มนุษย์นี้มีความหลากหลาย มีสูง มีต่ำ มีดำ มีขาว มีดี มียาก มีมาก มีจน โลกแห่งความจริงมนุษย์ไม่เคยเท่าเทียมกัน ได้แต่อาศัยสิ่งสมมุติ อย่าง "ประชาธิปไตย" มาปลอบประโลมใจตน ว่าช่วยสร้างความเสมอภาค ให้กับมวลมนุษย์ได้จริง
ประชาธิปไตย มุ่งเน้นที่การแสดงความคิดเห็น การมีสิทธิ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค แต่บ่อยครั้งก็กลับกลาย ตีความเอาสิทธิ เสรีเป็นที่ตั้ง แล้วนึกอยากทำอะไรก็ทำ เราจึงมักจะเห็นภาพของผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยวิธีการแปลก ๆ เช่น กิจกรรมประท้วง การอดข้าว อดน้ำ หรือแม้แต่การ “แก้ผ้า”
มนุษย์นี้มีความหลากหลาย มีสูง มีต่ำ มีดำ มีขาว มีดี มียาก มีมาก มีจน โลกแห่งความจริงมนุษย์ไม่เคยเท่าเทียมกัน ได้แต่อาศัยสิ่งสมมุติ อย่าง "ประชาธิปไตย" มาปลอบประโลมใจตน ว่าช่วยสร้างความเสมอภาค ให้กับมวลมนุษย์ได้จริง
ประชาธิปไตย มุ่งเน้นที่การแสดงความคิดเห็น การมีสิทธิ์ เสรีภาพ และความเสมอภาค แต่บ่อยครั้งก็กลับกลาย ตีความเอาสิทธิ เสรีเป็นที่ตั้ง แล้วนึกอยากทำอะไรก็ทำ เราจึงมักจะเห็นภาพของผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยวิธีการแปลก ๆ เช่น กิจกรรมประท้วง การอดข้าว อดน้ำ หรือแม้แต่การ “แก้ผ้า”
ภาพการแก้ผ้าประท้วง ที่พบเจอได้ในกูเกิล |
การแก้ผ้า คืออนาจารและผิดต่อขนบธรรมเนียมประเพณี แต่ด้วยสิทธิและเสรี บางคนจึงเดินแก้ผ้ากลางเมือง บางคนจึงถ่ายรูปเต้านมโพสลงโซเชียล กลายเป็นประเด็นให้ถกเถียง เรียกความสนใจกันอยู่เสมอ
แต่จะว่าไปวิธีการแก้ผ้านี้ ก็มีอยู่ในเรื่องสามก๊กด้วยเช่นกัน และกระทำโดยนักปราชญ์ ผู้มีนามว่า “ยีเอ๋ง”
ประวัติของยี่เอ็ง
ยีเอ๋ง (หมี่เหิง, Mi Heng, 禰衡) |
หนังสือพิชัยสงครามสามก๊ก ของสังข์ พัธโนทัย เขียนถึงยี่เอ๋งไว้ว่า
ยีเอ๋ง (หมี่เหิง, Mi Heng, 禰衡) เป็นชาวเมืองเพงงวนก๋วน มณฑลซานตุง มีฉายาว่า เจิ้งผิง (Zhengping, 正平)
เป็นปราชญ์ใหญ่ แต่ไว้ตัวแข็งกระด้าง ข่มคนอื่นด้วยวาจาโวหารอยู่เป็นนิจ ชอบพอกับขงหยง
เมื่อโจโฉดำริจะหาคนไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียว เมืองเกงจิ๋ว ขงหยงนำยีเอ๋งมาเสนอ ขณะนั้นอายุ 24 ยีเอ๋งดูหมิ่นโจโฉกับพวกว่าไร้ปัญญา โจโฉโกรธ ตั้งให้เป็นคนตีกลองรับแขกในทำเนียบ ยีเอ๋งเปลือยกายตีกลองรับแขกอย่างไพเราะ หาใครเปรียบมิได้ โจโฉอับอายขายหน้า ไม่อยากฆ่ายีเอ๋งเอง ด้วยเกรงใจขงหยง จึงส่งไปเจรจากับเล่าเปียว หวังจะให้เล่าเปียวฆ่าเสีย เล่าเปียวไม่ฆ่าเองเกรงเสียชื่อ จึงส่งยีเอ๋งไปเจรจากับหองจอ เจ้าเมืองกังแฮ หองจอโมโหร้าย ทนฟังคำกำแหงไม่ได้ เลยฟันยีเอ๋งถึงแก่ความตาย เล่าเปียวสงสาร ให้เอาศพไปฝังไว้ที่ตำบลเอ๋งบูจิ๋ว
กรรมของยีเอ๋ง
งิ้ว ยีเอ๋งตีกลอง |
ในหนังสือสามก๊กภาษาไทยของเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 21 ขงหยงได้อธิบาย ลักษณะของยีเอ๋งไว้ในหนังสือกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขอให้ตั้งยีเอ๋งเป็นขุนนางว่า
“ข้าพเจ้าขงหยงขอกราบทูลให้ทราบ ด้วยยีเอ๋งคนหนึ่งอายุยี่สิบปี อยู่ในเมืองหล่อ มีสติปัญญารู้หลักมาก จักษุแลไปเห็นสิ่งใดแลหูได้ยินเสียงอันใด ใจนั้นก็คิดตลอดไม่ขัดขวาง ประมาณการถูกทุกประการ ขอให้เอายีเอ๋งมาใช้ราชการ แต่งให้ไปเกลี้ยกล่อมเล่าเปียวเห็นจะได้โดยง่าย”
ส่วนในหนังสือสามก๊กฉบับภาษาอังกฤษ ขงหยงได้ยกยอยีเอ๋งไว้มากกว่านั้น (สามารถหาหนังสือสามก๊กฉบับภาษาอังกฤษมาอ่านได้ที่หน้า Download) เรียกได้ว่าสรรพคุณยาวเหยียดเป็นกิโล แต่ทว่าอนิจจา..... คำพูดและการกระทำของยีเอ๋ง เป็นสิ่งที่สวนทางต่อความรู้ความสามารถของเขาเป็นอย่างยิ่ง
"ซุนฮกนั้นหน้าเหมือนหนึ่งจะร้องไห้ชอบแต่ให้เยี่ยมไข้ส่งสักการศพ"
"ซุนฮิวนั้นชอบแต่ให้เป็นสัปเหร่อรักษาศพ"
"เทียหยกนั้นชอบแต่ใช้ให้เฝ้าจำหล่อ"
"กุยแกนั้นชอบแต่ให้แต่งโคลงแลอ่านบัตรหมาย"
"เตียวเลี้ยวนั้นชอบแต่ให้ตีกลองแลระฆัง"
"เคาทูนั้นชอบแต่ให้เลี้ยงวัวแลม้า"
"ลิเตียนนั้นชอบแต่ให้อ่านฟ้อง"
"งักจิ้นนั้นชอบแต่ให้เดินหมาย"
"ลิยอยนั้นชอบแต่ใช้ให้ชำระอาวุธ"
"หมันทองนั้นชอบแต่ให้เสพย์สุรากับกระดูกสุกร"
"อิกิ๋มนั้นชอบแต่ให้แบกกระดานไปทำค่าย"
"ซิหลงนั้นชอบแต่ให้ฆ่าสุกรขาย"
"แฮหัวตุ้นนั้นชอบแต่ให้คอยรักษาตัว อย่าให้ข้าศึกตัดเอาศีรษะแลแขนซ้ายแขนขวาไปได้"
“โจหยินนั้นชอบแต่ให้เรียกขุนนางขี้ฉ้อ” (สามก๊กภาษาไทยทำข้อนี้ตกไป)
“ที่ปรึกษาแลทหารนอกนั้น ชอบแต่ให้หาบเสบียงส่งกองทัพ”
ยีเอ๋งเปลือยกายตีกลองต่อหน้าธารกำนัล |
