สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 22
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 22
เนื้อหา
- โจโฉยกกองทัพไปปราบเล่าปี่
- เล่าปี่แตกหนีโจโฉ
- เล่าปี่ไปอาศัยอ้วนเสี้ยว
- โจโฉคิดอุบายเกลี้ยกล่อมกวนอู
- กวนอูขอคำมั่นสัญญาแล้วยอมอยู่กับโจโฉ
โจโฉจึงออกจากพระราชวังกลับมาบ้านแล้วปรึกษาเทียหยกว่า ตังสินกับพวกห้าคนซึ่งคิดร้ายเรานั้นเราก็ฆ่าเสียแล้ว ยังแต่เล่าปี่กับม้าเท้ง เราจะคิดประการใดจึงจะได้ตัวมาฆ่าเสีย เทียหยกจึงว่า ม้าเท้งไปอยู่เมืองเสเหลียงนั้นมีทหารเปนอันมาก ถ้าท่านจะยกกองทัพไปตีเอาบัดนี้เมืองเราก็เปนกังวลอยู่ ขอให้ท่านเร่งแต่งผู้มีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมหาตัวม้าเท้งกลับเข้ามา อย่าให้ทันม้าเท้งรู้ว่าท่านจับตังสินกับพวกเพื่อนฆ่าเสีย ข้าพเจ้าเห็นว่าม้าเท้งไม่แจ้งเนื้อความทั้งนี้ก็จะเข้ามา จึงจับฆ่าเสียก็จะได้โดยง่าย อันเล่าปี่นั้นไปอยู่เมืองชีจิ๋ว ซ่องสุมทหารจะคอบรับกองทัพท่าน บัดนี้ทหารอ้วนเสี้ยวกับทหารเราก็ยังตั้งรอกันอยู่ ณ ตำบลกัวต่อ เห็นเล่าปี่จะให้มีหนังสือไปคิดกับอ้วนเสี้ยวเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าท่านยกกองทัพไปรบเล่าปี่ ดีร้ายอ้วนเสี้ยวจะยกมาตีเมืองฮูโต๋เปนมั่นคง ผู้ใดซึ่งจะต้านทานอ้วนเสี้ยวได้นั้นขัดสน โจโฉจึงตอบว่า เล่าปี่นั้นเปนคนมีสติปัญญา ถ้าละไว้ช้าก็จะมีกำลังมากขึ้น อุปมาเหมือนลูกนกอันขนปีกยังไม่ขึ้นพร้อม แม้เราจะนิ่งไว้ให้อยู่ในรังฉนี้ ถ้าขนขึ้นพร้อมแล้วก็จะบินไปทางไกลได้ ซึ่งจะจับตัวนั้นเห็นจะได้ความขัดสน อ้วนเสี้ยวนั้นมีทหารมากก็จริง แต่สติปัญญาน้อย ถึงจะคิดประการใดเราก็ไม่กลัว
ขณะนั้นพอกุยแกเข้ามา โจโฉจึงปรึกษาว่า เราจะยกกองทัพไปรบเล่าปี่ ณ เมืองชีจิ๋วฝ่ายทิศตวันออก แต่คิดเกรงอยู่ข้างฝ่ายทิศเหนือ เกลือกอ้วนเสี้ยวรู้ จะยกกองทัพมาโจมตีเอาเมืองฮูโต๋ ท่านจะคิดเห็นประการใด กุยแกจึงว่า อันความคิดอ้วนเสี้ยวนั้น ถ้าจะทำการสิ่งใดก็รวดเร็ว จะใช้ผู้ใดอ้วนเสี้ยวมักคิดสงสัยมิวางใจ ประการหนึ่งทหารทั้งปวงก็แก่งแย่งกัน จึงจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ ก็เห็นจะไม่สมความคิด อันเล่าปี่นั้นก็พึ่งได้กลับไปอยู่เมืองชีจิ๋ว แล้วทหารของเราก็ติดไปด้วย ซึ่งจะคิดการศึกไปนั้น เห็นทหารทั้งปวงยังไม่พร้อมเปนใจเดียวกัน ครั้นจะนิ่งไว้ทหารก็จะเปนใจประนอมกันเข้า ขอเร่งยกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋วเสียก่อน โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงตอบกุยแกว่า ซึ่งเราถามนี้แกล้งจะดูความคิดท่าน ท่านว่ามาก็เหมือนน้ำใจเราคิด แล้วโจโฉก็เกณฑ์ทหารได้ประมาณยี่สิบหมื่นยกออกจากเมืองฮูโต๋
ฝ่ายม้าใช้รู้ว่าโจโฉยกมา จึงรีบไปเมืองชีจิ๋วบอกเนื้อความแก่ซุนเขียนว่า บัดนี้กองทัพโจโฉยกมา ซุนเขียนแจ้งดังนั้นก็ไปบอกแก่กวนอู ณ เมืองแห้ฝือตามคำม้าใช้ แล้วว่าให้จัดแจงทหารไว้ให้พร้อม แลซุนเขียนก็ไปเมืองเสียวพ่าย บอกเนื้อความแก่เล่าปี่ ๆ แจ้งดังนั้นจึงว่า เราจะให้มีหนังสือไปถึงอ้วนเสี้ยวอีก ให้ยกกองทัพมาช่วย จึงจะต้านทานโจโฉได้ เล่าปี่ก็แต่งหนังสือไปให้อ้วนเสี้ยว ซุนเขียนก็รับเอาหนังสือไปถึงเมืองกิจิ๋ว จึงเข้าไปหาเตียนห้อง เล่าเนื้อความให้ฟังทุกประการ แล้วว่าท่านจงช่วยพาเข้าไปหาอ้วนเสี้ยว เตียนห้องได้ฟังดังนั้นก็พาซุนเขียนเข้าไปถึงอ้วนเสี้ยว ซุนเขียนคำนับแล้วส่งหนังสือให้ อ้วนเสี้ยวอ่านแจ้งแล้วมิได้ตอบประการใด แกล้งทำเปนทุกข์
เตียนห้องเห็นหน้าอ้วนเสี้ยวนั้นเสร้าหมองจึงถามว่า วันนี้ข้าพเจ้าเห็นท่านไม่สบายนั้นมีวิตกสิ่งใดหรือ อ้วนเสี้ยวจึงบอกว่า เรานี้ใกล้จะตายอยู่แล้ว จึงไม่มีความสบาย เตียนห้องจึงว่า เหตุใดท่านเจรจาเปนความอัปมงคล อ้วนเสี้ยวจึงว่า ชีวิตเราจะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ เราวิตกถึงบุตรห้าคน เห็นว่าบุตรคนสุดท้องนั้นมีสติปัญญาอยู่บ้าง แต่อายุยังเด็กนัก บัดนี้ก็ป่วยหนักอยู่ เราจึงไม่มีความสบาย จึงคิดการสิ่งใดมิได้ เตียนห้องจึงตอบว่า คนทั้งปวงก็ลือชาปรากฎว่า ท่านเปนใหญ่อยู่ในหัวเมืองฝ่ายเหนือ เหตุใดท่านมาคิดย่อท้อ จะมาตีตัวตายก่อนไข้นั้นไม่ควร บัดนี้โจโฉก็ยกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋ว เมืองฮูโต๋นั้นหามีผู้ใดอยู่รักษาไม่ เล่าปี่ก็ให้หนังสือมาขอกองทัพท่านไปช่วย ถ้าท่านยกกองทัพไปโจมตีเมืองฮูโต๋ครั้งนี้เห็นจะได้โดยง่าย อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าครั้งนี้ได้ทีทำการศึก แต่ใจเรานั้นเปนห่วงอยู่ถึงบุตร ถ้าบุตรเปนอันตรายข้างหลังชีวิตเราก็จะตายด้วย ประการหนึ่งมาทว่าจะยกไปก็ไม่มีชัยชนะ ด้วยเหตุไม่สบาย แล้วสั่งซุนเขียนว่า ครั้งนี้เราไม่ยกไปแล้ว จงไปบอกแก่เล่าปี่เถิด ถ้าอับจนเข้าก็ให้มาหาเรา เราจะช่วยทำนุบำรุงมิให้ขัดสน
