำขออ่อนน้อมคำนับมาแก่มหาอุปราช ให้ยกกองทัพมาช่วยกำจัดอ้วนซงซึ่งคิดมิชอบเสีย ข้าพเจ้าจะตีเปนทัพกระหนาบ ถ้าสำเร็จการแล้วข้าพเจ้าก็จะทำการสามิภักดิ์ด้วยท่านสืบไป ครั้นแต่งเสร็จแล้วก็ส่งให้ซินผีถือไป จึงสั่งว่าท่านจงคิดอ่านว่ากล่าวให้โจโฉยกมาให้จงได้ แล้วแต่งทหารสามพันไปส่งซินผีให้พ้นกองทัพอ้วนซง ซินผีรับเอาหนังสือแล้วก็ลาไปกับทหารสามพัน ครั้นพ้นกองทัพอ้วนซงแล้ว ซินผีก็ขับม้ารีบไปหาโจโฉทางเมืองทิศใต้แต่ผู้เดียว
ฝ่ายโจโฉครั้นยกมาถึงเมืองเซเปงก๋วนแดนเมืองเกงจิ๋ว เล่าเปียวรู้จึงจัดแจงทหารให้เล่าปี่ยกออกไปรบด้วยโจโฉ ขณะนั้นพอซินผีมาถึงจึงบอกเนื้อความแล้วส่งหนังสือให้ทหารเอาเข้าไปให้โจโฉ ๆ รับเอาหนังสือมาอ่านดูแจ้งเนื้อความแล้ว จึงปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า อ้วนถำมีหนังสือมาอ่อนน้อมแก่เรา ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด เทียหยกจึงว่าครั้งนี้เห็นอ้วนถำจะเสียทีแก่อ้วนซงแล้ว จึงมีหนังสือมาอ่อนน้อมหวังจะให้ท่านยกไปช่วยกำจัดอ้วนซงเสีย แลเนื้อความทั้งนี้ท่านอย่าได้เชื่อฟัง
ลิยอยกับหมันทองจึงว่า เดิมท่านยกกองทัพมาหวังจะกำจัดเล่าเปียว ซึ่งท่านจะเชื่อถืออ้วนถำแลยกกองทัพกลับไปนั้นไม่ควร ซุนฮิวจึงว่า ซึ่งท่านทั้งสามคนว่านี้เราไม่เห็นด้วย ทุกวันนี้แผ่นดินเปนจลาจล หัวเมืองทั้งปวงก็เข้มแขง อันเล่าเปียวนั้นได้เปนใหญ่ในเมืองเกงจิ๋ว เมืองขึ้นก็มีเปนหลายตำบล แต่เล่าเปียวนั้นมีสติปัญญาน้อย มิได้คิดให้แดนเมืองกว้างขวางออกไป อันอ้วนเสี้ยวถึงตัวตายแล้วก็ดี แต่ลูกหลานว่านเครือยังมีอยู่เปนอันมาก เมืองใหญ่ก็มีอยู่ถึงสี่หัวเมือง ๆ ขึ้นก็เปนหลายตำบล ทั้งทหารก็มีอยู่ประมาณร้อยหมื่นเศษ ถ้าลูกหลานพี่น้องอ้วนเสี้ยวปรกติกัน เห็นผู้อื่นจะไม่ไปย่ำยีได้ บัดนี้อ้วนถำกับอ้วนซงผิดกัน อ้วนถำให้มาอ่อนน้อมต่อท่าน ถึงจะคิดเปนกลประการใดก็เห็นจะได้ที่เรา ขอให้ยกกองทัพไปเปนทีช่วยอ้วนถำกำจัดอ้วนซงเสีย แล้วจึงคิดอ่านรบเอาอ้วนถำก็จะได้โดยง่าย
โจโฉได้ฟังซุนฮิวว่าเห็นชอบด้วย จึงให้หาตัวซินผีมากินโต๊ะ แล้วโจโฉถามซินผีว่า ซึ่งอ้วนถำให้หนังสือมาถึงเรานี้ โดยสุจริตหรือเปนกลอุบาย ซินผีจึงตอบว่า ซึ่งท่านถามทั้งนี้ข้าพเจ้าบอกไม่ได้ ซึ่งข้อจริงแลเท็จนั้นท่านมหาอุปราชจงดำริห์ดูก็จะรู้แจ้ง อันอ้วนเสี้ยวนั้นทำสงครามก็พ่ายแพ้แก่ท่านเปนหลายครั้ง แล้วอ้วนเสี้ยวมิได้เชื่อที่ปรึกษากลับเอาโทษถึงตายบ้าง ถอดออกเสียจากที่บ้าง ที่ปรึกษาแลทหารทั้งปวงอิดโรยย่อท้อการศึกจึงเสียไป จนตัวอ้วนเสี้ยวก็ถึงแก่ความตาย บัดนี้อ้วนถำกับอ้วนซงชิงกันเปนใหญ่ บันดาคนทั้งปวงก็แจ้งอยู่ว่า แซ่อ้วนจะสาบสูญแล้ว จึงบังเกิดให้เปนทั้งนี้ ขอให้ยกไปตีเอาเมืองกิจิ๋ว อ้วนซงก็จะเปนกังวลหลังจะยกมารบพุ่งกับท่าน อ้วนถำก็จะตีกระหนาบมา แซ่อ้วนครั้งนี้อุปมาเหมือนใบไม้แห้งอันหล่นเมื่อเทศกาลแล้ง ตัวท่านดังเพลิงป่าอันต้องลมก็จะไหม้ใบไม้ทั้งนั้นเปนจุณไป ซึ่งท่านจะตั้งรบเมืองเกงจิ๋วอยู่ฉนี้เห็นไม่ควร ด้วยเล่าเปียวทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรมีความสุขอยู่ อันหัวเมืองฝ่ายเหลือนั้นกล้าแขงยิ่งกว่าหัวเมืองทั้งปวง แม้ท่านปราบปรามหัวเมืองฝ่ายเหนือราบคาบแล้ว การทั้งปวงก็จะเปนสิทธิ์แก่ท่าน ข้าพเจ้าว่าทั้งนี้ท่านดำริห์ดูจงควร
