เห็นสตีฟ จ็อบส์ แล้วก็อดนำไปเปรียบเทียบกับ "จูกัดเหลียง ขงเบ้ง" ยอดอัจฉริยะแห่งยุคสามก๊กไม่ได้ บุรุษสองท่านนี้ถือกำเนิดในเวลาห่างกันประมาณ 1,800 ปี แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันหลายประการ อาทิเช่น ความเป็นคนแปลกเข้าใจยาก รักความสงบแต่ก็ชอบคิดชอบทำ ไม่ยอมหยุดนิ่ง ทำงานจนลืมรักษาสุขภาพ อายุสั้น แต่งตัวด้วยชุดและเสื้อผ้าแบบเดิม ๆ เป็นศิลปิน เป็นนักประดิษฐ์ เป็นนักพูด เป็นนักวางกลยุทธ์ เป็นนักบริหาร เป็นผู้นำ แต่ที่สำคัญคือเป็น "ผู้เปลี่ยนโลก"
"Some see what's possible, Other change what's possible."
"บางคนมองเห็นสิ่งที่เป็นไปได้ บางคนลงมือทำ ให้มันเป็นไปได้"
เป็นคำโปรยบนภาพโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่อง "JOBS" หรือ "สตีฟ จ็อบส์ อัจฉริยะเปลี่ยนโลก"
ภาพยนตร์เกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของอัจฉริยบุรุษแห่งยุค ผู้สร้างตำนานให้กับบริษัทแอปเปิล บุรุษผู้ไม่เคยหยุดฝัน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาวทั่วโลก
"สตีฟ จ็อบส์" (Steve Jobs) ก็เหมือนอัจฉริยะหลาย ๆ คนที่มักจะมีบุคลิกพิเศษ เขาเป็นทั้งนักประดิษฐ์และศิลปิน เป็นหนุ่มมาดเซอร์เหมือนคนติดยา มองอย่างผิวเผินไม่น่าจะเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง เขาเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ลึกลับคาดเดายาก ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีพลังขับเคลื่อนสูง ทั้งต่อตนเองและต่อองค์กร เขาดึงพลังและความคิดสร้างสรรค์ในตัวออกมาได้อย่างไม่สิ้นสุด
เห็นสตีฟ จ็อบส์ แล้วก็อดนำไปเปรียบเทียบกับ "จูกัดเหลียง ขงเบ้ง" ยอดอัจฉริยะแห่งยุคสามก๊กไม่ได้ บุรุษสองท่านนี้ถือกำเนิดในเวลาห่างกันประมาณ 1,800 ปี แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันหลายประการ อาทิเช่น
คิดไปคิดมา หากสตีฟ จ็อบส์ไปเกิดในยุคสามก๊กก็สนุก ขงเบ้งมาเกิดในยุคนี้ก็คงมันส์ สองคนนี้ถ้าไม่ประสานงานกันเปลี่ยนโลก ก็คงฟัดกันสนั่นกว่า "ขงเบ้ง - สุมาอี้" หรือ "iPhone - Samsung"
ต่อไปนี้เป็น 10 ข้อคิด - คำคม ที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง "JOBS" ลองดูกันว่า คุณเห็นขงเบ้งในตัวสตีฟ จ็อบส์บ้างไหม ?
