ประวัติย่อและคารมคำคมของ กวนอู
ประวัติย่อของกวนอู
กวนอู (อังกฤษ: Guan Yu;จีนตัวย่อ: 关羽; จีนตัวเต็ม: 關羽; พินอิน: Guān Yǔ; เวด-ไจลส์: Kuan Yu) เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์เกิดเมื่อวันที่ 24 เดือน 6 จีนศักราชเอี่ยงฮี ปี พ.ศ. 704 ในรัชสมัยของพระเจ้าฮั้นฮวนเต้ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เดือนที่ 7 จีนศักราชเคี่ยงเซ้ง ปี พ.ศ. 762 ในรัชสมัยของพระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้ มีชื่อรองว่า "หุนเตี๋ยง" (จีน: 云长) เป็นชาวอำเภอไก่เหลียง
ลักษณะตามคำบรรยายในวรรณกรรมสามก๊ก กวนอูเป็นผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ 9 ฟุตจีนหรือประมาณ 6 ศอก ใบหน้าแดงเหมือนผลพุทราสุก นัยน์ตายาวรี คิ้วดั่งหนอนไหม หนวดเครางามถึงอก มีง้าวรูปจันทร์เสี้ยว ยาว 11 ศอก หนัก 82 ชั่ง เป็นอาวุธประจำกายเรียกว่า "ง้าวมังกรเขียว" หรือ "ง้าวมังกรจันทร์ฉงาย" ในจินตนาการของศิลปินมักวาดภาพหรือปั้นภาพให้กวนอูแต่งกายด้วยชุดสีเขียวและมีผ้าโพกศีรษะ กวนอูมีความเชี่ยวชาญและเก่งกาจวิทยายุทธ จงรักภักดี กตัญญูรู้คุณ มีคุณธรรมและซื่อสัตย์เป็นเลิศ
ในวัยหนุ่มฉกรรจ์กวนอูได้พลั้งมือฆ่าปลัดอำเภอและน้าชายตายจนต้องหลบหนีการจับกุม และพบกับเล่าปี่และเตียวหุยจนร่วมสาบานตนเป็นพี่น้องกันในสวนท้อ ร่วมทำศึกกับเล่าปี่มาโดยตลอด เป็นหนึ่งในห้าทหารเสือของเล่าปี่ ครองเกงจิ๋วร่วมกับกวนเป๋งบุตรบุญธรรมและจิวฉอง
ภายหลังถูกแผนกลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลของลกซุนและลิบองจนเสียเมืองเกงจิ๋ว กวนอูคับแค้นใจที่พลาดท่าเสียทีลกซุนและลิบองจึงนำทัพไปตีเกงจิ๋วเพื่อแย่งชิงคืน แต่ถูกจูเหียนและพัวเจี้ยงจับได้พร้อมกวนเป๋งที่เขาเจาสันและถูกประหารในปี พ.ศ. 762 รวมอายุได้ 58 ปี
คำคม กวนอู
- “ตัวเราก็มิได้รักชีวิต อันความตายอุปมาเหมือนนอนหลับ ท่านเร่งกลับไปบอกแก่โจโฉให้ตระเตรียมทหาร ไว้ให้พร้อมเราจะยกลงไปรบ”
- “ข้าพเจ้าก็มีฝีมืออยู่บ้าง ซึ่งว่าจะขออาสาไปตัดศีรษะงันเหลียงมาให้แก่ท่านเห็นจะไม่ยากนัก อุปมาเหมือนเอาตะเกียบหยิบของกินในโต๊ะ”
- “อันบิดานี้ก็มีฝีมือเลื่องลืออยู่ แต่ทหารโจโฉเป็นอันมากนับตั้งแสน บิดากับม้าตัวเดียวก็ยังไม่ต้องเกาทัณฑ์ แลอาวุธทั้งปวง ขับม้ารบพุ่งรวดเร็วเป็นหลายกลับ อุปมาเหมือนเข้าดงไม้อ้อแลออกจากพงแขม จะกลัวอะไรแก่ทหารเมืองกังตั๋งเพียงนี้ ดังหนูอันหาสง่าไม่ได้ ออกปากว่าจะไปแล้วจะให้เสียวาจาไย”
- “เป็นประเพณีอยู่แล้ว ถ้าบุตรดีมารดาบิดาก็เป็นสุข แม้บุตรชั่วมารดาบิดาก็ทุกข์ด้วย”
- “บุตรท่านก็มีอยู่ เหตุไฉนจึงจะเอาผู้อื่นมาเป็นเนื้อ เหมือนหนึ่งเลี้ยงลูกปลูกหอย นานไปเห็นจะได้ความเดือดร้อน”
- “อันเราพี่น้องสามคนอุปมาดุจหงส์ ซึ่งจะอาศัยในป่านี้ไม่สมควร”
