สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 17
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 17
เนื้อหา
- ลิโป้เกิดรบกับเล่าปี่ครั้งที่สอง
- โจโฉช่วยเล่าปี่
- กองทัพพวกโจโฉแพ้ลิโป้
- เล่าปี่เสียเมืองเสียวพ่ายแก่ลิโป้
- เล่าปี่หนีไปหาโจโฉครั้งที่สอง
- โจโฉพาเล่าปี่ไปตีเมืองชีจิ๋วของลิโป้
- ตันเต๋งเป็นไส้ศึกเข้ากับโจโฉ
- เล่าปี่รับอาสาโจโฉไปสกัดทางระหว่างอ้วนสุดกับลิโป้
- โจโฉตามไปรบลิโป้ที่เมืองแห้ฝือ
- โจโฉทำกลอุบายตีเมืองแห้ฝือ
- โจโฉจับลิโป้ได้
อยู่มาวันหนึ่ง ตันก๋งจึงพาพวกประมาณสี่คนห้าคน ขึ้นม้าไปเที่ยวไล่เนื้อในป่า ใกล้เมืองเสียวพ่าย พอพบทหารโจโฉซึ่งถือหนังสือไปนั้นควบม้าออกมาแต่เมืองเสียวพ่าย ตันก๋งคิดสงสัยพาพรรคพวกขับม้ารีบไปสกัดหน้าม้าผู้นั้นไว้ แล้วถามว่าผู้ใดใช้ตัวมาด้วยเหตุผลสิ่งใด ทหารโจโฉได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ด้วยจำหน้าได้ว่าตันก๋งเปนทหารลิโป้ ผู้ถือหนังสือนั้นบอกเนื้อความออกมิได้ ตันก๋งจึงจับเอาตัว แล้วค้นได้หนังสือเล่าปี่ให้ไปถึงโจโฉ ตันก๋งจึงให้มัดผู้ถือหนังสือพาไปให้ลิโป้ ๆ จึงถามว่าใครให้หนังสือเองมา ทหารโจโฉกลัวจึงบอกตามจริงว่า มหาอุปราชให้ข้าพเจ้าถือหนังสือมาให้เล่าปี่ ณ เมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ตอบหนังสือไป ซึ่งจะว่าประการใดนั้นข้าพเจ้ามิได้แจ้ง ลิโป้จึงฉีกหนังสือออกอ่านดูเปนใจความว่า ข้าพเจ้าเล่าปี่แจ้งในหนังสือมหาอุปราช ซึ่งให้มาถึงข้าพเจ้าให้ช่วยคิดอ่านกำจัดลิโป้เสียนั้น ซึ่งข้าพเจ้าจะเปนตัวทำการนั้นยังมิได้ ด้วยกำลังทหารน้อยกว่าลิโป้ ถ้ามหาอุปราชยกกองทัพมาเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะช่วยกำจัดลิโป้เสียให้จงได้
ฝ่ายลิโป้แจ้งในหนังสือดังนั้นจึงว่า อ้ายโจโฉมันคิดทำร้ายกู ๆ ก็มิได้กลัว แล้วสั่งให้เอาทหารโจโฉไปฆ่าเสีย แล้วลิโป้จึงให้ตันก๋งกับจงป้าไปเกลี้ยกล่อมซุนก้วนหนึ่ง งอตุ้นหนึ่ง อินเล้หนึ่ง เซียงหูหนึ่ง ซึ่งเปนนายโจรอยู่ ณ เขาไทสันได้เปนกำลัง แล้วให้ยกไปตีฝ่ายตวันออกกว่าจะถึงเมืองกุนจิ๋ว
แล้วให้โกซุ่นกับเตียวเลี้ยว ยกไปตีเมืองเสียวพ่าย จับเอาตัวเล่าปี่จงได้ ให้ซงเหียนกับงุยซก ยกไปทางตวันตกตีเมืองยีเอ๋ง ทหารทั้งสามกองนั้นก็ยกไปตามคำลิโป้สั่ง แลลิโป้นั้นก็คุมทหารยกออกไปตั้งตระเตรียมอยู่คอยฟังข่าวทัพทั้งสามกอง ถ้ากองใดเพลี่ยงพล้ำแก่ข้าศึกก็จะได้ยกหนุนไปโดยง่าย
ฝ่ายม้าใช้รู้ว่าลิโป้ให้โกซุ่นกับเตียวเลี้ยวยกมาตีเมืองเสียวพ่าย จึงเอาเนื้อความไปบอกแก่เล่าปี่ว่า ลิโป้ยกทัพมาจะทำอันตรายแก่ท่าน บัดนี้กองทัพมาใกล้เมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า ซึ่งลิโป้ให้ยกกองทัพมาดังนี้ ท่านจะคิดประการใด ซุนเขียนจึงว่าขอให้ท่านแต่งหนังสือไปขอกองทัพโจโฉ ให้ยกลงมาช่วย เล่าปี่เห็นชอบด้วย จึงว่าผู้ใดจะอาสาถือหนังสือไปถึงโจโฉได้ ตันหยงซึ่งมาทำราชการใหม่ได้ยินดังนั้น ก็รับอาสา
เล่าปี่จึงแต่งหนังสือว่า บัดนี้ลิโป้ให้ทหารยกมารบเมืองเสียวพ่าย ข้าพเจ้าเล่าปี่ขอกองทัพมหาอุปราชให้ยกมาช่วย ส่งหนังสือให้ตันหยงถือไป ณ เมืองฮูโต๋ แล้วเล่าปี่ให้แต่งค่ายคูประตูหอรบ กะเกณฑ์ทหารขึ้นประจำหน้าที่เชิงเทิน จึงให้เตียวหุยเปนสาระวัดใหญ่ รักษาด้านตวันออก ให้กวนอูอยู่รักษาด้านตวันตก ให้ซุนเขียนรักษาด้านใต้ เล่าปี่คุมทหารรักษาด้านเหนือ ให้บิต๊กผู้พี่บิฮองผู้น้องซึ่งเปนพี่ภรรยาเล่าปี่นั้น คอยระวังครอบครัว
ฝ่ายโกซุ่นเตียวเลี้ยวยกทหารเข้าตั้งประชิดอยู่ใกล้เชิงกำแพง เล่าปี่อยู่บนหอรบเห็นดังนั้น จึงร้องถามโกซุ่นเตียวเลี้ยวว่า เรากับลิโป้ก็มิได้มีความผิดต่อกัน เหตุไฉนจึงยกกองทัพมาตีเมืองเรา โกซุ่นจึงตอบว่าตัวท่านคิดอ่านกับโจโฉ ให้หนังสือกันไปมาจะคิดร้ายต่อนายเรา เนื้อความทั้งนี้ลิโป้แจ้งอยู่แล้ว เปนไฉนตัวจึงว่าไม่มีความผิดเล่า แล้วโกซุ่นก็ขับทหารให้เข้าล้อมเชิงกำแพง เล่าปี่ก็ให้ทหารทั้งปวงรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ ครั้นเวลาเช้าเตียวเลี้ยวจึงคุมทหารเข้าตีด้านตวันตก
กวนอูเห็นเตียวเลี้ยวรูปร่างงามสมเปนขุนนาง จึงร้องถามเปนกลอุบายว่า ตัวท่านมีสีสรรบริบูรณ์ เราเห็นว่าจะมีสติปัญญาแลความละอาย เปนไฉนมาอยู่ในเงื้อมมือลิโป้ซึ่งเปนคนหยาบช้านั้นเราเห็นไม่สมควร เตียวเลี้ยวได้ยินดังนั้น ก็มีความละอายมิได้ตอบประการใด กวนอูเห็นว่าเตียวเลี้ยวนั้นมีปัญญาทั้งมีความละอาย ก็มิได้ว่าหยาบช้าต่อไป เตียวเลี้ยวจึงคุมทหารถอยออกมา แล้วยกไปตีด้านตวันออก เตียวหุยเห็นก็คุมทหารออกไปจะรบด้วยเตียวเลี้ยว พอทหารเอาเนื้อความมาบอกกวนอูว่า บัดนี้เตียวเลี้ยวยกเข้าตีด้านตวันออก เตียวหุยก็ยกออกไปจะรบด้วย กวนอูได้ฟังดังนั้นก็รีบไป เห็นเตียวหุยออกจากประตูเมือง
ฝ่ายเตียวเลี้ยวเห็นเตียวหุยยกออกมาก็ตกใจกลัว พาทหารทั้งปวงถอยไป เตียวหุยเห็นได้ทีก็คุมทหารจะไล่ไป กวนอูจึงร้องห้ามว่าอย่าไล่ไปเลย ให้กลับมาเสียเถิด เตียวหุยได้ยินก็พาทหารกลับเข้าเมือง แล้วว่ากับกวนอูว่า เมื่อศึกได้ทีอยู่ฉนี้แล้ว เปนไฉนท่านจึงเรียกให้กลับมา กวนอูเล่าเนื้อความให้ฟังแล้วว่า ฝีมือเจ้ากับเตียวเลี้ยวนั้น ถ้าจะรบพุ่งกันเห็นพอจะก้ำกึ่งกัน แต่พี่คิดว่าเตียวเลี้ยวนั้นมีสติปัญญาทั้งมีความละอาย จึงพาทหารถอยออกไปทั้งสองครั้งนั้น พี่เห็นเตียวเลี้ยวคิดจะเอาใจออกหากลิโป้ พี่จึงห้ามเพราะเหตุฉนี้ เตียวหุยจึงสรรเสริญว่า พี่มีปัญญาประมาณน้ำใจคนถูก แล้วเตียวหุยก็ขับทหารกลับเข้าเมืองขึ้นรักษาหน้าที่ไว้ดังเก่า
ฝ่ายตันหยงซึ่งถือหนังสือเข้าไปหาโจโฉ เอาหนังสือนั้นให้แก่โจโฉแจ้งเนื้อความทั้งปวง โจโฉจึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า ลิโป้ยกมาตีเมืองเสียวพ่าย เราจะยกกองทัพไปช่วยเล่าปี่ ซึ่งอ้วนเสี้ยวจะยกมานั้นเรามิได้วิตก เราเกรงแต่เล่าเปียวเตียวสิ้วจะยกวกหลังมาตีเอาเมืองเรา ซุนฮิวจึงว่า เล่าเปียวเตียวสิ้วพึ่งเสียทีแก่เราเห็นไม่อาจที่จะคิดอ่านมา ลิโป้นั้นเปนคนมีฝีมือ ทั้งน้ำใจกำเริบที่จะตั้งตัวเปนใหญ่อยู่ ละไว้นานลิโป้กับอ้วนสุดคบคิดกันกำลังจะมากขึ้น ซึ่งท่านจะคิดกำจัดนั้นเห็นจะขัดสน
กุยแกได้ยินซุนฮิวว่าดังนั้นเห็นชอบด้วย จึงว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งซุนฮิวว่านี้ชอบนัก ให้มหาอุปราชยกไปกำจัดลิโป้เสีย แต่กำลังอ่อนอยู่ฉนี้เห็นจะได้โดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย จึงจัดแจงกองทัพให้แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน ลิยอย ลิเตียน สี่นายคุมทหารห้าหมื่นเปนกองหน้ายกล่วงไปก่อน โจโฉคุมทหารซึ่งมีฝีมือเปนอันมากเปนกองหลวง ยกไปช่วยเล่าปี่ ณ เมืองเสียวพ่าย ตันหยงซึ่งถือหนังสือไปนั้นก็มาด้วยกองทัพโจโฉ