เตียนห้องได้ยินอ้วนเสี้ยวว่าดังนั้นก็โกรธจึงว่า เสียดายครั้งนี้ได้ทีอยู่แล้ว ควรหรือมาคิดเปนห่วงด้วยลูกเล็กเด็กน้อย เตียนห้องทอดใจใหญ่เดิรกระทืบเท้าออกไป ซุนเขียนก็ลาอ้วนเสี้ยวกลับไปเมืองเสียวพ่าย แจ้งเนื้อความแก่เล่าปี่ตามคำอ้วนเสี้ยวว่า เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงปรึกษาซุนเขียนว่า โจโฉยกกองทัพมาครั้งนี้ เราจะคิดอ่านรบพุ่งป้องกันประการใด
เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า อันทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ ถ้าจะละให้ตั้งลงได้ ก็จะมีกำลังทำการศึกคิดร้ายแก่เรา บัดนี้กองทัพโจโฉก็ยกมาใกล้เมืองเราแล้ว เวลาค่ำวันนี้ข้าพเจ้าจะอาสาคุมทหารยกออกไปโจมตีกองทัพโจโฉอย่าให้ตั้งมั่น ลงได้ เห็นโจโฉจะเสียทีเปนมั่นคง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่า น้องเราแต่ก่อนมาเห็นว่าไม่มีความคิด มีแต่ฝีมือรบพุ่งกล้าหาญ เราพึ่งได้เห็นความคิดน้องเรา ทำกลอุบายจับเล่าต้ายได้ครั้งหนึ่ง มาครั้งนี้จะยกออกโจมตีกองทัพโจโฉมิให้ตั้งมั่นลงได้นั้นต้องใจเรานัก แล้วเล่าปี่ก็ให้เกณฑ์ทหารเตรียมไว้สำหรับเล่าปี่กองหนึ่ง จัดทหารไว้สำหรับเตียวหุยกองหนึ่ง
ฝ่ายโจโฉยกกองทัพมาใกล้จะถึงเมืองเสียวพ่าย พอเกิดลมพายุใหญ่พัดหนักธงชัยซึ่งปักมาบนเกวียนนั้นหักทบลง โจโฉเห็นวิปริตดังนั้น ก็ให้หยุดทหารตั้งค่ายมั่นไว้ แล้วถามที่ปรึกษาว่า ซึ่งลมพายุพัดมาถูกธงชัยเราหักลงทั้งนี้ จะเห็นดีแลร้ายประการใด ซุนฮกจึงว่า ซึ่งเกิดพายุใหญ่พัดธงชัยหักทบลงมานั้น เปนลมตวันออก เวลาค่ำวันนี้ดีร้ายเล่าปี่จะยกออกมาปล้นค่ายเราเปนมั่นคง พอมอกายเข้ามาว่าแก่โจโฉว่า ลมตวันออกพัดมาถูกธงชัยหักนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่ากลางคืนวันนี้จะมีผู้มาปล้นค่าย
โจโฉได้ฟังซุนฮกกับมอกายว่าต้องคำกันดังนั้นจึงว่า ซึ่งเกิดลมมาทั้งนี้หากเทพดาสำแดงเหตุให้รู้เพราะบุญของเรา โจโฉจึงให้แบ่งทหารเปนสิบเอ็ดกอง กองหนึ่งให้อยู่รักษาค่าย แปดกองนั้นให้นายทหารเอกคุมทหารเลวยกแยกออกไปซุ่มอยู่นอกค่ายทั้งแปดทิศ ถ้าเห็นกองทัพผู้ใดยกมาปล้นค่าย ก็ให้ทหารทั้งแปดกองตีกระหนาบล้อมเข้ามา สองกองนั้นให้แยกกันไปตั้งสกัดอยู่ปากทางเมืองชีจิ๋วกองหนึ่ง เมืองแห้ฝือกองหนึ่ง
ครั้นเวลาสองยาม เล่าปี่กับเตียวหุยก็คุมทหารออกมาจากเมืองเสียวพ่าย เตียวหุยนั้นคิดกำเริบว่า ครั้งก่อนทำกลอุบายจับเล่าต้ายได้ ครั้งนี้เล่าปี่ก็สรรเสริญความคิดเปนอันมาก เตียวหุยจึงขี่ม้าคุมทหารเปนกองหน้า ยกเข้าไปตีปล้นค่ายโจโฉ เตียวหุยเห็นคนในค่ายนั้นน้อย แล้วได้ยินเสียงทหารภายนอกโห่ร้องอื้ออึง ทั้งคบเพลิงก็สว่างขึ้นเปนอันมาก จึงคิดว่าดีร้ายโจโฉจะคิดกลอุบาย ก็พาทหารกลับออกมาหาเล่าปี่
พอพบเตียวเลี้ยวเคาทูอิกิ๋มลิเตียนซิหลงงักจิ้นแฮหัวตุ้นแฮหัวเอี๋ยนคุม ทหารตีกระหนาบล้อมเข้ามาทั้งแปดทิศ ได้รบพุ่งฆ่าฟันกันเปนสามารถ แลทหารซึ่งเตียวหุยคุมมานั้น เปนทหารเดิมของโจโฉก็แตกเข้าหานายทหารทั้งแปดกองนั้น ยังเหลือทหารซึ่งสนิธอยู่ประมาณสี่สิบเศษ เตียวหุยรบพุ่งป้องกันเปนสามารถ แล้วพาทหารสี่สิบเศษนั้นรบฝ่าออกมาได้ จึงคิดแต่ในใจว่า ครั้นจะไปหาเล่าปี่แลไปเมืองชีจิ๋วเมืองแห้ฝือบัดนี้ก็ไม่ได้ เห็นทหารโจโฉจะไปตั้งสกัดอยู่ปากทาง จึงพาทหารทั้งปวงหนีขึ้นไปอยู่บนเขาบองเอี๋ยง
ฝ่ายเล่าปี่นั้นขี่ม้าคุมทหารยกหนุนเตียวหุยเข้าไป ครั้นได้ยินเสียงทหารโห่ร้องอื้ออึงล้อมค่ายโจโฉเข้ามา เล่าปี่จึงคิดว่าเตียวหุยเข้าไปปล้นค่านนั้น ดีร้ายจะเสียทีแก่โจโฉ พอแลเห็นแฮหัวตุ้นคุมทหารเข้ามาตัดเอาทหารเล่าปี่ไปได้ประมาณกึ่งหนึ่ง เล่าปี่เห็นดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารบด้วยแฮหัวตุ้น พอแฮหัวเอี๋ยนคุมทหารตีกระหนาบเข้ามา เล่าปี่ก็ขับม้ารบพุ่งป้องกันเปนสามารถ ทหารเล่าปี่ล้มตายบ้าง เข้าหาโจโฉบ้าง เหลือทหารซึ่งสนิธอยู่ประมาณสามสิบเศษ เล่าปี่จึงพาทหารรบฝ่าออกมาจะกลับไปเมืองเสียวพ่าย แลเห็นแสงเพลิงในเมืองสว่างขึ้น เล่าปี่จึงคิดว่าทหารโจโฉเข้าตีเอาเมืองได้แล้ว จึงขับม้าพาทหารหนีไปถึงปากทางเมืองชีจิ๋วแลเมืองแห้ฝือ เห็นทหารโจโฉตั้งสกัดอยู่ทั้งสองทางเปนอันมาก จึงคิดว่าครั้งนี้โจโฉยกมาทำการใหญ่หลวง เรากับเตียวหุยต่างคนต่างแตกไป แลกวนอูซึ่งอยู่รักษาครอบครัวในเมืองแห้ฝือนั้น ก็ยังไม่ได้รู้เหตุว่าดีแลร้าย ซึ่งอ้วนเสี้ยวสั่งมาแก่ซุนเขียนว่า ขัดสนประการใดก็ให้ไปหาเถิดจะช่วยธุระนั้น ครั้งนี้จำจะไปอาศรัยอ้วนเสี้ยวอยู่ก่อน จึงจะได้คิดการต่อไป แล้วเล่าปี่ก็พาทหารรีบหนีจะไปทางเมืองกิจิ๋ว พอพบลิเตียนคุมทหารสกัดทางอยู่ เล่าปี่ตกใจมิได้คิดอ่านสู้รบประการใด จึงทิ้งทหารสามสิบเศษเสีย ขับม้าหนีเอาตัวรอด ลิเตียนนั้นจับเอาทหารเล่าปี่ไว้ได้สิ้น
ขณะเมื่อเล่าปี่ควบม้าหนีไปนั้น ทั้งกลางวันกลางคืนได้ทางประมาณพันเส้น ครั้นถึงเมืองเซียงจิ๋วจึงบอกแก่นายประตูว่า เราจะเข้าไปหาอ้วนถำเจ้าเมืองซึ่งเปนบุตรอ้วนเสี้ยว นายประตูก็เอาเนื้อความเข้าไปบอกแก่อ้วนถำ ๆ มีความยินดี จึงออกมาคำนับรับเล่าปี่เข้าไป เล่าปี่จึงเล่าเนื้อความแต่หลังให้อ้วนถำฟังทุกประการ แล้วว่าเราจะไปอาศรัยอยู่กับอ้วนเสี้ยวผู้เปนบิดาท่าน จะได้คิดอ่านกำจัดโจโฉเสีย