โจโฉได้ฟังแจ้งใจทุกประการแล้วก็มีความยินดี จึงแกล้งสรรเสริญซินผีว่า ถ้าแต่ก่อนเราได้พบท่านการสิ่งไรก็จะสมความปราถนาโดยเร็ว แล้วโจโฉก็ยกกองทัพจะกลับไปตีเมืองกิจิ๋ว เล่าปี่เห็นโจโฉยกกลับไป ก็คิดเกรงว่าโจโฉจะทำกลอุบายก็ไม่ยกติดตาม จึงพาทหารทั้งปวงกลับเข้าเมืองเกงจิ๋ว
ฝ่ายอ้วนซงรู้กิตติศัพท์ว่าโจโฉยกกองทัพกลับข้ามแม่น้ำฮองโหมาจะตีเอา เมืองกิจิ๋ว จึงให้ลิกองลิเซียงคุมทหารป้องกันหลัง แล้วอ้วนซงก็เลิกทัพกลับมารักษาเมือง
ฝ่ายอ้วนถำเห็นดังนั้นก็คุมทหารออกจากเมือง รีบตามไปทางประมาณสี่ร้อยเส้น เห็นลิกองลิเซียงคุมทหารสกัดทางไว้ อ้วนถำจึงขับม้าขึ้นไปแล้วร้องว่าแก่ลิกองลิเซียงว่า บิดาเราเลี้ยงท่านให้มีความสุขเปนอันมาก บัดนี้บิดาเราตายแล้ว อ้วนซงเปนผู้น้องตั้งตัวเปนใหญ่ให้ผิดประเพณี ตัวท่านอยู่ในเมืองก็มิได้ทัดทาน แล้วซ้ำเข้าด้วยอ้วนซงผู้กระทำผิด คบคิดกันมารบพุ่งเราฉนี้ตัวเห็นชอบอยู่หรือ
ลิกองลิเซียงได้ฟังดังนั้น ไม่รู้ที่จะตอบประการใด ก็ลงจากม้าทิ้งอาวุธเสียวิ่งเข้าไปคำนับอ้วนถำแล้วว่า ซึ่งข้าพเจ้าผิดทั้งนี้เพราะใจเบา ข้าพเจ้าขออภัยโทษเสียเถิด อ้วนถำจึงตอบว่า ซึ่งท่านมาลุแก่โทษกับเราทั้งนี้ก็ขอบใจแล้ว บัดนี้เราจะชวนกันไปคำนับโจโฉ แล้วอ้วนถำก็พาลิกองลิเซียงกับทหารทั้งปวง อ้อมเมืองกิจิ๋วไปถึงคำนับโจโฉ
ฝ่ายโจโฉเห็นก็มีความยินดี จึงว่าแก่อ้วนถำว่า ตัวท่านมาอ่อนน้อมต่อเรา ๆ ก็ขอบใจนัก ถ้าสำเร็จการสงครามแล้ว เราจะยกบุตรเราให้เปนภรรยาท่าน แลลิกองกับลิเซียงนั้นเราจะเลี้ยงให้ถึงขนาด อ้วนถำได้ยินดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าขอให้ท่านเร่งยกกองทัพเข้าตีเอาเมืองกิจิ๋ว โจโฉจึงแกล้งตอบว่า เรามาทำการศึกครั้งนี้ก็หลายเดือนแล้ว กองลำเลียงซึ่งส่งสเบียงอาหารนั้นได้ความลำบากนัก ด้วยทางไกลกันดาร เราจะให้ขุดคลองแต่แม่น้ำกีซุยตลอดถึงแม่น้ำเปกตก ให้เรือเดิรเข้ามาส่งลำเลียงได้จึงจะทำการได้ถนัด อันตัวท่านจงยกกองทัพไปตั้งอยู่เมืองเพ็งง้วนก้วนก่อนเถิด เอาแต่ลิกองลิเซียงไว้ด้วยเรา โจโฉจึงตั้งลิกองลิเซียงขึ้นเปนนายทหาร แล้วก็เลิกกองทัพถอยมาตั้งอยู่ตำบลค่ายลิหยง จึงเกณฑ์ให้ทหารขุดคลองแต่แม่น้ำกีซุยตลอดถึงแม่น้ำเปกตก
