สามก๊ก ฉบับเจน Y

"ถอดรหัส Generation Y ในสามก๊ก ถึงจุดเด่นที่ทำให้ยิ่งใหญ่ สู่ข้อด้อย อันนำมาซึ่งอุปสรรค จนแม้แต่ศีรษะก็รักษาไว้ไม่ได้"

     "สามก๊ก ฉบับเจน Y" หนังสือสามก๊กแนวปรัชญาการบริหาร เล่มใหม่ล่าสุดผลงานของ "เปี่ยมศักดิ์ คุณากรประทีป" ที่รวบรวมมาจากบทความเรื่อง "สามก๊กกับการบริหารคนเจน Y" ใน Facebook ของผู้เขียน

Generation Y หรือ เจนวาย คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523 - 2543 เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ - อินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีไอที คนในกลุ่มนี้เป็นลูกของ คนเจนเอ็กซ์ (Generation X, ปี พ.ศ.2508-2522) หลานคนเจนบี (Baby Boom Generation-Generation B, ปี พ.ศ.2489-2507)

      จากเจน B มาเจน X แล้วทำไมเจน Y ? นั่นเป็นเพราะคนเจน Y เติบโตมาในยุคที่ พ่อแม่กับ ปู่ ย่า ตา ยาย ทะเลาะเถียงกันในค่านิยมที่แตกต่างกัน และเมื่อทะเลาะกันมากเข้าเรื่องก็ มาลงที่เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไร

     พวกเจน Y นี้จึงเริ่มมาจากคำว่า Why (ทำไม) ซึ่งเป็นการบ่นกันเองอย่างน่ารำคาญ ที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกันแล้วต้องมาลงที่เด็ก (Why me?)

มาริโอ บาโลเตลี นักฟุตบอลชาวอิตาลี คือตัวอย่างที่ดีของคำว่า "คนเจน Y"

     คนเจน Y เป็นว่าเป็นคนที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน ชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน

     การแบ่งคนเป็นยุคแบบนี้นั้นเป็นไปตามเกณฑ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อนำมาใช้กับ "สามก๊ก" ในบทความของคุณเปี่ยมศักดิ์ ฯ ก็จะเป็นการเปรียบเทียบกับ "คนหนุ่ม เด็กรุ่นใหม่" อาทิเช่น ม้าเจ๊ก, ลกซุน, โจผี, โจสิค, เกียงอุย ฯลฯ

     "สามก๊ก ฉบับเจน Y" บอกเล่าเรื่องด้วยการยกตัวอย่างพฤติกรรมของตัวละครในสามก๊ก เฉพาะที่เป็นต้นแบบหรือลักษณะของคนใน Generation Y หรือที่ในหนังสือเล่มนี้เรียกว่า คนเจน Y ได้แสดงให้เห็นถึงข้อดี ที่เป็นลักษณะเด่น และข้อเสียที่เป็นอุปสรรคของคนรุ่น เจน Y

     ไม่ว่าท่านผู้อ่านจะเป็นคนเจน ไหน ๆ ก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ เพื่อไปปรับใช้กับการทำงาน การบริหารคน การเลือกใช้คนให้ถูกกับงาน หรือแม้แต่การอยู่ร่วมกันกับคนในแต่ละรุ่นได้อย่างสันติ

   นักอ่านท่านใดสนใจ ลองอ่านจากตัวอย่างเนื้อหา แล้วไปหาซื้อตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปได้เลยครับ ราคาเล่มละ 160.- บาท

   แล้วคุณจะเข้าใจ "คนเจน Y"

ว่ากันว่า คน Generation Y

ฉลาด...แต่ไม่อดทน

มีความคิดสร้างสรรค์...แต่ไม่อยู่ในกรอบ

ชอบเสนอความคิด...