"สตีฟ จ็อบส์" (Steve Jobs) ก็เหมือนอัจฉริยะหลาย ๆ คนที่มักจะมีบุคลิกพิเศษ เขาเป็นทั้งนักประดิษฐ์และศิลปิน เป็นหนุ่มมาดเซอร์เหมือนคนติดยา มองอย่างผิวเผินไม่น่าจะเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง เขาเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ลึกลับคาดเดายาก ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีพลังขับเคลื่อนสูง ทั้งต่อตนเองและต่อองค์กร เขาดึงพลังและความคิดสร้างสรรค์ในตัวออกมาได้อย่างไม่สิ้นสุด
เห็นสตีฟ จ็อบส์ แล้วก็อดนำไปเปรียบเทียบกับ "จูกัดเหลียง ขงเบ้ง" ยอดอัจฉริยะแห่งยุคสามก๊กไม่ได้ บุรุษสองท่านนี้ถือกำเนิดในเวลาห่างกันประมาณ 1,800 ปี แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันหลายประการ อาทิเช่น
- เหนือความคาดหมาย ขงเบ้งมีเล่ห์กลแพรวพราว อุบายล้ำลึก ส่วนจ็อบส์ฉลาดหลักแหลม และมองการณ์ไกล
- รักความสงบ ขงเบ้งเป็นปราชญ์เต๋า ถือสันโดษ ส่วนจ็อบส์นับถือในวิถีเซน
- ชอบคิดชอบทำ ไม่ยอมหยุดนิ่ง ขยันมากทั้งคู่ทำงานจนลืมรักษาสุขภาพ อายุสั้น ขงเบ้งอายุ 53 ส่วนจ็อบส์ 56
- ชอบความเรียบง่าย แต่งตัวด้วยชุดและเสื้อผ้าแบบเดิม ๆ ขงเบ้งแต่งตัวเป็นอาจารย์เต๋าถือพัด ส่วนจ็อบส์ใส่เสื้อแขนยาวคอเต่า กางเกงยีนสีน้ำเงิน
- เป็นนักประดิษฐ์ ขงเบ้งประดิษฐ์หน้าไม้กล โคยนต์ม้าไหล กับระเบิด โคมลอย ค่ายกล ส่วนจ๊อบส์สร้างคอมพิวเตอร์ Macintosh iPod iPhone iPad ระบบ iOS รวมถึงการ์ตูนอนิเมชั่นอย่าง Toy Story
- เป็นศิลปินผู้รักในเสียงเพลง ขงเบ้งดีดพิณ ตีขิม เล่นกระจับปี่ ส่วนจ็อบส์เป็นแฟนเพลงตัวยงของ Bob Dylan และ The Beatles
- เป็นนักพูด เป็นนักวางกลยุทธ์ เป็นนักบริหาร เป็นผู้นำ ฯลฯ
- แต่ที่สำคัญคือ อัจฉริยะทั้งสองเป็น "ผู้เปลี่ยนโลก"
คิดไปคิดมา หากสตีฟ จ็อบส์ไปเกิดในยุคสามก๊กก็สนุก ขงเบ้งมาเกิดในยุคนี้ก็คงมันส์ สองคนนี้ถ้าไม่ประสานงานกันเปลี่ยนโลก ก็คงฟัดกันสนั่นกว่า "ขงเบ้ง - สุมาอี้" หรือ "iPhone - Samsung"
ต่อไปนี้เป็น 10 ข้อคิด - คำคม ที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง "JOBS" ลองดูกันว่า คุณเห็นขงเบ้งในตัวสตีฟ จ็อบส์บ้างไหม ?
1. I’m not dismissing the value of higher education; I’m simply saying it comes at the expense of experience.
"ผมไม่ได้เพิกเฉยต่อความสำคัญของการศึกษา ผมเพียงแต่ต้องการจะสื่อว่า สิ่งที่มีค่ามากกว่าคือประสบการณ์"
จ็อบส์ ไม่ได้เรียนเพื่อหวังวุฒิการศึกษา สิ่งที่เขาต้องการคือประสบการณ์ ความรู้ใหม่ ๆ เขาเลือกเรียนในวิชาที่ไม่ค่อยมีใครสนใจอย่างวิชาศิลปะการเขียนอักษร(Calligraphy) และเดินทางจารึกแสวงบุญในประเทศอินเดียกับแดเนียล ค็อตเค เพื่อนสนิทของเขา
จ็อบส์ให้ความสำคัญกับ ศิลปวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะมันคือประสบการณ์ชีวิตอันไม่อาจหาได้ในห้องเรียน ซึ่งต่อมาสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ของสตีฟ จ็อบส์
ขงเบ้งเรียนรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ มากมายหลายสาขา รวมทั้งใช้เวลาว่างท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ ตามที่ปรากฏว่าเล่าปี่ต้องเดินทางมาหาเขาถึงสามครั้ง กว่าจะได้เจอกัน ดังนั้นขงเบ้งจึงไม่ใช่คนประเภท เช้าค่ำจมอยู่แต่ในกองตำรา แต่คือคนที่รักในการแสวงหาความรู้ในทุกสรรพสิ่ง ปรัชญาชีวิตของบุรุษทั้งสองต้องตรงกัน
จ็อบส์ ไม่ได้เรียนเพื่อหวังวุฒิการศึกษา สิ่งที่เขาต้องการคือประสบการณ์ ความรู้ใหม่ ๆ เขาเลือกเรียนในวิชาที่ไม่ค่อยมีใครสนใจอย่างวิชาศิลปะการเขียนอักษร(Calligraphy) และเดินทางจารึกแสวงบุญในประเทศอินเดียกับแดเนียล ค็อตเค เพื่อนสนิทของเขา
จ็อบส์ให้ความสำคัญกับ ศิลปวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะมันคือประสบการณ์ชีวิตอันไม่อาจหาได้ในห้องเรียน ซึ่งต่อมาสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ของสตีฟ จ็อบส์
ขงเบ้งเรียนรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ มากมายหลายสาขา รวมทั้งใช้เวลาว่างท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ ตามที่ปรากฏว่าเล่าปี่ต้องเดินทางมาหาเขาถึงสามครั้ง กว่าจะได้เจอกัน ดังนั้นขงเบ้งจึงไม่ใช่คนประเภท เช้าค่ำจมอยู่แต่ในกองตำรา แต่คือคนที่รักในการแสวงหาความรู้ในทุกสรรพสิ่ง ปรัชญาชีวิตของบุรุษทั้งสองต้องตรงกัน
2. The greatest artists like Dylan, Picasso and Newton risked failure. And if we want to be great, we’ve got to risk it too.
