ในเรื่องสามก๊กตอนปลาย ตัวละครเด่นเลื่องชื่อมีเหลืออยู่น้อย อาจเป็นเพราะมีเนื้อหาหนักไปในทางสงครามและกลอุบาย ไม่ค่อยมีเรื่องพี่น้อง นายบ่าว คู่รัก คาถามนต์ดำอย่างในต้นเรื่อง ขาดเสน่ห์ทางวรรณกรรมไปมาก ทำให้เรารู้จักแต่ชื่อของ สุมาเจียว เกียงอุย เตงงาย จงโฮย ฯลฯ
ในจำนวนขุนพลสามก๊กยุคหลังนี้ ยังมีขุนพลอีกท่านหนึ่ง ซึ่งมีชีวประวัติอันน่าสนใจ และเป็นตัวอย่างแก่อนุชนคนรุ่นหลังในเรื่องของ “ความจงรักภักดี” ขุนพลคนนี้เป็นขุนพลฝ่ายวุย มีนามว่า “ต้านท่าย”
ยอดขุนพลที่ยึดเอาความจงรักภักดีเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
ในจำนวนขุนพลสามก๊กยุคหลังนี้ ยังมีขุนพลอีกท่านหนึ่ง ซึ่งมีชีวประวัติอันน่าสนใจ และเป็นตัวอย่างแก่อนุชนคนรุ่นหลังในเรื่องของ “ความจงรักภักดี” ขุนพลคนนี้เป็นขุนพลฝ่ายวุย มีนามว่า “ต้านท่าย”
ประวัติของต้านท่าย
ต้านท่าย (เฉินไท่ , Chen Tai, 陈泰 ) ชื่อรอง เสวียนบ่อ (Xuanbo, 玄伯) เป็นขุนพลในสังกัดวุยก๊ก บุตรชายของตันกุ๋นที่ปรึกษาคนสำคัญของโจโฉ ต้านท่ายมีความรอบรู้ชำนาญในตำราพิชัยสงคราม มีน้ำใจเอื้ออารี ปกครองทหารราวกับเป็นบุตรของตน
ในหนังสือสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ต้านท่ายปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในตอนที่ 79 เมื่อสุมาอี้ก่อการยึดอำนาจในพระนคร แล้วใช้ให้เขากับเค้าอิ๋น ออกไปเจรจากับโจซองที่กำลังเที่ยวเล่นยิงเนื้ออยู่ในป่าให้ยอมความเสียโดยดี
ผลงานแรกของต้านท่าย
โจซองในขณะนั้นกำลังเหิมเกริมยกตนเทียบเท่ากษัตริย์ ปลดสุมาอี้ให้ไปเป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ แล้วยึดเอาตำแหน่งมหาอุปราชมาเป็นของตน จากนั้นได้คิดกำจัดสุมาอี้อยู่เนืองนิตย์ สุมาอี้ต้องแกล้งป่วยหนักจึงเอาตัวรอดมาได้ พอเห็นโอกาสเหมาะจึงอาศัยตอนที่โจซองออกไปนอกเมืองก่อการยึดอำนาจคืน
ผลงานชิ้นแรกของต้านท่ายคือ ปลดโจซองและริบตราตั้งคืน นำความมั่นคงกลับสู่ราชสำนักอีกครั้ง
หลังจากสุมาอี้กำจัดโจซองได้สำเร็จ ก็ได้มอบหมายให้ต้านท่ายไปตามตัวแฮหัวป๋ามารายงานตัว แต่แฮหัวป๋าเป็นพรรคพวกของโจซองจึงคิดแก้แค้น บุกรุกเข้าตีเมืองลกเอี๋ยงที่มีกวยหวยเฝ้าอยู่ แฮหัวป๋าฝีมือกล้าแข็งบุกตีกวยหวยจนเกือบจะเสียที แต่เคราะห์ดีที่ต้านท่ายมาช่วยไว้ทัน แฮหัวป๋าจึงต้องหนีไปสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักจ๊กก๊ก กลายเป็นสมัครพรรคพวกของเกียงอุย
ต้านท่าย (เฉินไท่ , Chen Tai, 陈泰 ) |
ดับฝันเกียงอุย ครั้งที่ 1