ฝ่ายอ้วนถำก็คุมทหารกลับไปถึงเมืองเพงง้วนก้วน กัวเต๋าจึงว่าแก่อ้วนถำว่า ซึ่งโจโฉจะยกบุตรให้เปนภรรยาท่านนั้นข้าพเจ้าเห็นไม่เหมือนปากว่า บัดนี้ตั้งให้ลิกองลิเซียงเปนนายทหาร แล้วเอาไว้ใช้สอยนั้น เห็นว่าโจโฉแกล้งคิดอ่านยกย่องไว้ให้เปนใจทำการด้วย ซึ่งโจโฉทำทั้งนี้อุปมาเหมือนต้อนปลาเข้าไทร ถ้าท่านเพื่อฟังโจโฉแล้ว ข้าพเจ้าเห็นตัวท่านแลหัวเมืองฝ่ายเหนือจะมีอันตรายต่างๆ ด้วยความคิดโจโฉเปนมั่นคง ขอให้ท่านทำตราสำหรับที่นายทหารสองดวงให้คนใช้เอาไปให้ลิกองลิเซียง แล้วสั่งความลับไปว่า ให้ลิกองลิเซียงคิดถึงท่าน อย่าเปนใจด้วยโจโฉ ถ้าโจโฉยกกองทัพเข้าตีอ้วนซงแล้ว ให้ลิกองลิเซียงคิดการเปนใส้ศึก แม้ได้ทีประการใดให้บอกมาถึงเรา ๆ จึงจะยกเข้าทำร้ายโจโฉ
อ้วนถำเห็นชอบด้วยจึงให้ทำตราสองดวง แล้วส่งให้คนใช้เปนการลับ ให้ลอบบอกลิกองลิเซียงตามคำอ้วนถำสั่ง ลิกองลิเซียงกลัวจะไม่พ้นผิด จึงทำเปนเอาตรานั้นไปให้โจโฉดู ว่าอ้วนถำให้มา แต่ข้อความลับนั้นมิได้บอกให้แจ้ง โจโฉเห็นตราดังนั้นจึงว่า ซึ่งอ้วนถำให้ตราสำหรับที่มาแก่ท่านทั้งสองนี้ เพราะอ้วนถำคิดจะทำร้ายต่อเรา หวังจะให้ท่านทั้งสองเปนใส้ศึก ท่านจงรับเอาตรานี้ไว้ ข้อซึ่งอ้วนถำสั่งมาดีแลร้ายนั้นท่านจงรับเอาว่าจะทำตาม แม้เรายกกองทัพไปกำจัดอ้วนซงเสียแล้ว เราจึงจะยกไปฆ่าอ้วนถำเสีย ลิกองลิเซียงเห็นความคิดโจโฉล่วงรู้ดังนั้น ก็เกรงอยู่มิได้บอกคนใช้อ้วนถำประการใด
ฝ่ายอ้วนซงรู้ว่าโจโฉให้ขุดคลองดังนั้น จึงปรึกษาด้วยสิมโพยว่า ซึ่งโจโฉคิดทำการดังนี้หวังจะให้ส่งสเบียงโดยสดวก ท่านจะคิดป้องกันประการใด สิมโพยจึงว่า ให้มีหนังสือไปถึงอินไก๋เจ้าเมืองบูอั๋นซึ่งขึ้นแก่เรา ให้ยกกองทัพมาตั้งอยู่ ณ แดนเมืองมอเสีย แล้วให้จองกีซึ่งคุมสเบียงอยู่เมืองเซียงต๋งนั้น ให้คุมทหารมาตั้งอยู่แดนเมืองฮันตั้น แลโจโฉก็จะไม่อาจยกเข้าตีเมืองกิจิ๋ว เพราะเกรงทัพทั้งสองนี้จะตีวกหลัง ท่านจึงจัดกองทัพไปตีเมืองเพ้งง้วนก้วนได้แล้ว จึงยกมาบัญจบกันกับทัพหัวเมืองทั้งสองนั้นไปโจมตีโจโฉก็จะแตกไปโดยง่าย อ้วนซงเห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือไปถึงหัวเมืองทั้งสองให้ยกมาตั้งอยู่ตามคำสิมโพยว่า แล้วให้ตันหลิมกับสิมโพยอยู่รักษาเมือง อ้วนซงจัดแจงทหารพร้อมแล้วจึงให้ม้าเอี๋ยนกับเตียวคีคุมทหารเปนกองหน้า ยกไปจะตีเอาเมืองเพ็งง้วนก้วน
ฝ่ายอ้วนถำรู้ข่าวว่าอ้วนซงยกกองทัพมา จึงแต่งหนังสือให้ม้าใช้ถือไปถึงโจโฉให้ยกมาช่วย โจโฉแจ้งในหนังสือดังนั้น จึงว่าเมืองกิจิ๋วครั้งนี้จะได้แก่เราเปนมั่นคง
ขณะนั้นพอเขาฮิวมาแต่เมืองฮูโต๋ รู้ข่าวว่าอ้วนซงยกกองทัพไปรบอ้วนถำ ณ เมืองเพ็งง้วนก้วน เขาฮิวจึงว่าแก่โจโฉว่า เหตุใดท่านมาตั้งนิ่งอยู่ดังนี้ จะคอยให้ฟ้าผ่าอ้วนถำกับอ้วนซงตายเองหรือ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า ท่านอย่าวิตกเลย เราคิดการไว้พร้อมอยู่แล้ว จึงให้โจหองคุมทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋ว แล้วโจโฉนั้นยกกองทัพไปตีอินไก๋ซึ่งตั้งอยู่แดนเมืองมอเสีย
