"อุบายของบังทอง" เป็นบทความการเมืองในคอลัมน์ "บ้านเกิดเมืองนอน" จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2557 เป็นผลงานจากปลายปากกาของ "สิริอัญญา" คอลัมนิสต์ชื่อดัง ที่เปรียบเทียบเอาเหตุการณ์จากวรรณกรรมจีนเรื่องสามก๊กตอน "โจโฉแตกทัพเรือ" มาเปรียบเทียบกับการเมืองไทยในยุคระบอบทักษิณ
"อุบายของบังทอง" เป็นบทความการเมืองในคอลัมน์ "บ้านเกิดเมืองนอน" จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2557 เป็นผลงานจากปลายปากกาของ "สิริอัญญา" คอลัมนิสต์ชื่อดัง ที่เปรียบเทียบเอาเหตุการณ์จากวรรณกรรมจีนเรื่องสามก๊กตอน "โจโฉแตกทัพเรือ" มาเปรียบเทียบกับการเมืองไทยในยุคระบอบทักษิณบังทอง ในระบอบทักษิณ !?
ความเข้มข้นของบทความนี้อยู่ที่การหยิบยกบทเรียนจากสามก๊กที่ว่า ความพ่ายแพ้ของโจโฉนั้น สาเหตุที่แท้จริงมาจากการถูกผู้มีปัญญาอย่าง "บังทอง" แทรกซึมเข้าสู่กองทัพ วางหมากหลอกล่อให้โจโฉหลงเชื่อ ทำตามกลอุบายอย่างสนิทใจ คล้ายกับทักษิณที่พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า
บทความนี้สนุก หลอกให้คิดตามและต้องปั่นป่วนหัวใจ ว่าใครคือ "บังทอง ในระบอบทักษิณ !?" อ่านแล้วอดไม่ไหว ต้องขอบันทึกเก็บไว้และแบ่งให้ช่วยกันคิด ช่วยกันติดตามครับ
อุบายของบังทอง
โดย สิริอัญญา ,คอลัมน์บ้านเกิดเมืองนอน - แนวหน้า วันที่ 8 เม.ย.2557ในวรรณคดีเรื่องสามก๊กตอน “โจโฉแตกทัพเรือ” นั้น หากจะพิจารณาแต่เพียงผิวเผิน ก็จะเห็นบทบาทอันสำคัญของจิวยี่และขงเบ้ง ที่มีบทบาทสำคัญในการทำลายกองทัพแปดสิบสามหมื่นของโจโฉให้พินาศวายวอดไปได้สำเร็จ
แต่ปมเงื่อนอันเป็นใจกลางที่สำคัญที่สุดของความสำเร็จในการทำลายกองทัพโจโฉกลับอยู่ที่บังทองปราชญ์ผู้เร่ร่อน ผู้มีนามสมญาว่าฮองซูหรือหงส์ดรุณ คู่กับผู้มีนามสมญาว่าฮกหลงหรือมังกรซุ่ม
บังทอง จากสามก๊ก2010 |
เล่าปี่มีกำลังน้อย ต้องสู้ไปถอยไป แต่ไม่ถอยเปล่า ขงเบ้งได้วางกลอุบายลากกองทัพโจโฉเข้าไปใกล้แดนแคว้นกังตั๋งของซุนกวน และทำให้อานุภาพของแสนยานุภาพเกือบร้อยหมื่นของโจโฉคุกคามแคว้นกังตั๋ง จนทำให้กังตั๋งต้องระดมพลเข้าสู่มหาสงครามครั้งใหญ่ที่สุดของแคว้น นับแต่ซุนเกี๋ยนผู้พ่อซุนกวนได้ครองอำนาจในแคว้นกังตั๋งเป็นต้นมา
หลังจากขงเบ้งนำทัพของเล่าปี่ชักพากองทัพใหญ่ของโจโฉเข้าใกล้แคว้นกังตั๋งแล้วก็ฉากหนีไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองกังแฮ อันเป็นเมืองปากอ่าวเพื่อตั้งหลักต่อสู้กับโจโฉ หากสู้ไม่ได้ก็ต้องล่าถอยออกทะเลหรือจะหนีไปแคว้นกังตั๋งก็สะดวก
จากนั้นขงเบ้งก็อาสาเป็นทูตดำเนินเชิงกลทางการทูตก่อตั้งพันธมิตรเล่าปี่ ซุนกวนเพื่อรับศึกโจโฉ กำลังพลของกองทัพพันธมิตรทั้งสองหากจะเทียบกับกำลังพลของโจโฉแล้วยังนับว่าห่างไกลกัน 3-4 เท่า แต่เดชะบุญที่มีแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นปราการขวางทัพทั้งสองไว้ จึงทำให้ดุลกำลังของทั้งสองฝ่ายมีจุดหนักอยู่ที่ยุทธานุภาพของกำลังทางนาวี ซึ่งทางกังตั๋งมียุทธานุภาพเหนือกว่ากองทัพฝ่ายเหนือ
สถานที่ของยุทธนาวีผาแดง - Battle of Red Cliffs |
ในขณะตั้งทัพอยู่นั้นโจโฉก็ได้ให้แม่ทัพเรือของเมืองเกงจิ๋วซึ่งเป็นหัวเมืองชายทะเลมีความชำนาญการรบทางเรือทำการฝึกทหารเรือ เพื่อลดความเสียเปรียบด้านความชำนาญทางนาวี ให้มาหนุนความเหนือกว่าทางแสนยานุภาพของกำลังทหาร หากเวลาเนิ่นนานไปก็จะได้ชัยชนะเหนือพันธมิตรเล่าปี่-ซุนกวน อย่างแน่นอน