ระหว่างที่ต้านท่ายอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง เกียงอุยซึ่งสืบทอดเจตนารมณ์ของขงเบ้ง ตั้งใจจะยกทัพบุกรุกขึ้นเหนือครั้งแรก ได้สั่งการให้กุอั๋น ลิหิม ยกทหารห้าหมื่นมาโจมตีเมืองเองจิ๋ว ต้านท่ายจึงนำกำลังไปป้องกันและปิดล้อมกุอั๋น ลิหิมไว้ได้สำเร็จ
การเผชิญหน้าของยอดคนในสามก๊กยุคหลังกำลังจะเกิดขึ้น เพราะต้านท่ายกำลังจะได้ประลองปัญญากับทายาทของพญามังกรเขาโงลังกั๋ง “เกียงอุย”
เกียงอุยยกทัพมาหมายจะช่วยกุอั๋น ลิหิม โดยใช้อุบายเดินทางอ้อมไปทางเขางิวเทาสันหวังจะไม่ให้ต้านท่ายรู้ตัว แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะต้านท่ายอ่านอุบายของเกียงอุยออกตั้งแต่ต้น
“กูรู้อยู่แล้วว่ามึงจะยกหลีกเข้ามาทางนี้ กูจึงยกออกมารับ”
ต้านท่าย กล่าวต้อนรับแล้วก็ขี่ม้ารำง้าวเข้าปะทะกัน ต้านท่ายรู้ฝีมือเกียงอุยดี จึงเข้าปะทะเพียงสามเพลงแล้วหนีกลับเข้าค่าย เกียงอุยก็ให้ทหารร้องท้า ต้านท่ายได้ยินก็ออกมารบอยู่หลายครั้งหลายครา ทำทั้งนี้มิใช่เกรงฝีมือ แต่เพื่อ “ถ่วงเวลา”
เพราะอีกฟากหนึ่ง กวยหวยได้ยกทัพไปสกัดทางลำเลียงเสบียงของเกียงอุยไว้แล้ว เกียงอุยเห็นขัดสนจึงยกทัพกลับ ต้านท่ายเห็นได้ที จัดทัพเป็นห้าสายไล่ตามตี แม้จะตีไม่ถึงตัวเกียงอุย แต่ผลลัพธ์นั้นคือ “ทหารเกียงอุยล้มตายเป็นอันมาก ซึ่งยังเหลืออยู่นั้นน้อยกว่าที่ตายอีก”
เคราะห์ของเกียงอุยยังไม่สิ้น เพราะระหว่างทางหนีก็ยังเจอกับกองทัพของสุมาสูอีก แต่ก็ยังอาศัยฝีมือเอาตัวรอดไปได้ การรุกขึ้นเหนือครั้งแรกของเกียงอุย ต้องพังครืน ล้มลงไม่เป็นท่าเพราะปัญญาฝีมือของ “ต้านท่าย” เป็นสำคัญ
ดับฝันเกียงอุย ครั้งที่ 2
เกียงอุยยังไม่เข็ดหลาบ ยกกองทัพมาอีกครั้ง ครั้งนี้เกียงอุยตามรอยขงเบ้ง เหมือนเมื่อครั้งปิดล้อมสุมาอี้อยู่กลางกองไฟ โดยปิดล้อมสุมาเจียวให้อดน้ำอยู่บนเขา แม้ว่าสุมาเจียวจะบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มีน้ำออกมาได้ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจตีฝ่าทหารเกียงอุยออกมาได้
ต้านท่ายกับกวยห้วยจึงคิดยกทัพออกไปช่วย แต่เกรงว่า ปีต๋องเจ้าเมืองเกี๋ยงซึ่งเป็นพันธมิตรของเกียงอุยจะยกมาตีเมือง จำต้องกำจัดปีต๋องก่อนแล้วจึงค่อยไปช่วยสุมาเจียว ต้านท่ายจึงออกอุบายแกล้งเข้าไปสวามิภักดิ์ต่อปีต๋อง ทำให้สามารถจับตัวปีต๋องได้ในที่สุด
ปีต๋องถูกจับก็ยอมเข้าด้วยฝ่ายวุยแต่โดยดี แล้วจึงออกอุบายหลอกเกียงอุย โดยให้ปีต๋องยกทัพไปแกล้งว่ายกมาช่วยเกียงอุย แต่พอเกียงอุยเปิดประตูค่ายทหารของปีต๋องก็บุกเข้าโจมตีทันที ทำให้ค่ายของเกียงอุยแตก ต้องหนีตายกลับจ๊กก๊กเป็นครั้งที่ 2
เกียงอุย ฝันสลายเพราะต้านท่ายหลายต่อหลายครั้ง |
สาบานเป็นพี่น้องกับเตงงาย