ฝ่ายม้าใช้โกซุ่นเอาเนื้อความไปบอกแก่โกซุ่นว่า โจโฉให้แฮหัวตุ้นยกกองทัพมาช่วยเล่าปี่เปนอันมาก บัดนี้ยกมาถึงแดนเมืองเสียวพ่ายแล้ว โกซุ่นรู้เนื้อความดังนั้นก็ตกใจ จึงให้ม้าใช้เอาเนื้อความไปบอกแก่ลิโป้ ๆ จึงให้แฮหัวเหลงหนึ่ง หลันเป้งหนึ่ง โจเสงหนึ่ง กับทหารม้าสองร้อยห้าสิบยกหนุนไปช่วยโกซุ่น ณ เมืองเสียวพ่าย ฝ่ายโกซุ่นได้กำลังมากขึ้นก็ถอยกองทัพออกมาตั้งค่ายคอยรับทัพโจโฉอยู่ใกล้ เมืองเสียวพ่ายทางสามร้อยเส้น ฝ่ายเล่าปี่เห็นโกซุ่นถอยออกไปดังนั้น ก็คิดเห็นว่าโจโฉยกทัพมาถึงแล้ว โกซุ่นกลัวโจโฉจะยกเข้าตีกระหนาบจึงถอยออกไป เล่าปี่จึงให้ซุนเขียน บิต๊ก บิฮอง อยู่รักษาเมืองเสียวพ่าย แล้วพาเอากวนอูเตียวหุย กับทหารทั้งปวงออกตั้งค่ายอยู่นอกเมือง คอยรับทัพโจโฉ จะได้คิดอ่านกันทำการสืบไป
ฝ่ายแฮหัวตุ้นยกมาถึงแดนเมืองเสียวพ่าย พบกองทัพโกซุ่น แฮหัวตุ้นก็ขับม้าเข้ารบกับโกซุ่นได้ห้าสิบเพลง โกซุ่นสู้แฮหัวตุ้นมิได้ ก็ชักม้าหนีกลับเข้าค่าย แฮหัวตุ้นได้ทีก็ขับม้าไล่ตามไป โจเสงเห็นแฮหัวตุ้นไล่โกซุ่นมา จึงเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกจักษุซ้ายแฮหัวตุ้น ลูกเกาทัณฑ์ปักอยู่ แฮหัวตุ้นร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง แล้วชักลูกเกาทัณฑ์ออกมาดู เห็นลูกตานั้นติดปลายเกาทัณฑ์อยู่ แฮหัวตุ้นจึงร้องว่า ลูกตานี้เปนดวงแก้วอันประเสริญไม่ควรจะทิ้งเสีย แฮหัวตุ้นก็ดูดเอาลูกตานั้นกลืนเข้าไป
ฝ่ายโจเสงนั้นประมาท เห็นว่าแฮหัวตุ้นถูกเกาทัณฑ์แล้ว ที่ไหนจะทำการสืบไปได้เล่า มิได้ระวังตัว แฮหัวตุ้นก็ควบม้าเข้าไป เอาทวนแทงถูกโจเสงตกม้าตาย แฮหัวตุ้นก็กลับมาค่าย ทหารทั้งสองฝ่ายก็สรรเสริญแฮหัวตุ้นว่า มีฝีมือหาผู้เสมอมิได้ ข้าศึกยิงถูกจักษุแล้วก็กลับเอาชัยชนะได้ ควรที่จะเปนทหารเอก โกซุ่นเห็นแฮหัวตุ้นถูกเกาทัณฑ์แล้ว กลับไปค่ายดังนั้น ก็ขับทหารไล่รบเข้าไปในกองทัพแฮหัวตุ้น ทหารแฮหัวตุ้นไม่ทันรู้ตัว ก็แตกกระจัดกระจาย แฮหัวเอี๋ยนตกใจ จึงพาแฮหัวตุ้นหนีออกจากค่าย ลิยอยกับลิเตียนก็พาทหารหนีไปตั้งอยู่ปลายแดนเมืองเจปัก
โกซุ่นก็ไล่ฆ่าฟันทหารแฮหัวตุ้นล้มตายเปนอันมาก แล้วยกทหารกลับมาจะตีเมืองเสียวพ่าย พอลิโป้ยกหนุนมาพบกันกับโกซุ่น ๆ จึงเล่าเนื้อความทั้งปวง ซึ่งแฮหัวตุ้นแตกไปนั้นให้ลิโป้ฟัง ลิโป้จึงพาโกซุ่นยกเข้าไปใกล้เมืองเสียวพ่าย เห็นเล่าปี่ออกตั้งอยู่นอกกำแพงเปนสามค่าย ลิโป้จึงให้โกซุ่นกับเตียวเลี้ยวยกเข้าตีค่ายกวนอู ตัวลิโป้นั้นยกเข้าตีเตียวหุย กวนอูเตียวหุยต่างคนต่างก็ยกทหารออกรบอยู่หน้าค่าย ลิโป้ก็แบ่งทหารวกเข้าตีหลังค่ายกวนอูเตียวหุย ๆ ไม่รู้ตัวแล้วทหารก็น้อยสู้ลิโป้มิได้ ก็แตกกระจัดกระจายออกจากค่าย
เล่าปี่เห็นกวนอูเตียวหุยแตก จึงพาทหารมาประมาณสามสิบคนหนีออกจากค่ายมาถึงประตูเมือง เล่าปี่ร้องเรียกให้ทหารในเมืองเปิดประตูรับ พอลิโป้ตามมาทัน ไล่รบเล่าปี่ ทหารทั้งสองฝ่ายปนกันเข้า เล่าปี่หนีเข้าในเมืองไม่ทันจะปิดประตู ลิโป้ก็ขับทหารไล่รบเข้าไปในเมืองเสียวพ่าย ทหารซึ่งอยู่ในเมืองก็แตกกระจัดกระจาย ต่างคนต่างเปิดประตูหนีออกจากเมือง เล่าปี่เห็นทหารลิโป้ไล่กระชั้นเข้ามา เห็นจะสู้มิได้ก็ทิ้งครอบครัวเสีย ควบม้าหนีออกจากเมืองทางประตูตวันตก ลิโป้ก็ไล่ฆ่าฟันผู้คนล้มตายเปนอันมาก
ฝ่ายบิต๊กซึ่งรักษาครอบครัวเล่าปี่อยู่นั้น เห็นลิโป้ไล่ฆ่าฟันผู้คนมาถึงหน้าบ้าน จึงออกไปคำนับลิโป้ ว่าข้าพเจ้าได้ยินโบราณว่าสืบ ๆ กันมาว่า ผู้ที่จะตั้งตัวเปนใหญ่ ถึงจะตีบ้านเมืองได้ เอาแต่ชัยชนะ ผู้ใดเปนเสี้ยนหนามก็ทำอันตรายแต่ผู้นั้น มิได้ทำอันตรายแก่บุตรภรรยาแลราษฎรทั้งปวง บัดนี้ท่านก็คิดอ่านจะตั้งตัวเปนใหญ่อยู่ จะเปนศัตรูของท่านก็แต่โจโฉผู้เดียว อันเล่าปี่นี้คิดถึงท่านอยู่เนืองๆ ว่าเมื่อครั้งอ้วนสุดให้กิเหลงยกมาตีเมืองเสียวพ่ายนั้น เพราะท่านยกมาช่วยเสี่ยงยิงเกาทัณฑ์ แล้วพูดจาเกลี่ยไกล่ให้กิเหลงยกกลับไป เล่าปี่จึงได้อยู่เย็นเปนสุขมา เล่าปี่ก็มีความกตัญญูต่อท่านอยู่ อนึ่งท่านกับเล่าปี่ก็มีคุณต่อกันมา ขออย่าให้ท่านทำอันตรายแก่ครอบครัวเล่าปี่เลย คุณของท่านนั้นก็จะอยู่กับเล่าปี่สืบไป
ลิโป้จึงว่าท่านอย่าวิตกเลย เรากับเล่าปี่ก็เปนมิตร์กันมาแต่ก่อน ซึ่งครอบครัวของเล่าปี่นั้นเรามิได้ทำอันตราย แล้วจึงให้บิต๊กพาภรรยาเล่าปี่ไปไว้เมืองชีจิ๋ว ลิโป้จึงจัดแจงให้โกซุ่นกับเตียวเลี้ยวอยู่รักษาเมืองเสียวพ่าย ลิโป้ก็คุมทหารรีบไปทางตวันออก จะไปตีเมืองกุนจิ๋ว พอพบตันก๋งกับจงป้าเกลี้ยกล่อมโจรอยู่ ณ เขาไทสัน ลิโป้จึงให้ตันก๋งกับนายโจรทั้งสี่คนนั้นรักษาด่านเสียวก๋วน แล้วลิโป้ก็ยกไปตีหัวเมืองฝ่ายตวันออก
ฝ่ายกวนอูเมื่อหนีลิโป้ออกจากค่าย พบกับเตียวหุยกลางทาง กวนอูจึงถามเตียวหุยว่า ท่านพบเล่าปี่หรือไม่ เตียวหุยบอกว่าเมื่อเราแตกนั้นกระจัดกระจายกัน มิได้แจ้งว่าเล่าปี่จะหนีไปอยู่ตำบลใด กวนอูเตียวหุยคิดถึงเล่าปี่กอดคอกันร้องไห้ แล้วกวนอูเตียวหุยจึงพากันไปตั้งซ่องสุมทหารอยู่ในตำบลซอกเขาแห่งหนึ่ง
ขณะเมื่อเล่าปี่หนีออกจากเมืองนั้น ควบม้าไปไกลเมืองทางประมาณห้าร้อยเส้น พบซุนเขียนซึ่งอยู่รักษาเมืองหนีออกไปได้ก่อน เล่าปี่กับซุนเขียนก็ร้องไห้รักกัน แล้วเล่าปี่จึงว่ากวนอูเตียวหุยน้องเราจะตายหรือจะหนีไปแห่งใดก็มิได้แจ้ง ตัวเราบัดนี้ก็มิได้มีที่พึ่ง เหมือนว่ายอยู่กลางทเล ซุนเขียนจึงว่าเกิดเหตุทั้งนี้ ก็เพราะท่านคบคิดกับโจโฉทำร้ายลิโป้ ท่านจึงได้ความลำบากทั้งนี้ จำท่านจะไปหาโจโฉเปนที่พึ่ง จะได้ตั้งตัวคิดการต่อไป เล่าปี่ได้ยินซุนเขียนว่าดังนั้นก็คลายใจ จึงพาซุนเขียนลัดไปในป่า จะไปหาโจโฉ ณ เมืองฮูโต๋
ขณะเมื่อเล่าปี่กับซุนเขียนหนีไปนั้น อดอยากมิได้มีสเบียงอาหาร ครั้นถึงบ้านรายทางตำบลใด ก็ชวนกันเข้าไปในบ้านราษฎร ๆ ทั้งปวงรู้ว่าเล่าปี่หนีมาดังนั้นก็มีใจรักใคร่ จึงแต่งโต๊ะให้เล่าปี่ซุนเขียนกินทุกบ้านมิได้ขาด เวลาเย็นวันหนึ่งเดิรมาห่างระยะบ้าน เล่าปี่จึงปรึกษากันกับซุนเขียนว่า เรามาจากเมืองก็หลายวันแล้ว ก็มิได้ขัดสนด้วยสเบียงอาหารทุกเวลา แต่วันนี้มิได้มีที่อาศรัย เราจะคิดประการใด