"ยอดคนอย่างดีแลน พีกัสโซ่ และ นิวตัน ล้วนเคยสุ่มเสี่ยงต่อความล้มเหลว ถ้าพวกเราต้องการเป็นยอดคน เราก็ต้องเสี่ยงด้วย"จ็อบส์ไม่เคยลังเลที่จะเสี่ยง ถ้าเขาต้องการอะไรเขาจะร้องขอทันที ในวัยเด็กเมื่อครั้งอายุเพียง 12 ปี เขาโทรหาบิล ฮิวเลตต์ (Bill Hewlett) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท HP เพื่อขอชิ้นส่วนอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปรากฏว่าจ็อบส์ไม่เพียงแต่จะได้อะไหล่มาทดลองเท่านั้น เขายังได้เข้าทำงานกับบริษัท HP ในช่วงพักร้อนอีกด้วย
ทั้งนี้ จ็อบส์เคยกล่าวว่า "แม้จะล้มลงหรือถูกแผดเผา คุณต้องกล้าที่จะล้มเหลว เพราะถ้าคุณกลัวมัน คุณก็จะไปได้ไม่ไกล" และ "หลายคนไม่เคยหยิบโทรศัพท์มาโทร หลายคนไม่เคยร้องขอ นั่นคือความแตกต่าง ระหว่างคนที่ลงมือทำกับคนที่เอาแต่ฝัน"
ขงเบ้งเสี่ยงภัยไปยั่วยุซุนกวนจิวยี่ให้รบกับโจโฉ เสี่ยงภัยไปเคารพศพจิวยี่ หรือเสี่ยงตีขิมบนกำแพงหลอกสุมาอี้ ขงเบ้งกล้าร้องขอ กล้าทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เป็นปัจจัยหนึ่งของการก้าวขึ้นเป็นยอดคน
สตีฟ จ็อบส์ (ซ้าย) กับ เอชตัน คุชเชอร์ (ขวา) นักแสดงนำในภาพยนตร์ "JOBS - สตีฟ จ็อบส์ อัจฉริยะเปลี่ยนโลก" |
3. How does somebody know what they want if they haven’t even seen it ?
"ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร ถ้าพวกเขายังไม่เคยเห็นมันด้วยซ้ำ ?"จ็อบส์ไม่เชื่อในผลสำรวจกลุ่มลูกค้าตัวอย่างหรือผลโพล เขามองว่าสิ่งเหล่านี้ไร้ค่า เขาเชื่อมั่นแต่เพียงว่า เขาจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดที่ตัวเขาเองต้องการใช้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดสำหรับแนวความคิดนี้ก็คือ ก่อนหน้านี้ในปี 2010 เรารู้จักแต่เพียงแลปท๊อปหรือสมารท์โฟน ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจะมีอุปกรณ์อย่าง iPad แต่เมื่อคนนับล้านได้ทดลองใช้มัน iPad ก็กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ จ็อบส์ไม่เพียงแต่สร้างสิ่งที่ดีกว่า แต่เขาสร้างสิ่งที่แปลกใหม่อยู่เสมอ
ขงเบ้งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และมักจะล้ำหน้าศัตรูคู่แข่งขัน กลอุบายของเขาไม่ใช่แค่เหนือกว่า แต่ล้วนเป็นกลอุบายแปลกใหม่ ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ค่ายกลแปดทิศ อุบายยืมลูกเกาทัณฑ์ กลเมืองร้าง ถอยทัพเพิ่มเตา เจ็ดจับเจ็ดปล่อย ฯลฯ ล้วนเป็นที่น่าจดจำ
4. Everything around you that you call life was made up by people that were no smarter than you, and you can change it, you can influence it, you can build your own things that other people can use.
