ประวัติย่อ คารมและคำคม ซุนกวน
ประวัติย่อของซุนกวน
พระเจ้าซุนกวน (จีนตัวย่อ: 孙权; จีนตัวเต็ม: 孫權; พินอิน: Sūn Quán)หรือ พระเจ้าหวูต้าตี้ เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก ผู้ก่อตั้งและจักรพรรดิของง่อก๊ก (吳) หนึ่งในสามอาณาจักรของยุคสามก๊กซุนกวนเป็นบุตรคนที่สองของซุนเกี๋ยน และเป็นน้องชายของซุนเซ็ก เมื่อซุนเซ็กพี่ชายตายไปจึงได้ขึ้นครองเมืองกังตั๋งแทนด้วยวัยแค่ 18 ปี แม้ซุนกวนจะไม่ปรากฏความสามารถในการรบเหมือนผู้พี่แต่มีความสามารถในการปกครองสูงมาก
มารดาของซุนกวนได้ตายไปก่อนหน้านี้ ผู้ที่เลี้ยงซุนกวนขึ้นมา คือ ง่อก๊กไท่ ผู้มีศักดิ์เป็นน้าของซุนกวน ซึ่งซุนกวนนับถือง่อก๊กไท่ผู้นี้เสมือนแม่แท้ ๆ ของตัว ซุนกวนมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว มีตาสีเขียว หนวดเคราแดง เมื่อขึ้นครองเมืองแต่ยังเล็ก จึงได้รับฉายาว่า "ทารกตาเขียว" ซึ่งในบรรดาผู้นำก๊กทั้ง 3 นั้น ซุนกวนเป็นผู้มีอายุน้อยที่สุด แม้ตอนที่โจโฉยกทัพไปรบกับง่อก๊กของซุนกวนในศึกหับป๋า ซุนกวนก็บัญชาการรบอย่างแข็งขัน จนโจโฉที่แม้แต่เป็นศัตรูยังเอ่ยปากชมว่า "ถ้าจะได้บุตร ต้องได้บุตรอย่างซุนกวน"
ซุนกวนมีน้องสาวอยู่นางหนึ่ง เป็นบุตรสาวของง่อก๊กไท่ ชื่อว่าซุนซางเซียงแต่เรียกกันว่า ซุนฮูหยิน ซึ่งต่อมาในภายหลังได้แต่งงานกับเล่าปี่ เป็นภรรยาคนที่ 3 ของเล่าปี่ ซุนกวนออกอุบายให้นางกลับคืนมาง่อก๊ก โดยเชิญนางให้เร่งรีบกลับมาพร้อมอาเต๊าโดยที่เล่าปี่ไม่รู้ แต่ขงเบ้งอ่านอุบายออก จึงให้จูล่งเร่งรีบเดินทางติดตามไป เมื่อถึงเรือของนางก็กระโดดขึ้นเรือขอให้นางกลับไป แต่นางไม่ยอม จูล่งจึงให้นางไปได้แต่อาเต๊า บุตรของเล่าปี่ต้องอยู่ ท้ายที่สุดอาเต๊าก็ได้กลับไปจ๊กก๊ก และเมื่อซุนฮูหยินทราบเมื่อกลับไปถึงว่านี่เป็นอุบายของพี่ชาย ก็เศร้าโศกเสียใจ ท้ายที่สุดนางก็ตรอมใจตาย
ซุนกวน เองก็ปรารถนาก็จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินเช่นเดียวกับโจโฉและเล่าปี่ เมื่อตอนที่เล่าปี่มาที่ง่อก๊กเพื่อที่จะสมรสกับซุนฮูหยิน แต่ซุนกวนได้ให้คนคอยซุ่มทำร้ายเล่าปี่อยู่เป็นระยะ ๆ เล่าปี่ก็รู้ทันและได้จูล่งแก้สถานการณ์ให้ เมื่อออกมาจากงานได้รำพันถอดถอนหายใจถึงชะตากรรมตัวเอง และได้เจอหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง เล่าปี่อธิษฐานว่าหากตนจะได้เป็นใหญ่ ขอให้ใช้กระบี่ฟันหินนี้ให้แตกเป็น 2 ท่อน ก็ปรากฏว่าฟันหินได้ขาดจริง ๆ ซุนกวนเห็นดังนั้นจึงอธิษฐานบ้าง ก็ปรากฏว่าสามารถฟันหินได้แตกเช่นกัน และทั้งคู่จึงได้ขี่ม้าออกชมทัศนียภาพของง่อก๊กด้วยกัน