ขณะเมื่อซุนเขียนกับเล่าปี่ปรึกษากันอยู่นั้น แลเห็นเรือนอยู่ในป่าเรือนหนึ่ง เล่าปี่ดีใจพาซุนเขียนเข้าไปจะอาศรัยในบ้านนั้น ฝ่ายเล่าอั๋นซึ่งอยู่บนเรือน แลเห็นเล่าปี่กับซุนเขียนมามิได้รู้จักว่าผู้ใด เล่าอั๋นจึงออกมารับเล่าปี่ ๆ จึงถามว่าท่านนี้ชื่อใด เล่าอั๋นบอกว่าข้าพเจ้าชื่อเล่าอั๋น เปนคนเข็ญใจอยู่สองคนกับภรรยา ทำไร่ปลูกผักหาเนื้ออยู่ในตำบลนี้ เล่าอั๋นจึงถามว่า ท่านทั้งสองนี้มาแต่เมืองใด เหตุไฉนจึงมาแต่สองคนไม่มีพวกเพื่อน เล่าปี่จึงบอกความหลังให้ฟัง เรามานี้จะไปหาโจโฉ บัดนี้เวลาพลบค่ำแล้ว จะขออาศรัยท่านสักคืนหนึ่ง เล่าอั๋นได้ฟังมีความยินดี จึงเชิญเล่าปี่กับซุนเขียนเข้าไปในบ้าน แล้วเล่าอั๋นจึงเข้าไปในเรือน จัดแจงหาของจะเลี้ยงเล่าปี่ มิได้มีสิ่งอันใด ครั้นจะไปเที่ยวหาเวลาก็พลบค่ำเห็นจะไม่ทันที เล่าอั๋นจึงฆ่าภรรยานั้นเสีย แล้วเชือดเอาเนื้อที่ลำแขนภรรยานั้น ผัดคั่วเปนเครื่องกับเข้า แล้วยกออกมาให้เล่าปี่กับซุนเขียนกิน
เล่าปี่จึงถามว่า นี่เนื้ออันใด เล่าอั๋นจึงบอกว่า เนื้อนี้ข้าพเจ้าได้มาแต่เวลาเช้า เล่าปี่สำคัญว่าจริงก็ชวนซุนเขียนกินเนื้อนั้นจนอิ่ม ครั้นเวลาค่ำเล่าอั๋นจึงเอาม้าของเล่าปี่ซุนเขียนนั้นไปผูกไว้หลังบ้าน แล้วเชิญเล่าปี่ซุนเขียนเข้าไปนอนในเรือน ครั้นเวลาเช้าเล่าปี่ลาเล่าอั๋นจะไปแก้เอามา พอแลเห็นศพภรรยาเล่าอั๋นนั้นทิ้งอยู่ เล่าปี่ตกใจจึงถามเล่าอั๋นว่า นี่ศพผู้ใดจึงเอามาทิ้งไว้ดังนี้ เล่าอั๋นจึงบอกว่าศพภรรยาข้าพเจ้า แล้วเล่าอั๋นก็เล่าเนื้อความทั้งปวงให้เล่าปี่ฟัง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้น คิดสงสารก็ร้องไห้ แล้วจึงว่าคุณของท่านอยู่กับเราหาที่สุดมิได้ แม้เรายังมีชีวิตอยู่จะแทนคุณท่าน
แล้วเล่าปี่ก็ขึ้นม้าลาเล่าอั๋นออกจากบ้าน ไปได้สามร้อยเส้น เห็นกองทัพยกมาเปนอันมาก เล่าปี่เห็นธงสำคัญ ก็รู้ว่ากองทัพโจโฉยกมา เล่าปี่ค่อยมีความยินดี จึงพาซุนเขียนลัดทางออกไปหาโจโฉ เล่าปี่จึงบอกว่า เมืองเสียวพ่ายก็เสียทีแก่ลิโป้แล้ว กวนอูเตียวหุยน้องชายข้าพเจ้ากับบุตรภรรยาสมัคพรรคพวกทั้งปวง จะเปนจะตายประการใดมิได้แจ้ง ว่าแล้วเล่าปี่ก็ร้องไห้ โจโฉเห็นดังนั้นมีความสงสารก็ร้องไห้ด้วย เล่าปี่จึงเล่าเนื้อความซึ่งเล่าอั๋นฆ่าภรรยาให้กินนั้นให้โจโฉฟัง โจโฉมีความยินดี จึงให้ซุนเขียนเอาทองร้อยตำลึงไปให้เล่าอั๋นซึ่งมีคุณแก่เล่าปี่ แล้วโจโฉพาเล่าปี่ยกไปแดนเมืองเจปัก
ฝ่ายแฮหัวเอี๋ยนกับแฮหัวตุ้น ซึ่งพากันหนีไปนั้น พบลิยอยลิเตียนตั้งซ่องสุมทหารอยู่ แฮหัวเอี๋ยนแฮหัวตุ้นก็เข้าอยู่ด้วยกันกับลิยอย ครั้นรู้ข่าวว่าโจโฉยกมาถึงแล้ว จึงชวนกันออกไปรับโจโฉ เชิญโจโฉเข้ามา ณ ค่าย เล่าเนื้อความทั้งปวงซึ่งได้รบกับโกซุ่นนั้นให้โจโฉฟัง โจโฉรู้ดังนั้นจึงเข้าไปเยือน แฮหัวตุ้นป่วยหนักอยู่ โจโฉจึงให้ทหารพาเอาตัวแฮหัวตุ้นกลับไปเมืองฮูโต๋ แล้วแต่งทหารสอดแนมฟังข่าวว่าลิโป้จะคิดประการใด ทหารม้าใช้จึงไปสืบข่าวกลับมาบอกว่า ลิโป้กับตันก๋งจงป้าเกลี้ยกล่อมได้พวกโจรซึ่งตั้งอยู่เขาไทสันเปนอันมาก บัดนี้ยกไปตีหัวเมืองตวันออกได้หลายตำบลแล้ว
โจโฉได้ฟังดังนั้น จึงให้โจหยินคุมทหารสามพันไปตีเมืองเสียวพ่าย โจโฉจึงพาเล่าปี่กับทหารทั้งปวงยกตามลิโป้ไป ถึงด่านเสียวก๋วนเปนแดนเมืองตวันออก พบซุนก้วนหนึ่ง งอตุ้นหนึ่ง อินเล้หนึ่ง เซียงหูหนึ่ง ซึ่งเปนนายโจรอยู่เขาไทสัน คุมพรรคพวกประมาณสามหมื่นยกมาสกัดหน้าไว้ โจโฉจึงให้เคาทูออกรบด้วยพวกโจร เคาทูกับพวกโจรทั้งสี่นายนั้นรบพุ่งกันเปนสามารถแต่เช้าจนเวลาเที่ยง นายโจรทั้งสี่นั้นสิ้นกำลังอิดโรยลง โจโฉก็ขับทหารหนุนเคาทูไป รบพวกโจรล้มตายบ้าง แตกเข้าไปหาตันก๋งซึ่งอยู่ในด่านบ้าง โจโฉก็ยกทหารเข้าตั้งประชิดด่านเสียวก๋วนไว้
ฝ่ายลิโป้รู้เนื้อความว่าโจโฉตีพวกโจรแตก คิดกริ่งใจเกรงว่าโจโฉจะยกไปตีเมืองชีจิ๋ว จึงยกทหารกลับมาเมือง ลิโป้จึงตั้งให้ตันกุ๋ยอยู่รักษาเมืองชีจิ๋ว แล้วจัดแจงทหารเปนอันมาก จะยกไปด่านเสียวก๋วน ตันเต๋งรู้ดังนั้นจึงไปหาตันกุ๋ยผู้บิดาว่า เดิมทีการครั้งนี้โจโฉปลงธุระไว้แก่เรา บัดนี้โจโฉยกทัพมา เห็นลิโป้จะเสียทีแก่โจโฉเปนมั่นคง บัดนี้ลิโป้จะยกไปรบกับโจโฉ แม้แตกถอยกลับมาเมือง บิดากับบิต๊กคิดอ่านกันรักษาเมืองไว้ให้มั่นคง อย่าให้ลิโป้เข้าเมืองได้ ข้าพเจ้าจะไปกับลิโป้จึงจะคิดทำการสืบไป ตันกุ๋ยจึงว่าเจ้าว่านี้ก็ชอบอยู่แล้ว ซึ่งลิโป้จะให้อยู่รักษาเมืองนั้น มิใช่แต่เราผู้เดียว ทหารของลิโป้อยู่ด้วยเปนอันมาก เห็นเราจะทำการมิสำเร็จ ตันเต๋งจึงว่าบิดาอย่าวิตก ข้าพเจ้าจะคิดอ่านให้ลิโป้แบ่งทหารไปไว้เมืองอื่น แล้วตันเต๋งก็ลาตันกุ๋ยไปหาลิโป้
ลิโป้เห็นตันเต๋งมาก็มีความยินดี จึงชวนตันเต๋งว่าจะยกไปรบกับโจโฉด่านเสียวก๋วน ตันเต๋งจึงว่าซึ่งท่านจะละเมืองเสียบัดนี้ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าเมืองชีจิ๋วนี้เปนเมืองหน้าศึก เกลือกโจโฉยกทหารตีโอบหลังเอาเมือง เรามิทันรู้ก็จะเสียทีแก่โจโฉ ขอให้ท่านจัดแจงเอาสเบียงอาหาร กับครอบครัวแบ่งไปไว้ ณ เมืองแห้ฝือ ถึงเมืองชีจิ๋วมีอันตราย เราจะได้อาศรัยเมืองแห้ฝือเปนกำลัง ลิโป้มิได้แจ้งว่าตันเต๋งจะคิดทำร้ายจึงสั่งซงเหียนกับงุยซก ให้คุมเอาครอบครัวแลสเบียงอาหารไปไว้เมืองแห้ฝือตามตันเต๋งว่า แล้วลิโป้ก็พาตันเต๋งกับทหารยกไปด่านเสียวก๋วน ไปถึงกลางทางตันเต๋งจึงพูดลวงลิโป้ว่า เราจะยกไปทำสงครามด้วยโจโฉครั้งนี้ มิได้รู้ว่ากำลังศึกจะมากน้อยประการใด ขอให้ท่านตั้งอยู่ตำบลนี้ก่อน ข้าพเจ้าจะขออาสาไปฟังดูกำลังโจโฉ แจ้งว่ามากน้อยแล้วจึงจะกลับมาบอกแก่ท่าน ลิโป้มิได้รู้เท่าจึงหยุดกองทัพไว้
ตันเต๋งก็ลาลิโป้ไปด่านเสียวก๋วน แล้วจึงเข้าไปหาตันก๋งในด่าน ตันเต๋งจึงว่ากับตันก๋งว่า ลิโป้แจ้งเนื้อความว่าโจโฉตีนายโจรทั้งสี่นั้นแตกแล้ว ยกมาตั้งประชิดด่านเสียวก๋วนไว้ ลิโป้โกรธว่าท่านทำการให้เสียทีแก่โจโฉ ลิโป้ยกมานี้จะเอาโทษแก่ท่าน ตันก๋งจึงว่า โจโฉยกทัพมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เราเห็นจะสู้ไม่ได้ เราจึงตั้งมั่นรักษาด่านไว้ ท่านกลับไปแจ้งเนื้อความแก่ลิโป้เถิดว่า จะต้านทานศึกโจโฉนั้นเห็นขัดสน ให้ลิโป้กลับไปรักษาเมืองชีจิ๋ว กับหัวเมืองไว้ให้มั่นคง อย่าให้เปนอันตราย ตันเต๋งได้ยินตันก๋งว่าดังนั้น ก็ไม่ตอบประการใด
ตันเต๋งจึงขึ้นไปเที่ยวดูบนเชิงเทิน เห็นกองทัพโจโฉตั้งประชิดเข้ามาใกล้เชิงกำแพงอยู่แล้ว เวลาค่ำตันเต๋งจึงเขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงออกไป ในหนังสือนั้นว่า ข้าพเจ้าตันเต๋งจะอาสาเปนใส้ศึกอยู่ในกำแพง ข้าพเจ้าจะเอาเพลิงจุดขึ้นเปนสำคัญ ให้มหาอุปราชยกเข้าปล้น ข้าพเจ้าจะช่วยทำการให้สำเร็จ ครั้นเวลาเช้าตันเต๋งก็ลาตันก๋งกลับมาหาลิโป้ แล้วบอกเนื้อความว่า เห็นกำลังโจโฉนั้นมากนัก แล้วซุนก้วนกับนายโจรทั้งปวงซึ่งท่านให้อยู่กับตันก๋งนั้น ข้าพเจ้าเห็นจะเปนใจด้วยโจโฉอยู่แล้ว บัดนี้ข้าพเจ้ากำชับตันก๋งให้รักษาด่านไว้มั่นคงกว่าท่านจะยกไปถึง ตันก๋งก็มีใจคร้ามนักอยู่ ขอท่านยกไปให้ถึงด่านเสียวก๋วนในเวลาวันนี้ จะได้ช่วยตันก๋งคิดอ่านทำการศึก
ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าแก่ตันเต๋งว่า บัดนี้โจโฉยกเข้าล้อมด่านไว้แล้ว จะไปนั้นเห็นว่าจะเข้าด่านมิได้ ให้ท่านรีบไปก่อนบอกแก่ตันก๋งว่า เราจะยกไปให้ถึงในเวลาค่ำวันนี้ ให้เปิดประตูรับแล้วจุดเพลิงสัญญาขึ้น เราจะรบฝ่าทหารโจโฉเข้าไป ตันเต๋งก็ลาลิโป้ไปด่านเสียวก๋วน แล้วบอกแก่ตันก๋งว่าเราเอาเนื้อความทั้งปวงไปแจ้งแก่ลิโป้ ๆ ก็เห็นด้วยแล้ว บัดนี้ลิโป้สั่งมาว่า กำลังโจโฉมาก เห็นท่านจะสู้โจโฉมิได้ แล้วด่านเสียวก๋วนนี้ก็ไม่เปนที่สำคัญ ให้ยกทหารกลับไปเมืองชีจิ๋วจะได้ช่วยลิโป้ป้องกัน ตันก๋งมิได้แจ้งในกลตันเต๋งสำคัญว่าจริง ครั้นเวลาค่ำจึงพาทหารลอบหนีออกจากด่าน มิได้บอกให้นายโจรทั้งสี่รู้ ขณะเมื่อตันก๋งไปนั้น ตันเต๋งจึงลอบเอาเพลิงจุดขึ้น
ฝ่ายลิโป้ยกมาเห็นแสงเพลิงสว่าง ก็สำคัญว่าตันก๋งจุดรับ ก็ขับทหารรีบยกเข้าไป พบตันก๋งยกออกมา ลิโป้สำคัญว่ากองทัพโจโฉ ก็ขับทหารฟันเข้าไป ฝ่ายตันก๋งมิได้รู้ว่าลิโป้ สำคัญว่าโจโฉยกทหารมาสกัดทางไว้ ตันก๋งก็ขับทหารฟันฝ่าออกไป ทหารทั้งสองฝ่ายฆ่าฟันกันล้มตายเปนอันมาก
ฝ่ายโจโฉเห็นเพลิงลุกขึ้นในกำแพง เหมือนหนังสือสัญญาตันเต๋ง โจโฉก็ให้ยกทหารหักเข้าไป นายโจรทั้งสี่ซึ่งรักษาด่านอยู่นั้น มิได้แจ้งประการใด ก็คุมพรรคพวกออกรบกับทหารโจโฉเปนสามารถ พวกโจรนั้นน้อยทานฝีมือทหารโจโฉมิได้ ก็แตกกระจัดกระจายหนีเอาตัวรอด โจโฉก็ยกเข้าตั้งอยู่ในด่านเสียวก๋วน
ฝ่ายลิโป้กับตันก๋งหลงรบพุ่งกันเปนสามารถ ครั้นสว่างขึ้นทหารทั้งสองฝ่ายรู้จักหน้ากันถนัด จึงถอยออกจากกัน ตันก๋งจึงเข้าไปหาลิโป้แจ้งเนื้อความทั้งปวงให้ลิโป้ฟัง ลิโป้กับตันก๋งก็แจ้งว่า เกิดเหตุทั้งนี้เพราะกลของตันเต๋ง ลิโป้จึงพาตันก๋งกับทหารทั้งปวงรีบกลับเข้าไปเมืองชีจิ๋ว ครั้นถึงเชิงกำแพง ลิโป้จึงเรียกทหารในเมืองให้เปิดประตูรับ
ฝ่ายบิต๊กรู้ว่าลิโป้กลับมา จึงให้ทหารซึ่งอยู่บนเชิงเทินนั้นเอาเกาทัณฑ์ยิงระดมลงไป แล้วบิต๊กจึงร้องว่าแก่ลิโป้ว่า เมืองชีจิ๋วนี้มิใช่ของตัว เปนเมืองของเล่าปี่นายเราก่อนตัวยกมาชิงเอา บัดนี้จะคืนเอาเมืองของนายเราแล้ว ตัวจงยกทหารกลับไปเสียเถิด ลิโป้ตกใจจึงร้องถามบิต๊กว่า ตันกุ๋ยซึ่งเราให้อยู่รักษาเมืองนั้นไปไหนเล่า บิต๊กจึงตอบว่า ตันกุ๋ยนั้นเราจับฆ่าเสียแล้ว ลิโป้ได้ยินดังนั้นจึงเหลียวมาถามตันก๋งว่า ตันเต๋งบุตรตันกุ๋ยมาด้วยหรือไม่ ตันก๋งจึงว่า เปนไฉนท่านยังถามถึงอ้ายศัตรูอยู่อิกเล่า ลิโป้ก็ให้ตรวจดูในหมู่ทหาร ก็มิได้พบตัวตันเต๋ง ตันก๋งจึงว่าแก่ลิโป้ว่า ซึ่งเราจะยกเข้าหักเอาเมืองชีจิ๋วนี้เห็นจะขัดสน ขอให้ท่านยกไปเมืองเสียวพ่าย จะได้คิดอ่านกับโกซุ่นแลเตียวเลี้ยว ยกกลับคืนมาเอาเมืองของเราให้ได้ ลิโป้เห็นชอบด้วย ก็ยกกองทัพไปเมืองเสียวพ่าย
ฝ่ายตันเต๋งเมื่อจุดไฟขึ้นในด่านแล้ว แลลงไปดูเห็นทหารลิโป้กับทหารตันก๋งหลงรบพุ่งกันเปนสามารถ ตันเต๋งจึงลอบออกจากด่านเสียวก๋วน รีบไปเมืองเสียวพ่ายบอกแก่โกซุ่นเตียวเลี้ยวว่า วานนี้โจโฉยกมาล้อมลิโป้ไว้ ลิโป้เห็นจะสู้โจโฉมิได้ จึงให้เรารีบมาหาท่าน ให้ท่านยกทหารไปช่วย โกซุ่นเตียวเลี้ยวตกใจสำคัญว่าจริง ก็ยกทหารออกจากเมืองเสียวพ่ายไปช่วยลิโป้ ตันเต๋งก็ออกไปหาโจหยิน พาเอากองทัพโจหยินเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองเสียวพ่าย
ฝ่ายโกซุ่นเตียวเลี้ยวยกไปถึงกลางทาง พบลิโป้ยกมาจึงเข้าไปหาลิโป้ ๆ คิดกริ่งใจจึงถามโกซุ่น เตียวเลี้ยว ว่า เราให้ท่านทั้งสองอยู่รักษาเมืองเสียวพ่าย เหตุไฉนตัวจึงทิ้งเมืองเสีย โกซุ่น เตียวเลี้ยว จึงว่าตันเต๋งบุตรตันกุ๋ยไปบอกข้าพเจ้าว่า โจโฉล้อมท่านไว้ ให้ข้าพเจ้ายกทหารมาช่วย ซึ่งข้าพเจ้าทิ้งเมืองเสียนั้น โทษข้าพเจ้าผิดอยู่แล้ว ตันก๋งได้ยินดังนั้นจึงว่าแก่ลิโป้ว่า ซึ่งตันเต๋งมันคิดทำร้ายท่านดังนี้ ท่านจะคิดประการใด ลิโป้จึงว่าท่านอย่าวิตกเลย ซึ่งตันเต๋งทรยศต่อเรา เราจะตัดสีสะมันเสียให้ได้ แล้วลิโป้ก็พาโกซุ่นเตียวเลี้ยวกับทหารทั้งปวงยกไปเมืองเสียวพ่าย เห็นทหารรักษาหน้าที่เชิงเทินมั่นคง แล้วเห็นธงซึ่งปักอยู่นั้นเปนธงกองทัพโจโฉ ลิโป้โกรธควบม้าเข้าไปถึงเชิงกำแพง แล้วร้องด่าตันเต๋งว่า ตัวมึงสองคนพ่อลูกกูรักใคร่ตั้งให้เปนขุนนาง บัดนี้มึงทรยศต่อกู ๆ จะตัดสีสะมึงเสียให้ได้
ฝ่ายตันเต๋งยืนอยู่บนเชิงเทิน จึงชี้มือลงมา แล้วร้องตอบลิโป้ว่าตัวอย่าโอหังเจรจา เราเปนข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ต่างหาก เมื่อครั้งอ้วนสุดยกมาตีเมืองชีจิ๋วนั้น ก็เพราะความคิดของเรากับบิดาเรา ตัวจึงรอดจากความตาย บัดนี้กลับมาว่าเราทรยศอีกเล่า ลิโป้โกรธจึงขับทหารจะให้เข้าหักเอาเมืองเสียวพ่าย พอเตียวหุยซึ่งแตกไปตั้งซ่องสุมทหารอยู่ ณ เขาบองหยงนั้น รู้เนื้อความว่า ลิโป้ระส่ำระสายเสียความคิดตันเต๋งแล้ว เตียวหุยก็รีบยกทหารตามไปเมืองเสียวพ่าย ลิโป้เห็นก็ถอยทหารออกมา จึงให้โกซุ่นออกรบกับเตียวหุยได้ห้าเพลง ลิโป้เห็นโกซุ่นนั้นจะสู้เตียวหุยมิได้ก็ขับม้ารำทวนออกช่วยโกซุ่นรบเตียว หุย
ขณะนั้นโจโฉแจ้งว่า ลิโป้เสียเมืองแก่บิต๊กตันกุ๋ยแล้วยกไปเมืองเสียวพ่าย ก็รีบยกทหารตามไป เห็นลิโป้กับเตียวหุยรบติดพันธ์กันอยู่ โจโฉก็ให้ทหารล้อมไว้ ลิโป้ผละออกจากเตียวหุย ควบม้าฟันฝ่าทหารโจโฉออกไป เตียวหุยเห็นได้ทีก็ควบม้าไล่ลิโป้ไป
ฝ่ายกวนอูซึ่งแตกนั้น ไปตั้งซ่องสุมทหารอยู่ ณ เมืองไฮจิ๋ว รู้ข่าวว่าลิโป้เสียความคิดตันเต๋ง แล้วก็รีบยกทหารตามไปเมืองเสียวพ่าย พบลิโป้กลางทาง กวนอูจึงร้องว่า อ้ายลิโป้มึงจะหนีไปไหนเล่า ลิโป้โกรธขับม้ารบด้วยกวนอู พอเตียวหุยตามมาทัน ลิโป้ตกใจหนีเข้าเมืองแห้ฝือแล้วจัดแจงทหารให้ขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้
ฝ่ายเตียวหุยไล่ลิโป้มาพบกับกวนอู ๆ จึงว่าแก่เตียวหุยว่า เมื่อเราสองคนพี่น้องจากกันที่ซอกเขานั้น พี่ไปซ่องสุมทหารอยู่ ณ เมืองไฮจิ๋ว เตียวหุยจึงว่าเมื่อข้าไปจากซอกเขานั้น ข้าไปตั้งซ่องสุมทหารอยู่ ณ เขาบองหยง ครั้นรู้ข่าวว่าลิโป้ระส่ำระสาย ข้าจึงยกทัพมารบกับลิโป้ บัดนี้เล่าปี่พี่เราเข้าอยู่ด้วยโจโฉแล้ว กวนอูได้ฟังดังนั้นมีความยินดี จึงพาเตียวหุยเข้าไปหาเล่าปี่ในกองทัพโจโฉ เล่าปี่เห็นกวนอูเตียวหุยมาก็ดีใจวิ่งออกมารับ แล้วเล่าเนื้อความทั้งปวงให้กวนอูเตียวหุยฟัง แล้วก็พากันเข้าไปหาโจโฉ โจโฉจึงพาเล่าปี่กับโจหยินตันเต๋ง ยกทหารมาเมืองชีจิ๋ว บิต๊กรู้ว่าโจโฉยกมา ก็ออกไปรับโจโฉเชิญให้เข้าอยู่ในเมือง แล้วบิต๊กจึงไปหาเล่าปี่ เล่าเนื้อความทั้งปวงซึ่งลิโป้พาครอบครัวมาไว้เมืองชีจิ๋วนั้นให้เล่าปี่ฟัง เล่าปี่แจ้งว่ามิได้เปนอันตรายก็มีความยินดี
ฝ่ายตันเต๋งครั้นมาถึงเมืองชีจิ๋ว จึงไปหาตันกุ๋ยผู้บิดา แจ้งเหตุทั้งปวงให้ฟัง แล้วพากันไปหาโจโฉ โจโฉจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงตันกุ๋ย ตันเต๋งกับขุนนางนายทัพนายกองทั้งปวง แล้วโจโฉจึงปราสัยกับตันกุ๋ยตันเต๋งว่า ท่านทำการทั้งนี้มีความชอบต่อเราใหญ่หลวง โจโฉจึงยกหัวเมืองฝ่ายตวันออกสิบหัวเมืองให้เปนส่วนขึ้นแก่ตันกุ๋ย แล้วตั้งตันเต๋งเปนฮกโก๋เจียงกุ๋น แปลว่าเปนนายทหารผู้ใหญ่
ฝ่ายโจโฉได้เมืองชีจิ๋ว ตั้งฟังข่าวอยู่ บำรุงทหารทั้งปวงให้มีกำลังพร้อมกัน โจโฉจึงสั่งทหารว่า จะยกไปเมืองแห้ฝือจับลิโป้ เทียหยกที่ปรึกษาจึงว่า ซึ่งมหาอุปราชจะยกไปตีเมืองแห้ฝือบัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าลิโป้เปนสุนัขจนตรอก ก็จะรบจนกว่าจะสิ้นกำลัง แม้ลิโป้หนีออกได้ก็จะไปหาอ้วนสุด เมื่อลิโป้กับอ้วนสุดคบคิดกันเข้าแล้ว เห็นจะเปนศึกใหญ่ ขอให้มหาอุปราชแต่งทหารที่มีฝีมือ ไปตั้งสกัดไว้ที่ปากทางเมืองห้วยหนำ แม้ลิโป้หนีไปหาอ้วนสุด ก็จะได้สกัดไว้ ถึงอ้วนสุดจะยกไปช่วยลิโป้ก็จะมามิได้ ประการหนึ่ง ซุนก้วนอินเล้งอตุ้นเซียงหู ซึ่งเปนนายโจรแตกออกจากด่านเสียวก๋วนนั้น ก็มิได้แจ้งว่าไปตั้งอยู่ตำบลใด เกลือกจะยกมาช่วยลิโป้ ขอให้มหาอุปราชยกไปกำจัดพวกโจรเสียก่อน โจโฉจึงว่าเราจะใคร่ให้เล่าปี่ไปตั้งสกัดอ้วนสุดทางเมืองห้วยหนำ ทางพวกโจรจะยกมาช่วยลิโป้นั้น ท่านอย่าวิตกเลย เราจะรับประกันเปนธุระ
เล่าปี่ได้ยินโจโฉว่าดังนั้นจึงรับว่า ซึ่งจะไปตั้งสกัดลิโป้อ้วนสุดนั้นข้าพเจ้าจะขออาสา โจโฉก็ยอม ครั้นเวลาเช้าเล่าปี่จึงให้บิต๊กกับตันหยงอยู่รักษาครอบครัว แล้วเล่าปี่กวนอูเตียวหุยซุนเขียนก็ยกทหารไปตั้งอยู่ปากทางเมืองห้วยหนำ โจโฉก็ยกทหารไปตีเมืองแห้ฝือ
ฝ่ายลิโป้ไปตั้งอยู่ในเมืองแห้ฝือ สเบียงอาหารก็บริบูรณ์ คูเมืองก็กว้างลึก ครั้นรู้ว่าโจโฉยกตามมา ก็มิได้คิดที่จะออกสู้รบกับโจโฉ จึงจัดแจงทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้มั่นคง ตันก๋งจึงว่าแก่ลิโป้ว่า บัดนี้โจโฉยกทัพมายังมิได้ที่มั่น เปนไฉนท่านจึงนิ่งอยู่ไม่คิดอ่านที่จะยกออกรบกับโจโฉ แม้โจโฉตั้งมั่นแล้วเห็นเราจะทำการยาก ลิโป้จึงว่าเราทำศึกเสียทีแก่โจโฉมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เราตั้งมั่นอยู่แต่ในเมือง คอยโจโฉจะยกข้ามคูล่วงเข้ามาถึงเชิงกำแพง เราจึงจะออกรบ เห็นโจโฉจะเสียทีแก่เราเปนมั่นคง
ฝ่ายโจโฉยกมาถึงเมืองแห้ฝือ ตั้งค่ายอยู่ใกล้เมืองประมาณสิบเส้น โจโฉจึงขึ้นม้าข้ามคูเข้าไปถึงเชิงกำแพงแล้วร้องว่าแก่ลิโป้ว่า เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะเปนขบถ ท่านคิดอ่านฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย ท่านมีความชอบต่อแผ่นดินเปนอันมาก บัดนี้ท่านมาคบคิดกับอ้วนสุด ซึ่งเปนขบถต่อแผ่นดิน กิตติศัพท์ทั้งนี้รู้ขึ้นไปถึงเมืองฮูโต๋ พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงพระพิโรธจึงให้เรายกทัพมา แม้ท่านมิได้คบคิดกับอ้วนสุด แลมีน้ำใจซื่อตรงต่อแผ่นดินอยู่ ก็เร่งออกมาหาเราโดยดี จะได้ช่วยแก้ไขกราบทูล เลี้ยงท่านเปนขุนนางสืบไป ถ้าท่านไม่ออกมาหาเราโดยดี เมื่อเราตีเมืองได้แล้ว ท่านจึงจะแจ้งในโทษท่าน ซึ่งกระทำความผิดไว้แต่ก่อน ลิโป้ร้องตอบลงมาว่า แม้มหาอุปราชกรุณาข้าพเจ้าแล้ว ก็ยกทหารกลับไปก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะหารือที่ปรึกษาทั้งปวงก่อน
ขณะเมื่อโจโฉกับลิโป้โต้ตอบกันอยู่นั้น ตันก๋งยืนอยู่หลังลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงเอาเกาทัณฑ์ยิงลงไปถูกภู่หมวกโจโฉ ๆ แลขึ้นไปเห็นตันก๋งยืนอยู่ริมลิโป้ โจโฉจึงร้องว่า กูจะฆ่ามึงเสียให้ได้จึงจะหายความแค้น แล้วโจโฉก็ควบม้ากลับมา ขับทหารให้ยกประชิดเมืองแห้ฝือเข้าไป ตันก๋งจึงว่าแก่ลิโป้ว่า โจโฉยกมาจากเมืองฮูโต๋ช้านานแล้ว เห็นทหารจะอิดโรย ขอให้ท่านแบ่งทหารออกตั้งอยู่นอกเมือง ข้าพเจ้าจะคุมทหารอยู่รักษาเมือง แม้โจโฉยกเข้าตีเมือง ท่านจงยกเข้ากระหนาบหลังโจโฉ ข้าพเจ้าจะต้านหน้าไว้ ถ้าโจโฉจะเข้ารบกับท่าน ข้าพเจ้าจะยกทหารออกรบหลังโจโฉ แม้คิดเปนกลพ่อไว้ฉนี้ โจโฉก็จะพว้าพวัง สิ้นสเบียงอาหารแล้วก็จะเสียทีแก่เรา ลิโป้เห็นชอบด้วย จึงจัดแจงทหารไว้พร้อม แล้วลิโป้จึงเข้าไปหานางเหงียมซีซึ่งเปนภรรยา แจ้งเนื้อความทั้งปวงซึ่งตันก๋งว่าทุกประการ
นางเหงียมซีจึงว่า ซึ่งท่านจะยกออกไปอยู่นอกเมืองนั้น แม้เปนอันตราย ที่ไหนข้าพเจ้าจะได้ปฏิบัติรักษาท่าน ลิโป้ได้ฟังนางเหงียมซีว่ากล่าวอ้อนวอนดังนั้น ก็มีความรักมากขึ้น ไม่รู้ที่จะคิดประการใด ลิโป้มิได้ออกว่าราชการถึงสามวัน ตันก๋งจึงเข้าไปหาลิโป้ว่า บัดนี้โจโฉยกทหารรุกเข้ามาถึงเชิงกำแพง เปนไฉนท่านจึงมานิ่งอยู่ฉนี้ เมืองจะมิเสียแก่โจโฉหรือ ลิโป้จึงว่าแก่ตันก๋งว่า ซึ่งเราคิดการไว้นั้น เห็นจะป่วยการเสียเปล่า เราคิดรักษาเมืองไว้ให้มั่นคงเห็นจะดีกว่า ตันก๋งจึงว่าข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ว่า สเบียงอาหารในกองทัพโจโฉเบาบางลงแล้ว บัดนี้โจโฉให้ทหารกลับไปเอาสเบียง ณ เมืองฮูโต๋ ขอให้ท่านยกไปสกัดชิงสเบียงโจโฉเห็นจะเสียทีแก่เรา
ลิโป้เห็นชอบด้วย จึงเข้าไปปรึกษากับนางเหงียมซี ๆ จึงว่าซึ่งท่านจะไว้ใจให้ตันก๋งอยู่รักษาเมืองนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าจะสู้โจโฉไม่ได้ เมื่อท่านไปแล้ว อยู่ภายหลังเมืองเปนอันตราย ข้าพเจ้าจะเหลียวหน้าไปพึ่งผู้ใด เมื่อครั้งท่านทิ้งข้าพเจ้าไว้ที่เมืองเตียงอั๋นนั้น หากว่าบังสีช่วยคิดอ่านส่งข้าพเจ้าออกมาให้ท่าน ข้าพเจ้าจึงรอด บัดนี้ข้าพเจ้ามิได้เห็นผู้ใดที่จะเปนที่พึ่ง ซึ่งท่านจะยกไปครั้งนี้ ถึงจะได้ลาภสการเท่าใด ก็ให้คิดถึงข้าพเจ้าผู้เพื่อนยากนี้ก่อน แล้วนางเหงียมซีก็ร้องไห้ร่ำไรเปนอันมาก ลิโป้ก็มีความสงสารเปนกำลัง ไม่รู้ที่จะคิดอ่านผ่อนปรนประการใด จึงเข้าไปหานางเตียวเสียนซึ่งเปนภรรยาน้อย แล้วเล่าเนื้อความทั้งปวงซึ่งตันก๋งว่านั้นให้ฟัง นางเตียวเสียนก็ห้ามปรามวิงวอนลิโป้ เหมือนนางเหงียมซีทุกประการ แล้วนางเตียวเสียนก็กอดเท้าลิโป้ร้องไห้ ลิโป้จึงปลอบว่าเจ้าอย่าวิตกเลย ถึงจะเปนประการใดเรามิให้เจ้าเปนอันตราย จะกลัวอันใดกับโจโฉ ทวนกับม้าของเรามีกำลังมาก เราจะตั้งมั่นอยู่ในเมืองดังนี้ ผู้ใดจะบังอาจเข้ามาทำอันตรายได้ แล้วลิโป้ก็กลับออกมาว่าแก่ตันก๋งว่า ซึ่งโจโฉให้ทหารขึ้นไปเอาสเบียง ณ เมืองฮูโต๋นั้น โจโฉกระทำกลจะลวงเราให้ยกไปคอยชิงสเบียง ภายหลังจะยกเข้าตีเอาเมืองโดยง่าย แลเราจะยกไปตามคำท่านนั้น เห็นจะเสียทีแก่โจโฉ