- “ข้าพเจ้าจะอาสาออกไปครั้งนี้ ถ้าไม่ได้ศีรษะฮัวหยงเข้ามา ขอท่านจงเอาศีรษะข้าพเจ้าไว้แทนเถิด”
- “เราเป็นชายชาติทหารชาวเมืองไก่เหลียง อันพระเจ้าเล่าปี่ก็ได้ให้ความสัตย์ปฏิญญาเป็นพี่น้องกัน จะสู้เสียชีวิตด้วยกัน อันเราจะกลับไปเข้าด้วยศัตรูนั้นหามิได้ ถึงเราจะแพ้ก็จะขอตายด้วยความสัตย์ ขึ้นชื่อว่าชาติแก้วแล้วถึงจะแตกจะทำลายก็ไม่หายชื่อ อนึ่งชาติไม้ก็คงเป็นไม้หากลายเป็นอื่นไม่ ถึงตัวเราจะตายก็ให้ปรากฏชื่อไปภายหน้า ท่านอย่าพักว่าไปเลย จงกลับไปบอกซุนกวนเถิด เราจะขอทำสงครามด้วยท่านกว่าจะสิ้นชีวิต”
- “ลิโป้เป็นคนพูดเพราะ แต่เจรจาหาสัตย์มิได้ ซึ่งท่านจะคบสืบไปนั้นเห็นไม่สมควร”
- “ตัวท่านมีสีสันสมบูรณ์ เราเห็นว่าจะมีสติปัญญาแลความละอาย เป็นไฉนมาอยู่ในเงื้อมมือลิโป้ ซึ่งเป็นคนหยาบช้า เราเห็นไม่ควร”
- “ซึ่งท่านจะฆ่าเตียวเลี้ยวนั้นขอให้งดก่อน ด้วยเตียวเลี้ยวเป็นคนสัตย์ซื่อ ควรจะเลี้ยงไว้ให้ทำราชการด้วยท่าน ถ้าสืบไปเตียวเลี้ยวเอาใจออกหากคิดทำร้ายต่อท่าน จึงตัดเอาศีรษะข้าพเจ้าแทนเถิด”
- “ตัวเราถือความสัตย์มั่นคงอยู่ว่า ถึงตัวจะตายก็ไม่ได้เข้ากับผู้ใด”
- “ตัวข้าพเจ้าเป็นเชลยท่านมิได้ฆ่าเสีย แล้วออกไปรับข้าพเจ้าถึงนอกค่ายนั้น คุณหาที่สุดมิได้”
- “ตัวเราเกิดมาเป็นชาย รักษาสัตย์มิให้เสียวาจา ถึงมาตรว่าเล่าปี่จะถึงแก่ความตาย เราก็จะตายไปตามความที่ได้สาบานไว้”
- “คุณของมหาอุปราชก็มีอยู่แก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก แล้วยังเอาเสื้อมาให้อีกเล่า แม้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ก็จะแทนคุณมหาอุปราชสืบไป”
- “ซึ่งท่านทำคุณแก่เราครั้งนี้ เราขอบใจนัก ถ้าชีวิตเรามิตายไป ภายหน้าเราจะแทนคุณท่าน”
- “ได้เกิดมาเป็นชาย แล้วคบกันมาเป็นโจรอยู่ในป่าฉะนี้ ผู้ใดจะนับถือว่าดี จงทิ้งความชั่วเสียเถิด พากันไปทำมาหากิน อยู่ในบ้านเมืองโดยปรกติดีกว่า”
- “ซึ่งท่านจะด่วนเชื่อฟังคำคนบอกเล่านั้น ไม่ควร เพราะว่าไม่ได้เห็นแก่ตา มิได้ยินแก่หู”
- “เราได้ออกปากไว้ว่า ผู้ใดไม่มีอาวุธอยู่กับมือ เราจะไม่ทำอันตราย บัดนี้ฮองตงล้มลงแล้วอาวุธพลัดมือไป ครั้นเราจะฆ่าเสียก็ไม่ควร”
- “คำของอาจารย์นี้ ข้าพเจ้าแหวกอกสวมใส่ไว้ในใจไม่ลืมเลย”
- “ท่านให้มีหนังสือไปหาเรามาจะกินโต๊ะเล่น บัดนี้เป็นหน้าเหล้าหน้าข้าวอยู่ ซึ่งท่านจะเอาการบ้านเมืองมาว่านี้ไม่ควร”
- “อายุเราก็ถึงห้าสิบเศษแล้ว จะเป็นประการใดก็ตามเถิด อันเกิดมาเป็นชาย จะกลัวความตายก็หาควรไม่”
- “ตัวกูหายอมเป็นบ่าวมึงไม่ อนึ่งก็ได้ถือน้ำพิพัฒน์สัจจาไว้ต่อเล่าปี่ จะช่วยเอาราชสมบัติให้เล่าปี่อันเป็นเชื้อพระวงศ์ ซึ่งกูจะอยู่ด้วยมึงอันเป็นศัตรูราชสมบัตินั้นไม่อยู่แล้ว ครั้งนี้กูแพ้ความคิดมึง มึงจับตัวกูได้อย่าพักพูดเกลี้ยกล่อมเลยให้ป่วยการปาก กูเป็นชาติทหารจะกินข้าวแดงเป็นสองเจ้านั้นหามิได้ จะสู้ตาย”
กรุณาแสดงความคิดเห็น