สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 25
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 25
เนื้อหา
- กวนอูได้จิวฉอง
- กวนอูพบเตียวหุย บิต๊ก บิฮอง
- กวนอูไปหาเล่าปี่ที่เมืองเกงจิ๋ว
- เล่าปี่อุบายหนีอ้วนเสี้ยว
- กวนอูได้กวนเป๋ง
- เล่าปี่พบจูล่ง
- เล่าปี่ไปอยู่เมืองยีหลำ
- อ้วนเสี้ยวเกลี้ยกล่อมซุนเซ็ก
ฝ่ายกวนอูก็ขับม้ามายังรถพี่สะใภ้ แล้วบอกเนื้อความซึ่งได้รบพุ่งกับแฮหัวตุ้น แลโต้ตอบกับเตียวเลี้ยวนั้นให้พี่สะใภ้กับซุนเขียนฟัง แล้วก็พากันเดิรทางไปได้ห้าวัน พอฝนตกหนักหาที่สำนักมิได้ จึงแลขึ้นไปเห็นบ้านอยู่บนเนินเขา ก็พากันเข้าไปจะขออาศรัย กัวเสียงนายบ้านนั้นเปนคนชรา จึงถามว่าท่านชื่อใดมาแต่ไหน กวนอูบอกว่าข้าพเจ้าชื่อกวนอู แล้วเล่าเนื้อความให้กัวเสียงฟังทุกประการ กัวเสียงจึงว่าครั้งปู่ย่าตายายข้าพเจ้า ก็อาศรัยทำมาหากินอยู่ตำบลบ้านนี้ ตัวข้าพเจ้าก็ได้ยินเลื่องลืออยู่ว่าท่านมีฝีมือกล้าหาญ พึ่งได้รู้จักท่านวันนี้ กัวเสียงจึงเชิญกวนอูแลพี่สะใภ้ขึ้นไปบนเรือน แล้วตกแต่งเข้าปลาอาหารเลี้ยง
ครั้นเวลาพลบค่ำ บุตรกัวเสียงพาพวกเพื่อนเจ็ดคนเข้ามาในบ้าน กัวเสียงเห็นจึงเรียกบุตร์ให้ขึ้นมาคำนับฝากตัวกวนอูไว้ บุตรนั้นก็ขึ้นไปเห็นกวนอูแล้วมิได้คำนับกวนอูตามคำบิดา จึงกลับลงไปพาพวกเพื่อนออกไปนอกบ้าน กวนอูจึงถามกัวเสียงว่า ผู้ใดซึ่งมาเปนอะไรกับท่าน กัวเสียงร้องไห้แล้วจึงบอกว่า ข้าพเจ้ามีบุตรผู้เดียวนี้แลไม่เปนใจทำมาหากิน คบแต่เพื่อนเที่ยวยิงเนื้อ จะเอาการสิ่งใดก็มิได้ ซึ่งข้าพเจ้ามีบุตรเช่นนี้ก็เปนกรรมของข้าพเจ้า กวนอูจึงตอบว่า แผ่นดินครั้งนี้ก็เปนจลาจล ซึ่งไปเที่ยวยิงเนื้อเล่นนั้น ถ้ามีฝีมือเกาทัณฑ์แม่นยำดีก็เอาตัวรอดได้ เหตุใดท่านจึงว่ามีกรรมเล่า กัวเสียงจึงว่ามันเห็นแต่การสนุก คบเพื่อนไปทำหยาบช้าฆ่าเนื้อเบื่อปลา ถึงฝีมือเกาทัณฑ์จะดีแต่ไม่มีครูจะนับถือว่าดีประการใด ข้าพเจ้าเห็นจะไม่เอาตัวรอดได้ จึงทุกข์ถึงมันเพราะเหตุฉนี้ กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่จึงว่าเปนประเวณีอยู่แล้ว ถ้าบุตรดีมารดาบิดาก็เปนสุข แม้บุตรชั่วมารดาบิดาก็ทุกข์ด้วย กัวเสียงจึงจัดแจงที่นอนให้แล้ว ก็ลากวนอูออกไปนอนอยู่ภายนอก
กวนอูกับซุนเขียนก็นอนหลับไป พอได้ยินเสียงม้าแลคนร้องก็ตกใจตื่นขึ้น กวนอูจึงร้องเรียกทหารซึ่งรักษาม้า ทหารทั้งปวงนั้นเหนื่อยมาหลับไปไม่รู้สึก กวนอูกับซุนเขียนจึงถือกระบี่ลงไป เห็นพรรคพวกพี่น้องแลชาวบ้านมาด่าบุตรกัวเสียงซึ่งล้มอยู่ กวนอูจึงถามคนทั้งปวงว่า เหตุใดบุตรกัวเสียงจึงมาล้มอยู่ฉนี้ ชาวบ้านจึงบอกว่าอ้ายคนนี้หยาบช้านัก เห็นม้าของท่านงามลอบเข้ามาจะลักเอาไป ม้านั้นดีดเอาจึงล้มอยู่ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องขึ้นจึงชวนกันมาดู กวนอูได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่ามันเปนคนชั่ว ละไว้ให้ฟื้นตัวขึ้นจึงจะทำโทษให้สาหัส
กัวเสียงได้ยินเสียงอื้ออึงก็ตกใจตื่นขึ้น จึงลงไปเห็นบุตรนั้นล้มอยู่ พี่น้องแลชาวบ้านจึงบอกเนื้อความทั้งปวงให้ฟัง กัวเสียงจึงคำนับกวนอูแล้วอ้อนวอนว่า บุตรข้าพเจ้าเปนคนชั่ว ข้าพเจ้าก็ได้ปรับทุกข์แก่ท่านแล้ว ซึ่งมันทำผิดทั้งนี้ข้าพเจ้าจะได้เห็นชอบด้วยมันนั้นหามิได้ มารดามันนั้นมีใจรักว่ามีบุตรผู้เดียว ท่านจงเอ็นดูข้าพเจ้า โทษซึ่งมันทำผิดนั้นขอเสียเถิด กวนอูจึงว่า ซึ่งท่านปรับทุกข์กับเรานั้นก็เหมือนคำท่าน ซึ่งโทษของมันเรายกให้ท่านแล้ว จึงกำชับทหารให้รักษาม้าไว้จงดี แล้วก็พาซุนเขียนกลับมานอน
