จูล่งไม่ได้ป่วยชราตาย แต่เสียชีวิตด้วยน้ำมือภรรยาของเขาเอง
ในเรื่องสามก๊ก สตรีที่เกือบจะได้เป็นภรรยาของจูล่ง คือนางฮวนซี พี่สะใภ้หม้ายของเตียวหอมเจ้าเมืองฮุยเอียง แต่จูล่งไม่ชอบแม่ม่าย จึงไม่ได้รับไว้ ส่วนที่นอกเหนือจากนางฮวนซีในวรรณกรรม ก็ยังมีนิยายสามก๊กบางฉบับแต่งเรื่องขึ้นใหม่ให้ ม้าหยุนลู่ น้องสาวของม้าเฉียวเป็นภรรยาของจูล่ง (เรื่องของม้าหยุนลู่อ่านได้ในบทความ "I am Ma Yunlu : ฉันคือม้าหยุนลู่" )"ข้าผ่านสนามรบนับร้อยนับพัน มิเคยได้รับบาดเจ็บ แต่วันนี้ข้าต้องมาตายด้วยน้ำมือเมียรัก ....ช่างน่าอดสูใจยิ่งนัก”
รวมทั้งในบทความที่แล้ว (ครอบครัวจูล่ง) ก็ได้กล่าวถึง เตียวกอง เตียวหอง บุตรชายสองคนของจูล่งที่ปรากฎชื่ออยู่ในวรรณกรรม แต่ก็ยังไม่คลายข้อสงสัยว่ามารดาของเขาทั้งสองเป็นใคร !?
ย้อนไปเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ในเว็บไซต์เก่าของสามก๊กวิทยา ได้เคยเขียนบทความไว้บทความหนึ่งชื่อว่า "ซุนเหรินเอ๋อ : ภรรยาของจูล่ง" แต่ปัจจุบันบทความนั้นถูกลบออกไปจากสารบบของเว็บไซต์ไปแล้ว(เว็บล่ม) จึงขอรีรัน ปัดฝุ่นบทความนั้นมาให้ทุกท่านได้อ่านกันอีกครั้งครับ
เพื่อให้รู้ว่าจูล่งยังมีภรรยาชื่อนี้อีกคน และที่สำคัญ ภรรยาคนนี้ คือสาเหตุการเสียชีวิตของจูล่ง!
ซุนเหรินเอ๋อ : ภรรยาของจูล่ง
ในนิทานเรื่องเล่าพื้นบ้านของจีน ว่ากันว่า จูล่งมีภรรยาคนหนึ่งชื่อว่า “ซุนเหรินเอ๋อ” (Sun Ruan Er) และการเสียชีวิตของจูล่งนั้น ไม่ได้เสียชีวิตด้วยโรคชราแต่อย่างใด
เพราะ ..... จูล่งตายด้วยน้ำมือเมีย !!!
ซุนเหรินเอ๋อ เป็นหญิงรูปงาม เมื่อแต่งงานกับจูล่งแล้ว มักจะปรนนิบัติและหยอกล้อเล่นกันอยู่เสมอ ๆ จนเป็นที่น่าอิจฉาของผู้พบเห็นยิ่งนัก ส่วนจูล่งเองก็รักภรรยาของเขามาก
วันหนึ่ง จูล่งกลับบ้านล่าช้ากว่ากำหนดเพราะการสงครามที่ยืดเยื้อ ขณะนั้นซุนเหรินเอ๋อกำลังกวาดบ้านอยู่ ก็รีบออกไปต้อนรับ แต่ด้วยความดีใจระคนความโกรธที่จูล่งกลับบ้านช้า นางจึงต้อนรับจูล่งด้วยด้ามไม้กวาด วิ่งไล่ตีจูล่งไปพร้อมกับบ่นไปพลางว่า หากท่านกลับบ้านช้าอย่างนี้อีก ข้าจะตีท่านให้สาสม
จูล่งได้แต่ยิ้มหัวเราะหลบหลีกไม้กวาดอย่างว่องไว และสัญญากับภรรยาว่าจะไม่กลับมาช้าเช่นนี้อีก แต่ทุกครั้งที่จูล่งกลับจากราชการ ซุนเหรินเอ๋อก็จะต้อนรับเขาแบบนี้ทุกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติและการแสดงความรักอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จนมีคำกล่าวทำนองว่า "ตีกันแสดงถึงความสนิทสนม ด่ากันแสดงถึงความรักความห่วงใย"
