ประวัติย่อและคารม คำคมของขงเบ้ง
ประวัติย่อของขงเบ้ง
ขงเบ้ง (Kongming, 孔明) หรือ จูกัดเหลียง (Zhuge Liang, 诸葛亮) ฉายา มังกรหลับ (臥龍先生) หรือฮกหลง (伏龍) เป็นชาวตำบลหยังตู เมืองหลังเอ๋ย์ มณฑลซานตุง เป็นผู้สืบสกุลจากจูเก๋อฟง ผู้มียศเป็นซือลี้เจี้ยวอุ้ย ในราชวงค์หั้นสูง 8 ฟุต หน้าขาวนวลเหมือนหยกน้ำหนึ่ง โพกผ้ามีไหมห้อยระย้า ถือพัดขนนกเป็นนิจ
เป็นผู้รักความยุติธรรม ซื่อตรง เปิดเผย รักความสงบ และความสันโดษ มีความรู้ความสามารถอย่างยอดเยี่ยม ชำนาญในพิชัยสงครามราวเทวดา
เบื่อความวุ่นวายในประเทศ จึงหลบไปทำไร่ไถนาอยู่ที่เมืองหนานหยัง (ลำหยง) ณ เขาโงลังกั๋ง ชาวบ้านขนานนามว่า อาจารย์ฮกหลง (มังกรซ่อนกาย) เล่าปี่รู้ข่าวจากซีซี อุตส่าห์ไปหาถึงสามครั้งสามหน ขอเชิญตัวมาช่วยกู้แผ่นดิน จึงยอมลงมาช่วยเล่าปี่
ดำรงตำแหน่งไจเสี่ยง (สมุหนายก) ของพระเจ้าเล่าปี่ และพระเจ้าเล่าเสี้ยนแห่งจกก๊ก คำพูด คำสอน หนังสือ และคำกราบบังคมทูลมีจำนวนมากมาย มีผู้รวบรวมเป็นชุด จำนวน 24 เล่ม
ออกศึก ณ บริเวณเขากิสาน (ฉีซาน) ถึง 6 ครั้ง เพื่อปราบวุยก๊ก แต่มีอุปสรรค ถึงแก่กรรมในสนามรบ ที่อู่จ้าง ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเม่ยอู่ มณฑลส่านซี
ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น อู่เซียงโหว (พระยา) ตายแล้วได้เลื่อนเป็น จงอูโหว
คำคม ขงเบ้ง
- “ตัวข้าพเจ้าเป็นแขกมาภายนอก ซึ่งจะล่วงเข้าไปคิดอ่านการภายใน ให้ญาติพี่น้องท่านร้าวฉานกันนั้นไม่ควร แม้เนื้อความรู้ถึงเล่าเปียว เราก็จะไม่พ้นความผิด”
- “ธรรมดาผู้เป็นเสนาบดีซึ่งเป็นข้าราชการนั้น ทำความผิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ดี แม้พระมหากษัตริย์จะลงโทษ แลจะหนีซึ่งราชทัณฑ์นั้นไม่ควร เหมือนคนมิได้มีสัตย์ซื่อต่อพระมหากษัตริย์”
- “ซึ่งเราจะคิดทำการเอาแผ่นดินเมืองเกงจิ๋วนั้นง่ายนัก เหมือนหนึ่งกลับฝ่ามือคว่ำแลหงาย จะทำเมื่อใดก็จะสำเร็จเมื่อนั้น ซึ่งเหตุทั้งนี้ก็เพราะนายเราเป็นคนซื่อถือความสัตย์ มิได้ปรารถนาที่จะชิงเอาสมบัติของแซ่เดียวกัน ไม่กระทำตามคำเราจึงได้ความเดือดร้อน”
- “ธรรมดาผู้มีปัญญาอันพิสดาร แม้จะคิดการสิ่งใดก็ลึกซึ้ง ผู้มีปัญญาน้อยหาหยั่งรู้ถึงตลอดไม่ อุปมาเหมือนพญาครุฑ แม้จะไปทิศใด ก็ย่อมบินโดยอากาศอันสูงสุดสายเมฆ มิได้บินต่ำเหมือนสกุณชาติซึ่งมีกำลังน้อย มิอาจบินสูงเสมอพญาครุฑได้”