ครั้นเวลารุ่งเช้า กัวเสียงกับภรรยาออกมาคำนับกวนอูแล้วว่า บุตรข้าพเจ้าทำผิดท่านยกโทษเสียนั้นคุณหาที่สุดมิได้ กวนอูจึงว่าท่านจงเรียกบุตรท่านออกมา เราจะช่วยสั่งสอนไว้ กัวเสียงจึงบอกว่าแต่เวลาดึกนั้นฟื้นตัวขึ้นได้ จะพาพวกเพื่อนไปแห่งใดนั้นมิแจ้ง กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ลากัวเสียง พาพี่สะใภ้กับซุนเขียนออกจากบ้านนั้นไปทางประมาณสามร้อยเส้น พอแลเห็นบุตรกัวเสียงขี่ม้า พานายโจรคนหนึ่งโพกผ้าเหลือง ขี่ม้าถือทวนคุมพวกเพื่อนประมาณร้อยเศษ ลงจากเนินเขายืนสกัดทางไว้ นายโจรนั้นจึงร้องว่าแก่กวนอูว่า ตัวเราชื่อหุยง่วนเสียวเปนทหารเตียวก๊ก ตัวจะไปแห่งใดจึงบังอาจพากันข้ามแดนเรามา ถ้าตัวรักชีวิตอยู่ จงเอาม้าซึ่งขี่นั้นมาให้เราจึงจะปล่อยไป กวนอูได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าตัวเปนทหารเตียวก๊กเปนโจรนั้น ยังรู้จักเล่าปี่กวนอูเตียวหุยหรือไม่
หุยง่วนเสียวจึงว่า เราไม่รู้จักได้ยินแต่ชื่อ แต่กวนอูนั้นเขาว่าหน้าแดงหนวดยาว มีฝีมือกล้าหาญนัก ซึ่งตัวมานี้ชื่อไร กวนอูได้ฟังดังนั้น จึงแก้ถุงซึ่งใส่หนวดนั้นออกให้หุยง่วนเสียวดู หุยง่วนเสียวเห็นสำคัญดังนั้นก็รู้ว่ากวนอู จึงลงจากม้าวางทวนเสีย พาบุตรกัวเสียงเข้าไปคุกเข่าคำนับกวนอูแล้วว่าข้าพเจ้าไม่รู้จัก ซึ่งได้ว่ากล่าวหยาบช้าแก่ท่านขออภัยเสียเถิด แลข้าพเจ้านี้แต่พอเตียวก๊กตาย ก็พาพวกเพื่อนมาเปนโจรอยู่ ณ เขาตำบลนี้ ซึ่งข้าพเจ้าคิดการจะมาทำร้ายท่านทั้งนี้เพราะบุตรกัวเสียงชักชวนมา แล้วเล่าเนื้อความซึ่งบุตรกัวเสียงมาบอกนั้นให้กวนอูฟังทุกประการ แลบุตรกัวเสียงนั้นอ้อนวอนว่า ข้าพเจ้าขออภัยโทษเสียเถิด
กวนอูจึงบอกว่า โทษตัวผิดครั้งหนึ่งเราก็ยกโทษเสีย ตัวก็คบคิดกันทำอีก ครั้นจะฆ่าเสียบัดนี้ก็คิดถึงไมตรีกัวเสียง แลโทษตัวทั้งสองครั้งนั้น เราก็ยกให้กัวเสียงผู้เปนบิดา แล้วบุตรกัวเสียงก็มีความยินดีลากวนอูไป หุยง่วนเสียวจึงบอกแก่กวนอูว่า เพื่อนข้าพเจ้ามีคนหนึ่งเปนชาวเมืองตวันตกเปนทหารเตียวโป้ ชื่อจิวฉองรูปร่างสูงใหญ่มีกำลังแบกของได้หนักสิบหาบ ครั้นเตียวโป้ตายแล้ว จิวฉองคุมพวกเพื่อนมาเปนโจรอยู่ ณ เขาโงจิวสัน ทางแต่นี้ไปประมาณสามร้อยเส้น ข้าพเจ้าไปมาหาสู่จิวฉอง ๆ ก็พูดออกชื่อท่านอยู่เนืองๆ แล้วชักชวนข้าพเจ้าว่าถ้าพบท่านก็จะพาข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน บัดนี้เปนบุญได้มาพบท่านก่อน กวนอูจึงตอบว่า ได้เกิดมาเปนชายแล้วคบกันมาเปนโจรอยู่ในป่าฉนี้ผู้ใดจะนับถือว่าดี จงทิ้งความชั่วเสียเถิด พากันไปทำมาหากินอยู่ในบ้านเมืองโดยปรกติดีกว่า
ขณะเมื่อพูดกันอยู่นั้น กวนอูแลเห็นนายโจรคนหนึ่ง ขี่ม้าคุมทหารมาประมาณร้อยเศษ หุยง่วนเสียวจึงบอกกวนอูว่า จิวฉองมาโน่นแล้ว กวนอูเห็นรูปร่างจิวฉองสูงใหญ่ก็สรรเสริญว่าสมเปนทหาร จิวฉองมาใกล้แลเห็นกวนอูมีความยินดี จึงลงจากม้าวางอาวุธเสีย เข้ามาคุกเข่าคำนับกวนอู ๆ จึงถามว่า เหตุใดท่านจึงรู้จักนับถือเรา จิวฉองจึงว่าเมื่อข้าพเจ้าอยู่ด้วยเตียวโป้นายโจรนั้น ก็รู้จักอยู่ว่าท่านมีสติปัญญาคิดว่าจะมาอยู่กับท่าน ก็เปนความจนใจด้วยอยู่ในอำนาจเตียวโป้ ครั้นเตียวโป้ตายข้าพเจ้ามาเปนโจรอยู่ ณ เขาโงจิวสัน ก็ได้พูดจากันกับหุยง่วนเสียวคิดถึงท่านอยู่มิได้ขาด บัดนี้ได้มาพบท่านเข้าก็เปนบุญนัก จะขออยู่เปนทหารถือแซ่ม้าตามท่าน
กวนอูได้ฟังดังนั้น พิเคราะห์ดูถ้อยคำจิวฉองว่ากล่าวนั้นเห็นว่าสุจริตอยู่ ให้มีใจรักใคร่เปนอันมาก จึงถามว่าตัวท่านจะไปกับเรา พวกเพื่อนจะทำกระไรเล่า พวกเพื่อนจิวฉองได้ฟังดังนั้น ก็ชวนกันเข้ามาคำนับกวนอูแล้วว่า ข้าพเจ้าทั้งนี้จะขอไปด้วยท่าน กวนอูแจ้งดังนั้นก็ลงจากม้าไปบอกแก่พี่สะใภ้ทั้งสอง นางกำฮูหยินจึงตอบว่า แต่เราออกจากเมืองฮูโต๋นั้น ก็ได้ความลำบากยากแค้นมาเปนอันมาก เจ้าก็ไม่คิดว่าจะหาผู้คนเปนเพื่อน บัดนี้มาพ้นที่ลำบากแล้ว จะหาผู้คนไปนั้นจะประโยชน์สิ่งใด อนึ่งเลียวฮัวนายโจรนั้นมีคุณต่อพี่ แล้วอ้อนวอนว่าจะขอมาส่ง เจ้าก็ว่าเปนโจร จะให้มาส่งนั้นคนทั้งปวงจะนินทาว่าคบพวกโจร ซึ่งเจ้าจะรับเอาพวกจิวฉองไปนั้นจงดำริห์ดูแต่ควรเถิด