แต่ข้ามหน้าข้ามตาผู้อาวุโส

มีอีกหลายลักษณะของคน Gen Y

ที่ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

แต่ก็อาจทำให้ชีวิตพลั้งพลาดจนยากจะแก้ไข

ถอดรหัสชีวิตจากต้นแบบคน Gen Y ในสามก๊ก

สู่เส้นทางรุ่ง หนทางร่วง

บทเรียนสำคัญเพื่อ Gen Y ยุคใหม่

ก้าวสู่ความรุ่งโรจน์โดยไร้อุปสรรค์

ความล้มเหลวของเจน Y : ถอดบทเรียนจากม้าเจ๊กเด็กปั้นขงเบ้ง

ม้าเจ๊ก , Ma Su

     ม้าเจ๊ก ตัวละครหนึ่งในสามก๊ก เขามีฐานะที่ไม่ธรรรมดา เนื่องจากเป็นเสนาธิการตั้งแต่อายุยังน้อย
นับได้ว่าเป็นเจน Y ระดับชั้นนำคนหนึ่งยุคสามก๊ก

      ด้วยอายุที่น้อยแต่มีความสามารถ ไม่สนใจเรื่องอาวุโส และมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง ที่สำคัญการที่เขาทำเช่นนี้ได้เนื่องจากเป็นศิษย์ของอาจารย์ขงเบ้ง ทำให้ท่านมังกรหลับเปิดไฟเขียวหรือให้โอกาสได้ฉายแสง

      ม้าเจ๊กเริ่มมีบทบาทในฐานที่ปรึกษาของท่านมังกรหลับ ในศึกเบ้งเฮ็กหรือศึกปราบแดนใต้ เขาเป็นผู้เสนอกรอบคิดในการออกศึกครั้งนี้ว่า "ชนะใจเป็นหลัก ตีเมืองเป็นรอง" ทำให้ท่านอาจารย์ขงเบ้ง ต้องจับและปล่อยเบ้งเฮ็กถึง 7 ครั้ง จนสามารถชนะใจเบ้งเฮ็กได้สำเร็จ สร้างความผาสุกได้อีกหลายสิบปี

      แม้ยุทธวิธีจะสร้างชื่อให้ม้าเจ๊ก และทำให้เขาแจ้งเกิดในฐานะเสนาธิการเจน Y ได้สำเร็จ แต่ผลงานระดับโบว์แดงที่ทำให้ม้าเจ๊กโด่งดังเป็นพลุแตกนั่นคือ การยืมเท้าขุนนางวุยก๊ก ถีบ "สุมาอี้" แม่ทัพคนสำคัญของวุยก๊ก และเป็นเป็นบุคคลขงเบ้งเกรงขาม จนหล่นจากเก้าอี้แม่ทัพทหารม้าและเจ้าเมืองเสเหลียง ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเสธฯเจน Y โด่งดังไปทั่วเซงโต๋ เมืองหลวงของจ๊กก๊ก

      พออาจารย์ขงเบ้งยกทัพบุกวุยก๊กครั้งที่ 1 ก็แนบเอาศิษย์รักไปช่วยราชการสงคราม ขณะนั้นขงเบ้งในฐานะแม่ทัพใหญ่ ต้องการแม่ทัพไปรักษาชัยภูมิเกเต๋งหลายคนเสนอตัวแต่ไม่ผ่าน ม้าเจ๊กคิดว่า อาจารย์จองเก้าอี้แม่ทัพให้เขา จึงอาสาออกศึกรักษาเกเต๋ง

      ขงเบ้งซึ่งมีใจโน้มเอียงอยู่แล้วเห็นเช่นนั้นจึงอนุมัติ แต่พอคิดได้จึงถามความมั่นใจของม้าเจ๊ก
ม้าเจ๊กก็มิวายอวดภูมิตามตำราพิชัยสงคราม เพื่อสร้างความมั่นใจให้อาจารย์และเหล่าแม่ทัพนายกองได้ประจักษ์ ขงเบ้งเห็นความมั่นใจเกินร้อยของม้าเจ๊กก็เริ่มหวั่นใจ