ฝ่ายอินไก๋เห็นโจโฉยกมาก็ขี่ม้าคุมทหารออกมายืนม้าอยู่หน้าค่าย โจโฉจึงให้เคาทูเข้ารบด้วยอินไก๋ได้ห้าเพลง เคาทูเอาทวนแทงถูกอินไก๋ตกม้าตาย แลทหารอินไก๋ล้มตายแตกตื่นไปบ้าง เข้าหาโจโฉบ้าง โจโฉได้ทีแล้วก็ยกกองทัพไปจะตีจองกี ซึ่งตั้งอยู่ ณ แดนเมืองฮันตั้น จองกีเห็นโจโฉยกมาก็ขึ้นม้าพาทหารออกไปยืนม้าอยู่หน้าค่าย เตียวเลี้ยวก็อาสาขับม้ารำทวนออกไปรบกับจองกีได้สามเพลง จองกีทานกำลังเตียวเลี้ยวไม่ได้ก็ขับม้าหนี เตียวเลี้ยวเข้าหักหาญฆ่าทหารจองกีล้มตายเปนอันมาก แล้วขับม้าไล่ไป เอาเกาทัณฑ์ยิงถูกจองกีตกม้าตาย ขณะนั้นทหารโจโฉจับทหารจองกีได้ไว้เปนอันมาก แล้วโจโฉก็ยกกองทัพรีบไปบัญจบทัพโจหองให้ตั้งค่ายล้อมเมืองไว้ จึงให้ทหารขนมูลดินมาถมเปนเนินขึ้นให้สูงเท่ากำแพงเมือง แล้วให้ขุดอุโมงค์หวังจะให้ตลอดเข้าในเมือง ฝ่ายสิมโพยกับตันหลิมเห็นโจโฉยกกองทัพมาล้อมเมืองแลทำการเปนกวดขันดังนั้น ก็ตรวจตราหน้าที่เชิงเทินให้ป้องกันรักษาไว้เปนสามารถ
ขณะนั้นบังเล้เปนนายทหารรักษาหน้าที่ด้านตวันออก เสพย์สุรานอนหลับไปมิได้กำชับตรวจตราให้ทหารรักษาหน้าที่เชิงเทิน สิมโพยมาตรวจด่านเห็นดังนั้นก็โกรธ จึงให้เอาตัวบังเล้มาตีเปนอันมาก บังเล้นั้นได้ความเจ็บอาย ครั้นเวลากลางคืนก็ลอบหนีออกไปหาโจโฉ ณ ค่าย แล้วเล่าเนื้อความซึ่งมีใจเจ็บแค้นให้โจโฉฟังทุกประการ
โจโฉแจ้งดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าตัวท่านอยู่ในเมืองได้เห็นการหนักเบาอยู่สิ้น จะให้เราทำประการใดจึงจะได้เมืองโดยเร็ว บังเล้จึงว่าฝ่ายกำแพงด้านตวันออกนี้ ข้าพเจ้าเห็นดินนั้นแขงมั่นคงอยู่ ขอให้ท่านขุดอุโมงค์เข้าไปให้ทลุขึ้นในเมือง จึงให้ทหารทั้งปวงตรูขึ้นทำการก็จะได้เมืองโดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย จึงเกณฑ์ทหารห้าร้อยให้บังเล้คุมขุดอุโมงค์ฝ่ายทิศตวันออก แต่ในเวลากลางคืนนี้ให้ตลอดจงได้ ครั้นเวลากลางคืนบังเล้ก็คุมทหารข้ามคูเมืองเข้าไปขุดอุโมงค์อลหม่านอยู่
ฝ่ายสิมโพยรู้ว่าบังเล้หนีไปเข้าด้วยโจโฉ ก็ขึ้นตรวจตรากำชับทหารหน้าที่เชิงเทินอยู่มิได้ขาด ในเวลากลางคืนวันนั้นสิมโพยอยู่บนเชิงเทินฝ่ายตวันออก เหล่าทหารซึ่งรักษาหน้าที่จึงบอกแก่สิมโพยว่า ค่ายตรงประตูออกไปนี้เห็นมืดประหลาทอยู่ ชรอยข้าศึกจะทำประการใด สิมโพยได้ฟังดังนั้นก็แลไปดูเห็นสมกับคำทหารจึงว่า ซึ่งค่ายมืดอยู่นี้อ้ายบังเล้มันคุมทหารอาสาโจโฉขุดอุโมงค์จะให้ตลอดเข้ามา ในเมือง สิมโพยจึงจัดทหารที่มีกำลัง ให้ขนเอาก้อนศิลามากองไว้ที่ประตูเมืองเปนอันมาก จึงให้เปิดประตูเมืองออก แล้วเร่งให้ทหารขนเอาก้อนศิลาไปถมปากอุโมงค์ไว้ให้แน่น แล้วก็พากันกลับเข้าเมือง แลทหารโจโฉซึ่งบังเล้คุมขุดอุโมงค์อยู่นั้นขึ้นไม่ได้ก็ตายสิ้น ครั้นเวลารุ่งเช้าทหารมาบอกโจโฉว่าปากอุโมงค์นั้นก้อนศิลาปิดแน่นอยู่ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า ซึ่งทำการขุดอุโมงค์นี้มีผู้ล่วงรู้ จึงให้ทหารขนก้อนศิลาถมปากอุโมงค์ไว้ทหารเราจึงตายเสีย แต่นั้นมาโจโฉมิได้คิดอ่านขุดอุโมงค์เลย แล้วเลิกค่ายซึ่งล้อมเมืองไว้นั้นเสียสิ้น ถอยมาตั้งอยู่ตำบลอวนสุย หวังจะคอบรับทัพอ้วนซง