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ได้คิด จึงกลับมาบอกแก่จิวฉองว่า พี่สะใภ้เราทั้งสองนั้นเปนผู้ใหญ่ ไม่ยอมให้ท่านไป ท่านจงปกป้องกันอยู่ที่นี่ก่อนเถิด ถ้าเราไปพบเล่าปี่ผู้พี่เราแล้ว จึงจะกลับมารับท่านไปอยู่ด้วยกัน จิวฉองได้ฟังดังนั้นก็คุกเข่าลงคำนับแล้วว่า ตัวข้าพเจ้าเกิดมาเปนชายชาติทหาร ได้ทำชั่วพลัดไปเปนพวกโจร อุปมาเหมือนเข้าที่มืด บัดนี้มาพบท่านเหมือนหนึ่งออกที่สว่าง หรือว่าพี่สะใภ้ของท่านเห็นว่าเปนพวกโจรอยู่ไม่ควรที่จะเอาไป แลพวกเพื่อนทั้งนั้นข้าพเจ้าจะให้อยู่ด้วยหุยง่วนเสียว แต่ตัวข้าพเจ้าจะขอถือแซ่ม้าตามท่านไปกว่าข้าพเจ้าจะสิ้นชีวิต
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มีใจเอ็นดู จึงเอาเนื้อความนั้นไปเล่าให้พี่สะใภ้ฟัง นางกำฮูหยินจึงว่า เขาจะไปด้วยแต่คนสองคนก็ตามเถิด กวนอูก็กลับมาบอกจิวฉองตามคำพี่สะใภ้ว่า หุยง่วยเสียวได้ฟังดังนั้นจึงว่า ข้าพเจ้าจะไปด้วยเปนสองคนกับจิวฉอง ๆ จึงว่า ท่านจะไปด้วยแล้วพวกเพื่อนของเราไม่มีใครควบคุม จะมิกระจัดกระจายไปหรือ ท่านจงอยู่ปกป้องพวกเพื่อนเหล่านี้ไว้ก่อน เราไปกับกวนอูได้ที่สำนักแล้ว จึงจะกลับมารับท่านกับพวกเพื่อนทั้งปวงไป หุยง่วนเสียวเห็นชอบด้วย ก็ลากวนอูพาพวกเพื่อนกลับไปยังเขาที่อยู่
กวนอูก็พาพี่สะใภ้กับซุนเขียนจิวฉองเดิรทางไปได้สามวัน แลเห็นกำแพงบนเนินเขาใหญ่ กวนอูจึงถามชาวบ้านว่า เมืองนี้ชื่อใดผู้ใดรักษา ชาวบ้านจึงบอกว่าชื่อเมืองเก๋าเซีย มีทหารคนหนึ่งชื่อเตียวหุย มีฝีมือกล้าหาญคุมพวกเพื่อนประมาณห้าสิบเศษมาไล่เจ้าเมืองเสีย เตียวหุยเข้าอยู่รักษาเมือง เกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คนไว้เปนกำลังได้ประมาญห้าพันเศษ เข้าปลาอาหารก็บริบูรณ์ บันดาหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้งปวงก็เกรงฝีมือเตียวหุย ไม่มีผู้ใดมาย่ำยีได้ แต่เตียวหุยรักษาเมืองมานี้ได้ห้าเดือนเศษ
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีนัก จึงว่าแก่ซุนเขียนว่า แต่เสียเมืองชีจิ๋วมาเราพี่น้องสามคนพลัดกัน เล่าปี่นั้นก็รู้ข่าวแล้ว แต่เตียวหุยนั้นพึ่งได้ข่าววันนี้ ท่านจงเร่งเข้าไปบอกแก่เตียวหุยให้ออกมารับพี่สะใภ้ทั้งสอง ซุนเขียนรับคำกวนอูแล้วก็ลาไป
ฝ่ายเตียวหุยขณะเมื่อแตกโจโฉมานั้น อาศรัยอยู่บนเขาบองเอี๋ยงสันประมาณเดือนเศษ ครั้นรู้ข่าวว่าเล่าปี่แตกไป เตียวหุยก็คุมทหารซึ่งเหลือมานั้นเที่ยวสืบหาเล่าปี่ ครั้นมาถึงเมืองเก๋าเซียพอขาดสเบียง จึงเข้าไปขออาหารเจ้าเมืองๆไม่ให้ เตียวหุยโกรธก็เข้าตีชิงเอาตราสำหรับที่ได้แล้วฆ่าเจ้าเมืองเสีย อุตส่าห์คิดอ่านซ่องสุมผู้คนไว้หวังจะคอยฟังข่าวเล่าปี่ ถ้ารู้ว่าอยู่แห่งใดก็จะไปหาแลเตียวหุยนั้นทุกข์ร้อนอยู่ไม่เว้นวัน พอนายประตูเอาเนื้อความมาบอกแก่เตียวหุยว่า มีทหารคนหนึ่งชื่อซุนเขียนจะเข้ามาหาท่าน เตียวหุยได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงออกไปรับซุนเขียนเข้ามา ซุนเขียนจึงบอกแก่เตียวหุยว่า เล่าแตกไปอาศรัยอ้วนเสี้ยวอยู่ ณ เมืองกิจิ๋ว ข้าพเจ้าตามไปคิดอ่านกับเล่าปี่ก็ได้มาอยู่เมืองยีหลำแล้ว บัดนี้กวนอูพาพี่สะใภ้ทั้งสองมาอยู่นอกเมือง จึงให้ข้าพเจ้าเข้ามาแจ้งเนื้อความแก่ท่านให้เร่งออกไปรับ