"สรรพสิ่งรอบ ๆ ตัว ที่คุณเรียกว่าวิถีชีวิตนั้น ถูกสร้างโดยกลุ่มคนที่มิได้มีสติปัญญาเหนือกว่าคุณ คุณสามารถเปลี่ยนมันได้ คุณสามารถชี้นำได้ คุณสามารถสร้างอะไรของคุณเองได้ และทำให้คนเหล่านั้นใช้มัน"เอชตัน คุชเชอร์ (Ashton Kutcher) นักแสดงนำที่รับบทเป็นจ็อบส์ ชอบคำพูดนี้มากและนำไปกล่าวไว้ในรายการเปิดตัวรายการหนึ่ง คำกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงตัวตนของผู้ชายชื่อ สตีฟ จ็อบส์ อย่างชัดเจน โดยที่มาของคำพูดนี้อยู่ในบทสัมภาษณ์ของจ๊อบส์ ปี 1995 ในสมาคมประวัติศาสตร์ Santa Clara Valley Historical Association ซึ่งจ็อบส์ได้กล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า
"เมื่อคุณเติบโตขึ้น คุณมักจะได้รับการสั่งสอนว่าโลกของเรามันก็เป็นแบบนี้ จงใช้ชีวิตเรียบง่าย อย่าดื้อรั้นหัวชนฝา .... คำพูดแบบนี้มันคือกะลาครอบดี ๆ นั่นเอง ... การค้นพบอะไรใหม่ ๆ แม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ชีวิตของเรามีค่ามากขึ้น สรรพสิ่งรอบ ๆ ตัว ที่คุณเรียกว่าวิถีชีวิตนั้น ถูกสร้างโดยกลุ่มคนที่มิได้มีสติปัญญาเหนือกว่าคุณ ... จงละทิ้งความเชื่อที่ผิด ๆ นี้ เพราะเราไม่ได้มีชีวิตเพียงเพื่อผ่านไปวัน ๆ แต่จงสร้างมันขึ้นมา จงตระหนักในสิ่งนี้ ชีวิตของคุณจะต้องเปลี่ยนไป "Don’t just live a life; build one." - ไม่ใช่แค่ใช้ชีวิต แต่จงสร้างมัน !
ขงเบ้ง เป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเองสูงเหมือนกับจ๊อบส์ เขาลงจากเขาโงลังกั๋งมาพร้อมกับเล่าปี่ ด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า หนุ่มบ้านนาชาวดอยอย่างเขาสามารถเปลี่ยนโลกได้ ความอหังการ์และพลังความมั่นใจแบบนี้ เป็นคุณสมบัติของยอดคน ตามแบบฉบับ "ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน"
Steve Jobs: Secrets of Life - คลิปวีดีโอที่แสดงถึงพลังและความมานะของสตีฟ จ็อบส์
5. I would rather gamble on our vision than make a ‘me, too’ product.
"ผมขอท้าพนันกับวิสัยทัศน์ มากกว่าสร้างผลิตภัณฑ์ประเภท 'ฉันด้วย' "หลาย ๆ คนคงเคยเจอเหตุการณ์นั่งในร้านอาหารแล้วไม่รู้จะเลือกกินอะไร แต่พอมีเพื่อนคนหนึ่งสั่งกระเพราไก่ไข่ดาว เราก็พากันสั่งตามว่า "ฉันด้วย ๆ" เพื่อกินให้อื่มท้องไปวัน ๆ สตีฟ จ็อบส์ เชื่อมั่นในความฝัน เขามีความคิดที่จะย่อคอมพิวเตอร์มาไว้ในฝ่ามือ ตั้งแต่ช่วงปี 1970 ซึ่งเป็นยุคที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเพิ่งจะวางจำหน่าย วิสัยทัศน์ของเขาก้าวล้ำหน้าคนอื่นไปหลายเท่าตัว
ครั้งหนึ่ง บริษัท Xerox ควรจะได้ครองตลาดคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เพราะนักวิจัยของพวกเขาสามารถคิดค้นระบบส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟฟิก (Graphical User Interface : GUI ,อ่านว่ากูอี้ ) อันเป็นต้นแบบของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในปัจจุบัน ได้เป็นบริษัทแรก แต่ Xerox กลับทำผิดมหันต์ เพราะมีวิสัยทัศน์คับแคบ หวังเพียงผลิตแต่เครื่องถ่ายเอกสารเท่านั้น ดังนั้นจงอย่าประเมินค่าของวิสัยทัศน์ต่ำ เพราะมันจะสามารถเป็นแรงผลักดันคุณ และขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้า
ขงเบ้งมีวิสัยทัศน์หนึ่งที่เขาแสดงต่อเล่าปี่เมื่อพบกันครั้งแรก เรียกว่า "ยุทธศาสตร์หลงจง" สิ่งนี้คือธงชัย ที่จ๊กก๊กใช้เป็นยุทธศาสตร์หลัก และเป็นแรงผลักดันให้เล่าปี่ตั้งตนเป็นกษัตริย์ได้สำเร็จ แล้ววันนี้เรามีวิสัยทัศน์ประจำตัวกันหรือยัง !?