ฝ่ายอ้วนซงเมื่อยกมาล้อมเมืองเพ็งง้วนก้วนอยู่นั้น พอม้าใช้มาบอกข่าวว่า โจโฉยกกองทัพมาฆ่าอินไก๋กับจองกีเสียแล้ว บัดนี้ยกไปล้อมเมืองกิจิ๋วไว้ อ้วนซงแจ้งดังนั้นก็ให้เลิกทัพจะกลับไป ม้าเอี๋ยนจึงว่า ซึ่งท่านจะยกทัพกลับไปตามทางหลวงนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าโจโฉจะให้ทหารมาตั้งสกัดอยู่ ขอให้ยกกองทัพลัดไปทางเขาตวันตก ถ้าถึงแม่น้ำเปกตกแล้วจะได้ตีเอาสเบียงซึ่งมาส่งโจโฉนั้นด้วย กองทัพโจโฉก็จะขาดสเบียงลง ทหารทั้งปวงก็จะอิดโรย เห็นโจโฉก็จะเลิกทัพไป ถึงมาทว่าจะตั้งอยู่ทหารทั้งปวงก็จะอดเข้าปลาอาหาร แล้วเราก็จะทำการรบพุ่งได้ถนัด อ้วนซงเห็นชอบด้วย ก็ให้ม้าเอี๋ยนกับเตียวคีคุมทหารป้องกันมาภายหลัง แล้วอ้วนซงก็ยกกองทัพลัดมาทางเขาตวันตก
ฝ่ายม้าใช้โจโฉรู้ดังนั้น ก็รีบเอาเนื้อความมาบอกแก่โจโฉทุกประการ โจโฉแจ้งดังนั้นจึงว่าแก่ที่ปรึกษาทั้งปวงว่า เราคิดเกรงอยู่ว่าอ้วนซงจะยกมาตามทางหลวง เห็นกองทัพเราจะระส่ำระสาย บัดนี้อ้วนซงยกมาทางตวันตก เราจะคิดอ่านจับตัวอ้วนซงให้ได้ ด้วยเหตุว่าอ้วนซงยกมาถึงก็จะจุดเพลิงขึ้น ให้ทหารซึ่งอยู่ในเมืองนั้นเห็นสำคัญแล้วจะได้ยกตีกระหนาบเราออกมา เราจำจะเกณฑ์ทหารเปนสองกอง ให้ยกไปคอยรบอ้วนซงกองหนึ่ง ๆ นั้นให้ยกไปคอยโจมตีทหารซึ่งจะยกออกมาจากเมือง แล้วโจโฉจัดแจงทหารเตรียมไว้ตามถ้อยคำซึ่งว่ากล่าว
ฝ่ายอ้วนซงซึ่งยกมาถึงแม่น้ำเปกตก ก็ไม่เห็นเรือสเบียงโจโฉ อ้วนซงก็ยกมาตั้งอยู่ตำบลยงเปง ทางใกล้เมืองกิจิ๋วประมาณสองร้อยเส้น จึงเกณฑ์ทหารให้ไปเก็บฟืนแลหญ้ามาชุมไว้เปนอันมาก หวังจะจุดเพลิงขึ้นให้สิมโพยเห็นสำคัญ จะได้คุมทหารตีกระหนาบกองทัพโจโฉออกมา จึงให้ลีหูแต่งตัวปลอมเปนทหารโจโฉแล้วสั่งว่า ให้เข้าไปบอกแก่สิมโพยว่าเรายกกองทัพมาถึงนี่แล้ว ถ้าเห็นแสงเพลิงซึ่งเราจุดขึ้นเมื่อใด ให้คุมทหารตีกระหนาบออกมารับเราเข้าไปในเมือง ลีหูก็หลอมเปนทหารเข้าไปในเมืองได้ แล้วบอกแก่สิมโพยตามซึ่งอ้วนซงสั่ง สิมโพยได้ฟังดังนั้นก็จัดแจงทหารเตรียมไว้ ลีหูรู้ว่าเข้าปลาอาหารในเมืองนั้นน้อย จึงว่าแก่สิมโพยว่า ซึ่งอ้วนซงจะยกเข้ามาตั้งอยู่ในเมืองกิจิ๋วนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าจะขัดสนด้วยสเบียงอาหาร ข้าพเจ้าจะขอคิดอ่านให้ชาวเมืองหนีออกไปเข้าเกลี้ยกล่อมโจโฉ เห็นโจโฉจะเลินเล่อประมาทไป ท่านจงคุมทหารตามออกไปโจมตีกองทัพโจโฉก็จะแตกไปโดยง่าย สิมโพยเห็นชอบด้วย จึงให้ทหารเอาธงขาวมาเขียนอักษรลงว่า บัดนี้อ้วนซงมิได้อยู่ในเมือง แลชาวเมืองทั้งปวงพร้อมใจกันจะขอเข้าด้วยมหาอุปราช แล้วเอาธงปักไว้บนเชิงเทิน โจโฉเห็นหนังสือในธงขาวซึ่งปักอยู่นั้น จึงว่าแก่ที่ปรึกษาแลทหารทั้งปวงว่า ซึ่งธงขาวเขียนหนังสือปักไว้นั้น ด้วยสิมโพยเห็นว่าสเบียงอาหารในเมืองนั้นน้อยจึงคิดอ่านทำดังนี้ แล้วจะให้ชาวเมืองออกมาเข้าเกลี้ยกล่อมให้เราไว้ใจ แลตัวสิมโพยนั้นจะคุมทหารออกโจมตีกองทัพเรา แล้วโจโฉก็ให้เตียวเลี้ยวกับซิหลงคุมทหารคนละสามพันไปซุ่มอยู่ ณ เนินเขาริม ชานกำแพงเมือง ถ้าเห็นสิมโพยยกออกมาก็ให้ชวนกันตีกระหนาบจับเอาตัวสิมโพยมาให้ได้ แล้วโจโฉก็ใส่เกราะขึ้นม้ากั้นสัปทน พาทหารไปใกล้เชิงกำแพงเมืองหวังจะรบพุ่งกับสิมโพย แลประตูเมืองนั้นก็เปิดอยู่ พอแลเห็นชาวเมืองซึ่งแก่เถ้าชราถือไม้เท้าแลธูปเทียนดอกไม้ออกมาเปนอันมาก แล้วเห็นสิมโพยคุมทหารออกมา โจโฉจึงให้โบกธงแดงสามที