เตียวหุยได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีด้วยรู้ข่าวเล่าปี่ แต่คิดแค้นกวนอูว่าไปเข้าด้วยโจโฉ เตียวหุยจึงใส่เกราะถือทวนแล้วพาซุนเขียน แลทหารทั้งปวงพันหนึ่งออกจากประตูเมือง กวนอูเห็นเตียวหุยออกมาก็มีความยินดี เอาง้าวส่งให้จิวฉองแล้ว ขับม้าเข้าไปหวังจะรับเตียวหุย ๆ เห็นกวนอูขับม้าเข้ามาก็โกรธ ร้องตวาดด้วยเสียงอันดังแล้วเอาทวนไล่แทงกวนอู ๆ ตกใจชักม้าถอยหลบมาอยู่ริมพี่สะใภ้แล้วร้องว่า เหตุใดเตียวหุยมาทำฉนี้ เจ้าจะมิเสียความสัตย์ไปหรือ เตียวหุยจึงตอบว่า ตัวเสียสัตย์ก่อนแล้วจะทำเปนแก้หน้ามาหาเรานั้นเราไม่เชื่อ กวนอูจึงตอบว่าเหตุใดจึงว่าเราเสียสัตย์ เตียวหุยจึงตอบว่า ตัวทิ้งความสัตย์เสียไปเข้าด้วยโจโฉอาสามีความชอบ โจโฉเลี้ยงดูถึงขนาดแล้วให้ชื่อเสียงมียศฐาศักดิ์ บัดนี้ตัวแกล้งแต่งกลอุบายมาจะทำร้ายเรา ๆ ก็รู้เท่าอยู่ ถ้าเราตายท่านก็คงจะมีชีวิตอยู่ แม้ตัวท่านตายเราก็จะรอดอยู่เปนคน กวนอูจึงตอบว่า เจ้าโกรธพี่เพราะเหตุฉนี้หรือ ครั้นจะบอกตามความจริงเจ้าก็ไม่เชื่อ ซึ่งดีแลร้ายนั้นเจ้าจงไปถามพี่สะใภ้ทั้งสองซึ่งพี่พามาอยู่บนรถนั้น เจ้าจึงจะแจ้งความสัตย์ของพี่
ฝ่ายนางทั้งสองได้ยินเสียงกวนอูกับเตียวหุยโต้ตอบกันดังนั้นก็ตกใจ เปิดมุลี่ขึ้นแล้วว่าแก่เตียวหุยว่า เหตุใดจึงมาทำหยาบช้าแก่กวนอูผู้พี่ เตียวหุยจึงว่าพี่ทั้งสองยังไม่แจ้งอย่าห้ามเลย จงดูข้าพเจ้าจะฆ่าคนซึ่งเสียสัตย์แล้วจะเชิญพี่ทั้งสองเข้าไปในเมือง นางทั้งสองจึงตอบว่า เมื่อเล่าปี่กับเจ้าแตกไปนั้น โจโฉคุมทหารมาล้อมกวนอูไว้ กวนอูเข้าตาจนอยู่เหลือกำลังซึ่งจะรบพุ่งต้านทาน จึงจำใจเข้าอยู่ด้วยโจโฉ ความสัตย์ของกวนอูนั้นมิได้ละเสีย อุตส่าห์ปรนนิบัติรักษาเรามา แล้วอาสาโจโฉไปทำสงครามหวังจะฟังข่าวเล่าปี่ ครั้นรู้แล้วก็พาเรามาถึงกลางทาง พบซุนเขียนได้บอกว่า เล่าปี่ออกจากอ้วนเสี้ยวแล้วมาอยู่เมืองยีหลำ กวนอูก็พาเรามา ซึ่งเจ้าไม่ฟังเนื้อความให้แน่นอน จะคิดใจเบาทำร้ายกวนอูผู้พี่ซึ่งมีคุณแก่เรามานั้นไม่ควร
เตียวหุยจึงตอบว่า ซึ่งกวนอูทำการเปนกลอุบาย พี่ทั้งสองไม่แจ้งก็เห็นว่ากวนอูคงสัตย์อยู่ ธรรมดาเกิดมาเปนชายชาติทหาร ได้ออกวาจาสาบาลไว้แล้ว ถึงจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต อันน้ำใจกวนอูละสัตย์เสียเปนข้าสองเจ้าบ่าวสองนายอยู่ฉนี้ จะเชื่อถืออย่างไรได้
ซุนเขียนจึงว่าแก่เตียวหุยว่า อันน้ำใจกวนอูรักษาสัตย์นั้นหาผู้เสมอมิได้ อุตส่าห์ทรมานกายไม่รักชีวิต พาพี่สใภ้ทั้งสองมาหาเล่าปี่ ครั้นรู้ข่าวว่าท่านอยู่เมืองนี้จึงให้ข้าพเจ้าไปเชิญออกมา เหตุใดท่านจึงสงสัยกวนอูดังนี้เล่า เตียวหุยได้ฟังซุนเขียนว่าดังนั้นก็ตวาดเอา แล้วว่ากวนอูคิดกลอุบายมาจะจับตัวเราไปให้โจโฉ เหตุใดตัวจึงยกย่องกวนอูว่ามีความสัตย์
กวนอูจึงว่า ถ้าเราจะทำร้ายเจ้าแล้วจะพาพี่สะใภ้มาด้วยใยเล่า ทหารโจโฉก็จะมาด้วยเราบ้าง ขณะนั้นพอเตียวหุยแลไปเห็นทหารตามมาเปนอันมาก จึงว่าแก่กวนอูว่า โน่นมิใช่ทหารโจโฉมากับตัวหรือ ตัวหากแกล้งแต่งกลพาพี่สะใภ้มาก่อน ให้กองทัพตามมาภายหลังหวังจะจับเรา แล้วเตียวหุยขบฟันคำรามเอาทวนไล่แทงกวนอู ๆ ป้องกันหลบหลีกได้ จึงว่าเตียวหุยอย่าเพ่อทำอันตรายเราก่อน ซึ่งทหารยกมานั้นมิใช่พวกพี่ ๆ จะไปตัดเอาสีสะนายทัพมาให้เจ้าเห็นจริงจงได้ เตียวหุยจึงตอบว่า ถ้าตัวทำได้ดังนั้นจึงจะเห็นความจริง เราจะช่วยตีกลองศึกให้รบ
ฝ่ายซัวหยงคุมทหารมาใกล้ เห็นกวนอูก็โกรธจึงร้องว่า มึงหนีมหาอุปราชออกมา ฆ่าเจ้าเมืองแลนายด่านเสียเปนหลายตำบล แล้วมิหนำซ้ำฆ่าจินกี๋ผู้หลานกูเสียอีกเล่า บัดนี้มหาอุปราชให้กูยกกองทัพมาจับเอาตัวมึงเข้าไป กวนอูได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้ารำง้าวเข้ารบกับซัวหยง เตียวหุยจึงเรียกเอากลองศึกมาตีได้เพลงหนึ่ง เห็นกวนอูฟันซัวหยงฅอขาดตาย ฝ่ายกวนอูครั้นได้ทีแล้ว ก็ขับม้าไล่ฆ่าฟันทหารซัวหยงล้มตายเปนอันมาก แล้วจับได้ทหารถือธงแม่ทัพคนหนึ่ง กับสีสะซัวหยงเอามาให้เตียวหุย ๆ เห็นดังนั้นก็ส่งทวนให้ทหาร แล้วลงจากม้าวิ่งไปคำนับกวนอู ก็พากันเข้าไปยังหน้ารถพี่สะใภ้ แล้วเตียวหุยจึงว่าแก่กวนอูว่า ซึ่งข้าพเจ้าหยาบช้าต่อพี่นั้นเพราะใจเบา มิได้ฟังความให้แน่นอน โทษข้าพเจ้าผิดนัก ข้าพเจ้าขออภัยเสียเถิด