6. We’ve got to make the small things unforgettable.
"ทำเรื่องเล็ก ๆ ให้ตราตรึงใจ"จ็อบส์เป็นคนละเอียด ปราณีตในทุกสิ่ง เขาโกรธวิศวกรของเขาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เพียงเพราะอุปกรณ์ภายในของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีใครเห็น จัดเรียงไม่สวยงาม เขาไปตรวจดูโรงงานผลิตกล่องกระดาษเอง เพื่อเตรียมข้อมูลให้แก่ผู้บริหาร เจ้าของโรงงานกล่าวว่าตั้งแต่ทำกล่องให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มานับพันบริษัท ไม่เคยมีบริษัทไหนจุกจิกเท่า Apple
จ็อบส์จะต้องตรวจสอบคุณภาพของกล่อง ทั้งสีสัน วัสดุภายนอก ภายใน ละเอียดทุกซอกทุกมุม เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อลูกค้าเปิดกล่อง iPhone ออกมาแล้วจะต้องประทับใจ และได้รับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่หลาย ๆ บริษัทมองข้าม
ขงเบ้งมีนิสัยคล้ายสตีฟ จ๊อบส์ เพราะละเอียด ปราณีต ทำงานตัวเป็นเกลียว ใส่ใจทุกเรื่องตั้งแต่ไม้จิ้มฟัน ยันเรือรบ เพราะเขาต้องการให้ทุกอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ เขามีอุบายล้ำเลิศมากมาย แต่อุบายเล็ก ๆ น้อยก็เคยใช้เอาชนะใจคนมาแล้ว เช่น สร้างของกินธรรมดา ๆ อย่าง "หมั่นโถว" มาลอยน้ำเพื่อซื้อใจและศรัทธาจากชาวม่านเป็นต้น ส่วนในวิธีการทำงานของขงเบ้งนั้น เป็นไปตามที่ทหารของขงเบ้งเคยบอกกับสุมาอี้ว่า "ขงเบ้งทำงานหนักมาก นอนดึก ตื่นแต่เช้า พิจารณาปัญหาทุกเรื่องอย่างละเอียดถี่ถ้วน"
Steve Jobs Infographic - ประวัติของสตีฟ จ็อบส์ ในแบบอินโฟกราฟฟิค |
7. Here’s to the crazy ones. The misfits. The rebels. The trouble-makers. The round pegs in the square holes. The ones who see things differently…they change things. They push the human race forward. And while some may see them as the crazy ones, we see genius.
"แด่คนบ้า คนแปลกแยก คนหัวขบถ คนสร้างปัญหา คนไม่เต็มบาท คนที่คิดเห็นอย่างแตกต่าง ... เพราะพวกเขาสร้างความเปลี่ยนแปลง พวกเขาผลักดันมนุษยชาติให้เดินก้าวไปข้างหน้า และในขณะที่ใครต่อใครพากันมองว่าพวกเขาบ้า เรากลับมองว่า พวกเขาเป็นอัจฉริยะ"จ็อบส์เคยพูดว่าสิ่งที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh เป็นเลิศนั้น เกิดจากการผสมของทีมงานที่เขาเลือก ซึ่งประกอบด้วย นักดนตรี กวี ศิลปิน นักสัตววิทยา และนักประวัติศาสตร์ ที่พอจะมีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มาทำงานร่วมกัน จนกลายเป็นทีมงานที่เต็มไปด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์
หลาย ๆ บริษัทมองข้ามการจ้างคนที่มีความรู้ความสามารถในด้านอื่น มาร่วมงานเพราะคิดว่าไม่คุ้มค่า แต่จ๊อบส์คิดต่าง และเลือกจ้างคนจากหลากหลายสาขาอาชีพ มาร่วมงานกันกับเขา
ขงเบ้งชอบคบหาบัณฑิต มิตรสหายของเขาแต่ละคนล้วนมีลักษณะซับซ้อนอย่างโดดเด่น อาทิเช่น โก๊ะจงหงวน เบงคงอุย ชีซี ซุยเป๋ง และบังทอง ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนเป็นนักปราชญ์ระดับแนวหน้าของยุคสามก๊ก พวกเขามักมีพฤติกรรมแปลก ๆ เข้าใจยาก ก้ำกึ่งระหว่างคนกับผู้วิเศษ แต่ละคนก็ต่างมีปรัชญาและแนวทางการดำเนินชีวิตเป็นของตัวเอง เป็นที่มาของพลังความคิดสร้างสรรค์อันไม่รู้จบสิ้นของขงเบ้ง