อ้วนถำได้ฟังดังนั้นก็มีความสงสารเปนอันมาก ก็ให้แต่งโต๊ะเลี้ยง แล้วจัดแจงที่อยู่ให้เล่าปี่อาศรัย จึงแต่งหนังสือบอกไปถึงบิดาตามคำเล่าปี่ ให้ม้าใช้ถือไปก่อน แล้วให้ทหารป้องกันรักษาเล่าปี่ไปภายหลัง ม้าใช้มาถึงเมืองกิจิ๋ว ก็เอาหนังสือนั้นเข้าไปให้แก่อ้วนเสี้ยว ๆ แจ้งเนื้อความก็มีใจยินดี จึงพาทหารออกมาคอยรับเล่าปี่อยู่นอกเมือง ครั้นเห็นเล่าปี่มาถึง อ้วนเสี้ยวจึงไปจูงเอามือเล่าปี่ ถ้อยทีถ้อยคำนับกันแล้วพาเล่าปี่เข้ามาในเมือง อ้วนเสี้ยวจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ท่านให้ซุนเขียนมาขอกองทัพนั้น บุตรเราป่วยหนักอยู่ จึงมิได้ยกไปช่วยท่าน ๆ อย่าน้อยใจแก่เราเลย เรามีความวิตกอยู่มิได้ขาด บัดนี้ท่านเสียเมืองไปแก่โจโฉ แต่ตัวท่านได้มาเห็นหน้ากันนี้เรามีความยินดีนัก
เล่าปี่จึงว่า ครั้งนี้ข้าพเจ้าเปนคนอนาถา ซึ่งท่านนับถือนี้คุณหาที่สุดไม่ แต่ก่อนนั้นข้าพเจ้าก็แจ้งอยู่ว่า น้ำใจท่านกว้างขวางอารี เลี้ยงทหารมิให้อนาทร ข้าพเจ้าก็คิดอยู่ว่าจะมาพึ่งอยู่ให้ท่านใช้ จะได้ช่วยกันกำจัดโจโฉเสีย บัดนี้เสียทีแก่โจโฉมาแต่ตัว แต่น้องข้าพเจ้าทั้งสองกับครอบครัวยังไม่รู้ว่าเปนตายประการใด ซึ่งข้าพเจ้ามาหาท่านแต่ผู้เดียวนี้ มีความอัปยศแก่คนทั้งปวงเปนอันมาก ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะขอกินน้ำสบถอยู่ทำการด้วยท่านกว่าจะสำเร็จ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงจัดแจงเครื่องอุปโภคแลเครื่องบริโภคให้เปนอันมาก ทำนุบำรุงเล่าปี่ไว้ในเมืองกิจิ๋ว
ฝ่ายโจโฉในเวลากลางคืนนั้น คุมทหารเข้าตีเอาเมืองเสียวพ่ายได้ แลยกกองทัพไปตีเมืองชีจิ๋ว แลบิต๊กบิฮองกันหยง ซึ่งเล่าปี่ให้รักษาเมืองจึงคิดกันว่า ทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เห็นเราจะต้านทานมิได้ ก็พากันหนีออกจากเมือง แต่ตันเต๋งเห็นจวนตัว จึงเปิดประตูเมืองออกไปรับโจโฉให้เปนความชอบไว้ โจโฉเห็นดังนั้นก็มีความยินดียกทหารเข้าไป จึงกำชับทหารมิให้ทำอันตรายแก่ชาวเมือง แล้วปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า เราจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองแห้ฝือ ท่านทั้งปวงจะเห็นเปนประการใด
ซุนฮกจึงว่า ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ให้กวนอูรักษาครอบครัวอยู่เมืองแห้ฝือ ซึ่งท่านจะยกกองทัพไปตีนั้นควรนัก ถ้าละไว้อ้วนเสี้ยวก็จะยกมาพาเอาครอบครัวเล่าปี่ไป โจโฉจึงตอบว่า อันกวนอูนั้นมีฝีมือกล้าหาญชำนาญในการสงคราม เราจะใคร่ได้ตัวมาเลี้ยงเปนทหาร เราจะแต่งคนให้ไปเกลี้ยกล่อมกวนอูจึงจะได้ กุยแกจึงว่าอันน้ำใจกวนอูนั้นซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่นัก ซึ่งจะให้คนไปเกลี้ยกล่อมเห็นกวนอูจะมิลงใจด้วย แลผู้ใดซึ่งจะไปเกลี้ยกล่อมนั้นกวนอูก็คงจะฆ่าเสีย
เตียวเลี้ยวจึงว่า ข้าพเจ้ากับกวนอูได้รู้จักกันมา ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะขออาสาไปเกลี้ยกล่อมกวนอูให้ได้ เทียหยกจึงว่า ซึ่งเตียวเลี้ยวจะรับอาสาไปเกลี้ยกล่อมกวนอูนั้น เห็นกวนอูจะไม่มา ข้าพเจ้าจะขออาสาฬ่อลวงให้กวนอูออกจากเมืองแห้ฝือแล้ว ถ้าเห็นกวนอูสิ้นความคิดลงเมื่อใด จึงให้เตียวเลี้ยวไปเกลี้ยกล่อมเห็นจะได้โดยง่าย
โจโฉจึงถามเทียหยกว่า ท่านจะคิดฬ่อลวงประการใด เทียหยกจึงว่า ท่านจับทหารเล่าปี่ไว้ได้เปนอันมาก จงให้บำเหน็จรางวัลให้ถึงขนาด แล้วสั่งให้ทำตามคำเรา จึงปล่อยเข้าไปในเมือง ให้บอกว่าหนีกลับมาได้ ถ้าเราจะทำการก็ให้เปนใส้ศึกอยู่เมือง แล้วให้แต่งทหารไปรบฬ่อ ถ้ากวนอูไล่ออกมานอกเมืองแล้ว จึงให้ทหารซึ่งซุ่มอยู่ทั้งสองข้างล้อมไว้ จึงแต่งให้ผู้มีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมกวนอูเห็นจะได้โดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เอาทหารเล่าปี่ซึ่งจับไว้ได้นั้นประมาณสี่สิบคน แล้วให้บำเหน็จรางวัลเปนอันมาก จึงสั่งเนื้อความตามคำเทียหยกว่าทุกประการ ทหารทั้งปวงก็เข้าไปหากวนอูในเมืองแห้ฝือ แล้วบอกว่าข้าพเจ้าหนีโจโฉมาได้ กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มิได้มีความสงสัย จึงเอาไว้ใช้สอยอยู่
ครั้นเวลาสามยาม โจโฉจึงให้แฮหัวตุ้นคุมทหารห้าพันเปนกองซุ่ม แล้วสั่งซิหลงกับเคาทูว่า ถ้ากวนอูไล่แฮหัวตุ้นออกมาก็ให้ยกทหารตั้งสกัดไว้ คอยรบป้องกันอย่าให้กวนอูเปนอันตราย นายทหารทั้งสามคนก็ยกไปเมืองแห้ฝือ โจโฉก็คุมทหารยกตามไปตั้งอยู่แต่ไกล แฮหัวตุ้นคุมทหารมาตั้งอยู่ใกล้เชิงกำแพงเมืองแห้ฝือ
ฝ่ายกวนอูเห็นกองทัพมาตั้งประชิดอยู่ดังนั้นก็มิได้ยกออกรบพุ่ง ให้ทหารขึ้นรักษาหน้าที่ไว้มั่นคง แฮหัวตุ้นมิได้เห็นกวนอูยกออกมารบ จึงให้ทหารเลวร้องต่อล้อด่ากวนอูเปนข้อหยาบช้า กวนอูได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงคุมทหารสามพันเปิดประตูเมืองออกมารบแฮหัวตุ้นได้สิบเพลง แฮหัวตุ้นแกล้งชักม้าหนี กวนอูมิได้รู้กลอุบายก็ขับม้าไล่ไปทางไกลเมืองประมาณสองร้อยเส้น กวนอูได้คิดขึ้นมากลัวว่าทหารโจโฉจะยกเข้าทำร้ายเมืองแห้ฝือจึงพาทหารกลับมา