ฝ่ายกวนอูก็ยอมอนุญาตให้ แล้วถามทหารซึ่งจับได้นั้นว่า เหตุใดซัวหยงจึงยกกองทัพมา ทหารนั้นจึงบอกว่า ซัวหยงรู้ข่าวว่าท่านฆ่าจินกี๋ผู้หลานเสีย จึงขออาสามหาอุปราชว่าจะยกมาจับท่าน มหาอุปราชจึงว่าได้รับสัญญาท่านแล้ว จะไปจับมานั้นไม่ได้ พอรู้ข่าวว่าเล่าเพ็กกับก๋งเต๋าซึ่งเปนนายโจรนั้น คุมพวกกลับมาตีเมืองยีหลำ มหาอุปราชจึงให้ซัวหยงยกกองทัพมาจับเล่าเพ็กกับก๋งเต๋า แลซัวหยงนั้นมีใจพยาบาทท่านว่าฆ่าจินกี๋ผู้หลานเสีย ครั้นมาพบท่านจึงบังอาจเข้ารบพุ่งจนถึงแก่ความตาย เตียวหุยได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงเชิญพี่สะใภ้ทั้งสองกับกวนอูเข้าไปในเมือง
พอนายประตูทิศใต้มาบอกแก่เตียวหุยว่า บัดนี้บิต๊กกับบิฮองน้องภรรยาเล่าปี่ พาทหารขี่ม้าประมาณสิบสี่สิบห้าคน บอกว่าจะเข้ามาหาท่าน เตียวหุยได้ฟังดังนั้น ก็ออกไปหาบิต๊กบิฮองถ้อยทีคำนับกัน บิต๊กบิฮองจึงว่า เมื่อเล่าปี่ให้ข้าพเจ้าอยู่รักษาเมืองชีจิ๋วนั้น ข้าพเจ้าเห็นจะต้านทานโจโฉมิได้ จึงพากันหนีไปอยู่ ณ บ้านเดิม ข้าพเจ้าแจ้งกิตติศัพท์ว่าเล่าปี่ไปอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว กันหยงรู้ข่าวก็ตามเล่าปี่ไป ภายหลังกวนอูนั้นไปอยู่ด้วยโจโฉ แต่ท่านนี้ยังไม่รู้ข่าว ต่ออยู่มาได้ประมาณห้าเดือนเศษ จึงรู้ข่าวว่าท่านได้เปนเจ้าเมืองนี้ ข้าพเจ้าจึงพากันเสาะมาหา จะบอกข่าวเล่าปี่กวนอูแก่ท่านให้แจ้ง
เตียวหุยจึงว่า บัดนี้กวนอูกับซุนเขียนพาพี่สะใภ้มาถึงเราแล้ว บิต๊กบิฮองก็มีความยินดี เตียวหุยจึงพาบิต๊กบิฮองเข้าไปหากวนอูกับพี่สะใภ้ นางทั้งสองเห็นบิต๊กบิฮองมาก็มีความยินดี จึงเล่าถึงความยากแต่ครั้งเสียเมืองแห้ฝือ จนกวนอูหักด่านออกมาได้นั้นให้ฟังทุกประการ เตียวหุยบิต๊กบิฮองแจ้งดังนั้น ก็เข้าไปคำนับกวนอูแล้วร้องไห้รักกัน ต่างคนก็เล่าความยากแต่หลังให้ฟังต่างๆ เตียวหุยจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงกัน ครั้นเวลารุ่งเช้าเตียวหุยก็ชวนกวนอูว่า เราจะไปหาเล่าปี่ ณ เมืองยีหลำแต่สองคนก่อน กวนอูจึงตอบว่า เจ้าจงรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองอยู่เถิด แต่ตัวพี่กับซุนเขียนจะไปหาเล่าปี่ก่อน เตียวหุยก็ยอม
กวนอูก็ลาพี่สะใภ้ พาซุนเขียนกับทหารสิบคนรีบไปเมืองยีหลำ ซุนเขียนจึงพากวนอูเข้าไปหาเล่าเพ็กก๋งเต๋า แล้วถามว่าเล่าปี่อยู่ไหน เล่าเพ็กก๋งเต๋าบอกว่า เล่าปี่มาอยู่เมืองนี้ประมาณสิบห้าวัน เห็นทหารนั้นเบาบางจึงกลับไปหาอ้วนเสี้ยว หวังจะปรึกษาซึ่งข้อขัดสน กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่ไม่สบาย ซุนเขียนจึงว่าท่านทุกข์ไปใย จำเราจะตามเล่าปี่ไปให้พบ กวนอูก็ลาเล่าเพ็กก๋งเต๋ากลับไปเมืองเก๋าเซีย จึงเอาเนื้อความนั้นเล่าให้พี่สะใภ้ทั้งสองฟังทุกประการ แล้วว่าข้าพเจ้าจะตามเล่าปี่ไป ณ เมืองชีจิ๋ว จะได้คิดอ่านต่อไป
เตียวหุยจึงว่าข้าพเจ้าจะขอไปด้วย กวนอูจึงตอบว่า เราได้เมืองนี้ไว้เปนที่อาศรัย จะทิ้งเมืองเสียนั้นไม่ควร จงอยู่รักษาเมืองไว้พี่จะไปกับซุนเขียน ถ้าพบเล่าปี่แล้วจะได้พามาอาศรัยเมืองนี้ เตียวหุยจึงว่าพี่ได้ฆ่างันเหลียงบุนทิวทหารอ้วนเสี้ยวเสีย ซึ่งจะไปนั้นข้าพเจ้าเห็นอ้วนเสี้ยวจะทำอันตรายแก่พี่ กวนอูจึงว่าข้อนั้นเจ้าอย่าวิตกเลย ถ้าพี่ไปอ้วนเสี้ยวจะทำอันตรายประการใดพี่พอจะแก้ไขได้
แล้วกวนอูจึงถามจิวฉองว่า หุยง่วนเสียวคุมพวกโจรอยู่บนเขาโงจิวสันนั้นประมาณเท่าไร จิวฉองก็บอกว่า พรรคพวกประมาณห้าร้อยเศษ กวนอูจึงว่าตัวเรากับซุนเขียนจะรีบไปหาเล่าปี่ก่อน ตัวท่านจงไปบอกหุยง่วนเสียวให้คุมพรรคพวกไปคอยเราอยู่กลางทาง ถ้าเราพาเล่าปี่มาเกลือกจะมีอันตรายจะได้ช่วยป้องกันแก้ไข จิวฉองก็ลาไป
