ชาติบ้านเมืองไทยของเราในเวลานี้ สับสนวุ่นวายเหลือเกิน ทั้งรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ ประชาชนที่แบ่งออกเป็นฝักฝ่าย หน่วยงานหรือสถาบันที่เคยเข้มแข็ง ก็อ่อนแอ เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดผิดแปลก สร้างเรื่องราว ปั่นป่วน ทำลายชาติได้ไม่รู้จบ
อ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ตก็เจอแต่ข่าวที่ไม่สู้ดี จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจรู้ได้ว่าความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ เพราะดูทีท่าของคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายแล้ว ไม่มีใครยอมใคร ต่างช่วงชิง ช่วงใช้เอาชาติบ้านเมืองและประชาชน เป็น เครื่องต่อรองและตัวประกัน
อ่านไปอ่านมาก็ไปเจอบทความในคอลัมน์การเมืองของเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ชื่อว่า "ชัยชนะเป็นของประชาชนในที่สุด" เขียนโดย "ซีไอเอเมืองไทย" นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ชาติบ้านเมืองไทยของเราในเวลานี้ สับสนวุ่นวายเหลือเกิน ทั้งรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ ประชาชนที่แบ่งออกเป็นฝักฝ่าย หน่วยงานหรือสถาบันที่เคยเข้มแข็ง ก็อ่อนแอ เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความคิดผิดแปลก สร้างเรื่องราว ปั่นป่วน ทำลายชาติได้ไม่รู้จบหลักการสำคัญในตำราพิชัยสงครามของ “ขงเบ้ง”
อ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ตก็เจอแต่ข่าวที่ไม่สู้ดี จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจรู้ได้ว่าความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ เพราะดูทีท่าของคู่ขัดแย้งทุกฝ่ายแล้ว ไม่มีใครยอมใคร ต่างช่วงชิง ช่วงใช้เอาชาติบ้านเมืองและประชาชน เป็น เครื่องต่อรองและตัวประกัน
อ่านไปอ่านมาก็ไปเจอบทความในคอลัมน์การเมืองของเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ชื่อว่า "ชัยชนะเป็นของประชาชนในที่สุด" เขียนโดย "ซีไอเอเมืองไทย" นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
บทความ "ชัยชนะเป็นของประชาชนในที่สุด" นี้อยู่ในคอลัมน์ "น.ต.ประสงค์ พูด" เป็นบทความที่ยกเอาหลักการสำคัญในตำราพิชัยสงครามของ “ขงเบ้ง” จากยุค "สามก๊ก" มาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์บ้านเมืองในแผ่นดินไทย
อ่านแล้วใช่ว่าจะสบายใจขึ้น เพราะในบทความชี้ให้เห็นว่าบ้านเมืองเรากำลังจะเกิดกลียุค แม้ว่าสุดท้ายฝ่ายประชาชนจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ในเมื่อเป็นเรื่องสำคัญและเกี่ยวกับสามก๊ก จึงต้องขอบันทึกไว้ให้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่อไป
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ จากปกหนังสือ "สุนัขตัวนั้น" หนังสือที่รวมบทความการเมืองยุครัฐบาลทักษิณ |
ชัยชนะเป็นของประชาชนในที่สุด
โดย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ จากคอลัมน์ ประสงค์ พูด ,นสพ.แนวหน้า, 18 เม.ย.57“ ฟ้าประสาท โอกาสอำนวย ต้องด้วยใจคน”
สามประการข้างต้นเป็นหลักการสำคัญในตำราพิชัยสงครามของ “ขงเบ้ง” ในยุคสามก๊กที่เต็มไปด้วยการต่อสู้แย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน ท่ามกลางความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของประชาชนในแผ่นดินจีนสมัยนั้น
ประยุกต์ใช้ได้กับแผ่นดินไทยในขณะนี้
ทั้งสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา จากการลุกขึ้นสู้ของประชาชนกับนักการเมืองขี้ฉ้อบ้าอำนาจ และการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของผู้คนในบ้านเมืองชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีครั้งใดที่จะวิกฤติเท่าครั้งนี้
หลักการดังกล่าวของ “ขงเบ้ง” อธิบายไว้ว่า ใครก็ตามที่ต้องการความสำเร็จ หรือต้องการได้รับชัยชนะ จะต้องไม่ลืมความสำคัญ 3 ประการดังกล่าวข้างต้น คือ “ฟ้า” “โอกาส” และ “คน”
ทั้ง 3 ประการต้องไปด้วยกันทุกครั้ง ถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วชัยชนะที่ต้องการย่อมเต็มไปด้วยอุปสรรค ไม่ราบรื่นเท่าที่ควร