8. You’ve got to have a problem that you want to solve; a wrong that you want to right.
"คุณจำเป็นต้องมีปัญหาที่คุณต้องการแก้ไข , เรื่องร้ายที่ต้องการให้กลายเป็นดี"จ็อบส์ เป็นสุดยอดนักพรีเซ็นต์งานคนหนึ่งของโลก ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของเขา เขามักจะแสดงให้ผู้ฟังรู้ว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง ยกตัวอย่างในการเปิดตัว iTunes Music Store ในปี 2003 ซึ่งจ็อบส์พยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหาของการแชร์เพลง MP3 ที่เป็นการบ่อนทำลายวงการเพลงและความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน ความสำคัญของ iTunes Music Store ที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการซื้อเพลงใน iTunes Music Store ในราคาเพลง 99 เซ็นต์ ทำให้ได้ประโยชน์ทั้งค่ายเพลง และผู้บริโภคที่ไม่ต้องซื้อเพลงทั้งอัลบัม ทั้ง ๆ ที่ต้องการฟังเพียงแค่เพลงเดียว
จ็อบส์ชี้ให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งค่ายเพลงและผู้บริโภคเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง แนวความคิดของเขาเป็นที่พอใจของคนทุกฝ่าย
ขงเบ้งมักเกลี้ยกล่อมคนโดยชี้ให้เห็นถึงปัญหา ข้อดีข้อเสีย และเสนอแนวทางแก้ปัญหาเหมือนที่จ็อบส์ทำ วาทศิลป์ของขงเบ้งเป็นเลิศและประจักษ์ชัดอยู่ในหลายเหตุการณ์ วิธีการโน้มน้าวจิตใจคนของอัจฉริยะบุรุษทั้งสอง ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีติ
งานเปิดตัว iTunes Music Store และวิธีโน้มน้าวชั้นยอดของจ็อบส์
9. It [what you choose to do] has got to be something that you’re passionate about because otherwise you won’t have the perseverance to see it through.
"คุณจะต้องมีความหลงไหลในสิ่งที่คุณทำ ไม่เช่นนั้น คุณก็อาจจะไม่สามารถทนเห็นมันสำเร็จลุล่วงไปได้"จ็อบส์เชื่อว่า ความรักและหลงไหลในสิ่งที่ทำเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ เขาพูดถึงความหลงไหลนี้อยู่บ่อยครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะพบคำพูดนี้ในภาพยนตร์ ‘Jobs’ ซึ่งที่มาของคำพูดนี้ ดัดแปลงมาจากสุนทรพจน์ ที่จ็อบส์กล่าวต่อผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Stanford ปี 2005 ใจความว่า
“คุณต้องหาสิ่งที่คุณรักให้เจอ... เพราะคุณจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน วิธีเดียวที่จะทำให้คุณจะพอใจกับชีวิตได้อย่างแท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่คุณคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุด และวิธีเดียวที่จะทำให้มันยอดเยี่ยมที่สุดนั่นก็คือ จงรักในสิ่งที่คุณทำ แต่ถ้าคุณยังหาสิ่งนั้นไม่พบ ก็จงค้นหามันต่อไป อย่าหยุดนิ่ง หัวใจของเราจะบอกเราเอง เมื่อเราได้ค้นพบมัน"
ขงเบ้งเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรัก และความเพียรพยายามในสิ่งที่ทำ เป็นตัวอย่างคนคนที่ตั้งใจจะทำอะไรแล้ว เขาก็ต้องทำมันให้สำเร็จ อย่างเช่นการสนับสนุนเล่าปี่ เล่าเสี้ยนให้เป็นใหญ่ เพราะรักในราชวงศ์ฮั่น การบุกตีวุยก๊กทางเขากิสานซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายคนมองว่าดื้อรั้นดันทุรัง โดยไม่มองว่าแท้จริงแล้วนี่คือคุณสมบัติหนึ่งของยอดคน ...