กวนอูกับซุนเขียน พาทหารประมาณยี่สิบเศษไปตามทางฝ่ายเหนือ ครั้นมาใกล้เมืองกิจิ๋ว ซุนเขียนจึงว่าแก่กวนอูว่า ท่านจงยั้งอยู่แต่ที่นี่ ข้าพเจ้าจะเล็ดลอดเข้าไปหาเล่าปี่ฟังข่าวดีแลร้ายดูก่อนจึงจะคิดอ่านกันต่อ ไป แล้วซุนเขียนก็เข้าไปในเมือง
ฝ่ายกวนอูเห็นบ้านป่าแห่งหนึ่ง ก็พาทหารเข้าไปจะขออาศรัย กวนเต๋งนายบ้านนั้นเปนคนชรา เห็นกวนอูเข้ามาก็ถามว่า ท่านนี้ชื่อใด จะไปไหน กวนอูจึงบอกชื่อแล้วเล่าความซึ่งมาตามเล่าปี่ให้ฟังทุกประการ กวนเต๋งจึงว่าท่านกับเราเปนแซ่เตียวกัน แต่ก่อนนั้นเราก็ได้ยินลืออยู่ว่าท่านมีฝีมือกล้าหาญ ประกอบทั้งความสัตย์ซื่อ ซึ่งได้พบท่านนี้เปนบุญของเรา แล้วเรียกกวนเหล็งกับกวนเป๋งผู้เปนบุตรมาให้คำนับกวนอู แล้วจัดแจงที่อยู่ให้อาศรัย
ฝ่ายซุนเขียนครั้นเข้าไปพบเล่าปี่ จึงเล่าเนื้อความซึ่งพบกวนอูเตียวหุยแลภรรยาทั้งสองให้เล่าปี่ฟังทุกประการ เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงบอกว่า บัดนี้กันหยงมาอยู่ในเมืองนี้ แต่ทำเปนไม่รู้จักกับเรา ๆ จะให้คนสนิธลอบไปหามาจะได้คิดอ่านกัน ครั้นเวลาค่ำพอกันหยงลอบมาหาเล่าปี่ ๆ เชิญให้นั่งแล้วบอกว่า ซุนเขียนก็ตามมาหา เราคิดอยู่ว่าจะให้คนลอบไปหาท่านมาจะได้ปรึกษากันซึ่งจะได้ออกจากอ้วนเสี้ยว แล้วจะได้คิดการต่อไป กันหยงจึงตอบว่าท่านคิดทั้งนี้ก็ควรนัก เวลาพรุ่งนี้ท่านจงไปว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า จะขออาสาไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่จึงว่าท่านจะไปด้วยเราหรือไม่ กันหยงจึงว่า อันน้ำใจข้าพเจ้านี้จะขอไปด้วยท่าน ถ้าอ้วนเสี้ยวจะขัดขวางประการใด ข้าพเจ้าจะคิดอ่านผ่อนผันไปให้ได้ เล่าปี่เห็นชอบด้วย กันหยงก็ลากลับไปที่อยู่
ครั้นเวลารุ่งเช้าเล่าปี่จึงเข้าไปว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า เมืองเกงจิ๋วซึ่งเล่าเปียวได้รักษาอยู่นั้น เข้าปลาอาหารก็บริบูรณ์ แลมีเมืองขึ้นเก้าหัวเมือง ข้าพเจ้าจะขอไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวให้มาเข้าด้วยท่าน จะได้คิดอ่านการกำจัดโจโฉ อ้วนเสี้ยวจึงว่า ซึ่งท่านคิดอ่านทั้งนี้ควรอยู่ แต่เราได้ไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวเปนหลายครั้ง เล่าเปียวก็ไม่ยอม เล่าปี่จึงว่า ซึ่งเล่าเปียวนั้นเปนแซ่เดียวกันกับข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าได้ไปว่ากล่าวชักชวน เห็นเล่าเปียวจะยอมอ่อนน้อมต่อท่านเปนมั่นคง อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า ซึ่งท่านจะไปนั้นเราก็ยอมให้ท่านไป ถ้าเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวได้สมความคิด ก็ดีกว่าได้เล่าเพ็กไว้สิบส่วนอีก แล้วว่าเราได้ยินกิตติศัพท์ว่า กวนอูน้องของท่านซึ่งไปอาสาโจโฉฆ่างันเหลียงบุนทิวเสียนั้น บัดนี้ออกจากโจโฉแล้วจะตามมาหาท่าน ถ้ากวนอูมาถึงเราจะจับฆ่าเสียจึงจะหายความแค้น
เล่าปี่จึงตอบว่า เดิมท่านว่ากับข้าพเจ้าว่า จะใคร่ได้กวนอูมาไว้เปนกำลัง ข้าพเจ้าจึงแต่งหนังสือให้ไปถึงกวนอู ๆ ก็มีความยินดี เหตุใดท่านจะฆ่ากวนอูเสียเล่า อ้วนเสี้ยวจึงว่า ซึ่งกวนอูมานั้นเราก็มีความยินดีอยู่ ซึ่งเราว่าทั้งนี้จะลองใจท่าน ว่าจะรักกวนอูจริงหรือไม่ ท่านจงให้ไปรับกวนอูมาเถิด เราจะเลี้ยงโดยปรกติ เล่าปี่ก็ลาอ้วนเสี้ยวกลับออกมาที่อยู่
กันหยงจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ซึ่งท่านให้เล่าปี่ไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวนั้น ข้าพเจ้าเกรงอยู่ว่าเล่าปี่จะไม่กลับมาหาท่าน ข้าพเจ้าจะขออาสากำกับเล่าปี่ไปด้วย แล้วจะได้ว่ากล่าวเล่าเปียวให้เข้าด้วยท่านจงได้ อ้วนเสี้ยวไม่รู้กลอุบายเห็นชอบด้วยก็ยอมให้กันหยงไป กันหยงก็ลาอ้วนเสี้ยวตามเล่าปี่ออกไปถึงที่อยู่