เกียงอุยยังไม่ละความพยายาม ยกทัพมาเป็นครั้งที่ 3 ฮึกเหิมเอาชนะทหารเจ็ดหมื่นของอองเก๋งเจ้าเมืองยงจิ๋วได้ และกำลังจะเตรียมตัวบุกเข้าตีเมืองเต๊กโตเสีย
ต้านท่าย ขุนพลชื่อนี้กำลังจะดับฝันเกียงอุยอีกครั้ง เพราะในครั้งนี้เขาได้ “เตงงาย” ขุนพลอัจฉริยะแห่งยุควางแผนให้ โดยแยกกำลังออกไปเป็นยี่สิบกอง กองละห้าสิบคน พร้อมกับพลูและประทัด ส่งเสียงร้องดังอื้ออึงทำทีว่ามีทหารมากซุ่มอยู่ในป่า ยกมาล้อมตีกองทัพเกียงอุยที่กำลังบุกตีเมืองเต๊กโตเสีย
เกียงอุยตกใจคิดว่าต้องกลของเตงงายทำให้ตกอยู่ในวงล้อม จึงถอนทัพกลับเมืองฮันต๋งทันที และมาเสียหน้าอย่างหนักเมื่อรู้ว่าเป็นอุบายทั้งสิ้น หาใช่มีทหารมากมายไม่
หลังขับไล่เกียงอุยได้สำเร็จ ต้านท่ายและเตงงายได้ตั้งสัตย์สาบานเป็นพี่น้องกันตราบจนวันตาย
เตงงาย |
ลดชั้นให้เกียงอุย
ความเพียรของเกียงอุยยังไม่หมดสิ้น เขายกทัพขึ้นเหนือเป็นครั้งที่ 4 ครั้งนี้แกล้งทำกลตั้งค่ายลวงไว้ที่เขากิสาน แล้วหวังหลอกเตงงาย โดยยกอ้อมไปอีกทางเพื่อตีเมืองลำอั๋น แต่เตงงายอ่านอุบายออก จึงให้ต้านท่ายยกไปตีค่ายลวงของเกียงอุย ส่วนตนเองจะยกไปดักซุ่มโจมตีที่ซอกเขาบูเซียงสัน
เตงงายซุ่มโจมตีเกียงอุยสำเร็จ ส่วนต้านท่ายก็บุกเข้าตีค่ายเขากิสานของเกียงอุย สังหารเปาเชานายทหารที่รักษาค่ายได้สำเร็จ จากนั้นต้านท่ายจึงยกทัพไปสมทบกับเตงงาย ไล่ตีเกียงอุยกลับฮันต๋งไปอีกครั้ง
หลังศึกครั้งนี้ เกียงอุยขอรับโทษเลียนแบบขงเบ้ง ลดยศถาบรรดาศักดิ์ แต่ก็ยังมีอำนาจทางการทหารเหมือนเดิม
แต่งกายไว้ทุกข์เข้าประชุม
ต้านท่าย (ซ้าย) กับสุมาเจียว (ขวา) ในละครโทรทัศน์ สามก๊ก ปี 1994 |
การปรากฏตัวของต้านท่ายในครั้งนี้อยู่ในตอนที่สุมาเจียววางแผนร่วมกับแกฉง สังหารพระเจ้าโจมอ หวังวางแผนให้สกุลสุมา ขึ้นเป็นกษัตริย์
“มังกรอันมีฤทธิ์เดชก็อัศจรรย์ตกลงขังอยู่ในสระ ให้ปลาเล็กน้อยล่วงดูถูก”
คือโคลงของพระเจ้าโจมอ ที่แสดงถึงความอัดอั้นตันใจ เมื่อครั้งที่พระองค์ถูกสุมาเจียวข่มเหง
แกฉงวางแผนจะกำจัดพระเจ้าโจมอโดยหลอกใช้ให้เซงเจ ขุนพลไร้สมอง ปรี่เข้าไปสังหารพระเจ้าโจมอ โดยการเอาทวนแทงจนตกจากรถม้านอนตายอยู่ริมถนน ส่วนสุมาเจียวเมื่อมาถึง ก็แกล้งทำเป็นเสียใจ ร้องไห้กอดพระศพอยู่ริมถนน แล้วเชิญพระศพไปไว้บนตำหนักตามประเพณี
ในที่ประชุมขุนนางบนตำหนัก สุมาเจียวเรียกตัวขุนทหารที่ปรึกษามากันพร้อมหน้า ขาดแต่ “ต้านท่าย” สุมาเจียวจึงสั่งการให้ซุนยี่ ลุงของต้านท่าย ไปตามตัวมา (สามก๊กฉบับพระยาพระคลัง(หน) ไม่ได้กล่าวถึงซุนยี่)
“ผู้คนล้วนยกย่องในศีลธรรมของท่านลุงและข้า ว่าสูงส่งอยู่ในระดับเดียวกัน ยกเว้นเสียแต่วันนี้ที่ศีลธรรมของท่านเสื่อมถอยลง”
ต้านท่ายกล่าวกับซุนยี่ทั้งน้ำตานองหน้า แต่ก็ไม่ได้ขัดหมายเรียก แล้วใส่เสื้อปอหมวกปอไว้ทุกข์เข้าไปในที่ประชุม