การด่ากราดครั้งนั้น เตียวเลี้ยวโมโหคว้ากระบี่จะฆ่ายีเอ๋ง แต่โจโฉได้ห้ามปรามไว้แล้วตั้งให้ยีเอ๋งเป็นคนตีกลอง ซึ่งก็ทำให้เกิดการ “แก้ผ้า” ตีกลองกลางงานประชุมขึ้น
“กูถอดเสื้อแลกางเกงเสียอยู่แต่ตัวเปล่านี้ ด้วยเป็นการออกหน้า เพราะเหตุว่ากายนี้เป็นที่สะอาด บิดามารดาให้กูเกิดมา”
พร้อมกับด่าโจโฉอย่างรุนแรง ว่า
"ตัวไม่เข้าใจหรือ เราจะพรรณนาการโสโครกของตัวให้ฟัง ประการหนึ่งตัวไม่รู้จักคนดีแลชั่ว จักษุของตัวนั้นเป็นสิ่งโสโครก ประการหนึ่งซึ่งผู้ใดมีใจสัตย์ซื่อ เห็นว่าตัวทำการหยาบช้า ห้ามปรามตัวโดยสุจริต ตัวมิได้ฟัง หูของตัวเป็นที่โสโครก ประการหนึ่งตัวมิได้โอบอ้อมอารีต่อขุนนางแลหัวเมืองทั้งปวง แล้วตัวคิดอ่านทำการหยาบช้า ให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ความเดือดร้อน ใจของตัวก็เป็นการโสโครก"
โจโฉไม่ได้สั่งทำโทษยีเอ๋ง เพราะไม่ต้องการแปดเปื้อน จึงสั่งให้ยีเอ๋งเป็นทูตไปเจรจากับเล่าเปียว ซึ่งตอนส่งตัวยีเอ๋งออกจากเมืองยีเอ๋งก็ยังได้ทะเลาะกับเหล่าขุนนางของโจโฉ ทำให้ถึงกับต้องมีการจุดธูปเทียนสาปส่งยีเอ๋งกันเลยทีเดียว
ผู้ไม่ยอมให้หยาดเหงื่อแก่ความทรยศ
ยีเอ๋ง ผู้ไม่ยอมให้หยาดเหงื่อแก่ความทรยศ |
ในหนังสือสามก๊กฉบับวณิพก ตอน “ยี่เอ๋ง ผู้เปลือยกายตีกลอง” ยาขอบเขียนถึงยีเอ๋ง ไว้อย่างน่าคิด รวมทั้งยกย่องวีรกรรมว่าเป็น “ผู้ไม่ยอมให้หยาดเหงื่อแก่ความทรยศ”
การด่าเหล่าขุนนางฝ่ายโจโฉ การแก้ผ้าตีกลอง การเป็นทูตแต่กลับชวนทะเลาะจนตัวเองต้องจบชีวิต ล้วนเป็นเพราะยีเอ๋ง ไม่ยอมก้มหัวให้กับโจโฉทรราช เขาตายอย่างมีศักดิ์ศรี ตายอย่างซื่อตรงต่อประโยชน์ของแผ่นดิน ตายอย่างราชสีห์ไม่ยอมกินหญ้า
นั่นคือการมองยีเอ๋งในแง่ดี แต่หากมองอย่างตรงไปตรงมา การตายของยีเอ๋งกลายเป็นความว่างเปล่า
นักปราชญ์เอก ตายโดยไม่มีผลงานใดสำคัญ ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย หากยีเอ๋งไม่ยอมเข้าพวกโจโฉ ก็ควรใช้สติปัญญาชักชวนและหาทางช่วยให้เล่าเปียว หองจอให้ลุกขึ้นสู้โจโฉ กอบกู้ราชวงค์ฮั่น
ประเทศไทยของเราเอง มีประชาธิปไตยแบบสุดกู่ เรามีสิทธิ เสรีภาพมาก ........... มากจนลืมขนบธรรมเนียมประเพณี ลืมคำว่ากาลเทศะ คนแบบยีเอ๋งในสังคมไทยนับวันจึงมีมากขึ้น