พอได้ยินเสียงประทัด แล้วแลเห็นเคาทูกับซิหลงคุมทหารออกมารบสกัดไว้ทั้งซ้ายขวา กวนอูก็ขับม้าเข้ารบพุ่งเปนสามารถ ซิหลง เคาทูก็รับรองป้องกันอยู่ กวนอูจะกลับเข้าไปในเมือง พอพบแฮหัวตุ้นคุมทหารมารบอ้อมสกัดทางไว้ ซิหลงกับเคาทูก็รบตีกระหนาบเข้ามา กวนอูนั้นป้องกันลูกเกาทัณฑ์ไว้เปนสามารถ จะกลับเข้าเมืองก็ไม่ได้ จะหลีกไปข้างทางซ้ายขวา ทหารก็หนุนหนาเข้ามา แต่รบป้องกันอยู่นั้นจนใกล้พลบค่ำ กวนอูอิดโรยกำลังลง จึงคุมทหารหนีไปถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง ก็ขึ้นหยุดพักอยู่บนเขานั้น แฮหัวตุ้นซิหลงเคาทูเห็นดังนั้นก็คุมทหารเข้าล้อมเชิงเขาไว้
ฝ่ายทหารเล่าปี่ซึ่งเข้าไปหากวนอูนั้น ครั้นเวลาพลบค่ำมิได้เห็นกวนอูกลับเข้าเมือง ก็ชักชวนกันเปิดประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังนั้นก็เอาเนื้อความมาบอกแก่โจโฉ ๆ มีความยินดีก็คุมทหารเข้าเมืองแห้ฝือ แล้วให้เอาเพลิงเผาเมืองขึ้น หวังจะให้กวนอูเสียน้ำใจ จึงสั่งให้ทหารรักษาครอบครัวเล่าปี่ไว้จงดี แล้วโจโฉก็กลับมาเกณฑ์ทหารหนุนเข้าล้อมกวนอูไว้ กวนอูเห็นแสงเพลิงในเมืองสว่างขึ้นก็ตกใจ คิดถึงครอบครัวเล่าปี่ จึงคุมทหารลงมาถึงเชิงเขา ทหารโจโฉรบสกัดไว้ลงมามิได้ แล้วรื้อกลับขึ้นบนเขาเปนหลายครั้ง จนรุ่งขึ้นกวนอูจึงขี่ม้าพาทหารลงไปใกล้จะถึงเชิงเขา พอเห็นเตียวเลี้ยวขี่ม้าถือง้าวขึ้นมา กวนอูจึงถามว่า ท่านจะมารบกับเราหรือ เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ข้าพเจ้าจะมารบกับท่านหามิได้ ซึ่งข้าพเจ้าขึ้นมานี้หวังจะแทนคุณท่าน แล้วเตียวเลี้ยวก็ลงจากม้าเอาง้าวนั้นวางไว้ เข้าไปคำนับกวนอู ๆ เห็นดังนั้นก็ลงจากม้ารับคำนับเตียวเลี้ยวแล้วถามเตียวเลี้ยวว่า โจโฉใช้มาเกลี้ยกล่อมเราหรือ เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ท่านได้มีคุณช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ บัดนี้ท่านมีความทุกข์ใหญ่หลวง ข้าพเจ้าจึงอุตส่าห์ขึ้นมาหวังจะแทนคุณท่าน
กวนอูจึงถามว่า ท่านคิดถึงคุณเรานั้นจะขึ้นมาช่วยเปนกำลังเราหรือ เตียวเลี้ยวก็ว่าหามิได้ กวนอูจึงว่า ท่านจะมาเกลี้ยกล่อมแลช่วยเราก็หามิได้ ซึ่งท่านขึ้นมานี้ด้วยเหตุสิ่งใดเล่า เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ท่านกับเล่าปี่เตียวหุยมีความรักกันเปนอันมาก บัดนี้เล่าปี่กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ยังไม่รู้เหตุว่าเปนแลตาย เวลาคืนนี้มหาอุปราชยกกองทัพเข้าตีเมืองแห้ฝือได้ แล้วสั่งแก่ทหารทั้งปวงมิให้ทำอันตรายแก่อาณาประชาราษฎร อันครอบครัวของเล่าปี่นั้น ก็แต่งให้ทหารไปพิทักษ์รักษามิให้ผู้ใดทำอันตรายได้ ข้าพเจ้าเห็นว่ามหาอุปราชมีใจเมตตาผูกความรักท่านถึงเพียงนี้ จึงเอาเนื้อความมาแจ้งแก่ท่าน
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า เดิมเราถามตัวว่าจะเกลี้ยกล่อมหรือ ตัวว่าหามิได้ แลตัวมาว่ากล่าวดังนี้ จะว่าไม่เกลี้ยกล่อมนั้นตัวจะประสงค์สิ่งใดเล่า แล้วว่าเราอยู่ในที่นี้ก็เปนที่คับขันอยู่ ซึ่งเราจะเข้าด้วยผู้ใดนอกจากเล่าปี่นั้นอย่าสงสัยเลย ตัวเราก็มิได้รักชีวิต อันความตายอุปมาเหมือนนอนหลับ ท่านเร่งกลับไปบอกแก่โจโฉให้ตระเตรียมทหารไว้ให้พร้อม เราจะยกลงไปรบ
เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า ซึ่งท่านว่าทั้งนี้โทษมีอยู่กับตัวท่านถึงสามประการ คนทั้งปวงจะล่วงคระหานินทาท่านได้ กวนอูจึงว่า ตัวเราถือความสัตย์มั่นคงอยู่ว่า ถึงตัวจะตายก็มิได้เข้ากับผู้ใด ซึ่งท่านว่ามีโทษสามประการนั้น ด้วยเหตุสิ่งใดบ้าง เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า เดิมท่านกับเล่าปี่เตียวหุยได้สาบาลไว้ต่อกันว่า เปนพี่น้องร่วมสุขแลทุกข์เปนชีวิตอันเดียวกัน ถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วย ครั้งนี้เล่าปี่กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ไม่รู้ว่าเปนหรือตาย แลบัดนี้ทหารก็น้อยนัก ซึ่งจะยกลงไปรบนั้น ถ้าท่านเปนอันตรายถึงสิ้นชีวิต ฝ่ายเล่าปี่เตียวหุยยังมีชีวิตอยู่จะเที่ยวตามหาท่าน หวังจะช่วยกันคิดการต่อไป เมื่อท่านตายเสียแล้วเล่าปี่เตียวหุยก็จะตายด้วย ซึ่งท่านสาบาลไว้ต่อกันก็จะมิเสียความสัตย์ไปหรือ คนทั้งปวงก็จะล่วงนินทาว่าความคิดท่านน้อย
ประการหนึ่ง เล่าปี่ก็มอบครอบครัวไว้ให้ท่านรักษา ถ้าท่านตายเสียภรรยาเล่าปี่ทั้งสองนั้นจะพึ่งผู้ใดเล่า อันตรายก็จะมีต่างๆ การซึ่งเล่าปี่ปลงใจไว้แก่ท่านนั้นก็จะไม่เสียไปหรือ ข้าพเจ้าเห็นไม่ชอบเปนสองประการ