ฝ่ายเตียวเลี้ยวกับซิหลงเห็นดังนั้น ก็คุมทหารตีกระหนาบเข้ามาฆ่าฟันทหารสิมโพยแลชาวเมืองล้มตายเปนอันมาก สิมโพยเห็นจะต้านทานมิได้ก็พาทหารถอยกลับเข้าเมือง โจโฉเห็นประตูเมืองยังเปิดอยู่ก็ขับม้าเข้าไปใกล้เชิงกำแพงเมือง หวังจะขับทหารทั้งนั้นให้รบหักเข้าไปในเมืองจงได้ ฝ่ายทหารบนหน้าที่เชิงเทินก็รบพุ่งป้องกัน แล้วยิงเกาทัณฑ์ไปถูกหมวกโจโฉตลอตไป
ฝ่ายทหารทั้งปวงตกใจคิดว่าโจโฉถูกเกาทัณฑ์ ก็ชวนกันเข้าห้อมล้อมแล้วพากลับมา ณ ค่าย โจโฉจึงจัดแจงทหารยกไปตีค่ายอ้วนซง ๆ เห็นดังนั้นก็คุมทหารออกมารบกับกองทัพโจโฉเปนสามารถ อ้วนซงเสียทหารเปนอันมากต้านทานไม่ได้ ก็พาทหารซึ่งเหลือนั้นล่าทัพไปตั้งค่ายอยู่ ณ เขาตวันตก แล้วให้ม้าใช้รีบไปหาม้าเอี๋ยนกับเตียวคีมา
ขณะเมื่อม้าใช้มาบอกโจโฉว่า อ้วนซงยกกองทัพมาจากเมืองเพ็งง้วนก้วนนั้น โจโฉให้ลิกองลิเซียงไปเกลี้ยกล่อมม้าเอี๋ยนกับเตียวคีได้มา แล้วตั้งให้เปนนายทหาร แลเมื่อวันสิมโพยออกมานั้น ครั้นเวลากลางคืนโจโฉให้ลิกองลิเซียงม้าเอี๋ยนเตียวคีคุมทหารไปปล้นค่ายอ้วน ซง ๆ ไม่ทันรู้ตัวก็เสียทหารเปนอันมาก จึงถอยไปตั้งอยู่ ณ เขาตวันตกทางไกลเมืองประมาณสี่ร้อยเส้น อ้วนซงเห็นทหารนั้นเบาบางอิดโรยระส่ำระสายดังนั้น จึงให้สิมเอ๋งไปบอกโจโฉว่าเราจะขอเข้าเกลี้ยกล่อมทำราชการด้วย สิมเอ๋งก็ไปหาโจโฉแล้วแจ้งเนื้อความตามคำอ้วนซงว่า
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า อ้วนซงจะมาเข้าเกลี้ยกล่อมเรานี้เพราะสิ้นความคิด ซึ่งเราจะเลี้ยงไว้นั้นไม่ได้ แต่จำเปนจะรับคำไว้ ภายหลังจึงจะคิดฆ่าเสียให้ได้ แล้วโจโฉจึงว่าแก่สิมเอ๋งว่า ซึ่งอ้วนซงอ่อนน้อมยอมทำราชการด้วยก็ตามเถิด สิมเอ๋งก็ลากลับไปบอกอ้วนซงว่าโจโฉรับแล้ว
ครั้นเวลาพลบค่ำโจโฉจึงให้เตียวเลี้ยวกับซิหลง คุมทหารไปตีค่ายอ้วนซง เตียวเลี้ยวกับซิหลงคุมทหารมาใกล้ค่าย พอเวลาสามยามเศษยกเข้าไปโจมตีปล้นค่ายอ้วนซง ขณะนั้นอ้วนซงไม่ทันรู้ตัวเสียทหารเปนอันมาก ทิ้งตราสำหรับที่แลทรัพย์สิ่งของเสีย พาทหารซึ่งเหลือนั้นหนีข้ามเขาไป เตียวเลี้ยวกับซิหลงเก็บเอาตราแลทรัพย์สิ่งของมาให้โจโฉ แล้วเล่าเนื้อความให้ฟังทุกประการ
โจโฉแจ้งดังนั้นก็มีความยินดี จึงยกกองทัพเข้าล้อมเมืองกิจิ๋วไว้ เขาฮิวจึงว่าแก่โจโฉว่า เหตุใดท่านจะทำสงครามรั้งรออยู่ดังนี้ไม่ควร ขอให้เกณฑ์ทหารขุดคลองไขน้ำเข้ามาให้ถึงคูเมือง น้ำก็จะไหลตามคลองเมืองเข้าไปท่วมเมืองผู้คนก็จะล้มตาย ท่านก็จะได้เมืองกิจิ๋วโดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วยจึงเกณฑ์ทหารให้ทำทำนบกั้นแม่น้ำเจียงโหไว้ แล้วให้ขุดคลองแต่แม่น้ำเจียงโหมาถึงเมืองกิจิ๋ว ทางไกลกันประมาณสี่ร้อยเส้น