นักรณรงค์ นักกิจกรรมทางสังคม ดารานักร้อง คนมีชื่อเสียงหลายคน ประจานตัวเองด้วยวิธีแบบยีเอ๋งให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง หากปณิธานดีก็ดีไป แต่จากประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นนักปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่คนใดแก้ผ้าประท้วงแล้วได้ผลอันประเสริฐเลย
ใครขอบแก้ผ้าประท้วง ชอบโชว์เรือนร่าง อ้างประชาธิปไตย พวกนี้เป็นพวก “ลัทธิยีเอ๋ง” ไร้ประโยชน์ ไม่สร้างสรรค์ ผู้ใหญ่อย่างโจโฉเขาก็ไม่สนเพราะเสียเวลา ทำให้มือสกปรก ส่วนผู้เล็กผู้น้อยก็มีแต่จะปิดตาร้องยี้ แล้วจุดธูปเทียบสาปส่ง
การแก้ผ้าไม่ใช่ทางสร้างสรรค์ ประชาธิปไตยหาใช่จนอยู่แค่นั้น ขออย่าได้ทรยศต่อหยาดเหงื่อของบรรพบุรุษเลย
24 มิถุนายน พ.ศ.2557
ครบรอบ 82 ปี ประชาธิปไตยไทย
"ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎร ได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ" |
เพลง ยีเอ๋ง
ขับร้องโดย พร ภิรมณ์
ร้อยเหยี่ยวหรือพันเหยี่ยว อย่าเทียบเทียวกับอินทรีย์ นักปราชญ์ประดามี ยกยีเอ๋งว่าเก่งจริง
วัยย่างยี่สิบสี่ หัวคิดดีเด็ดเดี่ยวดิษฐ์ รู้ศาสตร์แทบทุกสิ่ง เป็นขวัญมิ่งเมืองปิงยวน
ชนใดธรรมดามาหว่านล้อม ไม่ยอมหยวน เล่นพิณบิดพลิ้วพรวน ไม่ทอดตนสนทนา
โจโฉแกล้งปกครอง ให้ตีกลองโดยบัญชา ประจำสำนักมา ตำแหน่งคนวงดนตรี
วันหนึ่งจึงโจโฉ จัดงานโตตามพิธี สังคีตเครื่องดีดสี มโหรี มโหฬาร
ให้เล่นเพลงยูยัง ให้แขกฟัง ดังทั่วงาน ยีเอ๋งให้สัญญาณ โดยสองมือถือไม้พลอง
บรรเลงเพลงยูยัง ตีกลองดังฟังกึกก้อง ตีนำเนื้อทำนอง ฟังเสียงกลองต้องครวญคราง
เสื้อผ้าค่อยหลุดเรื่อย กระทั่งเปลือยตลอดร่าง โจโฉแค้นตาค้าง ตวาดเล้งยีเอ๋งทราม
ยีเอ๋งตอบโจโฉ อย่าโทโสโววู่วาม ร่างกายใช่จักงาม โดยภูษาพาผาผ่องผุด
ร่างกายนี้จริงหนอ จากแม่พ่อบริสุทธิ์ ยีเอ๋งยอดมนุษย์ แก้แค้นได้สมใจเอย
บางคนที่ไม่แก้ผ้าเขาก็ทำสำเร็จนา อย่างคานธีที่อดข้าวเทเกลือ ยังสร้างชาติอินเดียได้เลย
ตอบลบเทียบกับการแก้ปัญหาด้วยปืนแล้ว มันดีกว่าจมครับ
ปัญหาแบบอินเดีย ไม่เหมือนปัญหาแบบไทย เพราะรบกับต่างชาติง่ายกว่ารบกันเองครับ
ลบจริงๆผมว่ากรณียีเอ๋งนี่ขงหยงน่าจะหัวขาดตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะครับ 555
ตอบลบ