- “อนึ่งซึ่งคิดทำการใหญ่หลวง แลจะรีบรัดให้สำเร็จโดยเร็วนั้นจะได้หรือ อุปมาเหมือนคนไข้หนัก หมอผู้พยาบาลก็แจ้งอยู่ว่า โรคนั้นจะบรรเทาด้วยยาทุเลา ครั้นจะประกอบยาให้กล้า กำลังคนไข้ก็น้อย จะสู้กำลังยามิได้ จำจะค่อยวางยาทุเลาให้ผ่อนไปแต่วันละเวลา พยายามไปกว่าคนไข้จะถืออาหารได้มาก มีกำลังแล้วหมอก็จะประกอบยา ให้มีภาษีขึ้นไปกว่าเก่า โรคนั้นก็จะหาย”
- “อันทหารโจโฉนั้นถึงมากก็เหมือนมด ถ้าจะบีบเสียด้วยอุบายก็จะได้โดยง่าย”
- “ซึ่งท่านจะให้ค้นเอาถ้อยคำอันคนโบราณ ตกแต่งไว้ไพเราะอยู่แล้วมาเจรจานั้น หามีใครนับถือไม่ ด้วยเป็นคนลอกกากตำรา ถ้าท่านดีมีปัญญาก็จะผ่อนผันด้วยความคิดของตัว”
- “ขอบใจมหาอุปราชให้ลูกเกาทัณฑ์แก่เราเป็นอันมาก แลลูกเกาทัณฑ์นี้จะกลับมารบสนองคุณท่าน”
- “อันธรรมดาเป็นชายชาติทหาร ถ้าไม่รู้คะเนการฤกษ์บนแลฤกษ์ต่ำ ก็มิได้เรียกว่ามีสติปัญญา”
- “ผู้ใดกินข้าวแดงท่านแลฆ่าท่านผู้มีคุณเสีย ผู้นั้นเป็นคนหากตัญญูไม่ ผู้ใดอาศัยอยู่ในแผ่นดินของท่านแล้ว คิดยกเอาแผ่นดินไปให้ผู้อื่นเสีย ผู้นั้นเป็นคนหาความสัตย์ไม่”
- “ขงเบ้งหัวเราะแล้วว่าคนทั้งปวงอย่าสงสัยเลย ทำไมกับจะจับตัวเบ้งเฮ็ก เหมือนหนึ่งไขกุญแจหีบหยิบเอาทอง แต่หากเราจะทำให้มันเกรงจงมาก”
- “ผู้ใดนอนหลับ ใจก็มิรู้สัญญา จักษุอันหลับอยู่นั้น จะดูสิ่งใดก็มิได้เห็น หอน้อยเรานี้ก็เป็นที่สำราญ ถึงเทศกาลฝนก็นอนอุ่น พระอาทิตย์เจ้าเอ๋ย อย่าเพ่อคล้อยคลับให้ลับหน้าต่าง หยุดส่องแสงอยู่ก่อน จะได้นอนให้สบาย”
- “ท่านทั้งปวงซึ่งรบเหนื่อยมิรู้ก็จะน้อยใจว่า จับเบ้งเฮ็กได้แล้วสิปล่อยไปเล่า เพราะเราเห็นเหตุว่า เบ้งเฮ็กนี้เป็นเจ้าเมืองบ้านนอก น้ำใจกระด้างนัก ผิดคนเมืองเรา จนได้ตัวมาแล้วมันยังไม่สารภาพแพ้ทีเดียว ซึ่งปล่อยมันไปนั้น เราคิดจะให้มันกลัวเกรง ทั้งภายนอกภายในให้จงหนักก่อนจึงจะกลับไปได้ ถ้าจะเอาแต่พอชนะร่อนๆ แล้วกลับไปเมือง จะยกไปทำการด้วยพระเจ้าโจผีเล่า ดีร้ายเบ้งเฮ็กจะยกไปตีเมืองเรา”
- “เราปล่อยแฮหัวหลิมเสียนั้นเหมือนเสียเป็ดตัวหนึ่ง ได้เกียงอุยมาไว้เหมือนได้หงส์ตัวหนึ่ง แต่บังทองตายแล้วก็ไม่เห็นผู้ใด ที่จะมีสติปัญญาเหมือนเกียงอุยฉะนี้”