ตันก๋งได้ยินลิโป้ว่าดังนั้น ก็มิได้ตอบประการใด จึงลุกออกมาแล้วว่าแก่นายทัพนายกองทั้งปวงว่า ตัวเราทุกวันนี้เห็นจะถึงแก่ความตายสิ้น เพราะว่าลิโป้คิดการเสียไปแล้ว ฝ่ายลิโป้ก็มิได้ยกกองทัพออกรบกับโจโฉ ชวนนางเหงียมซี นางเตียวเสียนเสพย์สุราทุกวัน หวังจะให้คลายความทุกข์
ขณะนั้นเค้ากี๋อ๋องก้ายซึ่งเปนที่ปรึกษา เห็นลิโป้มิได้คิดการสงครามดังนั้น จึงเข้าไปหาลิโป้แล้วว่า ซึ่งท่านนิ่งอยู่ฉนี้ เห็นจะเสียเมืองแห้ฝือแก่โจโฉเปนมั่นคง บัดนี้อ้วนสุดซึ่งไปตั้งอยู่เมืองห้วยหนำนั้น ก็มีทแกล้วทหารเปนอันมาก ขอให้ท่านแต่งทหารไปหาอ้วนสุด ว่าท่านจะยกลูกสาวให้แก่บุตรอ้วนสุด ให้อ้วนสุดยกกองทัพมาช่วยตีกระหนาบ เห็นกองทัพโจโฉจะระส่ำระสาย ลิโป้เห็นชอบด้วย จึงให้แต่งหนังสือให้เค้ากี๋อ๋องก้ายถือไปให้อ้วนสุด เค้ากี๋จึงว่าข้าพเจ้าจะขอทหาร ออกไปส่งให้พ้นกองทัพโจโฉเสียก่อน
ลิโป้จึงให้เตียวเลี้ยวเปนกองหน้า ให้หลับเป้งเปนกองหลัง คุมทหารพันหนึ่งป้องกัน ครั้นเวลาสองยาม เค้ากี๋อ๋องก้ายก็ลาลิโป้ออกจากเมืองแห้ฝือ เตียวเลี้ยวกับหลันเป้งเค้ากี๋ถึงแดนเมืองห้วยหนำ หลันเป้งคุมทหารห้าร้อยไปด้วยเค้ากี๋อ๋องก้าย ให้เตียวเลี้ยวคุมทหารห้าร้อยกลับไปเมืองแห้ฝือ แลเค้ากี๋อ๋องก้ายหลันเป้งครั้นไปถึงเมืองห้วยหนำ จึงเข้าไปหาอ้วนสุด แล้วเอาหนังสือของลิโป้นั้นให้ อ้วนสุดรับเอาหนังสือมาอ่านดู เปนใจความว่าข้าพเจ้าลิโป้คำนับมาถึงอ้วนสุดว่า ซึ่งท่านให้มาขอบุตรหญิงข้าพเจ้าจะให้แก่บุตรท่านนั้น ข้าพเจ้ายังมิทันจะแต่งการ ด้วยบัดนี้โจโฉยกทัพมาเปนอันมาก เหลือกำลังข้าพเจ้า ขอให้ท่านยกทหารมาช่วยตีทัพกระหนาบ จะได้มีไมตรีต่อกันสืบไป
อ้วนสุดแจ้งในหนังสือนั้นแล้วจึงว่า ลิโป้เจรจาหามีความจริงไม่ เมื่อครั้งเราให้หันอิ้นไปขอลูกสาวนั้นก็รับคำว่าให้แล้ว ครั้นเราให้แต่งไปรับตามธรรมเนียม ลิโป้คิดกลับกลายจับตัวหันอิ้นส่งไปให้โจโฉ แล้วฆ่าทหารซึ่งเราให้ไปเตือนนั้นเสีย บัดนี้โจโฉยกมาถึงเมือง เปนไฉนจึงมิได้พึ่งโจโฉ กลับให้มาขอกองทัพเราอีกเล่า เค้ากี๋ได้ยินอ้วนสุดว่าดังนั้นจึงตอบว่า ลิโป้นายข้าพเจ้าจะได้คิดร้ายต่อท่านหามิได้ เมื่อท่านให้หันอิ้นไปขอลูกสาวนั้น ลิโป้ก็มีความยินดีจะยกลูกสาวให้แก่บุตรท่านโดยจริง เพราะโจโฉทำกลอุบายต่างๆ เนื้อความทั้งปวงนั้นจึงกลับกลายไป บัดนี้ลิโป้ก็สั่งมาว่า จะยกลูกสาวให้แก่บุตรท่านเปนมั่นคง
อ้วนสุดได้ฟังดังนั้นจึงว่า บัดนี้ลิโป้สู้โจโฉไม่ได้แล้วหรือจึงยกลูกสาวให้แก่บุตรเรา แม้จะเปนไมตรีกันสืบไปก็ให้ส่งลูกสาวมาให้เราก่อน เราจึงจะยกกองทัพไปช่วย ซึ่งจะให้เรายกไปก่อนนั้นเราเห็นใจลิโป้ครั้งหนึ่งแล้ว เค้ากี๋ได้ฟังอ้วนสุดว่าดังนั้นก็มิได้ตอบประการใด จึงลาอ้วนสุดพากันออกจากเมืองห้วยหนำ มาถึงแดนต่อแดนเห็นค่ายเล่าปี่ตั้งสกัดอยู่ เค้ากี๋กับอ๋องก้ายจึงว่าแก่หลันเป้งว่า เราเปนผู้ถือหนังสือท่านเปนทหาร ลิโป้ให้มาป้องกันเรามิให้มีอันตราย เวลาค่ำวันนี้เราจะลอบไปให้พ้นค่ายเล่าปี่ก่อน ท่านจงคุมทหารป้องกันภายหลัง หลันเป้งก็รับคำเค้ากี๋อ๋องก้าย ครั้นเวลาค่ำเค้ากี๋กับอ๋องก้ายก็ลอบไปพ้นค่ายเล่าปี่ หลันเป้งจึงคุมทหารไปภายหลัง
ฝ่ายเตียวหุยอยู่ในค่ายได้ยินเสียงคนเดิรเปนอันมาก เตียวหุยคิดสงสัยจึงคุมทหารออกไปดู เห็นหลันเป้งคุมทหารผ่านหน้าค่ายไปก็ขับม้าไล่หลันเป้ง ๆ กลับหน้ามารบได้เพลงหนึ่ง เตียวหุยจับตัวหลันเป้งได้ ทหารห้าร้อยนั้นก็แตกกระจัดกระจายไป เตียวหุยจึงเอาตัวหลันเป้งมาให้เล่าปี่ ๆ ถามแจ้งข้อความทั้งปวงแล้ว เล่าปี่คุมตัวหลันเป้งไปให้โจโฉ ๆ ถามหลันเป้งว่าตัวไปไหนมา หลันเป้งแจ้งความแต่โดยจริงทุกประการ
โจโฉจึงให้เอาตัวหลันเป้งนั้นไปตัดสีสะเสียบไว้หน้าค่าย โจโฉจึงให้ทหารทั้งปวงเข้าล้อมเมืองแห้ฝือไว้ แล้วกำชับไว้ว่า คนในเมืองหนีออกมาได้หน้าด้านผู้ใด เราจะเอาโทษนายทัพนายกองซึ่งรักษาด้านนั้นถึงสิ้นชีวิต ฝ่ายเล่าปี่ได้ยินโจโฉกำชับทหารดังนั้นก็ลาโจโฉกลับมาค่าย จึงกำชับกวนอูเตียวหุยซุนเขียนว่า ให้ระวังระไวอย่าให้ลิโป้กับอ้วนสุดไปมาหากันได้
ขณะเมื่อเตียวหุยกับหลันเป้งรบกันอยู่นั้น เค้ากี๋กับอ๋องก้ายก็รีบมาถึงเมืองแห้ฝือ จึงเข้าไปหาลิโป้แล้วบอกว่า ข้าพเจ้าไปถึงเมืองห้วยหนำได้ว่ากล่าวอ้วนสุดเปนอันมาก อ้วนสุดว่าให้ท่านส่งลูกสาวไปก่อนจึงจะยกกองทัพมาช่วย ซึ่งจะยกมาก่อนนั้น อ้วนสุดว่าได้เห็นใจท่านครั้งหนึ่งแล้ว ลิโป้จึงปรึกษาว่า บัดนี้กองทัพโจโฉล้อมเมืองเราไว้ ทำไฉนเราจะส่งลูกสาวไปได้ เค้ากี๋จึงว่าโจโฉได้ตัวหลันเป้งไปถาม รู้เนื้อความทั้งปวงแล้ว ซึ่งผู้อื่นจะไปนั้นเห็นขัดสน ขอให้ท่านคุมทหารที่มีฝีมือไปส่งถึงแดนเมืองห้วยหนำ แม้โจโฉจะทำประการใดจะได้รบพุ่งป้องกัน ลิโป้เห็นชอบด้วย จึงสั่งให้เตียวเลี้ยวกับโกซุ่นจัดทหารสามพัน กับเกวียนน้อยเล่มหนึ่งไว้ แล้วลิโป้จึงว่าเราจะให้ท่านคุมตัวลูกสาวเราไปส่งอ้วนสุด เราจะตามไปส่งถึงเมืองห้วยหนำ แล้วลิโป้จึงให้ลูกสาวใส่เกราะแต่งตัวมั่นคง ครั้นเวลาสองยามลิโป้ก็เอาแพรสีสามพับนั้นผูกลูกสาวให้แน่นแล้วตะพายแล่ง เข้าแล้วจึงขึ้นม้าถือทวน พาโกซุ่นเตียวเลี้ยวกับทหารสามพันนั้นลอบหนีออกจากเมือง
ฝ่ายทหารโจโฉซึ่งล้อมอยู่นั้นมิทันสังเกต ครั้นลิโป้มาถึงแดนเมืองห้วยหนำ พอกวนอูเตียวหุยคุมทหารไปเที่ยวตรวจค่าย เห็นลิโป้กับทหารลอบมา เตียวหุยจึงร้องว่าอ้ายลิโป้มึงจะหนีไปไหน ลิโป้เห็นกวนอูเตียวหุยยืนขวางหน้าอยู่ก็ชักม้าจะหนี พอเล่าปี่คุมทหารสกัดมาด้านหนึ่ง แล้วซิหลงกับเคาทูซึ่งเปนทหารโจโฉนั้นก็ยกตามมาทัน ลิโป้ตกใจกลัวลูกสาวจะเปนอันตราย ก็ตีฝ่าทหารโจโฉกลับมาเมือง ฝ่ายเล่าปี่กวนอูเตียวหุยก็ยกตามมา เห็นทหารซึ่งล้อมอยู่ด้านตวันตกนั้นน้อย ลิโป้ฝ่าเข้าเมืองได้ เล่าปี่กวนอูเตียวหุยก็ให้ทหารเข้าล้อมด้านตวันตก
ฝ่ายลิโป้ไม่รู้ที่จะคิดประการใด ก็เสพย์แต่สุราทุกวันมิได้ขาด ฝ่ายโจโฉล้อมเมืองแห้ฝือไว้ถึงสองเดือน ลิโป้ก็มิได้ออกสู้รบ ครั้นโจโฉจะยกทหารเข้าหักโหม ก็เห็นลิโป้รักษาหน้าที่เชิงเทินมั่นคงอยู่ พอม้าใช้เอาเนื้อความมาบอกโจโฉว่า เตียวเอ๋งเจ้าเมืองโห้ลายรู้ว่ามหาอุปราชยกมาล้อมเมืองแห้ฝือ เตียวเอ๋งกะเกณฑ์ทหารจะยกมาช่วยลิโป้ เอียวสิวนายทหารไม่เห็นด้วย ลอบฆ่าเตียวเอ๋งเสีย แล้วตัดสีสะจะเอามาให้ท่าน พอถึงกลางทางอุยก้อเปนคนสนิธของเตียวเอ๋งตามมาทันฆ่าเอียวสิวเสีย แล้วเอาสีสะเตียวเอ๋งกลับไปเมืองได้
โจโฉได้ยินดังนั้น จึงให้สูหวนคุมทหารยกไปฆ่าอุยก้อเสีย แล้วหานายทัพนายกองทั้งปวงมาปรึกษาว่า บัดนี้เตียวเอ๋งก็ตายแล้ว ศัตรูเราฝ่ายเหลือยังเกรงอยู่แต่อ้วนเสี้ยว ฝ่ายตวันตกนั้นเล่าเปียวเตียวสิ้วก็มีกำลังอยู่เราจะไว้ใจมิได้ บัดนี้เรามาล้อมเมืองแห้ฝือไว้นานแล้ว ทหารทั้งปวงก็อิดโรย เราคิดจะกลับเมืองฮูโต๋ บำรุงทแกล้วทหารให้บริบูรณ์ก่อน จะได้ป้องกันอันตรายเมืองเราด้วย ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด
ซุนฮกจึงว่า เราทำการครั้งนี้ลิโป้ก็เสียทีแก่เราเปนอันมาก จวนจะได้ตัวอยู่แล้ว ซึ่งจะกลับไปเสียนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าลิโป้จะมีกำลังขึ้น ถึงเราจะทำการสืบไปนั้นก็ยืดยาว กุยแกได้ยินว่าดังนั้น จึงว่าแก่โจโฉว่า มหาอุปราชอย่าวิตกเลย เมืองแห้ฝือนี้ข้าพเจ้าจะคิดกลอุบายให้แตกจงได้ โจโฉจึงถามว่าท่านจะทำประการใด กุยแกจึงว่าบัดนี้ก็เปนเทศกาลน้ำเหนือหลั่งลงแม่น้ำใหญ่ ซึ่งไหลผ่านมาริมเมืองแห้ฝือนั้น ทางทิศตวันตกขอให้ท่านคิดอ่านเกณฑ์ทหารทดน้ำไว้ข้างใต้เมือง แล้วฟากแม่น้ำข้างตวันตกนั้น ให้ทำทำนบกั้นน้ำอย่าให้บ่อออกได้ ให้น้ำไหลเข้าเมืองแห้ฝือ ลิโป้ก็จะเสียทีแก่เรา
โจโฉเห็นชอบด้วย จึงเกณฑ์ทหารให้ลงไปทดน้ำ แล้วให้ก่อเปนคันไว้โดยรอบ จำเพาะให้น้ำไหลเข้าไปในเมือง ครั้นฝนตกหนักน้ำซึ่งไหลมาแต่เนินเขาแลแม่น้ำใหญ่นั้น ก็ท่วมเข้าไปในเมืองโดยรอบ เปนดอนอยู่แต่ประตูตวันออกด้านเดียว ผู้คนซึ่งอยู่ในเมืองนั้นก็ได้ความลำบาก ทหารจึงเอาเนื้อความไปบอกแก่ลิโป้ ๆ จึงว่าเราจะกลัวอันใดกับน้ำ ม้าเซ็กเธาว์ของเรามีกำลังมาก ข้ามแม่น้ำเหมือนควบบนบก แล้วลิโป้ก็ไม่เอาใจใส่ ตั้งแต่กินสุรามิได้ขาด ลิโป้นั้นก็สิ้นราศีลง วันหนึ่งภรรยายกกระจกมาให้ลิโป้ส่อง ลิโป้เห็นหน้าตาเสร้าหมอง ก็คิดว่าเปนเหตุทั้งนี้เพราะกินสุรา ๆ นี้เปนโทษมากนัก ถึงผู้ใดรูปงามก็เสร้าหมองเพราะสุรา ลิโป้จึงออกไปประกาศห้ามทหารทั้งปวงว่า แต่นี้ไปเมื่อหน้าถ้าผู้ใดกินสุราเราจะตัดสีสะเสีย
ขณะนั้นคนซึ่งเลี้ยงม้าของลิโป้ คิดยักย้ายแบ่งม้าสิบห้าตัวส่งไปให้เล่าปี่ เฮาเสงผู้เปนนายกองรู้ ตามไปจับตัวคนเลี้ยงม้านั้นฆ่าเสีย นายทัพนายกองทั้งปวงรู้ดังนั้นก็ชวนกันมาเยือนเฮาเสง ฝ่ายเฮาเสงคิดจะใคร่เลี้ยงสุรานายทัพนายกองทั้งปวงก็เกรงอาญาลิโป้ จึงเข้าหาลิโป้แล้วบอกว่า มีผู้ร้ายลักม้าส่งไปให้เล่าปี่ ข้าพเจ้าตามไปทันฆ่าผู้ร้ายนั้นเสียแล้ว เพราะบุญของท่านไม่เคยเสียของแก่ข้าศึก บัดนี้นายทัพนายกองทั้งปวงมาเยือนข้าพเจ้าเปนอันมาก ข้าพเจ้าจะขอเลี้ยงสุราท่านจะโปรดประการใด
ลิโป้โกรธจึงว่า เราได้ห้ามว่าสุรานี้เปนโทษจะให้เสียการทั้งปวง ถ้าผู้ใดกินสุราเราจะตัดสีสะเสีย แต่ตัวมาบังอาจเจรจาดังนี้จะให้เสียการของเราหรือ แล้วก็สั่งทหารให้เอาตัวเฮาเสงไปฆ่าเสีย ซงเหียนกับงุยซกจึงขอโทษเฮาเสงไว้ ลิโป้จึงว่าเฮาเสงกระทำผิดโทษถึงตาย เราเห็นแก่ท่านจะไว้ชีวิตครั้งหนึ่งก่อน แล้วลิโป้จึงให้ทหารเอาตัวเฮาเสงไปตีด้วยแซ่หวายห้าสิบที ฝ่ายทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็เสียใจ ซงเหียนงุยซกจึงชวนกันไปเยือนเฮาเสง ณ บ้าน เฮาเสงก็ออกไปรับซงเหียนงุยซกแล้วว่า เวลาวานนี้แม้ท่านทั้งสองมิช่วยข้าพเจ้า ที่ไหนข้าพเจ้าจะรอดชีวิตอยู่ ว่าแล้วเฮาเสงก็ร้องไห้
ซงเหียนจึงว่า ทุกวันนี้ลิโป้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว มิได้เอาใจทหาร เชื่อฟังแต่คำภรรยา จนทหารโจโฉเข้าล้อมกำแพงไว้เปนสามารถ ทดน้ำท่วมเข้าในเมืองเปนอันมากฉนี้แล้ว ลิโป้ก็ไม่เอาใจใส่ เราท่านทั้งปวงนี้เหมือนคนไข้หนัก มิได้แจ้งว่าจะตายวันใด เราจำทิ้งลิโป้เสีย คิดอ่านหนีเอาตัวรอดจึงจะพ้นความตาย
งุยซกจึงว่า เราจะหนีไปนั้นดุจมิใช่ชาติทหาร แม้นเราช่วยกันจับตัวลิโป้ส่งให้แก่โยโฉ เห็นจะได้ความชอบเปนอันมาก เฮาเสงจึงว่า ลิโป้นี้มีกำลังมากอยู่ด้วยม้าเซ็กเธาว์ตัวเดียว แม้จะคิดจับลิโป้ ข้าพเจ้าจะลักเอาม้าเซ็กเธาว์ไปให้โจโฉเสียก่อน ซงเหียนงุยซกเห็นชอบด้วยก็ลาเฮาเสงกลับไปบ้าน
ครั้นเวลาค่ำเฮาเสงจึงเข้าไปลักม้าเซ็กเธาว์มาได้ ออกไปหาโจโฉทางประตูเมืองตวันออก แลเฮาเสงเอาม้านั้นให้โจโฉแล้วบอกว่า ข้าพเจ้ากับซงเหียนงุยซกคิดกันจะจับตัวลิโป้ส่งให้มหาอุปราช โจโฉได้ฟังดังนั้นมีความยินดี จึงเขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงเข้าไปในเมืองเปนใจความว่า บัดนี้ลิโป้ก็สิ้นอำนาจแล้ว เหมือนหนึ่งเสืออยู่ในจั่น แม้ผู้ใดจับตัวลิโป้ส่งให้เราได้ เราจะปูนบำเหน็จให้เปนขุนนางผู้ใหญ่ ครั้นเวลาเช้าโจโฉก็ขับทหารให้ทำลายประตูปีนกำแพงเมืองเข้าไป ทหารที่รักษาหน้าที่เชิงเทินอยู่นั้นก็รบพุ่งฆ่าฟันกันเปนอันมาก
ลิโป้ได้ยินเสียงอื้ออึงก็ตกใจ เรียกหาม้าเซ็กเธาว์ ทหารซึ่งรักษาม้านั้นบอกว่า เฮาเสงลักเอาไปให้โจโฉแต่เวลาคืนนี้แล้ว ลิโป้ก็จับทวนขึ้นไปบนเชิงเทิน เห็นซงเหียนงุยซก ลิโป้จึงว่า เหตุไฉนตัวเปนใจให้อ้ายเฮาเสงลักเอาม้ากูไปแม้สำเร็จการครั้งนี้แล้ว กูจะตัดสีสะมึงเสียให้จงได้ แล้วลิโป้ก็เร่งทหารให้รบพุ่งเปนสามารถ แต่เช้าจนเวลาเที่ยงทหารโจโฉก็ถอยไป ลิโป้ก็ลงมานั่งเก้าอี้อยู่ที่ประตูเมือง แล้วเอาทวนพิงไว้ก็ม่อยหลับไป
ซงเหียนงุยซกเห็นได้ทีดังนั้นก็ทำดังจะเข้าไปปรึกษาราชการ จึงขับทหารซึ่งรักษาลิโป้อยู่นั้นให้ถอยออกไป งุยซกจึงหยิบเอาทวนไปวางไว้ไกลมือลิโป้ แล้วซงเหียนงุยซกลุกขึ้นพร้อมกันเอาเชือกมัดลิโป้ ๆ ตกใจผวาตื่นขึ้นร้องให้ทหารช่วย ทหารทั้งปวงก็มิได้ช่วยลิโป้ ครั้นมัดลิโป้ไว้มั่นคงแล้ว งุยซกจึงเปิดประตูเมืองร้องบอกทหารโจโฉว่า เราจับลิโป้มัดไว้แล้ว ให้ท่านเร่งยกเข้ามาเถิด
แฮหัวเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็ควบม้าเข้ามาถึงประตูเมือง แล้วคิดสงสัยว่าลิโป้จะทำกลก็ยั้งม้าไว้ งุยซกจึงเอาทวนของลิโป้ทิ้งออกไปเปนสำคัญ แฮหัวเอี๋ยนแลทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็สิ้นสงสัย ตรูกันเข้าไปในเมืองแห้ฝือ
ฝ่ายโกซุ่นเตียวเลี้ยวซึ่งรักษาหน้าที่ด้านตวันตกอยู่นั้น แจ้งว่าซงเหียนงุยซกคิดร้ายต่อลิโป้ ก็ลงจากเชิงเทินจะมาช่วยลิโป้ พอทหารโจโฉทลายประตูเมืองเข้ามาจับตัวโกซุ่นเตียวเลี้ยวได้ ตันก๋งเห็นทหารโจโฉหักเข้าในเมืองได้ ก็ควบม้าหนีออกจากเมืองโดยประตูด้านใต้ พบซีหลงคุมทหารเข้ามาจับตัวตันก๋งได้ โจโฉก็ยกเข้าตั้งอยู่ในเมืองแห้ฝือ จึงเกณฑ์ทหารไปทลายทำนบซึ่งกั้นน้ำนั้นเสีย แล้วก็ปราบปรามอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเปนปรกติ โจโฉจึงชวนเล่าปี่ขึ้นไปนั่งบนหอรบชื่อว่าเบ๊กบุนเหลา กวนอูเตียวหุยก็ตามขึ้นไปด้วย โจโฉจึงให้เอาตัวลิโป้มา