สุนทรพจน์เขย่าโลกของ สตีฟ จ็อบส์ ที่มหาวิทยาลัย Stanford มียอดเข้าชมหลายล้านครั้ง
(ชมแบบมีบทบรรยายไทยได้ที่ http://youtu.be/7yciGpzhcVk)
(ชมแบบมีบทบรรยายไทยได้ที่ http://youtu.be/7yciGpzhcVk)
10. In your life you only get to do so many things and right now we’ve chosen to do this, so let’s make it great.
"ชีวิตคนเราต้องทำอะไรมากมายหลายสิ่ง แต่ตอนนี้ เราเลือกที่จะทำสิ่งนี้ ดังนั้นจงทำมันให้ดีที่สุด"นี่คือคำคมที่ดีที่สุดที่สตีฟ จ็อบส์ กล่าวไว้ให้กับ จอห์น แลสซิเตอร์ (John Lasseter) ซีอีโอของบริษัท Disney เมื่อครั้งที่ร่วมงานกันที่ Pixar ในปี 1986 สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง "Tin Toy" แลสซิเตอร์ยังจำได้ดีว่าจ็อบส์พูดอะไรกับเขา แต่ที่เขาจำได้ขึ้นใจนั้น เป็นคำขอสั้น ๆ เพียงสามคำจากจ็อบส์ที่ว่า “Make it great” ทำให้ดีที่สุด และจากสามคำนี้ทำให้ต่อมา Tin Toy ได้รับรางวัลออสการ์และพัฒนาต่อจนเป็นอนิเมชั่นระดับตำนานอย่าง Toy Story
“Make it great” เป็นคำพูดที่แลสซิเตอร์ ยกมากล่าวอีกครั้งในงาน Disney’s D23 Expo โดยกล่าวว่า "คำสามคำนี้ ถูกบันทึกไว้ในทุก ๆ เฟรมภาพยนตร์ของ Pixar"
แลสซิเตอร์ ยกย่องสตีฟ จ็อบส์ในงาน Disney’s D23 Expo
ขงเบ้งเองได้รับการยอบรับว่าเป็นบุคคลที่ทุ่มเทให้กับการกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นอย่างสุดความสามารถ ทุกความจงรักภักดี และสติปัญญาของเขา ถูกกลั่นกรองเลือกใช้อย่างดีที่สุด เขาเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของความทุ่มเท และความเพียรพยายาม การเสียชีวิตที่อู่จั้งหยวน ป่วยตายในภาวะสงคราม บ่งบอกได้ว่าขงเบ้งทุ่มเทให้กับงานอย่างสุดแรงกายแรงใจ “Make it great” ขงเบ้งทำดีที่สุดแล้ว
สตีฟ จ็อบส์ และ ขงเบ้ง มีอะไรหลาย ๆ อย่าง เหมือนและใกล้เคียงกัน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บุรุษทั้งสองท่านนี้จะได้รับการยอมรับเชิดชูอย่างกว้างขวาง สมกับคำว่า "อัจฉริยะเปลี่ยนโลก"
คนธรรมดาอย่างเราท่าน ไม่ต้องถึงขนาดเปลี่ยนโลก ขอแค่เริ่ม "เปลี่ยนตัวเอง" โดยใช้ข้อคิด 10 ข้อนี้เป็นแนวทาง ความสำเร็จและจุดหมายปลายทางที่เราคาดหวังไว้ ก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ขอให้ทุกท่านโชคดี และทำแต่ละวันให้ "ดีที่สุด" นะครับ .... สวัสดี
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
- 10 Powerful Quotes From The Steve Jobs Movie And What They Teach Us About Leadership - Forbes : บทความต้นฉบับของ Carmine Gallo, จากเว็บไซต์ Forbes
อัจริยะบุคคล...ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียวจริงๆ
ตอบลบสู้ต่อไปสามก๊กวิทยา....เรื่องดีๆที่นำมาสรรค์สร้าง
จัีกติดตามต่อไป
ขอบคุณครับ
ขอบพระคุณมากครับ สำหรับกำลังใจ "สามก๊กวิทยา" จะทำให้ดีที่สุดครับ :)
ลบผมขอชื่นชมคนเขียนบทความต่างในสามก๊กวิทยาให้ได้อ่านนะครับ เขียนได้ดีจริงๆหาที่ไหนเทียบได้ยาก มีประโยชน์ด้วยครับ ผมจะรอชมผลงานต่อไปครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ
ลบเขียนได้ดีครับ ชมจากใจจริง
ตอบลบขอบพระคุณ คุณบัญชาที่ติชมผลงานของสามก๊กวิทยา ตลอดมา
ลบสำหรับคนเขียนบล๊อก แค่เขียนแล้วมีคนอ่านนั่นก็ดีใจมากแล้ว แต่สิ่งสูงสุดก็คือ คำติชมจากผู้อ่าน
เพราะเป็นเสียงสะท้อน ที่จะช่วยให้พัฒนางานเขียนได้ต่อ ๆ ไป
ขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านด้วยครับ
คอบล็อกตัวจริง Samkok Wittaya ชอบผลงานของพี่มากๆเลยครับ จะติดตามอ่านต่อไป
ตอบลบคุณ Sulaiman Ismails เอาบล็อกมาอวดกันบ้างสิครับ
ลบติดตามตั้งแต่สาขา1แล้วครับขอให้เขียนต่อไปเรื่อยนะครับ
ตอบลบขอบคุณแฟนสามก๊กรุ่นเยาว์จริง ๆ คนนี้ผมรักเหมือนลูกเลย :)
ลบ+166 ครับน่าจะโหวตได้หมดเลยเหลือวันละหลายคะแนนไม่รู้จะโหวตให้ใครแล้ว
ตอบลบแวะมาเพิ่มคะแนนให้ครับ TBA2013 (Vote ที่ 212) ขอให้ได้อันดับ 1 นะครับอิอิ
ตอบลบhttp://www.thailandblogawards.com/entry/view/50
+250, +253 แล้วน่ะครับ สู้ๆ
ตอบลบkrukanidta ตามเยี่ยมชมตามคำเชิญค่ะ แล้วก็ จัดไป ที่คะแนน 286 ค่ะ
ตอบลบฝาก แฟนคลับ สามก๊ก โหวตให้ด้วยนะค่ะ
http://www.thailandblogawards.com/entry/view/226
+ อีกรอบครับ +289 และ +290 ครับ
ตอบลบ1.) http://www.thailandblogawards.com/entry/view/50
2.) http://www.thailandblogawards.com/entry/view/52
+374 ครับผม สู้ ๆครับ ขออันนี้นะครับ อิอิ ผมจะรอดไหมน้อ..
ตอบลบ1.) http://www.thailandblogawards.com/entry/view/50
+622 ค้ะ (มาตามคำเชิญค่ะ)
ตอบลบฝาก แฟน ๆ "สามก๊กวิทยา" ช่วยโหวตด้วยนะคะ บล๊อกเพื่อการศึกษา ค่ะ
http://www.thailandblogawards.com/entry/view/226
ขอบพระคุณครับ
ลบเยี่ยมไปเลยคับ แค่แวะมาผมก็ได้ความรู้เพิ่มอีก ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ
ตอบลบ+718 ค่ะ ฝากแฟนคลับ สามก๊กวิทยา ไปช่วยโหวด บล๊อกการศึกษาด้วย
ตอบลบhttp://www.thailandblogawards.com/entry/view/226
สตีฟ: เราคือแอปเปิ้ล เราจะเหมือนไมโครซอฟท์หรือไอบีเอ็มไม่ได้ เราต้องแหวกแนว นี่ Ipod Ipad
ตอบลบเบ้ง:เราคือจ๊กก๊ก เราจะเหมือนวุยหรือง่อไม่ได้ เราต้องแหวกแนว นี่ โคยนต์ เครื่องพ่นไฟ ไฮเทคเกินยุค 5555
จัดไปอีก 1 +755 ค่ะ ฝากโหวตด้วย
ตอบลบhttp://www.thailandblogawards.com/entry/view/226
http://www.thailandblogawards.com/entry/view/10
ตอบลบร่วมเชียร์ ร่วมโหวตให้เช่นเดียวกันครับ @852 ครับ เขียนบทความได้ดีมาก ๆ ครับ
ตอบลบจัดให้อีก 1 +867 ค่ะ
ตอบลบhttp://www.thailandblogawards.com/entry/view/226
+900 ค่ะ
ตอบลบhttp://www.thailandblogawards.com/entry/view/226
+961 ค่ะ
ตอบลบhttp://www.thailandblogawards.com/entry/view/226
ฝากด้วยโหวตด้วย
55
ขอบพระคุณทุก ๆ ท่านที่ช่วยลงคะแนนเสียงให้ครับ พระคุณนี้จะไม่มีวันลืมเลือน
ตอบลบ+966 , + 965 โค้งสุดท้ายสู้ๆครับผม
ตอบลบ+1001 ค่ะ ขอบคุณที่ช่วยสนุบสนุนทุกคะแนนนะค่ะ
ตอบลบใครยังมี่จำนวนโหวต เหลือ ฝากโหวต บล็อกเพื่อการศึกษาด้วย
http://www.thailandblogawards.com/entry/view/226
ดีใจด้วยค่ะ ..เย้
ตอบลบรวดเร็วจริง ๆ ขอบพระคุณมากครับ :)
ลบ