- “คำโบราณกล่าวไว้ว่า ผู้จะเป็นขบถคิดร้ายต่อท่าน แม้ท่านไม่รู้ตัวจึงทำการได้สะดวก บัดนี้เบ้งตัดทะนงคิดการผิดไป แลสุมาอี้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ถ้ารู้ว่าเบ้งตัดเป็นขบถ จะไปบอกโจยอยทำไมให้ช้าการ จะรีบยกทหารมาสักสิบวันก็จะถึงตัวเบ้งตัด”
- “ถ้าจะทำใจอ่อนทิ้งเมืองเสียเหมือนท่านว่านั้น ทหารเราสองพันห้าร้อยสักหยิบมือหนึ่ง หรือจะหนีทหารสิบห้าหมื่นพ้น เขาก็จะไล่จับเอาดังหนู ประเดี๋ยวหนึ่งก็จะจูงจมูกมาได้สิ้น”
- “เรามาได้พบท่านวันนี้เพราะจะบอกความให้รู้ว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยนสิ้นบุญอยู่แล้ว ถ้าแลท่านได้เมืองเสฉวนก็เอ็นดูเถิด อย่าฆ่าอาณาประชาราษฎรเลย”
- “ขงเบ้งจึงทูลเอาใจว่า คำโบราณท่านว่า อันความตายนี้ย่อมมีทุกคน กวนอูห้าวหาญนักจึงเป็นอันตราย ท่านอย่าทุกข์ร้อนนักเลย รักษาไว้ให้ดีเถิด จะได้คิดอ่านยกกองทัพไปแก้แค้นดีกว่า”
- “อุยเอี๋ยนนี้เป็นคนใจมิตรง ครั้นจะกำจัดเสียก็เสียดายฝีมือ จำเป็นจำเอาไว้ใช้ไปพลาง นานไปอุยเอี๋ยนจะเป็นขบถต่อแผ่นดินเป็นมั่นคง”
- “ถ้าท่านมิคำนับเรา เราจะยกทหารเข้าไปเหยียบเมืองลกเอี๋ยงเสีย ตัวท่านเหมือนฝูงแพะอันเข้าอยู่ในปากเสือ สำหรับจะฉิบหายไปด้วยฝีมือทหารทั้งปวง”
- “เจ้าเรานี้หนุ่มแก่ความนัก มาเชื่อถ้อยคำขุนนางสอพลอยุยงฉะนี้ ที่ไหนเราจะทำการต่อไปได้ ครั้นเรามิไปบัดนี้ก็จะเป็นข้อขัดรับสั่ง ถ้าจะไปบัดนี้ก็เสียดายนัก สืบไปเบื้องหน้าจะกลับมาทำการสักร้อยครั้ง ก็มิอาจล่วงเข้ามาถึงที่นี้ได้”
- “ตัวข้าพเจ้าชราถึงเพียงนี้แล้ว แล้วก็รับรับสั่งพระเจ้าเล่าปี่ไว้ จึงตั้งใจทำนุบำรุงแผ่นดินของพระองค์ บัดนี้ศัตรูยุยงอยู่เหมือนวัณโรค อันมีพิษกำเริบอยู่ในอกข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจะคิดอ่านกำจัดศัตรูภายนอกเสียนั้นเห็นขัดสน”
- “ท่านว่านี้ต้องความคิดเรา ซึ่งจะทำการสงครามใช่จะสำเร็จในวันสองวันหามิได้ จำจะต้องคิดเป็นการปีจึงจะได้เมืองเตียงฮัน”
- “ตัวเราได้ออกปากแล้ว ครั้นจะคืนคำเสียทหารทั้งปวงก็จะดูหมิ่นได้ ตัวเรายังถืออาญาสิทธิ์อยู่ ถึงมาตรว่าเราเพลี่ยงพล้ำแก่ข้าศึกเราจะรักษาวาจาให้คงไว้ ซึ่งจะขัดเขาไว้นั้นเห็นไม่ชอบ ด้วยบิดามารดาบุตรภรรยาเขาจะคอยหากัน แล้วประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่า ถึงกำหนดผลัดเปลี่ยนแล้วจงเร่งพากันไปเถิด”
