ประวัติย่อ และคารมคำคมของเล่าปี่
ประวัติย่อของเล่าปี่
เล่าปี่ หรือ หลิวเป้ย ตามสำเนียงจีนกลาง (จีนตัวย่อ: 刘备; จีนตัวเต็ม: 劉備; พินอิน: Liú Bèi; เวด-ไจลส์: Liu Pei) หรือ สมเด็จพระจักรพรรดิเจียงบู๊เต้ เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตรยุคสามก๊ก เสด็จพระราชสมภพที่เมืองจัวโจว มณฑลเหอเป่ย และเสด็จสวรรคตที่แขวงไป๋ตี้เฉิง เมืองฉงชิ่ง มณฑลสื้อชวน ประเทศจีน จักรพรรดิผู้ก่อตั้งอาณาจักรจ๊กก๊กและราชวงศ์ฮั่น เป็นชาวเมืองตุ้นกวนลักษณะตามคำบรรยายในวรรณกรรมสามก๊ก เล่าปี่เป็นผู้ที่รูปร่างสูงใหญ่ สูงประมาณห้าศอก หูยานถึงบ่า มือยาวถึงเข่า หน้าขาวดังสีหยก ฝีปากแดงดังชาดแต้ม จักษุชำเลืองไปเห็นหู มีกระบี่คู่แบบโบราณเป็นอาวุธประจำกาย เก่งกาจเชิงยุทธ มีคุณธรรม อ้อนน้อมถ่อมตน สำรวมกายสำรวมใจเป็นเลิศ
เล่าปี่ร่วมสาบานเป็นพี่น้องในสวนท้อกับกวนอูและเตียวหุย ร่วมรบกับทหารจากวังหลวงในการปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง ภายหลังได้รับตำแหน่งนายอำเภออันห้อกวนแต่ถูกต๊กอิ้วกล่าวหาเป็นกบฏจึงต้องหลบหนี ร่วมทำศึกเพื่อกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นมาโดยตลอด ภายหลังครองเมืองเสฉวน สถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าฮันต๋งแห่งจ๊กก๊ก สวรรคตภายหลังจากนำทัพขนาดใหญ่บุกโจมตีกังตั๋งเพื่อแก้แค้นให้กวนอูในปี พ.ศ. 766 รวมพระชนมายุได้ 63 พรรษา
คำคม เล่าปี่
- “ธรรมดาเกิดมาเป็นชาติทหารแล้ว ถึงจะเสียทีก็อย่าเป็นทุกข์ ถึงจะได้ทีก็อย่ายินดี”
- “ธรรมดาภรรยาอุปมาเหมือนอย่างเสื้อผ้า ขาดแลหายแล้วก็จะหาได้ พี่น้องเหมือนแขนซ้ายขวา ขาดแล้วยากที่จะต่อได้”
- “ตัวเรามาอยู่ในเงื้อมมือโจโฉนี้ อุปมาเหมือนนกอยู่ในกรงปลาอยู่ในข้อง บัดนี้เขาปล่อยออกจากกรงแลข้องแล้ว ก็ยินดีนักจะรีบไปที่อยู่”
- “ถ้าข้าพเจ้ามีหนังสือไปถึง กวนอูรู้แล้วก็จะมาหาข้าพเจ้า ได้เป็นกำลังท่านสืบไป ซึ่งท่านเสียทหารสองคนนั้น อุปมาเหมือนหนึ่งเสียเนื้อสองตัว ถ้าท่านได้กวนอูมาไว้เหมือนหนึ่งเสือ เห็นจะดีกว่าเนื้อสองตัวอีก”
- “อันธรรมดาแม่ลูกกันนี้ก็เหมือนชีวิตเดียวกัน เมื่อมีเหตุนี้ก็เป็นประเพณีบุตรจะสงเคราะห์แก่มารดา ใครห่อนจะอาจทิ้งมารดาเสียได้ ซึ่งท่านจะไปหาโจโฉก็ตามเถิด เมื่อมารดาท่านพ้นภัยแล้ว จึงคิดอ่านกลับมาช่วยสั่งสอนเราสืบไป”
- “ตัวเรานี้อุปมาเหมือนปลาเกลือกอยู่บนดอน ซึ่งได้ขงเบ้งมาไว้นี้เหมือนเราเกลือกลงมาถึงน้ำได้”
- “อันธรรมดาจะปรารถนาของดี ก็ย่อมประกอบด้วยความอุตส่าห์จึงจะได้ ซึ่งเราทรมานกายมาทั้งนี้ ก็ปรารถนาจะให้ได้ขงเบ้ง อนึ่งจะให้ขงเบ้งรู้ว่าเรามีความรักแลเพียรเป็นอันมาก ซึ่งตัวท่านกลัวแต่ความลำบาก ทนหนาวมิได้ก็ให้เร่งกลับไปในเมืองเถิด”
