ประวัติย่อและคารมคำคมของ เตียวหุย
ประวัติย่อของ เตียวหุย
เตียวหุย (อังกฤษ: Zhang Fei, จีน: 張飛 พินอิน: Zhāng Fēi) (ค.ศ. 167-ค.ศ. 221) เป็นแม่ทัพในวรรณกรรมจีนเรื่องสามก๊ก มีชื่อรองว่า เอ็กเต้ ในภาษาจีนกลางเรียก จังเฟยเตียวหุย เป็นพระอนุชาร่วมสาบานคนสุดท้องของพระเจ้าเล่าปี่และกวนอู โดยการสาบานที่สวนดอกท้อนั้น กระทำขึ้นที่หลังบ้านของเตียวหุยเอง และเตียวหุยเป็นผู้ออกทุนทรัพย์ในการรวบรวมผู้คนออกปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง
เตียวหุย มีนิสัยวู่วาม อารมณ์ร้อน ชอบดื่มสุราจนเมามายแล้วเฆี่ยนตีทหารบ่อย ๆ ศรีษะโตเหมือนเสือ หน้าดำ ตาพองโต เสียงดังปานฟ้าผ่า กิริยาดั่งม้าควบ เป็นผู้มีพละกำลังมาก มีอาวุธประจำตัวคือทวนยาว 8 ศอก หนัก 80 ชั่งจีน เรียกว่าทวนอสรพิษ บางตำราเรียกว่า ทวนยาวอสรพิษ ตามลักษณะของคมทวนที่ขดไปมาเป็นคลื่นคล้ายงู ปลายคมเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
อาชีพเดิมของเตียวหุยคือคนขายหมูในเมืองตุ้นกวน ต่อมาได้ติดตามเล่าปี่เพื่อปราบกบฏโจรโพกผ้าเหลือง และเตียวหุยก็ได้ร่วบรบกับพระเจ้าเล่าปี่ มาตลอดทั้งชีวิต ผ่านการสู้รบมาหลายศึกอาทิ ศึกเซ็กเพ็ก ศึกเขาเตงกุนสัน ฯลฯ
เตียวหุยเสียชีวิตในวัย 54 ปี (ในฉบับหลอกว้านจงกล่าวว่าเสียชีวิตเมื่ออายุ 50 ปี) ขณะยกทัพไปล้างแค้นให้กวนอู โดยถูกฮอมเกียงและเตียวตัด ทหารฝ่ายตนเอง ลอบสังหารเพราะไม่พอใจในนิสัยวู่วามของเตียวหุย
คำคม เตียวหุย
- “ซึ่งกวนอูทำการเป็นกลอุบาย พี่ทั้งสองไม่แจ้งก็เห็นว่ากวนอูคงสัตย์อยู่ ธรรมดาเกิดมาเป็นชายชาติทหาร ได้ออกวาจาสาบานไว้แล้ว ถึงจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต”
- “ซุนกวนฆ่าพี่เราเสีย ความแค้นอันนี้ลึกกว้างใหญ่กว่าท้องทะเลอีก ขุนนางผู้ใหญ่ที่ปรึกษาอยู่ที่เมืองเสฉวน ผู้ใดยังทูลให้ยกทัพไปตีซุนกวนแก้แค้นหรือหามิได้”
- “น้ำใจท่านอารีต่อคนทั้งปวง จะรับลิโป้มาไว้ก็ตามเถิด แต่ให้คิดระวังเหตุผลจงดี”
- “ตัวนี้เป็นไฉนจึงบังอาจเรียกพี่กูว่าเป็นน้อง พี่กูเป็นเชื้อพระวงศ์ อุปมาเหมือนต้นไม้ทองใบแก้ว ซึ่งตัวอวดว่ากล้าหาญ จงออกไปลองฝีมือกันดูสักสามร้อยเพลง ให้รู้จักฝีมือกันไว้”
- “ท่านจะทำใจดีต่อคนร้ายนั้นไม่ได้”
- “กูตีชิงเอาม้าของมึงไว้นี่มึงโกรธหรือ ซึ่งมึงตีชิงเอาเมืองชีจิ๋วของพี่กูไว้นั้น มึงเข้าใจว่ากูหาโกรธไม่หรือ”
- “อันศีรษะมึงทั้งสองนี้ กูละให้อยู่กับกายแล้ว ถึงมาตรว่ามึงจะไปยุยงโจโฉประการใด โจโฉยกมา กูจะฆ่าฟันทหารทั้งปวงมิให้เหลือไป”
- “กองทัพแฮหัวตุ้นยกมาครั้งนี้ เราทำเป็นนิ่งเสียให้ขงเบ้งคิดอ่านออกสู้รบลองฝีมือ ความคิดดูสักครั้งหนึ่ง จะได้ประจักษ์แก่ตาว่าดีแลชั่ว”
- “ท่านว่ากล่าวทั้งนี้ก็เห็นว่าท่านมีสติปัญญาจริง คิดเอาความสบายแต่ตัว อันเราทั้งปวงนี้จะออกไปสู้ความตาย ท่านจะอยู่รักษาเมือง จงแต่งโต๊ะกินเล่นให้สบายใจเถิด”
- “ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่า ท่านผู้เฒ่าเป็นคนดีมีอัชฌาสัย ประกอบด้วยสติปัญญามาแต่ก่อน แลตัวข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยมิได้ควรจะหลู่ผู้ใหญ่ มากล่าวถ้อยคำหยาบช้าประมาทเช่นนี้ มิควรแก่ตัวเลย ผิดหนักหนา ขอท่านได้อดโทษแก่ข้าพเจ้าเถิด”
- “แต่แซ่อื่นยังเป็นเจ้าได้ อันเล่าปี่พี่เรานี้ก็เป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ อย่าว่าแต่เป็นเจ้าฮันต๋งนี้เลย ถึงจะเป็นเจ้าแผ่นดินในเมืองหลวงก็จะได้ เหตุใดจึงว่าไม่สมควร”
- “เราพี่น้องสามคนได้ให้ความสัตย์กันไว้ แต่ก่อนว่าจะเป็นตายด้วยกัน บัดนี้กวนอูพี่เรายังมิถึงกำหนดอายุมาตายเสียแล้ว ยังแต่เราเป็นเจ้าเมืองเอาความสบายหาควรไม่ จะเสียความสัตย์ไป เราจะไปเฝ้าพระเจ้าเล่าปี่ จะแต่งกองทัพให้นุ่งขาวห่มขาว ไปจับอ้ายศัตรูมาฆ่าเสียเซ่นกวนอู แล้วจึงจะหายความแค้น”
- “พระองค์ได้เสวยราชสมบัติแล้วลืมความสัตย์ ซึ่งให้กันไว้แต่ก่อนเสียแล้วหรือ พระองค์จึงไม่คิดแก้แค้นแทนกวนอูเลย”
- “เป็นผู้ชายไม่ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน แล้วสิมาทอดใจใหญ่”
กรุณาแสดงความคิดเห็น