- “อ้ายเหล่าทหารเตียวคับอย่าตกใจกลัวเลย กูหาทำอันตรายไม่ มึงจงเร่งพากันกลับไปบอกแก่สุมาอี้เถิดว่า กูคิดอ่านทำการทั้งนี้ หวังจะจับม้าตัวหนึ่งอันมีพยศก็ไม่สมความคิด บัดนี้จับได้แต่เสือร้ายตัวหนึ่ง มึงจงกำชับสุมาอี้ให้ระวังตัว กูจะคิดอ่านจับให้ได้”
- “กวนหินนี้เป็นทหารเอก ทั้งมีใจสัตย์ซื่อเหมือนกวนอูผู้บิดา ควรที่จะช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินสืบไป ซึ่งกวนหินมาถึงแก่ความตายครั้งนี้ เหมือนเราเสียกำลังไปแก่ข้าศึกกึ่งหนึ่ง”
- “ธรรมดาคนทั้งปวงจะทำการสิ่งใด ก็ย่อมสำเร็จด้วยความคิด แม้การไม่ตลอดก็เพราะผู้นั้นมีกรรมอยู่”
- “อันธรรมดาเป็นชาติทหารแล้ว มิได้ออกมาจากค่ายฉะนี้ ก็เหมือนหนึ่งผ้าซับในกางเกงของหญิงซึ่งเราให้ไปนั้น แลเราทำการมาให้ทั้งนี้หวังจะให้สุมาอี้ อัปยศแก่ทหารทั้งปวง จะได้มีมานะออกรบพุ่งด้วยเรา”
- “ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็ร้องไห้แล้วจึงตอบว่า ทุกวันนี้ใช่เราไม่รู้หรือ ซึ่งเราทำการทั้งปวงนี้เพราะคิดถึงคุณพระเจ้าเล่าปี่ ครั้นจะละเลยก็หาผู้ใดที่จะไว้ใจมิได้ เราจึงอุตส่าห์มาทำการศึก หวังจะปราบปรามศัตรูแผ่นดิน จะได้บำรุงพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้อยู่เย็นเป็นสุข”
- “ตัวข้าพเจ้าชื่อจูกัดเหลียง คือขงเบ้ง เอากำเนิดมาในระหว่างแผ่นดินจลาจล พระเจ้าเล่าปี่อุตส่าห์ไปหาข้าพเจ้าถึงสามครั้ง ก็ได้มาช่วยทำการทำนุบำรุงแผ่นดิน พระเจ้าเล่าปี่นั้นมีพระคุณชุบเลี้ยงข้าพเจ้าถึงขนาด เมื่อพระองค์จะสวรรคตก็ได้สั่งการทั้งปวงไว้แก่ข้าพเจ้า แลข้าพเจ้าก็ได้คิดอ่านทำการสงคราม หวังจะกำจัดศัตรูแผ่นดิน แลการทั้งนี้ก็ไม่สำเร็จ บัดนี้เห็นดาวสำหรับตัวข้าพเจ้าเศร้าหมอง จะถึงกำหนดอายุอยู่แล้ว ตัวข้าพเจ้าตั้งใจทำการบำรุง พระมหากษัตริย์ก็ยังไม่สำเร็จ ขอเทพดาทั้งปวงจงให้กำลังแลชีวิตข้าพเจ้าไว้ก่อน จะได้ช่วยป้องกันดับร้อนอาณาประชาราษฎรสืบไป แล้วนั่งอ่านมนตร์ไปจนรุ่ง”
- “ความตายนี้เป็นบุราณกรรม ถึงมาตรว่าจะคิดอ่านแก้ไขประการใดก็ไม่พ้น ตัวเราครั้งนี้จะถึงความตายเป็นมั่นคง”