กัวเต๋าจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ครั้งหนึ่งท่านให้เล่าปี่ไปเกลี้ยกล่อมเล่าเพ็กก็ไม่สมความคิด ครั้งนี้ท่านให้เล่าปี่กับกันหยงไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวนั้น ข้าพเจ้าเห็นเล่าปี่กับกันหยงจะไม่กลับมาหาท่าน อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า อันกันหยงนั้นมีสติปัญญาสัตย์ซื่อต่อเรา ถึงเล่าปี่จะบิดพลิ้วอยู่ไม่มา เห็นกันหยงจะคิดอ่านพาตัวเล่าปี่มาเปนมั่นคง กัวเต๋าได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่ มิได้ตอบประการใด
ฝ่ายเล่าปี่จึงให้ซุนเขียนกลับออกไปบอกกวนอูว่า บัดนี้อ้วนเสี้ยวให้เรากับกันหยงไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋ว อย่าให้กวนอูเข้ามาเลย จงคอยอยู่นั่นเถิด ซุนเขียนก็ลาเล่าปี่ออกไปบอกแก่กวนอูตามเล่าปี่สั่ง ฝ่ายเล่าปี่ก็พากันหยงออกจากเมืองกิจิ๋วไป กวนอูเห็นเล่าปี่มาก็มีความยินดี ก็ลงจากม้าเข้าไปคำนับเล่าปี่ แล้วเล่าเนื้อความแต่หลังให้ฟังทุกประการ แล้วพาเล่าปี่เข้าไป ณ บ้านกวนเต๋ง จึงว่าแก่กวนเต๋งว่า ซึ่งข้าพเจ้ามาติดตามบัดนี้ก็พบเล่าปี่ผู้พี่ข้าพเจ้าแล้ว
กวนเต๋งจึงให้บุตรทั้งสองมาคำนับเล่าปี่ ๆ จึงถามว่า ท่านกับบุตรทั้งสองนี้ชื่อไร กวนอูจึงบอกว่า บิดานั้นชื่อกวนเต๋ง เปนแซ่เดียวกับข้าพเจ้า บุตรทั้งสองนั้นชื่อกวนเหล็งหนึ่ง กวนเป๋งหนึ่ง กวนเต๋งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ข้าพเจ้าจะให้กวนเป๋งบุตรน้อยข้าพเจ้าไปอยู่กับกวนอู แต่เกรงอยู่ว่าท่านจะไม่ยอม เล่าปี่จึงถามว่าอายุกวนเป๋งนั้นได้เท่าใด กวนเต๋งจึงบอกว่า อายุกวนเป๋งได้สิบห้าปี เล่าปี่จึงว่าท่านจะให้บุตรไปอยู่ด้วยกวนอูนั้น เรามีความยินดี ด้วยกวนอูยังหาบุตรมิได้ ท่านจงปลงใจให้กวนเป๋งเปนบุตรเลี้ยงกวนอูเถิด กวนเต๋งได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ จึงอนุญาตให้กวนเป๋งเปนบุตรกวนอู เรียกเล่าปี่ว่าเปนลุง เล่าปี่จึงว่าแก่กวนอูว่า ครั้นเราจะอยู่ช้าบัดนี้เกลือกอ้วนเสี้ยวจะได้คิดขึ้น จะให้ทหารติดตามเรามา เราจะรีบไปให้พ้น กวนอูเห็นชอบด้วยก็ชวนกันลากวนเต๋ง พากวนเป๋งกับทหารทั้งปวงไปทางเขาโงจิวสัน กวนอูขับม้านำทางไปก่อน พอพบจิวฉองคุมทหารมาประมาณสามสิบเศษ เห็นกายต้องอาวุธโลหิตไหลทั้งบ่าวทั้งนาย กวนอูจึงพาจิวฉองเข้าไปหาเล่าปี่ จิวฉองคำนับเล่าปี่แล้วบอกว่า เมื่อกวนอูใช้ข้าพเจ้าไปหาหุยง่วนเสียวนั้น มีทหารคนหนึ่งขี่ม้ามาแต่ผู้เดียวฆ่าหุยง่วนเสียวเสีย ข้าพเจ้าจึงเข้ารบพุ่งต้องอาวุธบาดเจ็บทั้งพวกข้าพเจ้าจึงพากันหนีมา บัดนี้ทหารคนนั้นคุมทหารบ่าวไพร่หุยง่วนเสียวตั้งอยู่ ณ เขาโงจิวสัน เล่าปี่ถามว่าทหารนั้นรูปร่างอย่างไร ท่านรู้จักหรือไม่ จิวฉองจึงบอกว่า ชื่อนั้นข้าพเจ้าไม่รู้จัก แต่เห็นรูปร่างสูงใหญ่ล่ำสัน เล่าปี่กับกวนอูจึงให้นำไป ณ เขาโงจิวสัน แล้วให้จิวฉองไปร้องด่าท้าทาย
จูล่งได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงใส่เกราะถือทวนขึ้นม้าพาพวกโจรลงมาจากเนินเขา เล่าปี่แลเห็นจูล่งก็ขับม้าขึ้นมาหน้าทหาร จูล่งเห็นเล่าปี่ยืนม้าอยู่ก็มีความยินดี จึงลงจากม้าวางทวนเสีย แล้วเข้าไปคุกเข่าคำนับเล่าปี่ ๆ กวนอูก็ลงจากม้าแล้วถามจูล่งว่า เหตุใดท่านจึงมาอยู่ ณ เขานี้ จูล่งจึงบอกว่า เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับกองซุนจ้านนั้น กองซุนจ้านทำการสงครามมิได้เชื่อฟังที่ปรึกษาทั้งปวง จึงเสียทีแก่อ้วนเสี้ยวจนตัวถึงแก่ความตาย