      ม้าเจ๊กเสธฯ เจน Y เลยขอทำทัณฑ์บนเอาหัวตัวเองเป็นประกัน หากพ่ายศึกนี้ขอเอาหัวตนเองและครอบครัวเป็นประกัน ขงเบ้งได้ฟังเช่นนั้นจึงเซ็นอนุมัติแต่งตั้งม้าเจ็ก ให้เป็นแม่ทัพเจน Y พิทักษ์ชัยภูมิเกเต๋ง โดยมอบทหารให้สองหมื่นห้าพันคน

      ก่อนออกศึกเพื่อความมั่นใจจึงกำชับบอกกับม้าเจ๊กว่า ไปถึงเกเต๋งให้ตั้งทัพที่ปากทางอาศัยชัยภูมิตั้งรับข้าศึก เพราะเส้นทางเกเต๋งคับแคบข้าศึกจะระดมกองพลมาได้ไม่พร้อมกัน

      พอถึงเวลาออกศึกจริง แม่ทัพเจน Y โชว์เก๋า อวดศักดาความเก่ง ปฎิเสธแผนอาจารย์ขงเบ้ง
หันไปตั้งทัพอยู่บนเขา พออองเป๋ง รองแม่ทัพคัดค้าน ตั้งทัพบนเขา หากศัตรูมันยึดแหล่งน้ำ
ไพร่พลมีหวังตายหมดตั้งแต่ยังไม่รบ

      อองเป๋งเตือนด้วยหวังดี ม้าเจ๊กมองหน้าอองเป๋งขุนพลผู้ไม่รู้หนังสือด้วยความเหยียดหยาม
แล้วบอกกับอองเป๋งว่า ท่านขุนพลไม่รู้อะไร พิชัยสงครามซุนวู กล่าวไว้ว่า "ทำศึกอยู่ที่สูง ยามข้าศึกมาก็โจมตีได้ง่ายปานผ่าไม้ไผ่ ส่วนเรื่องโดนยึดแหล่งน้ำไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะพิชัยสงครามกล่าวว่า ตกที่ตายจึงเป็น เมื่อไร้แหล่งน้ำ เหล่าไพร่พลก็สู้ตายถวายหัวเรายิ่งชนะง่าย"

      อองเป๋งพยักหน้าแล้วคิดในใจ เด็กเส้นเจน Y นี่มันจริงๆเลย ใช้แต่ความรู้ไม่เคยใช้ความคิด
แม่งมโนทุกอย่างทั้งหมด ขืนโลกสวยอยู่กับมันกรูบรรลัยแน่ คิดได้เช่นนี้จึงบอกกับม้าเจ๊กว่า
"เช่นนั้นข้าขอกองทัพส่วนหนึ่ง แยกไปตั้งเป็นกองหนุนท่านบริเวณปากทางเกเต๋ง หากเกิดสิ่งใดขึ้นจะได้ช่วยทัน"

      ม้าเจ๊กฟังเช่นนั้นก็โทสะขึ้นหน้า แล้วบอกว่าถ้าศึกนี้ข้าชนะ จะไม่ขอความชอบให้ท่าน

      อองเป๋งก็เดินจากไปพร้อมกับทหารไม่กี่พันคน แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่อองเป๋งคาด
สุมาอี้ยกทัพวุยก๊กมาหลายแสนนาย ปิดล้อมภูเขาตัดแหล่งน้ำ ม้าเจ็กพยายามตีฝ่าลงมาก็ไม่สำเร็จ
พยายามทุกวิถีทางที่มีในตำราพิชัยสงคราม ทว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีในตำรา ทำให้ม้าเจ๊กกลายเป็นพวกความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ไปโดยปริยาย ได้แต่ฝากความหวังไว้กับอองเป๋ง

      ด้านอองเป๋งพยายามเคลื่อนทัพไปช่วยก็ไม่ได้เพราะต้องพิทักษ์ค่าย โชคดีขงเบ้งส่งอุยเอี๋ยนมาช่วย ม้าเจ๊กจึงรอดตายอย่างหวุดหวิด ทหารสองหมื่นห้าพันคนตายไปเกินครึ่งสร้างความสูญเสียให้ทัพจ๊กก๊กอย่างมากมาย

รายละเอียดหนังสือ