อีกประการหนึ่งนั้น ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วแจ้งใจในขนบธรรมเนียมโบราณมาเปนอันมาก เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยถ้าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเปนสุข ถึงมาทว่าท่านจะได้ความลำบาก ก็อุปมาเหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็จะลือชาปรากฎชื่อเสียงท่านไปภายหน้า ว่าเปนชาติทหารมีใจสัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน ซึ่งท่านจะมานะลงไปรบพุ่งกับโจโฉ ถ้าชีวิตท่านตายเสียครั้งนี้ก็จะไม่มีชื่อปรากฎไป ข้าพเจ้าเห็นโทษมีสามประการฉนี้ ข้าพเจ้าจึงว่า
กวนอูได้ฟังดังนั้น ก็นิ่งตรึกตรองอยู่เปนช้านาน ครั้นเห็นชอบด้วยจึงว่า ท่านว่าดังนี้ก็ควรแล้ว แลโทษซึ่งมีสามประการนั้น จะให้เราทำประการใด เตียวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชให้ทหารล้อมท่านไว้เปนอันมาก ถ้าท่านมิสมัคเข้าด้วย เห็นชีวิตท่านจะถึงแก่ความตายหาประโยชน์มิได้ ขอให้ท่านอยู่กับมหาอุปราชก่อนเถิด จะได้มีประโยชน์สามประการ
ประการหนึ่ง ซึ่งท่านสาบาลไว้กับเล่าปี่เตียวหุยว่า จะช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดิน ความสัตย์ข้อนี้จะได้คงอยู่
ประการหนึ่ง ท่านจะได้อยู่ปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองมิให้เปนอันตรายสิ่งใดได้ เปนสองประการ
อีกประการหนึ่งนั้น ตัวท่านก็ฝีมือกล้าหาญมีสติปัญญา จะได้คิดการทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ครองราชสมบัติสืบไป ข้าพเจ้าเห็นมีประโยชน์สามประการฉนี้ จึงเตือนสติท่านให้ดำริห์ดูจงควร
กวนอูจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่ามีประโยชน์แก่เราสามประการนั้นก็จริงอยู่ แต่เราจะขอสัญญาไว้สามประการบ้าง ถ้ามหาอุปราชยอม เราจึงจะถอดเกราะออกเสีย แล้วจะลงไปหามหาอุปราช แม้ความประการใดขาดแต่ข้อหนึ่ง เราก็จะสู้ตายเสีย ถึงมาทว่าคนทั้งปวงจะคระหานินทาเราก็ตามเถิด เตียวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชนั้นน้ำใจกว้างขวางอารีนัก มักสมาคมด้วยผู้มีสติปัญญา ถ้าท่านจะว่าประการใดมหาอุปราชก็คงจะยอม ซึ่งท่านจะขอสัญญาสามประการนั้น คือข้อใดบ้าง
กวนอูจึงว่า เดิมเราได้สาบาลกันไว้กับเล่าปี่เตียวหุยว่า จะช่วยกันทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ แลอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเปนสุข ซึ่งเราจะสมัคเข้าด้วยนั้น เราจะขอเปนข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ประการหนึ่ง เราจะขอปฏิบัติพี่สะใภ้เราทั้งสอง แลอย่าให้ผู้ใดเข้าออกกล้ำกรายเข้าถึงประตูที่อยู่ได้ จะขอเอาเบี้ยหวัดของเล่าปี่ซึ่งเคยได้รับพระราชทานนั้น มาให้แก่พี่สะใภ้เราทั้งสองประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ถ้าเรารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดตำบลใด ถึงมาทว่าเรามิได้ลามหาอุปราช เราก็จะไปหาเล่าปี่ แม้มหาอุปราชจะห้ามเราก็ไม่ฟัง แลเนื้อความสามประการนี้ ท่านจงเอาไปบอกแก่มหาอุปราชเถิด ถ้ายอมตามคำเรา ๆ จะลงไปหา เตียวเลี้ยวก็ลากวนอูแล้วขึ้นม้ากลับมาแจ้งเนื้อความแก่โจโฉทุกประการ
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า ซึ่งกวนอูไม่ยอมด้วยเรานั้น เราเปนถึงมหาอุปราช กวนอูจะยอมเปนข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เหมือนเปนบ่าวเรา ถ้าเราบังคับบัญชาราชการประการใดกวนอูก็จะไม่ขัดได้ กับซึ่งกวนอูว่าจะปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง มิให้ผู้ใดแปลกปลอมเข้าไปถึงประตูที่อยู่นั้นเราก็จะยอม ทุกวันนี้อย่าว่าแต่ภรรยาเล่าปี่เลย ถึงภรรยาผู้น้อยลงไปเราก็มิได้ให้ทำหยาบช้า ซึ่งกวนอูจะขอเอาเบี้ยหวัดเล่าปี่ให้แก่พี่สะใภ้นั้น เราจะให้ทวีขึ้นอีก แต่ข้อซึ่งกวนอูรู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดมิได้ลาเราก่อนจะไปหากันนั้น โจโฉสั่นสีสะไม่ยอม แล้วว่าเมื่อกวนอูเอาสัญญาฉนี้ เราจะเอามาเลี้ยงไว้ให้มีกำลังจะได้ประโยชน์สิ่งใดเล่า
เตียวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชไม่แจ้งหรือ ในนิทานอิเยียงซึ่งมีมาแต่ก่อนว่า เดิมอิเยียงอยู่กับต๋งหางซึ่งเปนเจ้าเมือง ต๋งหางเลี้ยงอิเยียงเปนทนายใช้สอย ครั้นอยู่มายังมีคิเป๊กเจ้าเมืองหนึ่งนั้น ยกกองทัพมารบฆ่าต๋งหางตาย คิเป๊กได้อิเยียงไปไว้ จึงตั้งอิเยียงเปนขุนนางที่ปรึกษา อิเยียงมีความสุขมาเปนช้านาน แล้วเซียงจูเจ้าเมืองหั้นก๊กก็ยกทัพมารบฆ่าคิเป๊กตาย อิเยียงนั้นมีใจเจ็บแค้นเปนอันมาก จึงไปยังเมืองหั้นก๊กแล้วเข้าซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จะลอบทำร้ายเซียงจูให้ถึงแก่ความตาย เซียงจูจับได้ถึงสองครั้งมิได้เอาโทษ ให้ปล่อยอิเยียงเสีย ครั้นอยู่มาอิเยียงลอบเข้าไปซ่อนอยู่ถึงที่ข้างใน หมายจะฆ่าเซียงจูเสีย เซียงจูก็จับได้อีกจึงถามอิเยียงว่า ตัวจะทำอันตรายเรา ๆ จับได้ถึงสองครั้งแล้วก็มิได้เอาโทษ เราให้ปล่อยตัวเสียตัวก็มิได้หลาบจำ รื้อจะมาทำร้ายเราอีกเราก็จับตัวได้ แลตัวผูกใจแค้นเรานั้นด้วยเหตุสิ่งใด อิเยียงจึงบอกว่า เดิมข้าพเจ้าอยู่กับต๋งหาง ๆ เลี้ยงข้าพเจ้าเปนทนายใช้สอย ครั้นคิเป๊กยกไปฆ่าต๋งหางเสีย เอาตัวข้าพเจ้าไปตั้งให้เปนขุนนางที่ปรึกษา ได้ความสุขเปนอันมาก ครั้นนี้ท่านยกไปฆ่าคิเป๊ก ซึ่งเปนนายมีคุณแก่ข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้ามีใจเจ็บแค้นอยู่ คิดอ่านมาหวังจะทำอันตรายท่าน หวังจะแทนคุณคิเป๊ก ซึ่งท่านจับข้าพเจ้าได้ถึงสองครั้งแล้วปล่อยเสียนั้น ข้าพเจ้ายังไม่หายแค้น จึงลอบเข้ามาจะทำร้ายท่านอีกท่านก็จับได้ แลโทษข้าพเจ้านี้ก็ถึงตายตามท่านจะโปรดเถิด เซียงจูจึงว่า เราจะปล่อยเสียตัวจะคิดทำร้ายเราอีกหรือไม่ อิเยียงจึงว่า ท่านปล่อยข้าพเจ้าเสียข้าพเจ้าก็ยังจะคิดร้ายแก่ท่านกว่าจะสำเร็จ ข้าพเจ้าจึงจะหายแค้น ถ้าท่านเอ็นดูข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอเสื้อซึ่งท่านใส่ แม้ท่านโปรดให้ ข้าพเจ้าจะได้สิ้นความพยาบาทท่าน เซียงจูได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า อิเยียงนี้มีน้ำใจกตัญญู จะใคร่ได้อิเยียงไว้จึงถอดเสื้อให้อิเยียง ๆ ก็คำนับรับเอาเสื้อมา จึงถอดกระบี่ออกฟันเสื้อเสียสามที แล้วว่าแก่เซียงจูว่า ข้าพเจ้าได้แทนคุณคิเป๊กแล้ว อิเยียงก็เอากระบี่เชือดคอตาย
อันน้ำใจกวนอูนั้น ถ้าผู้ใดมีคุณแล้วเห็นจะเปนเหมือนอิเยียง อันเล่าปี่กับกวนอูนั้นมิได้เปนพี่น้องกัน ซึ่งมีความรักกันนั้น เพราะได้สาบาลต่อกัน เล่าปี่เปนแต่ผู้น้อย เลี้ยงกวนอูไม่ถึงขนาด กวนอูยังมีน้ำใจกตัญญูต่อเล่าปี่ จึงคิดจะติดตามมิได้ทิ้งเสีย อันมหาอุปราชมีวาสนากว่าเล่าปี่เปนอันมาก ถ้าท่านได้กวนอูมาไว้ทำนุบำรุงให้ถึงขนาด เห็นกวนอูจะมีกตัญญูต่อท่านยิ่งนัก
โจโฉจึงว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า ท่านว่ากล่าวทั้งนี้ก็ชอบนัก จงเร่งขึ้นไปบอกแก่กวนอูว่า ซึ่งสัญญาสามประการนั้นเรายอมแล้ว ท่านจงเร่งพากวนอูลงมาเถิด เตียวเลี้ยวจึงลาโจโฉขึ้นไปบอกแก่กวนอู ๆ จึงว่า ถ้ามหาอุปราชยอมดังนั้นแล้ว ท่านจงลงไปบอกให้กองทัพซึ่งล้อมเราไว้นั้นเลิกไปเสีย เราจะเข้าไปแจ้งเนื้อความแก่พี่สะใภ้ทั้งสองคนก่อน ถ้าไม่เปนอันตรายแล้ว จึงจะไปหามหาอุปราช เตียวเลี้ยวก็ลงไปบอกแก่โจโฉตามคำกวนอูว่า โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ให้ม้าใช้ไปสั่งทหารซึ่งล้อมกวนอูไว้นั้นให้เลิกทัพถอย มา ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งกวนอูยอมแก่ท่านครั้งนี้เกลือกเปนกลอุบาย โจโฉจึงตอบว่า กวนอูเปนคนมีความสัตย์ เห็นจะไม่คิดอ่านฬ่อลวงเรา
ฝ่ายกวนอูครั้นเห็นทหารโจโฉถอยไป ก็พาทหารเข้าไปในเมืองแห้ฝือ เห็นราษฎรทั้งปวงปรกติอยู่ จึงเข้าไปคำนับพี่สะใภ้ทั้งสองแล้วว่า ข้าพเจ้าเสียทีทำให้พี่ตกใจได้ความเดือดร้อนนั้นโทษข้าพเจ้าผิดนัก พี่สะใภ้ทั้งสองจึงถามว่า เจ้ายังแจ้งว่าเล่าปี่นั้นพลัดไปอยู่แห่งใด กวนอูจึงบอกว่ายังไม่แจ้ง พี่สะใภ้จึงว่า โจโฉก็ได้เมืองแห้ฝือแล้ว เจ้าจะคิดอ่านประการใด กวนอูจึงบอกเนื้อความให้ฟังทุกประการ แล้วว่าบัดนี้ข้าพเจ้าเข้ามาปรึกษาด้วย พี่ทั้งสองจะเห็นประการใด นางกำฮูหยินจึงว่าเวลาคืนนี้โจโฉเข้าในเมืองได้ พี่นี้เกรงอยู่ว่าจะเปนอันตรายต่างๆ เปนเดชะบุญของเรา โจโฉกำชับทหารมิให้แปลกปลอมเข้ามาถึงประตูได้ ครั้งนี้เจ้ากับพี่ก็อยู่ในเงื้อมมือโจโฉ แลเจ้าจะยอมเข้าอยู่ด้วยเขานั้น ด้วยความจำเปนก็ตามเถิด แต่พี่เกรงอยู่ข้อหนึ่งว่า ถ้ารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดเราก็จะพากันไปหา เกลือกโจโฉจะมิให้ไป
กวนอูจึงตอบว่า ข้อนี้พี่ทั้งสองอย่าวิตกเลย แม้ว่ารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดเราจะพากันไปหา ถึงมาทว่าโจโฉจะขัดขวางไว้ ข้าพจ้าจะคิดอ่านแก้ไขไปให้จงได้ แล้วกวนอูก็ลาพี่สะใภ้ทั้งสอง พาทหารประมาณสามสิบคนออกไปถึงหน้าค่ายโดยโฉ ๆ เห็นกวนอูมาก็มีความยินดี จึงออกไปรับกวนอูเข้ามา กวนอูจึงคำนับโจโฉแล้วว่า ตัวข้าพเจ้าเปนเชลยท่านมิได้ฆ่าเสีย แล้วบอกไปรับข้าพเจ้าถึงนอกค่ายนั้น คุณหาที่สุดมิได้
โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่กวนอูว่า เราก็แจ้งอยู่ว่าท่านมีความสัตย์แลกตัญญู บัดนี้เรากับท่านได้พบกันเราก็มีความยินดี กวนอูจึงตอบว่าเตียวเลี้ยวไปบอกข้าพเจ้าว่า มหาอุปราชรับปฏิญญาณทั้งสามประการแล้วข้าพเจ้าก็มีความยินดี เห็นว่าถึงนานไปเมื่อหน้ามหาอุปราชก็จะไม่คืนคำ โจโฉจึงว่า ซึ่งปฏิญญาณของท่านนั้น เราได้ออกปากรับแล้ว ถึงจะเปนประการใดเราก็มิให้เสียวาจา กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงว่า แม้ข้าพเจ้ารู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด ถึงมาทว่าเปนทางกันดารจะต้องข้ามพระมหาสมุทรแลลุยเพลิงก็ดี ข้าพเจ้าจะไปหาเล่าปี่ให้จงได้ แม้ข้าพเจ้ายังมิทันลามหาอุปราชก็ดี ขอท่านให้อภัยแก่ข้าพเจ้า อย่าเคืองด้วยเนื้อความข้อนี้เลย โจโฉจึงว่า ซึ่งท่านรู้ข่าวเล่าปี่แล้วจะไปหาก็ตามเถิด แต่ให้ท่านตรึกตรองดูให้เห็นควรก่อน แล้วโจโฉก็ให้กวนอูกินโต๊ะ แล้วว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะยกกลับไปเมืองฮูโต๋
กวนอูเข้าไปบอกพี่สะใภ้แล้ว ก็จัดแจงสิ่งของทั้งปวงแล้วออกมา ครั้นเวลาเช้าโจโฉก็ยกทหารไป กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นขี่รถตามกองทัพโจโฉไป เวลาค่ำถึงที่ประทับตำบลใด โจโฉจึงให้กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ทั้งสองคนนั้นอยู่เรือนเดียวกัน หวังจะให้กวนอูคิดทำร้ายพี่สะใภ้ น้ำใจจะได้แตกออกจากเล่าปี่ จะได้เปนสิทธิ์แก่ตัว ฝ่ายกวนอูให้พี่สะใภ้ทั้งสองนอนห้องข้างใน ตัวนั้นก็นั่งจุดเทียนดูหนังสือ รักษาพี่สะใภ้อยู่นอกประตูยังรุ่ง มิได้ประมาทสักเวลาหนึ่ง จนถึงเมืองฮูโต๋ โจโฉรู้ดังนั้นก็เกรงใจกวนอูว่ามีความสัตย์แลกตัญญูต่อเล่าปี่ โจโฉจึงให้กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ไปอยู่ ณ ตึกสองหลังมีชานกลาง กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้งสองคนนั้นอยู่ตึกหนึ่ง แล้วให้ทหารที่แก่ชราอยู่รักษาประมาณสิบคน ตัวนั้นอยู่ตึกหนึ่งระวังรักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉจึงพากวนอูเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้วทูลว่า กวนอูคนนี้มีฝีมือพอจะเปนทหารได้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็มีความยินดีจึงตั้งกวนอูเปนนายทหาร โจโฉกับกวนอูก็ลากลับมาบ้าน โจโฉจึงให้เชิญกวนอูกินโต๊ะ จัดแจงให้กวนอูนั่งที่สูงกว่าขุนนางทั้งปวง แล้วให้เครื่องเงินเครื่องทองแลแพรอย่างดีแก่กวนอูเปนอันมาก กวนอูรับเอาสิ่งของนั้นแล้วก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่ จึงบอกเนื้อความทั้งปวงแก่พี่สะใภ้แล้วเอาสิ่งของนั้นให้
ฝ่ายโจโฉทำนุบำรุงกวนอูมิได้อนาทร สามวันแต่งโต๊ะไปให้ครั้งหนึ่ง ห้าวันครั้งหนึ่ง แล้วจัดหญิงสาวที่รูปงามสิบคนให้ไปอยู่ปฏิบัติกวนอู หวังจะผูกน้ำใจไว้ให้กวนอูหลง กวนอูให้หญิงสิบคนไปอยู่ที่พี่สะใภ้ใช้สอย ครั้นถึงสามวันกวนอูจึงไปเยือนพี่สะใภ้ครั้งหนึ่ง นั่งอยู่แต่นอกประตูแล้วถามว่า พี่อยู่ปรกติอยู่หรือ ๆ ป่วยไข้ประการใดบ้าง พี่สะใภ้จึงตอบว่า ปรกติอยู่มิได้ป่วยไข้ประการใด เจ้ารู้ข่าวเล่าปี่บ้างหรือไม่ กวนอูว่าไม่แจ้ง แล้วคำนับพี่สะใภ้กลับมา โจโฉรู้กิตติศัพท์ว่า กวนอูปฏิบัติพี่สะใภ้โดยสุจริตดังนั้น ก็สรรเสริญกวนอูว่ามีความสัตย์หาผู้เสมอมิได้
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉให้เชิญกวนอูมากินโต๊ะ เห็นกวนอูห่มเสื้อขาด โจโฉจึงเอาเสื้ออย่างดีให้กวนอู ๆ รับเอาเสื้อแล้ว จึงเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นใน เอาเสื้อเก่านั้นใส่ชั้นนอก โจโฉเห็นดังนั้นก็หัวเราะแล้วถามว่า เอาเสื้อใหม่ใส่ชั้นในนั้นกลัวจะเก่าไปหรือ กวนอูจึงว่าเสื้อเก่านี้ของเล่าปี่ให้ บัดนี้เล่าปี่จะไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอาเสื้อผืนนี้ใส่ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าปี่ ครั้นจะเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นนอก คนทั้งปวงจะคระหานินทาว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่า โจโฉได้ยินดังนั้นก็สรรเสริญกวนอูว่ามีกตัญญูนัก แต่คิดเสียใจอยู่ กวนอูก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง หญิงคนใช้มาบอกแก่กวนอูว่า บัดนี้พี่สะใภ้ทั้งสองร้องไห้รักกันอยู่ ด้วยเหตุสิ่งใดมิได้แจ้ง กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงเข้าไปถึงริมประตูแล้วถามว่า พี่ทั้งสองร้องไห้ด้วยเหตุสิ่งใด นางกำฮูหยินจึงตอบว่า คืนนี้พี่ฝันเห็นเล่าปี่ตกหลุมลง ครั้นตื่นขึ้นมาก็ตกใจจึงแก้ฝันแก่นางบิฮูหยิน เห็นพร้อมกันว่าเล่าปี่ตายแล้วพี่จึงร้องไห้รัก กวนอูได้ฟังดังนั้น พิเคราะห์ดูเห็นฝันผิดประหลาท สำคัญว่าเล่าปี่เปนอันตรายก็ร้องไห้ด้วย แล้วกวนอูจึงคิดกลอุบาย ว่าแก่พี่สะใภ้ทั้งสองหวังจะให้คลายความทุกข์ จึงว่าฝันนั้นจะสำคัญเอาเปนแน่มิได้ ด้วยพี่ทั้งสองมีน้ำใจคิดถึงเล่าปี่อยู่ จึงเผอิญให้ฝันทั้งนี้ ใช่เล่าปี่จะเปนอันตรายอย่างนั้นหามิได้ พี่ทั้งสองอย่าเสร้าโศกเลย พอคนใช้โจโฉมาบอกกวนอูว่า มหาอุปราชให้เชิญไป กวนอูก็ลาพี่สะใภ้ไปหาโจโฉ ๆ เห็นหน้ากวนอูนั้นเสร้าหมองจึงถามว่า วันนี้เราเห็นท่านไม่สบาย มีทุกข์สิ่งใดหรือ กวนอูบอกว่า พี่สะใภ้ข้าพเจ้าทั้งสองคิดถึงเล่าปี่ ด้วยมิรู้ว่าเปนหรือตายแล้วชวนกันร้องไห้ ข้าพเจ้าก็กลั้นน้ำตามิได้ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ปลอบโยนกวนอู แล้วก็ชวนกินโต๊ะ หวังจะให้คลายความทุกข์ กวนอูเสพย์สุราเมา มิได้เกรงใจโจโฉ เอามือจับหนวดของตัวเข้าแล้วจึงว่า เกิดมาเปนชายไม่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดิน ทั้งเล่าปี่ผู้พี่นั้นก็มีคุณมา ถ้าเราจะเอาใจออกหากบัดนี้ ก็หาผู้ใดจะนับถือว่าเปนชายไม่ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า กวนอูยังมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่อยู่ โจโฉทำเปนไม่ได้ยินจึงแกล้งถามกวนอูว่า หนวดของท่านประมาณสักกี่เส้น กวนอูจึงตอบว่าหนวดของข้าพเจ้าประมาณหลายร้อยเส้น ครั้นถึงเทศกาลหนาวก็หล่นไปบ้าง ข้าพเจ้าจึงทำถุงใส่ไว้ โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงเอาแพรขาวอย่างดี ทำถุงให้กวนอูสำหรับใส่หนวด กวนอูรับเอาถุงนั้นแล้วจึงลากลับมาที่อยู่