เพราะแม้ฟ้าจะประสาทให้และใจคนจะสอดคล้องต้องด้วย แต่โอกาสไม่อำนวยให้ นั่นก็เรียกว่าเป็นการฝืนโอกาส
และแม้ใจคนจะสนับสนุนและต้องด้วยโอกาส แต่ฟ้าไม่ให้ นั่นก็เรียกว่า ฝืนฟ้า
หรือแม้ฟ้าจะประสาทและโอกาสก็เหมาะสม แต่ไม่ต้องด้วยใจคน นั่นก็เรียกว่า ฝืนใจ
เพราะฉะนั้นผู้มีสติปัญญาและต้องการความสำเร็จ หรือต้องการชัยชนะในการต่อสู้ จึงย่อมไม่กระทำการแบบฝืนฟ้า ฝืนโอกาส และฝืนใจคน
เจตนาของฟ้านั้นมนุษย์จำต้องปฏิบัติตาม
การเลือกโอกาสให้ถูกต้องย่อมได้ผล
ส่วนใจคนนั้นเขานักและสนับสนุนแค่ไหน
หลักการสำคัญทั้ง 3 ประการเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นเงื่อนไขในการกำหนดความสำเร็จ ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ในการต่อสู้ “ขงเบ้ง” ว่าไว้อย่างนั้น นอกจากนี้แล้ว ในตำราพิชัยสงครามของเขาอีกบทหนึ่ง ยังเขียนไว้ด้วยว่า ในการนำหมู่คณะนั้น ปมเงื่อนสำคัญอยู่ที่ตัวหัวหน้า ว่าใช้คนทำงานอย่างไร
หัวหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริตย่อมเลือกใช้คนที่มีคุณธรรมจริยธรรม มีความรู้ความสามารถตรงกับงานที่ให้ทำ บรรยากาศในการทำงานของหมู่คณะย่อมจะมีแต่ความแจ่มใส ไม่เกิดความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน งานการก็จะเดินไปด้วยดี
แต่ถ้าหัวหน้าหมู่คณะรักชอบแต่คนสามานย์ไร้สัจจะ ไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ชอบที่จะประจบสอพลอ และถ้าหากหัวหน้ามักมากในทรัพย์สินเงินทองด้วยแล้ว พวกนักติดสินบนทั้งหลายก็จะเฮโลเข้ามาประเคนให้ บรรยากาศอันเลวทรามก็ย่อมแพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง นำความเสื่อมเสียและพ่ายแพ้มาสู่หมู่คณะและนำความอัปยศมาสู่บ้านเมืองในที่สุด
ทั้งสองบทดังกล่าวของ “ขงเบ้ง” เป็นหลักการและแนวทางสำคัญในการทำงานของใครก็ได้ ที่ต้องการนำหมู่คณะไปสู่ความสำเร็จ
สถานการณ์ในการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองเราขณะนี้ ระหว่างมวลมหาประชาชนคนไทยกับรัฐบาลในระบอบทักษิณ ถ้าจะพิจารณาอย่างไม่เข้าใครออกใคร ถือเอาความจริงที่ปรากฏต่อสายตาของคนที่รักความถูกต้องชอบธรรม ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิดแล้ว ฝ่ายรัฐบาลในระบอบทักษิณที่กำลังบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ต้องถือได้ว่าเป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสงบสุขเรียบร้อย ประชาชนมีชีวิตอยู่ด้วยความผาสุกสมบูรณ์ตามที่ต้องการได้เลย
เพียงแค่คุณสมบัติเบื้องต้นของคนที่เป็นหัวหน้าของหมู่คณะ และบุคคลผู้เป็นหมู่พวกห้อมล้อมอยู่ด้วยนั้น ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติที่ “ไม่ต้องด้วยใจคน” แทบทั้งสิ้น แม้ “โอกาสจะอำนวยให้” ก็ตาม
โดยเฉพาะกระบวนท่าของการ “ใช้ฝ่ามือปิดฟ้า” ที่กลุ่มคนพวกนี้และสมุนบริวารได้กระทำมาโดยตลอด ในลักษณะสมรู้ร่วมคิดกันไม่ให้ใครเห็นก็ตาม คนไทยที่รักบ้านรักเมืองรักสถาบันสูงสุดก็มีความเข้าใจเหมือนๆกันว่า คนพวกนี้ถึงขั้นดูหมิ่นและต้องการล้มล้างกันเลยทีเดียว อย่างที่ปรากฏให้เห็นจากการกระทำในรูปแบบต่างๆในห้วงเวลาที่ผ่านมา
ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ คนที่มีอิทธิพลสูงสุดในการควบคุม กำกับ และสั่งการคนพวกนี้เป็นใครนั้น เด็กที่เพิ่งจะอดนมก็รู้
บุคคลผู้นี้เคยสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองมาแล้วมากน้อยแค่ไหน แม้จะหนีคุกหนีตะรางอยู่นอกประเทศขณะนี้ก็ตาม เด็กที่เพิ่งอดนมก็รู้
ความไม่เชื่อถือของผู้คนในบ้านเมืองต่อบุคคลและคณะบุคคลที่กำลังใช้อำนาจรัฐบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ จึงเป็นไปอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งพร้อมใจกันออกมาชุมนุมร่วมกันต่อสู้ เพื่อขับไล่ให้พ้นจากอำนาจ โดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้นนั้น อำนาจที่ได้มาเพราะ “โอกาสอำนวย” นั้น จึงไม่อาจราบรื่นและคงอยู่ต่อไปได้แน่นอน
ชัยชนะย่อมเป็นของประชาชนในที่สุด
เทียนตี้เหริน - ฟ้า, ดิน(โอกาส), คน |
กรุณาแสดงความคิดเห็น