สุมาเจียวเห็นต้านท่ายเข้ามาจึงถามว่า “บัดนี้มีผู้มาทำร้ายพระเจ้าโจมอ ท่านทั้งปวงจะปรึกษาโทษประการใด”
ต้านท่ายจึงว่า “ซึ่งเหตุเกิดทั้งนี้เพราะแกฉงแต่ผู้เดียว ขอให้ท่านเอาแกฉงมาฆ่าเสียจึงจะชอบ”
สุมาเจียวก็นิ่งอยู่เพราะรู้แก่ใจดีว่าแกฉงเป็นคนของตน แล้วจึงว่า “ซึ่งจะให้ฆ่าแกฉงเสียนั้นให้คิดดูใหม่ก่อน”
ต้านท่ายยังคงยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ข้าพเจ้าพิจารณาดูตามธรรมเนียมก็เห็นแต่เท่านั้น”
สุมาเจียวทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะสนิทสนมกับแกฉงมาก จึงเฉไฉไปโทษเซงเจ ว่าเป็นขบถแล้วสั่งให้ฆ่าสามชั่วโคตร เซงเจได้แต่โกรธแล้วร้องด่าสุมาเจียวเป็นการใหญ่ ส่วนต้านท่ายก็ไม่ได้มีบทบาทใด ๆ อีก ตั้งแต่นั้น
ต้านท่ายใส่เสื้อปอหมวกปอไว้ทุกข์เข้าไปในที่ประชุม |
ซึ่งเหตุเกิดทั้งนี้เพราะแกฉงแต่ผู้เดียว ขอให้ท่านเอาแกฉงมาฆ่าเสียจึงจะชอบ |
ส่งท้าย
ในวรรณกรรมสามก๊ก ต้านท่ายมีผลงานเด่นแต่ไม่โด่งดัง คุณธรรม ความจงรักภักดีของเขาอาจจะไม่ได้เป็นที่กล่าวขาน นัก แต่ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ หลังจากที่ขับไล่การรุกรานของจ๊กก๊กแล้ว เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ซือกง (Sikong, 司空) หนึ่งในสามของตำแหน่งมหาเสนาบดีสูงสุด “ซานกง” (Sangong, 三公) ผู้ดูแลเกี่ยวกับกิจการทั้งปวงในราชสำนัก
สิ่งที่วรรณกรรมไม่ได้บอกเราไว้อีกอย่างหนึ่งก็คือ “การเสียชีวิตของต้านท่าย” เพราะในประวัติศาสตร์ หลังจากสุมาเจียวสังหารพระเจ้าโจมอแล้วละเลยคำของต้านท่ายที่ให้ประหารแกฉง ต้านท่ายโกรธมากจนสิ้นใจตายในที่นั้นนั่นเอง (ปี ค.ศ.260)
ความจงรักภักดีของต้านท่าย เป็นสามัญสำนึกสูงสุดที่บ่าวมีต่อนาย ข้ามีต่อเจ้า เป็นเกียรติยศสูงสุดของชายชาติทหาร อันควรค่าแก่การยกย่องอย่างยิ่ง
สำนวนดีมากครับ
ตอบลบน่าจะชี้หน้าสุมาเจียว แล้วบอกว่า "เหตุเกิดเพราะท่าน ควรฆ่าตัวตายเสียจึงจะชอบ"
ตอบลบขืนพูดอย่างนั้นจริง คงได้ตามพระเจ้าโจมอไปสวรรค์แน่เลยครับ
ลบครับพูดอย่างนั้นนี่ตามไปทั้งตระกูลเลยเเหล่ะ
ตอบลบมีคนกล้าพูดอย่างนั้น ต่อหน้าต้านท่ายและสุมาเจียวเลย แต่ผมจำชื่อไม่ได้ ผลคือโดนประหารทั้งตระกูล
ตอบลบหลายคนอาจด่าว่า "โง่" แต่ผมกลับมองว่าน่าสรรเสริญในด้านความภักดีมากกว่าต้านท่ายเสียอีก ขนาดต้านท่ายยังไม่กล้าด่าสุมาเจียวตรงๆเลย (อันที่จริง ถ้าผมเป็นเขา พอโดนสั่งประหาร ผมจะวิ่งไปชิงดาบจากทหารยาม แล้ววิ่งไปแทงสุมาเจียวให้ตายๆไปเลย เพราะไหนๆก็จะตายทั้งตระกูลอยู่แล้ว สู้พามันไปด้วยไม่ดีกว่า)
แกฉง คือ กาอุ้นป่ะครับ
ตอบลบ