ฝ่ายสิมโพยอยู่บนเชิงเทิน เห็นโจโฉกลับมาทำการขุดคลองดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า อันโจโฉทำการทั้งนี้เราหากลัวไม่ เราเกรงอยู่แต่จะขุดคลองให้ลึกลงไป จึงจะไขน้ำเข้ามาให้ท่วมเมืองเราได้ สิมโพยเห็นว่าโจโฉจะทำการไม่ตลอด ก็มิได้คิดอ่านป้องกันประการใด
ฝ่ายโจโฉมิได้เห็นชาวเมืองกิจิ๋วคิดทำการป้องกัน ก็เห็นว่าได้ทีอยู่แล้ว ครั้นเวลาค่ำจึงเกณฑ์แต่บันดาทหารเลว ให้บัญจบกันขุดคลองกว้างสี่วาลึกสี่วา ให้แล้วแต่ในเวลากลางคืนวันนี้ ทหารทั้งปวงก็ช่วยกันระดมทำการขุดคลองกว้างแลลึกได้สี่วา แล้วเปิดทำนบในเวลากลางคืนน้ำก็ล้นไหลเข้าไปถึงคูเมืองเปี่ยมแล้ว ไหลเข้าไปตามคลองเมืองเปนหลายตำบล จนท่วมเมืองลึกประมาณเจ็ดศอกแปดศอก ทหารแลชาวเมืองทั้งปวงขัดสนด้วยเข้าปลาอาหาร แลตายด้วยน้ำบ้างหนีขึ้นอยู่บนเชิงเทินบ้าง
ฝ่ายซินผีจึงเอาตราสำหรับที่กับหมวก แลเครื่องแต่งตัวของอ้วนซงซึ่งได้ไว้ในค่ายนั้น ใส่ปลายไม้ขึ้นแล้วแกว่งร้องประกาศแก่ชาวเมืองทั้งปวงซึ่งอยู่บนเชิงเทินว่า บัดนี้มหาอุปราชฆ่าอ้วนซงเสียแล้ว ท่านทั้งปวงจะนิ่งอยู่ใยให้ถึงแก่ความตาย จงชวนกันกลับเข้าด้วยมหาอุปราชจึงจะรอดจากความตาย สิมโพยได้ฟังซินผีร้องประกาศดังนั้นก็โกรธจึงให้จับเอาบุตรภรรยาแลพรรคพวก พี่น้องซินผีประมาณแปดสิบคนมาฆ่าเสีย แล้วเอาศพนั้นโยนออกไปให้ซินผี ๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจร้องไห้รักบุตรภรรยาแลญาติพี่น้องอยู่
ฝ่ายสิมเอ๋งซึ่งเปนหลานสิมโพยนั้น เปนเพื่อนรักกันกับซินผี แลสิมเอ๋งเห็นสิมโพยทำดังนั้นก็มีความแค้น เพราะรักซินผีเปนอันมาก จึงเขียนหนังสือเปนใจความว่า ข้าพเจ้าสิมเอ๋งผู้หลานสิมโพย เปนเพื่อนรักกับซินผี มีความแค้นสิมโพยผู้อาว์ ด้วยฆ่าบุตรภรรยาพี่น้องซินผีเสีย เวลากลางคืนวันนี้ให้มหาอุปราชยกเข้ามาเถิด ข้าพเจ้าจะเปิดประตูเมืองรับ แล้วเอาหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงออกไป
ฝ่ายซินผีได้หนังสือแล้วอ่านดู แจ้งในเนื้อความแล้วก็ดีใจ จึงเอาหนังสือมาให้แก่โจโฉ ๆ แจ้งในหนังสือแล้ว จึงให้เอาไปประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่า เราจะยกเข้าเมืองในเวลาสามยามวันนี้ อย่าให้ผู้ใดทำร้ายแก่แซ่อ้วน แลผู้ซึ่งเข้าเกลี้ยกล่อมเปนอันขาดทีเดียว ถ้าผู้ใดมิฟังเราจะให้ลงโทษถึงสิ้นชีวิต
ครั้นถึงเวลาจะใกล้รุ่ง สิมเอ๋งก็เปิดประตูเมืองไว้ตามสัญญา ซินผีเห็นดังนั้นก็คุมทหารเข้าไปในเมืองกิจิ๋ว สิมโพยรักษาหน้าที่อยู่ด้านตวันออกเห็นทหารโจโฉเข้าเมืองได้ทางด้านใต้ ก็คุมทหารมาประมาณสามสิบจะมารบกับทหารโจโฉ พอพบซิหลงสิมโพยก็ขับม้าเข้ารบกับซิหลงเปนสามารถ ซิหลงจับสิมโพยได้ก็มัดจะเอาไปให้โจโฉ ซินผีรู้ดังนั้นก็ควบม้าตามไปด้วยความแค้น จึงเอาแซ่ม้าตีสิมโพยแล้วกัดฟันด่าว่าอ้ายศัตรูมึงถึงที่ตายวันนี้แล้ว