สองกุนซือของพันธมิตรคิดอ่านวางแผนตรงกันว่า ซึ่งจะทำลายกองทัพโจโฉนั้นไม่อาจทำลายโดยวิธีการรบปกติได้เพราะกำลังพลห่างไกลกันมาก จะต้องใช้พลังจักรวาลธาตุไฟทำการเผาผลาญกองทัพโจโฉให้พินาศไป แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะกองทัพโจโฉทั้งทัพบก ทัพเรือ ตั้งเรียงรายกันไกลมาก เป็นระยะถึงสามพันเส้น ไฟลุกขึ้นจุดหนึ่ง อีกจำนวนมากก็ยังไม่ไหม้ไฟ ก็จะสามารถดับไฟหรือคุมสถานการณ์ได้
สองกุนซือจึงมอบหมายให้โลซกไปเจรจาต้าอ่วยกับปราชญ์ผู้เร้นกาย ผู้มีสติปัญญาว่ากันว่าเสมอด้วยขงเบ้ง ให้ทำทีไปเข้าด้วยโจโฉ และหาทางวางกลอุบายให้โจโฉเอาบรรดาเรือทั้งหลายมาผูกยึดติดกันราวกับว่าเป็นผืนแผ่นดิน
โจโฉเป็นผู้กระหาย ได้ปราชญ์และคนดีมีฝีมือมาช่วยราชการ เมื่อได้พบกับบังทองก็มีความนับถือศรัทธา หลังจากเจรจาพาทีกันไม่นานก็ต้องกลบังทอง โดยมีเหตุผลเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของทหารชาวดอน ที่มักเมาคลื่นและไม่สามารถทรงตัวยามอยู่บนเรือได้
บังทองเสนออุบายให้แก่โจโฉเป็นแผนพสุธาลอยน้ำ ให้โจโฉนำเรือรบทั้งหลายมาผูกตรึงเข้าด้วยกัน เอาแผ่นไม้ตีทาบเรือแต่ละลำและผูกโซ่ตรวนยึดโยงไว้ให้ไปมาหากันได้ราวกับว่าเป็นผืนแผ่นดิน
ทำให้ทหารชาวดอนของฝ่ายเหนือสามารถเคลื่อนตัวบนกองเรือรบที่ผูกติดยึดโยงเป็นพื้นแผ่นเดียวกันได้โดยสะดวก แคล่วคล่องว่องไวดุจเคลื่อนไหวอยู่บนดิน ทั้งไม่โคลงเคลงหรือเมาคลื่นอีกต่อไป โจโฉก็มีน้ำใจยินดีเป็นอันมาก
ซึ่งโจโฉยอมต้องกลบังทองในครั้งนี้ ดูประหนึ่งว่าโจโฉไร้สติปัญญา ไม่เห็นอันตรายของการที่จะถูกเพลิงเผาผลาญกองทัพ แต่แท้ที่จริงโจโฉก็คาดหมายเห็นถึงอันตายดังกล่าวได้อยู่ก่อนแล้ว แต่โจโฉเห็นว่าไม่มีอันตรายจะเกิดแก่กองทัพเพราะเทศกาลนั้นเป็นฤดูกาลที่ลมพัดจากเหนือไปทางใต้ ทำให้ฝ่ายพันธมิตรเล่าปี่-ซุนกวน ไม่สามารถวางเพลิงได้ เพราะถ้าเข้ามาวางเพลิง เพลิงก็จะเผาไปทางใต้ไหม้กองทัพจิวยี่เสียเอง โจโฉจึงทะนงและลำพองใจว่าไฟจะไม่สามารถทำอันตรายแก่กองทัพของตนได้
แต่สิ่งซึ่งโจโฉไม่รู้ก็คือ ในรอบระยะเวลา 100 ปีแห่งเทศกาลนั้น จะมีฤดูกาลแปรผันขึ้น จะบังเกิดลมสลาตันพัดจากทางตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นไปสู่ตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นระยะเวลาถึง 3 วัน ในขณะที่ขงเบ้งล่วงรู้ถึงความลับแห่งฤดูกาลดังกล่าว จึงกำหนดเป็นวันเผด็จศึกในครั้งนั้น และเพียงชั่วคืนเดียว กองทัพบก กองทัพเรืออันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของโจโฉก็ถูกพันธมิตรวางเพลิงเผาผลาญวอดวายไป
กองทัพเรือของโจโฉถูกเพลิงเผาผลาญวอดวาย |
หรือว่าใครทำตัวเป็นบังทองอยู่ในกองทัพของระบอบทักษิณ?
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
ผมอ่าน comment ที่โพสด้านล่างบทความ รู้สึกว่าเค้าจะไม่ค่อยรู้จัก บังทอง กันเลยนะครับ น่าเศร้าใจ
ตอบลบผมว่าโจโฉเป็นคนคิดการผูกโยงเรือเองซะมากกว่า
ตอบลบvอ่านตั้งนานเจ้าของเวปเป้น กปปส ชะงั้น
ตอบลบบทความนี้มาจาก นสพ.แนวหน้า นะครับ ผมไม่ได้เขียนเอง
ลบว่าแต่ว่าแบ่งฝ่ายให้กันแบบนี้ ท่าน...เป็นฝ่ายไหนหรือครับ
ฮาว่ะ 5555+
ลบอ้าวใจเย็นๆ อย่าตีกันเองครับ เข้ามาหาอ่านบทความหาความรู้ หรือจะเข้ามาเปลยการเมืองครับ
ตอบลบ