การแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทยผิดกับแปลภาษาอื่นอีกอย่างหนึ่ง ด้วยจีนต่างเหล่าอ่านหนังสือจีนสำเนียงผิดกัน เช่น หนังสือเรื่องสามก๊กนี้ จีนต่างเหล่าต่างเรียกชื่อเมืองแลชื่อบุคคลผิดกัน ดังจะแสดงพอให้เห็นเป็นตัวอย่างต่อไปนี้
หนังสือสามก๊กในลักษณะการ แปลจีนเป็นภาษาไทยแต่โบราณ (หรือแม้จนชั้นหลังมา) อยู่ข้างลำบาก ด้วยผู้รู้หนังสือจีนไม่มีใครชำนาญภาษาไทย ผู้ชำนาญภาษาไทยก็ไม่มีใครรู้หนังสือจีน การแปลจึงต้องมีพนักงานเป็นสองฝ่ายช่วยกันทำ ฝ่ายผู้ชำนาญหนังสือจีนแปลความออกให้เสมียนจดลง แล้วผู้ชำนาญภาษาไทยเอาความนั้นเรียบเรียงแต่งเป็นภาษาไทยให้ถ้อยคำ และสำนวนความเรียบร้อยอีกชั้นหนึ่ง เพราะฉะนั้น จึงต้องมีผู้ซึ่งทรงความสามารถ เช่น กรมพระราชวังหลัง แลเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นต้น"สามก๊ก สำเนียงจีนแต่ละภาค"
จนเมื่อชั้นหลัง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้อำนวยการแปล ท่านผู้อำนวยการบางทีจะไม่ได้เป็นผู้แต่งภาษาไทยเองทุกเรื่องแต่เห็นจะต้องสันนิษฐานทักท้วงแก้ไขทั้งข้อความแลถ้อยคำที่แปลมากอยู่ ข้อนี้พึงสังเกตได้ในบรรดาหนังสือเรื่องพงศาวดารจีนที่แปลนั้น ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้มีบรรดาศักดิ์สูงอำนวยการแปล สำนวนมักดีกว่าเรื่องที่บุคคลสามัญแปล แต่สำนวนแปลคงจะไม่สู้ตรงกับสำนวนที่แต่งไว้ในภาษาจีนแต่เดิม เพราะผู้แปลมิได้รู้สันทัดทั้งภาษาจีนแลภาษาไทยรวมอยู่ในคนเดียวเหมือนเช่นแปลหนังสือฝรั่งกันทุกวันนี้
ในบรรดาหนังสือเรื่องพงศาวดารจีนที่ได้แปลเป็นภาษาไทยนับถือกันว่า สำนวนหนังสือสามก๊กดีกว่าเรื่องอื่น ด้วยใช้ถ้อยคำและเรียงความเรียบร้อยสม่ำเสมออ่านเข้าใจง่าย ถึงมีผู้ชอบยกเอาประโยคในหนังสือสามก๊กไปพูดเล่นเป็นภาษิต ในเมื่อจะกล่าวถึงสำนวนหนังสือเรื่องอื่นซึ่งไม่ยักเยื้องมักกล่าวว่าเป็นสำนวนอย่าง "สามเพลงตกม้าตาย" หรือ "ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ"
ดังนั้น แต่มิใช่ติเตียนสำนวนหนังสือสามก๊ก ยอมว่าเป็นสำนวนดีด้วยกันทั้งนั้น จึงได้ใช้หนังสือสามก๊กเป็นแบบสำหรับหัดเรียงความในโรงเรียน
แต่เมื่อเราอ่านหนังสือสามก๊กคราวหลัง มาสังเกตเห็นขึ้นใหม่อย่างหนึ่งซึ่งไม่ได้เคยรู้มาแต่ก่อนว่า หนังสือสามก๊กนั้นสำนวนที่แต่งคำแปลเป็นสองสำนวน สำนวนหนึ่งแต่งตั้งแต่ต้นไปจนในสมุดพิมพ์เล่มที่ 3 ตามฉบับเดิมหรือเปลี่ยนเป็นตอนที่ 45 ในฉบับพิมพ์ใหม่นี้ แต่นั้นไปจนหมดเรื่องเป็นอีกสำนวนหนึ่งต่างหาก แต่งก็ไม่เลว แต่ไม่ดีเหมือนสำนวนที่แต่งตอนต้น
ซึ่งหนังสือสามก๊กเป็นสองสำนวนดังกล่าวนี้น่าสันนิษฐานว่า จะเป็นเพราะเจ้าพระยาพระคลัง (หน) อำนวยการแปลอยู่ไม่ทันตลอดเรื่อง ถึงอสัญกรรมเสีย (เมื่อ พ.ศ. 2347) มีผู้อื่นอำนวยการแปลต่อมา สำนวนจึงผิดกันไป
อนึ่ง การแปลภาษาจีนเป็นภาษาไทยผิดกับแปลภาษาอื่นอีกอย่างหนึ่ง ด้วยจีนต่างเหล่าอ่านหนังสือจีนสำเนียงผิดกัน เช่น หนังสือเรื่องสามก๊กนี้ จีนต่างเหล่าต่างเรียกชื่อเมืองแลชื่อบุคคลผิดกัน ดังจะแสดงพอให้เห็นเป็นตัวอย่างต่อไปนี้
#ราชอาณาเขตของพระเจ้าโจผี คำหลวง (คือ จีนเมืองหลวงเดิม) เรียกว่า "ไวโกวะ" จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า "วุยก๊ก" จีนแต้จิ๋วเรียกว่า "งุ่ยก๊ก" จีนกวางตุ้งเรียกว่า "ง่ายโกะ" จีนไหหลำเรียกว่า "หงุ่ยก๊ก"