ฝ่ายลิโป้เห็นทหารทั้งปวงรุมกันเข้ามัดผูก เจ็บปวดเหลือกำลังจึงร้องว่า มหาอุปราชโปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย โจโฉจึงว่า อันธรรมดาเสือจำจะผูกให้มั่นคง ซึ่งจะคลายออกนั้นไม่ได้ ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็จนใจ จึงเหลียวมาเห็นเฮาเสงซงเหียนงุยซกยืนอยู่ ลิโป้จึงว่าเราก็เลี้ยงดูท่านถึงขนาด เปนไฉนท่านจึงทรยศคิดร้ายต่อเรา ซงเหียนจึงว่า เราคิดการทั้งนี้เพราะท่านมิได้เชื่อฟังคำเรา ท่านนับถือแต่ภรรยา กลับจะมาทำโทษแก่เราแล้วยังจะว่าเราทรยศอีกเล่า ลิโป้ได้ยินดังนั้นไม่รู้ที่ตอบประการใด
ฝ่ายทหารซึ่งจับตัวโกซุ่นได้นั้น ก็มัดขึ้นไปให้โจโฉ ๆ จึงถามโกซุ่นว่า ท่านจะว่าสิ่งใดแก่เราหรือไม่ โกซุ่นนั้นก็นิ่งอยู่ โจโฉโกรธจึงให้ทหารเอาตัวโกซุ่นไปฆ่าเสีย ขณะนั้นซิหลงคุมตัวตันก๋งมัดขึ้นไปให้โจโฉ ๆ จึงถามตันก๋งว่า แต่ท่านจากเรามายังค่อยสบายอยู่หรือ ตันก๋งได้ยินดังนั้นก็เข้าใจว่าโจโฉเยาะก็โกรธจึงตอบว่า ตัวท่านหยาบช้าเจรจามิได้มีความสัตย์ซื่อ มีแต่ฬ่อลวงให้คนหลงด้วยกลอุบายเราจึงเอาตัวหนี โจโฉจึงว่าเราเปนคนชั่วตัวจึงคิดออกจากเราแล้ว เหตุไฉนจึงมิได้อยู่กับผู้อื่น ฉะเพาะมาอยู่กับลิโป้ซึ่งเปนคนหยาบช้า ตันก๋งจึงตอบว่า ลิโป้นั้นเปนคนหยาบช้าหาความคิดมิได้ก็จริง แต่มิได้เปนคนโกหกเหมือนตัวเราจึงมาอยู่ทำการด้วย โจโฉจึงว่าลิโป้หาปัญญาไม่ ตัวเปนคนมีความคิด เหตุไฉนจึงให้ลิโป้เสียทีแก่เราเล่า
ตันก๋งได้ฟังจึงเหลียวมาว่าแก่ลิโป้ว่า เพราะตัวมิได้ฟังคำเราจึงได้เสียการทั้งนี้ แม้ทำตามคำเราที่ไหนจะได้อัปยศแก่ทหารทั้งปวง โจโฉได้ยินตันก๋งว่าดังนั้นจึงว่า ลิโป้ไม่ฟังคำตัวจึงเสียการ บัดนี้จะคิดประการใดสืบไป ตันก๋งโกรธจึงร้องตวาดว่า ตัวกูบัดนี้ก็ถึงที่ตายอยู่แล้ว มึงจะมาซักไซ้ถามเอาเนื้อความสิ่งใดอีกเล่า โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ทำเปนไม่โกรธจึงถามว่า ซึ่งตัวว่านี้ก็ชอบอยู่แล้ว แต่มารดากับภรรยานั้นตัวจะคิดประการใด ตันก๋งได้ฟังดังนั้น คิดอาลัยถึงมารดากับภรรยาจึงตอบโจโฉว่า อันธรรมดาชาติทหารจะตั้งตัวเปนใหญ่ ถึงจะจับข้าศึกได้ก็ไม่ทำอันตรายแก่บิดามารดาแลบุตรภรรยา ผู้ใดผิดก็ทำโทษแต่ผู้นั้น บัดนี้ตัวเราก็ทำผิดถึงที่ตายอยู่แล้วก็มิได้อาลัยแก่ชีวิต เราจะขอฝากมารดากับภรรยา มหาอุปราชจงกรุณาช่วยเลี้ยงดูไว้ด้วย
ฝ่ายโจโฉคิดถึงบุญคุณตันก๋งซึ่งมีมาแต่หลัง จะใคร่เลี้ยงตันก๋งไว้แต่ยังมิได้ว่าประการใด ตันก๋งก็ดึงลงมาจากหอรบจะให้ทหารฆ่าตัวเสีย โจโฉเห็นดังนั้นจึงให้ทหารยุดตัวไว้ตันก๋งก็มิได้ฟัง โจโฉเห็นดังนั้นก็มีความสงสาร เดิรร้องไห้ตามหลังไป จึงว่าแก่ตันก๋งว่า ตัวท่านมิพอใจอยู่แล้วก็ตามทีเถิด อันมารดาแลภรรยาของท่านนั้นอย่าเปนกังวลวิตกเลย เราจะเลี้ยงไว้ให้ปรกติ แลตันก๋งนั้นครั้นมาถึงนอกประตูเมืองรีบให้ทหารลงดาบ ทหารโจโฉก็ฟันตันก๋งตาย โจโฉจึงให้เอาศพตันก๋งไปแต่งการศพฝังไว้ แล้วให้คุมมารดาแลภรรยาตันก๋งขึ้นไปเลี้ยงรักษาไว้ ณ เมืองฮูโต๋ จึงกำชับมิให้ผู้ใดทำอันตรายแก่มารดาแลภรรยาตันก๋ง
ฝ่ายลิโป้ยังอยู่บนหอรบจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า มหาอุปราชนับถือท่านอยู่ ครั้งนี้ข้าพเจ้าเปนคนโทษถึงตาย ท่านจงคิดอ่านว่ากล่าวขอชีวิตข้าพเจ้าไว้ให้รอด คุณท่านจะมีสืบไป เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นยังมิได้ตอบประการใดแต่พยักเอา พอโจโฉกลับขึ้นมาถึงหอรบ ลิโป้จึงว่าแก่โจโฉว่า ทุกวันนี้มหาอุปราชคิดการใหญ่ เกรงอยู่แต่ข้าพเจ้าผู้เดียวว่าเปนเสี้ยนหนาม บัดนี้ก็จับข้าพเจ้าได้แล้ว ข้าพเจ้าจะขอชีวิตไว้ทำการสนองคุณท่าน นานไปราชสมบัติก็จะเปนสิทธิ์แก่ท่าน โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงถามเล่าปี่ว่า ซึ่งลิโป้ว่าฉนี้ท่านจะเห็นประการใด เล่าปี่จึงตอบว่า ครั้งเต๊งหงวนกับตั๋งโต๊ะตายนั้นท่านก็รู้แจ้งอยู่ เปนไฉนจึงกลับมาย้อนถามหารือข้าพเจ้าฉนี้เล่า
ลิโป้ได้ยินเล่าปี่ว่าดังนั้นก็โกรธจึงถลึงตาเอาแล้วว่า เล่าปี่นี้มิได้รู้จักคุณเรา โจโฉจึงให้ทหารเอาตัวลิโป้ลงไปฆ่าเสีย ขณะเมื่อทหารเข้าลากนั้นลิโป้จึงร้องว่า อ้ายเล่าปี่หูยาวมิได้คิดถึงคุณกู เมื่อครั้งกิเหลงจะทำอันตรายแก่มัน หากกูคิดกลอุบายยิงเกาทัณฑ์ให้ถูกทวนมันจึงรอดชีวิตอยู่ ครั้งนี้มันกลับซ้ำเติมเอาอิกเล่า พอทหารโจโฉจับตัวเตี้ยวเลี้ยวมัดมา เตียวเลี้ยวได้ยินลิโป้ว่าดังนั้นจึงว่าแก่ลิโป้ว่า เกิดมาเปนชาติทหารแล้วสิจะคิดรักชีวิตเล่า ถึงตายก็ให้ลือชื่อไว้ ลิโป้ได้ฟังเตียวเลี้ยวว่าก็นิ่งอยู่ ทหารทั้งปวงก็พาเอาลิโป้ไปฆ่าเสีย แล้วตัดสีสะเสียบไว้
ฝ่ายทหารซึ่งจับเตียวเลี้ยวมานั้น ก็พาเอาตัวขึ้นไปบนหอรบ โจโฉเห็นจึงว่า เตียวเลี้ยวนี้รูปร่างเข้มแขงสมเปนทหาร ประหนึ่งว่าจะจำได้ ๆ รบกับเราครั้งหนึ่ง เตียวเลี้ยวจึงว่า ครั้งเมืองปักเอี้ยงนั้นท่านลืมไปแล้วหรือ เรายังคิดเสียดายอยู่ โจโฉจึงว่าท่านคิดเสียดายสิ่งใด เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า เราเสียดายครั้งเมืองปักเอี้ยงนั้นเพลิงยังน้อยนักอยู่ ถ้าเพลิงมากก็จะเผาอ้ายศัตรูราชสมบัติตายเสียแล้ว โจโฉได้ยินดังนั้นมีความอัปยศนักจึงว่า ตัวมึงเปนชะเลย ชีวิตจะตายอยู่แล้วยังบังอาจว่ากล่าวหยาบช้าแก่กูอีกเล่า โจโฉชักกระบี่ออกเงื้อขึ้นจะฟันเตียวเลี้ยวเสีย เตียวเลี้ยวเห็นดังนั้นมิได้กลัวความตาย จึงยื่นคอออกไปให้โจโฉฟัน พอกวนอูเข้ายุดมือโจโฉไว้แล้วคำนับว่า ซึ่งท่านจะฆ่าเตียวเลี้ยวนั้นขอให้งดก่อน ด้วยเตียวเลี้ยวเปนคนสัตย์ซื่อ ควรจะเลี้ยงไว้ให้ทำราชการด้วยท่าน ถ้าสืบไปเตียวเลี้ยวเอาใจออกหากคิดร้ายต่อท่าน จึงตัดเอาสีสะข้าพเจ้าแทนเถิด
โจโฉได้ฟังดังนั้นมีความยินดีจึงว่า เราแจ้งอยู่ว่าน้ำใจเตียวเลี้ยวนี้สัตย์ซื่อนัก ซึ่งเราทำทั้งนี้หวังจะลองใจเตียวเลี้ยว ว่าเปนทหารจะกลัวความตายหรือไม่ บัดนี้เราเห็นน้ำใจแน่นอนมั่นคงควรจะเลี้ยงไว้ โจโฉจึงลุกไปแก้มัดเตียวเลี้ยวออกเสีย เอาเสื้ออย่างดีให้เตียวเลี้ยวใส่ แล้วจูงมือมาให้นั่งที่สมควร เตียวเลี้ยวมีความยินดีจึงคำนับแล้วว่า ซึ่งมหาอุปราชไว้ชีวิตจะเลี้ยงข้าพเจ้านั้นคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าจะขอทำราชการอยู่ด้วยท่านกว่าจะตาย โจโฉจึงตั้งเตียวเลี้ยวเปนจงลงเจียง แปลคำไทยว่านายทหารโท แล้วโจโฉจึงให้เตียวเลี้ยวไปเกลี้ยกล่อมจงป้าซึ่งเปนทหารลิโป้
ฝ่ายจงป้าครั้นรู้ว่าลิโป้ตายแล้ว เตียวเลี้ยวก็เข้าอยู่กับโจโฉ จงป้าจึงชักชวนซุนก้วนหนึ่ง งอตุ้นหนึ่ง อินเล้หนึ่ง แต่เซียงหูนั้นหนีไป จงป้าจึงพานายโจรทั้งสามคนกับทหารทั้งปวงไปหาโจโฉ ณ เมืองแห้ฝือ โจโฉเห็นจงป้าพาทหารทั้งนั้นมาก็มีความยินดี จึงตั้งจงป้าให้เปนนายทหารผู้ใหญ่ นายโจรทั้งสามคนเปนทหารรอง แล้วให้คุมทหารทั้งปวงไปตระเวนแดนเมืองชายทเลป้องกันศัตรู
กรุณาแสดงความคิดเห็น