สิมโพยได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงตอบว่า มึงเอาใจออกหากไปเข้าด้วยโจโฉซึ่งเปนศัตรู กูมีความแค้นจะใคร่กินเนื้อมึงเสียอีก ซิหลงก็รีบเอาตัวสิมโพยออกไปให้โจโฉ ณ ค่าย โจโฉจึงถามสิมโพยว่า ผู้ใดเปิดประตูเมืองรับทหารเราตัวรู้หรือไม่ สิมโพยจึงว่าข้าพเจ้าไม่แจ้ง โจโฉจึงบอกว่า สิมเอ๋งผู้หลานของตัวเปิดประตูเมืองรับทหารพวกเรา สิมโพยรู้ดังนั้นก็โกรธจึงว่า หากอ้ายศัตรูน้อยเอาใจไปแผ่เผื่อข้าศึก หาไม่ก็จะไม่เสียเมือง
โจโฉจึงถามสิมโพยว่า เมื่อวันตัวแต่งกลอุบายให้ชาวเมืองออกมาเข้าเกลี้ยกล่อมเรานั้น เราขี่ม้าเข้าไปใกล้เชิงกำแพง ทหารบนหน้าที่เอาเกาทัณฑ์ระดมยิงเราออกมานั้น ตัวได้เกาทัณฑ์ที่ไหนมาเปนอันมาก สิมโพยจึงว่า ท่านเปนศัตรูของนายเรา ๆ ยังมีความแค้นอยู่ แลเสียดายว่าเกาทัณฑ์นั้นน้อยนัก ถ้ามีอีกจะให้ทหารระดมยิงท่านให้ถึงแก่ความตาย โจโฉจึงว่า ซึ่งตัวมีความสัตย์ต่อนายของตัวนั้นเราชอบใจนัก บัดนี้อ้วนเสี้ยวนายของตัวก็ตายแล้ว ตัวจะยอมอยู่ทำราชการด้วยเราหรือ เราจะเลี้ยงไว้ ซินผีได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่โจโฉว่า บุตรภรรยาแลพรรคพวกของข้าพเจ้าถึงแปดสิบเศษสิมโพยฆ่าเสียสิ้น ท่านจงฆ่ามันเสียให้ตายตามกันไป ข้าพเจ้าจึงจะหายความแค้น สิมโพยจึงตอบว่า มึงอย่าพักยุยงเลยกูหารักชีวิตไม่ อันตัวกูเกิดมาเปนคนกตัญญู คิดตั้งใจว่าได้เปนบ่าวแล้วก็จะทำนุบำรุงแซ่อ้วนไปโดยสุจริต แม้มาทว่าตัวกูตายไปก็จะขอเปนบ่าวแซ่อ้วน จะได้คิดทุจริตเหมือนมึงนั้นหามิได้ มึงเร่งยุให้โจโฉฆ่ากูเสียเถิด โจโฉได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงสั่งให้ทหารเอาตัวสิมโพยไปฆ่าเสีย ทหารทั้งปวงก็คุมเอาตัวสิมโพยออกไป ขณะเมื่อจะลงดาบนั้น สิมโพยจึงว่าแก่ทหารซึ่งจะฆ่านั้นว่า นายเราอยู่ฝ่ายทิศเหนือ ท่านจงงดดาบไว้ก่อน เราจะขอบ่ายหน้าไปสู่ทิศนายเราแล้วจงลงดาบเถิด ทหารนั้นก็งดไว้ให้สิมโพยบ่ายหน้าไปข้างทิศเหนือแล้วก็ฆ่าเสีย
โจโฉรู้ดังนั้นจึงแกล้งยกย่องสิมโพย หวังจะให้ทหารทั้งปวงมีใจจงรักภักดีต่อตัว จึงว่าสิมโพยนี้มีความสัตย์ซื่อต่อนายนัก ผู้ใดจะทำราชการไปภายหน้า จงดูเยี่ยงอย่างสิมโพยเถิด แล้วก็ให้แต่งการศพเอาไปฝังเสีย พอทหารจับตัวตันหลิมเข้ามา โจโฉจึงถามตันหลิมว่า ซึ่งอ้วนเสี้ยวให้แต่งหนังสือประกาศไปถึงหัวเมืองทั้งปวงว่า เราทำการหยาบช้านั้นก็ชอบอยู่ เพราะอ้วนเสี้ยวกับเราเปนศัตรูกัน แต่เหตุใดท่านจึงล่วงว่าขึ้นไปถึงปู่แลบิดาเรา ว่าคิดร้ายต่อแผ่นดินนั้นด้วยอันใด ตันหลิมจึงตอบว่า ซึ่งข้าพเจ้าแต่งหนังสือนั้น อุปมาเหมือนผู้ขึ้นเกาทัณฑ์พาดลูกไว้ ครั้นจะยิงไปก็เหนี่ยวด้วยกำลังให้เต็มที่ เพราะหมายใจว่าจะให้ถูกคนแลสัตว์ถึงแก่ความตาย ที่ปรึกษาแลทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งตันหลิมว่ากล่าวทั้งนี้เปนข้อหยาบช้า ท่านจงให้เอาตัวไปฆ่าเสีย โจโฉจึงตอบว่า อันตันหลิมว่ากล่าวทั้งนี้เปนความจริง ซึ่งท่านจะให้ฆ่าเสียนั้นไม่ควร เราจะเลี้ยงไว้สำหรับจะได้แต่งหนังสือแลจดหมายเหตุ
กรุณาแสดงความคิดเห็น