แต่นโยบายในการทำสงครามของซุนกวนจะไม่ประกาศเป็นศัตรูกับก๊กใหญ่อีก 2 ก๊ก นั้นอย่างเต็มที่ แต่จะผูกไมตรีกับทุกก๊กที่จะเป็นประโยชน์กับตัวเอง ดังจะเห็นว่า ซุนกวนเองแม้จะผูกไมตรีกับจ๊กก๊ก แต่ก็หาทางจะกำจัดเล่าปี่อยู่เสมอ ๆ ถ้ามีโอกาส และซุนกวนเองก็เป็นสาเหตุการตายของกวนอู เมื่อซุนกวนออกอุบายทำให้จับกวนอูได้ และตัดหัวกวนอูส่งไปให้โจโฉ ซึ่งทำให้ทั้งเล่าปี่และเตียวหุยแค้นซุนกวนมาก และทั้งเตียวหุยและเล่าปี่ก็ต้องมาตายด้วยการมาแก้แค้นให้กวนอูทั้งสิ้น
ต่อมาใน ปี ค.ศ.252 พระเจ้าซุนกวนสวรรคต รวมเวลาเสวยราชย์อยู่ได้ 24 ปี ภายหลังพระเจ้าซุนกวนสวรรคตไปแล้ว พระโอรสก็ได้ขึ้นเป็นผู้นำก๊กต่อ แต่สภาพภายในง่อก๊กไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า ขุนนางแตกแยกกันเอง จนนำมาสู่การล่มสลายของก๊กในที่สุด
คำคม ซุนกวน
- “อันความคิดของท่านซึ่งว่ากล่าวทั้งนี้ อุปมาเหมือนเอาทองมารองรับหยก”
- “ตัวท่านตั้งใจสุจริตต่อเราครั้งนี้ สู้เอาชีวิตเข้าไปแลกเอาชีวิตเราออกมาได้นั้น คุณหาที่สุดไม่ อุปมาเหมือนตายอยู่ในหว่างทหารโจโฉ ท่านเอาซากศพเรามาชุบขึ้นให้เป็น”
- “จูกัดกิ๋นคนนี้ได้สบถไว้กับข้าพเจ้าช้านานอยู่แล้วว่า จะเป็นตายด้วยกัน ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่หนี ครั้งเมื่อเราอยู่ฉสองกุ๋น ขงเบ้งมาเมืองเรา ข้าพเจ้าจึงว่าแก่จูกัดกิ๋นว่า ท่านจงไปชวนน้องท่านให้ทำราชการด้วยเรา จูกัดกิ๋นจึงว่า ขงเบ้งได้กินข้าวแดงของเล่าปี่แล้ว ไปชวนเห็นจะไม่มา ด้วยกำพืดน้ำใจเป็นเชื้อชาย เหมือนหนึ่งข้าพเจ้ากระนี้ ได้กินข้าวแดงของท่านแล้ว จะไปอยู่กับผู้อื่นหาควรไม่”
- “อันอุยเอี๋ยนนั้นมีกำลังกล้าหาญก็จริง แต่น้ำใจมิได้สัตย์ซื่อมักคิดทรยศ แม้หาบุญขงเบ้งไม่แล้ววันใด อุยเอี๋ยนก็จะเอาใจออกหากเล่าเสี้ยนเมื่อนั้น แลตัวเราจะยกไปช่วยขงเบ้งเอง”
- “ตัวข้าพเจ้านี้อาภัพ เสียแรงปลูกเลี้ยงคนทั้งปวงไว้ หวังจะได้เป็นเพื่อนเจ็บร้อนก็เสียเปล่า แต่โลซกผู้เดียวกตัญญูซื่อสัตย์ รักเราจริงๆ”
- “เราได้ยินโลซกมาเจรจาสรรเสริญท่านว่า มีปัญญาความคิดปรากฏ วันนี้เราเห็นหน้าท่านมาก็เป็นบุญ ท่านจงอนุเคราะห์ช่วยสั่งสอนสิ่งใดที่ชอบให้เราบ้าง”
- “ท่านว่าทั้งนี้ก็เห็นว่าเมตตาเราจริง ดุจจูงมือเราออกมาจากที่มืดมาสู่ที่สว่าง อันอุบายของท่านบอกให้ประการใดนั้น เราก็จะทำตามทุกประการ”
- “ในหนังสือของเล่าปี่ว่า ได้เมืองเสฉวนแล้วจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้ ก็ไม่เห็นเล่าปี่คิดอ่านจะยกไปตีเมืองเสฉวน จะให้เราคอยอยู่กว่าจะแก่หรือ”
- “มหาอุปราชเป็นใหญ่อยู่ในเมืองหลวง ประกอบด้วยยศศฤงคารบริวารเป็นอันมาก มีความสุขดุจหนึ่งอยู่ในวิมาน ควรหรือยังมิอิ่มใจอีกเล่า ลุอำนาจแก่โลภมิได้พิเคราะห์ด้วยปัญญาให้เป็นธรรม ยกทหารจะทำร้ายแก่เรา ไม่สมควรเลย”
กรุณาแสดงความคิดเห็น