ครั้นเวลาเช้ากวนอูเข้าไปเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นกวนอูใส่ถุงหนวดดังนั้นจึงตรัสถามว่า ถุงใส่สิ่งใดแขวนอยู่ที่คอนั้น กวนอูจึงทูลว่า ถุงนี้มหาอุปราชให้ข้าพเจ้าสำหรับใส่หนวดไว้ แล้วกวนอูก็ถอดถวายให้ทอดพระเนตร พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นหนวดกวนอูยาวถึงอกเส้นเลอียดงามเสมอกัน แล้วตรัสสรรเสริญว่า กวนอูนี้หนวดงาม จึงพระทานชื่อว่า บีเยียงก๋ง แปลภาษาไทยว่าเจ้าหนวดงาม แล้วก็เสด็จขึ้น โจโฉกับขุนนางทั้งปวงแลกวนอูก็ออกจากที่เฝ้า มาถึงประตูวังกวนอูก็ขึ้นม้าตามโจโฉไป ครั้นถึงหน้าบ้านกวนอูก็ลาโจโฉจะมาที่อยู่
โจโฉเห็นม้ากวนอูผอม จึงถามว่าเหตุใดม้าจึงผอมไม่สมตัวท่าน กวนอูจึงตอบว่า ม้าตัวนี้มีกำลังน้อย ทานกำลังข้าพเจ้ามิได้จึงผอม โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงให้ทหารไปเอาม้าเซ็กเธาว์มา แล้วถามกวนอูว่า ม้าตัวนี้เปนของผู้ใดท่านรู้จักหรือไม่ กวนอูจึงว่าม้าตัวนี้ของลิโป้ข้าพเจ้ารู้จักอยู่ โจโฉก็ให้จัดแจงเครื่องม้าพร้อมแล้วก็ให้กวนอู ๆ มีความยินดี ลงจากม้าคุกเข่าลงคำนับแล้วว่า ซึ่งมหาอุปราชให้ม้าตัวนี้แก่ข้าพเจ้านั้นคุณหาที่สุดมิได้
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดกริ่งใจจึงถามว่า เราให้เงินทองสิ่งของแก่ท่านมาเปนอันมากก็ไม่ยินดี ท่านไม่ว่าชอบใจแลมีความยินดีเหมือนเราให้ม้าตัวนี้ เหตุไฉนท่านจึงรักม้าอันเปนสัตว์เดียรัจฉานมากกว่าทรัพย์สิ่งสินอีกเล่า กวนอูจึงตอบว่า ข้าพเจ้าแจ้งว่าม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้มีกำลังมาก เดิรทางได้วันละหมื่นเส้น แม้ข้าพเจ้ารู้ข่าวว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด ถึงมาทว่าไกลก็จะไปหาได้โดยเร็ว เหตุฉนี้ข้าพเจ้าจึงมีความยินดี ขอบคุณมหาอุปราชมากกว่าให้สิ่งของทั้งปวง
โจโฉได้ฟังดังนั้นยิ่งมีความน้อยใจ แล้วคิดว่าเราเสียทีที่ทำนุบำรุงกวนอูด้วยยศศักดิ์ศฤงคารบริวาร กวนอูก็คิดรักเล่าปี่อยู่มิได้ขาด กวนอูก็ลาโจโฉไปที่อยู่ โจโฉจึงถามเตียวเลี้ยวว่า เราเลี้ยงกวนอูก็ถึงขนาดฉนี้แล้ว กวนอูยังมีน้ำใจผูกพันรักเล่าปี่อยู่ เราจะคิดอ่านประการใดกวนอูจึงจะเอาใจออกหากเล่าปี่ เตียวเลี้ยงจึงว่า ขอให้งดอยู่สักเวลาหนึ่งก่อน ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวลองความคิดกวนอูดูว่า จะมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่เที่ยงแท้หรือ ๆ จะคิดอ่านยักย้ายประการใดบ้าง
ครั้นเวลารุ่งเช้าเตียวเลี้ยงจึงไปหากวนอู ถ้อยทีถ้อยคำนับกัน เตียวเลี้ยวจึงว่าแก่กวนอูว่า ตั้งแต่มหาอุปราชได้ท่านมาไว้ก็มีความยินดี ทำนุบำรุงท่านเปนอันมาก เพราะมีความเมตตาท่าน กวนอูจึงว่าทุกวันนี้มหาอุปราชชุบเลี้ยงเราจึงได้มีความสุข คุณนั้นก็มีเปนอันมาก แต่จะได้วายคิดถึงเล่าปี่นั้นหามิได้ เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ธรรมดาเกิดมาเปนชายให้รู้จักที่หนักที่เบา ถ้าผู้ใดมิได้รู้จักที่หนักที่เบา คนทั้งปวงก็จะล่วงติเตียนว่าผู้นั้นหามีสติปัญญาไม่ อันมหาอุปราชนี้มีน้ำใจเมตตาท่าน ทำนุบำรุงท่านยิ่งกว่าเล่าปี่อีก เหตุใดท่านจึงมีใจคิดถึงเล่าปี่อยู่
กวนอูจึงว่า ซึ่งมหาอุปราชมีคุณแก่เราก็จริงอยู่ แต่จะเปรียบเล่าปี่นั้นยังมิได้ ด้วยเล่าปี่นั้นมีคุณแก่เราก่อน ประการหนึ่งก็ได้สาบาลไว้ต่อกันว่าเปนพี่น้อง เราจึงได้ตั้งใจรักษาสัตย์อยู่ ทุกวันนี้เราก็คิดถึงคุณมหาอุปราชอยู่มิได้ขาด ถึงมาทว่าเราจะไปจากก็จะขอแทนคุณเสียก่อนให้มีชื่อปรากฎไว้เราจึงจะไป เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นจึงถามกวนอูว่า ถ้าเล่าปี่ถึงแก่ความตายแล้ว ท่านจะอยู่กับมหาอุปราชหรือ ๆ จะคิดประการใด กวนอูจึงตอบว่า ตัวเราเกิดมาเปนชายรักษาสัตย์มิให้เสียวาจา ถึงมาทว่าเล่าปี่จะถึงแก่ความตาย เราก็จะตายไปตามความที่ได้สาบาลไว้ เตียวเลี้ยวเห็นกวนอูนั้นมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่อยู่เปนมั่นคง ก็ลากลับมา จึงเอาเนื้อความทั้งปวงบอกแก่โจโฉทุกประการ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่มีความวิตก ซึ่งจะเอากวนอูไว้ให้ขาดจากเล่าปี่ก็ไม่สมคิด แล้วสรรเสริญกวนอูว่า มีความสัตย์ซื่อมั่นคงนัก ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า อันความคิดกวนอูนั้นจะแทนคุณมหาอุปราชเสียก่อนแล้วจึงจะไปจาก ถ้ามีศึกมาก็อย่าให้กวนอูออกอาสา แม้กวนอูยังไม่มีความชอบก็จะอยู่ด้วยมหาอุปราช โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย
กรุณาแสดงความคิดเห็น