- “เล่าปี่จึงว่าแก่กวนอู เตียวหุยว่า ท่านทั้งสองไม่รู้หรือว่าท่านผู้มีสติปัญญานั้น ถึงมาตรว่าจะนั่งนอนหลับตาอยู่ในเรือน มิได้เห็นกิจการทั้งปวงเลยก็ดี ก็อาจสามารถคิดเอาชัยชนะแก่ข้าศึกร้อยพันได้”
- “ตัวท่านเป็นเด็ก จะรู้ไปกว่าผู้ใหญ่นั้นไม่ชอบ จงสงบปากอยู่ก่อน อันการงานทั้งปวงนั้นเราก็ตรึกตรองแล้ว”
- “ถึงมาตรว่าจะมีอันตรายประการใดก็ดี ตัวเราก็จะสู้ตาย ซึ่งจะทรยศต่อผู้มีคุณนั้นเราทำมิได้”
- “ประเพณีผู้มีปัญญาปรารถนา จะคิดทำการใหญ่หลวงนั้น ก็ย่อมจะปกป้องอาณาประชาราษฎรทั้งปวงเป็นเค้ามูลจึงจะสำเร็จประโยชน์ แลบัดนี้อาณาประชาราษฎรทั้งปวง มีความเอ็นดูเรา สู้ติดตามมาได้ลำบาก อันจะทิ้งเสียนั้นเราทิ้งไม่ได้”
- “เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงห้ามว่า มาทำการทั้งนี้ก็พึ่งกำลังท่านทั้งสอง เมื่อแลเสือต่อเสือจะมาเกิดจลาจลขึ้นฉะนี้ การของเราจะมิเสียไปหรือ”
- “เสียแรงกูเลี้ยงมึงมา มึงเป็นก้อนดินต้นไม้หรือจึงหารู้จักผิดแลชอบไม่ ควรหรือฟังคำอ้ายขบถศัตรู ไม่ยกกองทัพไปช่วยกวนอูให้เสียการทั้งนี้ แล้วก็สั่งทหารให้เอาตัวเล่าฮองไปฆ่าเสีย”
- “ตั้งแต่เรามาอยู่เมืองนี้ จะได้ค่าธรรมเนียมแลเบียดเบียนด้ายเส้นหนึ่ง เข็มเล่มหนึ่งแก่อาณาประชาราษฎร ให้ได้รับความเดือดร้อนหามิได้ จะเอาสิ่งใดมาให้สินบนแก่ต๊กอิ้วนั้นก็ขัดสนอยู่แล้ว”
- “ท่านกับเรารู้จักกันไว้ครั้งนี้ ก็เป็นคนสนิทกันจงค่อยอยู่กับกองซุนจ้านก่อนเถิด ถ้าชีวิตมิตายสืบไปภายหน้า ท่านจะได้ทำราชการด้วยเราเป็นมั่นคง จงจำคำนี้ไว้อย่าลืม”
- “ข้าพเจ้าหาสติปัญญามิได้ ซึ่งได้เป็นขุนนางมีคนนับถือนี้ ก็เพราะบุญของมหาอุปราชช่วยทูลเสนอให้ ข้าพเจ้าจึงมีความสุขมา ซึ่งผู้ใดจะมีสติปัญญากว้างขวาง เหมือนมังกรสำแดงฤทธิ์นั้น ปัญญาข้าพเจ้าคิดไปไม่ถึง”
- “เทพดาให้เราเกิดมาแล้ว เหตุใดไม่ช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูเล่า แล้วให้เราได้ทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ เราจะครองชีวิตไว้ไยให้ป่วยการ”
- “เรานี้ประกอบไปด้วยความทุกข์ เด็กเลี้ยงกระบือนั้นมีความสุขยิ่งกว่าเราอีก”
- “อันท่านทุกข์ถึงมารดา ก็เป็นประเพณีอยู่แล้ว แต่ทุกข์ของเราซึ่งท่านจะจากไปบัดนี้ ก็ร้อนอยู่ในอกเหมือนกัน ถึงจะเอาตับหงส์ แลตับมังกรอันมีรสดุจหนึ่งว่าเป็นทิพย์นั้นมากิน ก็หารู้จักว่าเป็นรสอันใดไม่”
- “ซึ่งท่านมีความเมตตาสั่งสอนแนะนำให้ ข้าพเจ้ามีความยินดีนัก สว่างในดวงใจดุจว่าพระอาทิตย์ มีปริมณฑลอันปราศจากเมฆ ส่องสว่างไปทั่วโลก แต่ทว่าเมืองเสฉวน แลเมืองเกงจิ๋วนั้น ก็เป็นเชื้อสายญาติวงศ์ ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ถ้าข้าพเจ้าจะคิดทำการเอาเมืองทั้งสองนี้ ก็เหมือนหนึ่งขบถต่อแผ่นดิน ดังคนหาความกตัญญูมิได้”
กรุณาแสดงความคิดเห็น