อ้วนเสี้ยวให้ทหารมาเกลี้ยกล่อมข้าพเจ้าเปนหลายครั้ง ข้าพเจ้ารู้น้ำใจอ้วนเสี้ยวอยู่จึงไม่ไปด้วย ครั้นข้าพเจ้าแจ้งว่าท่านอยู่ ณ เมืองกิจิ๋ว ข้าพเจ้าจะไปหาท่าน พอมาถึงกลางทางรู้ข่าวว่าท่านเสียเมืองแก่โจโฉ ตัวท่านก็ไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว กวนอูพลัดไปอยู่ด้วยโจโฉ ครั้นข้าพเจ้าจะตามท่านไป ณ เมืองกิจิ๋ว ก็เกรงอยู่ว่าอ้วนเสี้ยวจะมีใจโกรธพยาบาททำอันตรายข้าพเจ้า ๆ จึงเที่ยวมาพบโจร ณ เขานี้ หุยง่วนเสียวคุมพวกเพื่อนออกมาจะชิงเอาม้าข้าพเจ้า ได้รบพุ่งกันเปนสามารถ ข้าพเจ้าฆ่าหุยง่วนเสียวเสียได้ พวกโจรนั้นแตกหนีไปบ้าง ข้าพเจ้าจึงเข้าคุมพวกโจรอยู่ ณ เขานี้ พอรู้ข่าวว่าเตียวหุยมาเปนเจ้าเมืองเก๋าเซีย ข้าพเจ้าคอยฟังข่าวอยู่ให้แน่ก่อนจึงจะไปหาเตียวหุย
เล่าปี่กับกวนอูต่างคนต่างเล่าเนื้อความ ซึ่งแตกไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวแลโจโฉนั้นให้จูล่งฟังทุกประการ แล้วเล่าปี่จึงว่าเราได้พบท่านเมื่ออยู่กับกองซุนจ้านนั้น เราก็มีความรักท่านอยู่เปนอันมาก ยังหาบุญไม่จึงมิได้มาอยู่ร่วมคิดด้วยกัน บัดนี้บุญเรามาถึงแล้ว จึงผเอิญให้มาพบกัน จูล่งจึงว่าแต่ข้าพเจ้าเที่ยวมาทุกเมือง จะหาที่พึ่งซึ่งมีน้ำใจโอบอ้อมอารีเหมือนท่านนี้ก็ไม่มี บัดนี้เปนบุญของข้าพเจ้าได้กลับมาพบท่าน ข้าพเจ้าจะขออยู่เปนบ่าวท่าน ถึงมาทว่าจะได้ยากลำบากเปนประการใด ข้าพเจ้าจะขออาสาไปกว่าจะสิ้นชีวิต แล้วจูล่งก็พาพวกเพื่อนนั้นตามเล่าปี่ไปถึงเมืองเก๋าเซีย
ฝ่ายเตียวหุยบิต๊กบิฮอง รู้ว่าเล่าปี่มาถึงก็มีความยินดี จึงพากันออกไปรับเล่าปี่เข้ามาในเมือง นางกำฮูหยินนางบิฮูหยินก็ออกมาคำนับเล่าปี่ แล้วเล่าเนื้อความแต่หลังครั้งเสียเมืองแห้ฝือ กวนอูไปอยู่กับโจโฉให้ฟังทุกประการ เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญกวนอูว่า มีความสัตย์หาผู้เสมอมิได้ เตียวหุยจึงให้แต่งเครื่องบวงสรวงแก่เทพดาแลเลี้ยงดูกัน
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง เล่าปี่จึงปรึกษากันกับกวนอูเตียวหุยแลทหารทั้งปวงว่า เมืองเก๋าเซียนี้เปนแต่เมืองจัตวา ซึ่งจะอยู่เปนที่มั่นนั้นไม่ได้ จำเราจะพากันยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองยีหลำซึ่งเปนหัวเมืองใหญ่ จะได้เปนที่มั่นคิดการสืบไป พอม้าใช้ถือหนังสือเล่าเพ็กมาให้เล่าปี่เปนใจความว่า บัดนี้เล่าเพ็กรู้ว่าเล่าปี่มาอยู่ที่เมืองเก๋าเซียเห็นไม่เปนที่มั่น จึงให้หนังสือมาเชิญเล่าปี่ไปตั้งอยู่ ณ เมืองยีหลำ ครั้นเล่าปี่แจ้งในหนังสือแล้วก็มีความยินดี ปรึกษาเห็นพร้อมกัน จึงพากวนอูเตียวหุยกับครอบครัว แลทหารเอกทหารเลวทั้งปวงประมาณห้าพันเศษยกไปเมืองยีหลำ แล้วให้ตั้งเกลี้ยกล่อมซ่อมสุมผู้คนอยู่ ณ เมืองยีหลำ
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวแจ้งดังนั้นก็โกรธ จึงเกณฑ์ทหารจะยกไปจับเล่าปี่ กัวเต๋าจึงว่า ซึ่งท่านจะยกทัพไปรบเล่าปี่นั้นข้าพเจ้าเห็นไม่ควร ถึงมาทว่าเล่าปี่มิได้ไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวมาช่วยคิดการก็จะทำไมมี ทุกวันนี้ข้าพเจ้าวิตกอยู่แต่โจโฉเปนศึกใหญ่ กับซุนเซ็กซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองกังตั๋งนั้นมีทหารเปนอันมาก เข้าปลาอาหารก็บริบูรณ์ มีเมืองขึ้นหกหัวเมือง ขอให้ท่านคิดอ่านแต่งผู้มีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมซุนเซ็กมาไว้ ให้ช่วยคิดการกำจัดโจโฉอันเปนศึกใหญ่เสียจึงจะควร อันเล่าปี่นั้นทหารก็น้อย ถ้าท่านจะยกไปรบเมื่อใดก็จะได้โดยง่าย อ้วนเสี้ยวเห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือให้ตันจิ๋นไปเกลี้ยกล่อมซุนเซ็ก ตันจิ๋นก็รับเอาหนังสือแล้วลาไป
กรุณาแสดงความคิดเห็น