#ราชอาณาเขตของพระเจ้าเล่าปี่ คำหลวงเรียกว่า "จ๊กโกวะ" จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า "จ๊กก๊ก" จีนแต้จิ๋วเรียกว่า "จ๊กก๊ก" จีนแต้จิ๋วเรียกว่า "จ๊วกก๊ก" จีนกวางตุ้งเรียกว่า "ซกโกะ" จีนไหหลำเรียกว่า "ต๊กก๊ก"
#ราชอาณาเขตของพระเจ้าซุนกวน คำหลวงเรียกว่า "อู๋โกวะ" จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า "ง่อก๊ก" จีนแต้จิ๋วเรียกว่า "โหง๊วก๊ก" จีนกวางตุ้งเรียกว่า "อื้อโกะ" จีนไหหลำเรียกว่า "โง่วก๊ก"
หากเล่าเรื่องภาพนี้ด้วยภาษาจีน "กวางตุ้ง" จะได้ความว่า "เหล่าปี๋ กวานยี่ จางฟุย มาหา หงเม่ง ไม่พบ, เด็กบอกหงเม่งไปพบอีหนู" |
#เล่าปี่ คำหลวงเรียก ลิ่วปี๋/ จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า เล่าปี่/ จีนแต้จิ๋วเรียกว่า เล่าปี๋/ จีนกวางตุ้งเรียกว่า เหล่าปี๋/ จีนไหหลำเรียกว่า ลิ่วปี่/
#โจโฉ คำหลวงเรียก เฉาเช่า จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า โจโฉ จีนแต้จิ๋วเรียกว่า เช่าเฉา จีนกวางตุ้งเรียกว่า โช่วเชา จีนไหหลำเรียกว่า เซาเซ่า
#ซุนกวน คำหลวงเรียกว่า ซุนขยง/ จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า ซุ่นกวน/ จีนแต้จิ๋วเรียกว่า ซึงขวน/ จีนกวางตุ้งเรียกว่า ซุนคิ่น/ จีนไหหลำเรียกว่า ตุนเขียน/
#ขงเบ้ง คำหลวงเรียกว่า ข้งหมิ่ง/ จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า ขงเบ้ง/ จีนแต้จิ๋วเรียกว่า ขงเหมง/ จีนกวางตุ้งเรียกว่า หงเม่ง/ จีนไหหลำเรียกว่า ขงเหม่ง/
#สุมาอี้ คำหลวงเรียกว่า ซือม้าอี๋/ จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า สุมาอี้/ จีนแต้จิ๋วเรียกว่า ซือเบอี๋/ จีนกวางตุ้งเรียกว่า สือหมาอี้/ จีนไหหลำเรียกว่า ซีมาอี๋/
#จิวยี่ คำหลวงเรียกว่า เจียวหยี/ จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า จิวยี่/ จีนแต้จิ๋วเรียกว่า จิวหยู/ จีนกวางตุ้งเรียกว่า จาวหยี/ จีนไหหลำเรียกว่า จิวยี่/
#กวนอู คำหลวงเรียกว่า กวานอี้/ จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า กวนอู/ จีนแต้จิ๋วเรียกว่า กวนอู๊/ จีนกวางตุ้งเรียกว่า กวานยี่/ จีนไหหลำเรียกว่า กวนยี่/
#เตียวหุย คำหลวงเรียกว่า เจียงฟุย/ จีนฮกเกี้ยนเรียกว่า เตียวหุย/ จีนแต้จิ๋วเรียกว่า เตียฮุย/ จีนกวางตุ้งเรียกว่า จงหรือจางฟุย/ จีนไหหลำเรียกว่า เจียงฮุย/ ดังนี้เป็นต้น
หนังสือเรื่องจีนที่แปลเป็นภาษาไทย บางเรื่องเรียกชื่อตามสำเนียงฮกเกี้ยน บางเรื่องเรียกตามสำเนียงแต้จิ๋ว เพราะจีนในประเทศสยามนี้มีจีนเหล่าฮกเกี้ยนกับเหล่าแต้จิ๋วมากกว่าเหล่าอื่น ผู้แปลเป็นจีนเหล่าไหนอ่านหนังสือสำเนียงเป็นอย่างใด ไทยเราก็จดลงอย่างนั้น หนังสือสามก๊กที่แปลเป็นไทยเรียกชื่อต่าง ๆ ตามสำเนียงฮกเกี้ยน
เมื่อเทียบกับหนังสือสามก๊กที่แปลเป็นภาษาอื่น ชื่อที่เรียกจึงผิดเพี้ยนกัน เพราะเขาเรียกตามสำเนียงจีนเหล่าอื่น มักทำให้เกิดฉงนด้วยเหตุนี้
NOYd9
(FB : นอย 'ดี นายน์ )
_______________________
- อ้างอิง : ตำนานหนังสือสามก๊ก ๓. ว่าด้วยสำนวนแปลหนังสือสามก๊ก หน้า ๓๗–๔๑ (๓๓–๓๗)
- หมายเหตุ : บทความนี้เรียบเรียงโดย คุณ นอย ดี' นายน์ (NOYd9) ที่ส่งเข้ามาร่วมแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ผู้รักในวิชาสามก๊กทุกคน .... สามก๊กวิทยา จึงขอขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ขอโทษครับ หลิวเป้ย โจวหยู ข่งหมิง นี่เป็นแบบไหนครับ พอดีผมอ่านผ่านๆ และไม่ค่อยมีความรู้เรื่องภาษาจีนครับ
ตอบลบอย่าไปซีเรียสเรื่องชื่อครับ คนจีนยังเรียกไม่เหมือนกันเลย
ลบหลิวเป้ย เจียวหยี ข่งหมิง สำเนียงจีนกลาง
ตอบลบ