- “ตัวเราตั้งใจจะบำรุงพระมหากษัตริย์ก็ไม่สมความคิด เพราะชีวิตเราจะตายอยู่แล้ว แต่เรามีวิชาแลความรู้แลตำรา ซึ่งได้เรียนมาคิดเป็นอักษรสิบหมื่นสี่พันร้อยสิบสองตัว คิดเป็นความยี่สิบสี่ข้อ การพิชัยสงครามแลตำรา ดูฤกษ์บนฤกษ์ต่ำอยู่ในนั้นสิ้น เราพิเคราะห์ดูไม่เห็นผู้ใดซึ่งจะมีความอุตสาหะ เรียนตำราทั้งนี้ได้ เห็นแต่ท่านผู้เดียว มีสติปัญญาสัตย์ซื่อทั้งประกอบด้วยความเพียรเป็นอันมาก ควรจะรักษาตำราแลเรียน ให้ชำนาญไว้ได้ เกียงอุยได้ฟังดังนั้น ก็รับตำราทั้งนั้นไว้แล้วก็ร้องไห้”
- “ตัวเรานี้คิดจะอยู่ทำราชการ บัดนี้หาบุญไม่อายุจะถึงแก่ความตายในวันนี้พรุ่งนี้แล้ว ตัวท่านอยู่ภายหลังจงตั้งใจสุจริตต่อพระเจ้าเล่าเสี้ยน ให้เหมือนเรา ซึ่งจะใช้ผู้คนทำการสิ่งใดๆ จงประมาณการหนักแลเบากับสติปัญญาผู้นั้น ให้ควรแก่การจึงใช้ อันการข้างฝ่ายทหารแลตำราพิชัยสงครามนั้น เราก็สั่งเกียงอุยไว้เสร็จแล้ว ท่านจงกลับไปทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนก่อนเถิด ว่าเราเป็นคนบุญน้อย จะขอกราบถวายบังคมลาในวันพรุ่งนี้แล้ว”
- “เราทำการครั้งนี้ ถึงจะได้บำเหน็จความชอบสักเท่าใดก็ดี เห็นอายุเราจะสั้นเสียมั่นคง เพราะฆ่าชีวิตสัตว์เสียมากนัก”
- “ขงเบ้งจึงอุตส่าห์เขียนหนังสือ ซึ่งจะถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยนเป็นใจความว่า ข้าพเจ้าขงเบ้งขอกราบถวายบังคมมาให้ทราบ ด้วยข้าพเจ้าแจ้งอยู่ว่าบุราณกรรมมาถึงแล้ว แลตัวข้าพเจ้านี้ก็อุตส่าห์ตั้งใจทำราชการตามสติปัญญา พระเจ้าเล่าปี่ชุบเลี้ยงให้เป็นใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ข้าพเจ้ามีความวิตกอยู่ว่า ศัตรูฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ยังไม่ราบคาบ ควรหรือจะมาด่วนถึงแก่ความตาย ก็คิดแค้นอยู่ทุกเวลา แม้ข้าพเจ้าตายแล้ว พระองค์จงรักษาความสัตย์ บำรุงทหารอาณาประชาราษฎร ให้อยู่เย็นเป็นสุขตามประเพณี อย่าให้เชื่อฟังคำคนอันเป็นพาล บ้านเมืองจึงจะปรกติสืบไป อันในที่อยู่ข้าพเจ้านั้นมีต้นหม่อนสำหรับเลี้ยงไหม อยู่ถึงแปดร้อยต้น นาห้าสิบไร่ แลที่นากับต้นหม่อนนี้ ก็พอเลี้ยงบุตรภรรยาข้าพเจ้าอยู่แล้ว อันทรัพย์สิ่งของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ในเรือนนั้น ขอให้เอาเข้าไปไว้ในท้องพระคลังจะได้แจกทหาร”
กรุณาแสดงความคิดเห็น