แต่แล้ววันสุดท้ายของชีวิตยอดขุนพลแห่งเสียงสานก็มาถึง จูล่งกลับบ้านมาพักผ่อน ซุนเหรินเอ๋อที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ ก็ลุกไปต้มน้ำให้สามีอาบ ผิวกายของจูล่งงามดังหยก ไม่มีร่องรอยบาดแผลใด ๆ บนร่างกายของเขาแม้แต่น้อย ซุนเหรินเอ๋อจึงพูดขึ้นว่า
“หยกงามยังมีตำหนิ เหตุใดนักรบอย่างท่านจึงไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย” จูล่งจึงตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าคืออัศวินแห่งเสียงสาน ทำศึกไม่เคยพ่ายแพ้ เลือดแม้เพียงหยดก็ไม่เคยปริออกจากผิวกายข้า”
“จริงรึ.. จริงซิ.. แน่น่ะ.. อ๋อ แน่ซิ.. อย่ายั่วน่ะ.. มายั่วซิ.. คนอวดดี.. จะอวดดี..” ทั้งสองหยอกล้อกัน แล้วซุนเหรินเอ๋อ ก็โพล่งขึ้นว่า “ข้าอยากเห็นท่านเลือดท่าน” ว่าแล้วก็เอาเข็มเย็บผ้านั้นจิ้มเบา ๆ ไปที่ไหล่ของจูล่ง
“ไม่....!!!” จูล่งร้องลั่นหน้าซีดเผือก ด้วยเข็มเล็ก ๆ นี่เอง ทำให้เลือดของจูล่งไหลออกมาไม่หยุด ทั้งสองช่วยกันห้ามเลือด แต่ก็ไม่สำเร็จ ผิวกายของจูล่งซีดเผือก เขาร้องไห้และพูดขึ้นว่า
"ข้าผ่านสนามรบนับร้อยนับพัน มิเคยได้รับบาดเจ็บ แต่วันนี้ข้าต้องมาตายด้วยน้ำมือเมียรัก ....ช่างน่าอดสูใจยิ่งนัก”
แล้วจูล่งก็เสียชีวิต ณ ที่นั้น ส่วน ซุนเหรินเอ๋อ เสียใจมากจึงคว้ากระบี่ชิ่งกังของจูล่ง ฆ่าตัวตายตามสามีไป
จบแบบตลก ๆ แต่ขำไม่ออก...ดังนั้น ใครมีคู่สามีภรรยาแล้ว อย่าเอาเข็มมาหยอกล้อกันเล่นแบบนี้นะครับ
หมายเหตุ : เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งตามนิยายพื้นบ้านของจีน อย่าคิดไปให้เป็นจริงเป็นจังนะครับ
จูล่งเอ๋ย : หนึ่งรบร้อยมิเคยพ่าย กลับตายได้ด้วยเข็มเดียว |
แต่งขื้นมัี้ง
ตอบลบเป็นนิทานพื้นบ้าน (เรื่องแต่ง) ของจีนครับ อย่าไปคิดจริงจังเชียว
ลบแต่งแบบประมาณว่ายอดขุนศึก ก็แพ้ความคึกของภรรยา ครับ
ตอบลบแต่งขึ้นแหล่ะ 5555 สู้มาหลายสมรภูมิ โดนเข็มแค่เนี๊ยะจิ้ม ถ้าจริงนี่ผมว่าทำไมไม่ไปตามหมอว่ะ น่าจะทันอยู่นะ บ้านจูล่งคงไม่อยู๋ชนบทขนาดนั้น
ตอบลบอ่านเพื่อบรรเทิง
ตอบลบตัวละครของภรรยาจูล่งชื่อนี้อะไม่ได้รับการยืนยันโดยตรงว่ามีอยุ่จริงนะครับ แต่จูล่งมีภรรยาจริงเพราะมีลูกสองคน
ตอบลบคนนะครับ ไม่ใช่ลูกโป่ง จิ้มปุ๊บแตกโพละ
ตอบลบจูล่ง นะเว้ยเห้ย
ตอบลบ