จูกัดเก๊ก , จูกัดเจ๊ก (Zhuge Ke , 諸葛恪) เป็นบุตรชายคนโตของจูกัดกิ๋น มีชื่อรองว่า เหวียนซุ้น สูง 7 ฟุต 6 นิ้ว ขนคิ้วน้อย หน้าผากกว้าง ปากใหญ่ เสียงดัง ปัญญาเฉียบแหลม แต่เป็นคนตระหนี่ ไว้ตัว ไม่ปรานีใคร
เขาเป็นคนโปรดของพระเจ้าซุนกวน มียศทหารเป็นอุยเป่ยเจียงจวิน (นายพล) มีบรรดาศักดิ์เป็นตูเซียงโหว (พระยา) เมื่อลกซุนถึงแก่กรรมแล้ว ได้เลื่อนยศเป็นต้าเจียงจวิน (จอมพล) ดำรงตำแหน่งผู้ครองแคว้นเกงจิ๋ว ตั้งกองบัญชาการอยู่ ณ เมืองอู่ซาง มณฑลหูเป่ย
กู้หน้าบิดา ได้ลาหนึ่งตัว
จูกัดเก๊ก , จูกัดเจ๊ก (Zhuge Ke , 諸葛恪) เป็นบุตรชายคนโตของจูกัดกิ๋น มีชื่อรองว่า เหวียนซุ้น สูง 7 ฟุต 6 นิ้ว ขนคิ้วน้อย หน้าผากกว้าง ปากใหญ่ เสียงดัง ปัญญาเฉียบแหลม แต่เป็นคนตระหนี่ ไว้ตัว ไม่ปรานีใคร
เขาเป็นคนโปรดของพระเจ้าซุนกวน มียศทหารเป็นอุยเป่ยเจียงจวิน (นายพล) มีบรรดาศักดิ์เป็นตูเซียงโหว (พระยา) เมื่อลกซุนถึงแก่กรรมแล้ว ได้เลื่อนยศเป็นต้าเจียงจวิน (จอมพล) ดำรงตำแหน่งผู้ครองแคว้นเกงจิ๋ว ตั้งกองบัญชาการอยู่ ณ เมืองอู่ซาง มณฑลหูเป่ย
เมื่อพระเจ้าซุนกวนสิ้นพระชนม์ ทรงเรียกจูกัดเก็กกับลิต้าย สองคนเข้าไปสั่งเสียและฝากบ้านเมือง จูกัดเก็กได้ยกทัพไปตีวุยก๊ก ล้อมเมืองซินเสีย แต่เสียทีถูกข้าศึกยิงด้วยเกาทัณฑ์ที่หน้าผากตกม้า แต่ไม่ตาย ด้วยความดื้อด้านไม่ฟังเหตุผล ตั้งล้อมเมืองซินเสียจนทหารหนีทัพไปมากมาย เพราะทนไข้และความอดอยากไม่ได้ จำต้องล่าทัพกลับ
เพราะความเอาแต่ใจตัวเอง พวกขุนนางผู้ใหญ่จึงเป็นปฏิปักษ์ ยุพระเจ้าซุนเหลียงว่า จูกัดเก็กคิดขบถ จึงถูกลวงให้เข้าไปในวัง แล้วถูกซุนจุ๋น นายทหารรักษาพระองค์ฟันคอขาด
วันหนึ่งจูกัดกิ๋นพาลูกชายจูกัดเก๊ก เข้าไปร่วมงานเลี้ยงรับรองของเมืองกังตั๋ง จูกัดกิ๋นมีลักษณะประหลาดหนึ่งอย่างคือ มีใบหน้ายาวรีคล้ายลา ซุนกวนจึงแกล้งหยอกล้อจูกัดกิ๋น โดยนำลาเข้ามาในงานเลี้ยง และที่หน้าผากของลาตัวนั้นก็เขียนคำว่า "จูกัดกิ๋น" ทุกคนภายในงานพากันหัวเราะ ขบขันกันอย่างครื้นเครง
แม้จะเป็นเรื่องสนุกสนานหยอกล้อกันเล่น แต่เจ้าหนูน้อยจูกัดเก๊กแสดงอาการไม่พอใจ ที่เห็นบิดาถูกล้อเลียน ซุนกวนเห็นกริยาขึงขังของเด็กก็จึงเอ็นดู แล้วแกล้งถามหนูน้อยว่า เจ้าจะช่วยแก้ให้บิดาเจ้าอย่างไรดี ?
หนูน้อยจูกัดเก็กจึงแสดงปัญญาด้วยการหยิบพู่กันมา แล้วเดินไปเขียนตัวอักษรที่หน้าผากของลาว่า "ลาของ" ดังนั้นที่หน้าผากของลาจึงกลายเป็น "ลาของจูกัดกิ๋น"
ซุนกวนและเหล่าขุนนาง ขุนทหาร ล้วนชื่นชมเอ็นดูในสติปัญญา ของจูกัดเก๊กเป็นอย่างมาก จึงยกลาตัวนั้นให้เป็นของกำนัลแก่หนูน้อยจูกัดเก๊กไป แล้วถามต่ออีกว่า "ระหว่างบิดา กับอา(ขงเบ้ง) ของเจ้าใครเหนือกว่ากัน ?"
จูกัดเก็ก ผู้มีสติปัญญาและไหวพริบเหนือเด็กทั่วไป ตอบได้อย่างน่าฟังว่า "บิดาของข้าพเจ้าย่อมเหนือกว่า เพราะบิดาของข้าพเจ้า ฉลาดรู้จักเลือกนาย แต่อาของข้าพเจ้าเขลาในเรื่องนี้นัก"
ซุนกวนได้ยินคำตอบนี้ก็หัวเราะร่วน พออกพอใจในสติปัญญาของจูกัดเก๊กมากขึ้น แล้วจึงใช้โอกาสนี้เฉลิมฉลองขุนนาง และมอบหน้าที่พิเศษให้จูกัดเก็ก รินสุราให้กับขุนนางผู้ใหญ่ในงาน เพื่อแสดงความคารวะ
หน้าที่รินสุราเป็นหน้าที่สำคัญ ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ผู้มีความชำนาญ เมื่อจูกัดเก๊กเดินไปรินให้เตียวเจียว ขุนนางอาวุโส เตียวเจียวไม่ยอมให้ริน แล้วตักเตือนว่า "ท่าทางของเจ้ายังไม่ถูกต้องต่อผู้อาวุโส" จูกัดเก๊กจึงเดินหน้าเจื่อน ถอยออกไป ซุนกวนเห็นดังนั้นจึงต้องการทดสอบเจ้าหนูน้อยอีกครั้งโดยกล่าวว่า "ไหนเจ้าลองพูดอะไรสักอย่างให้เตียวเจียวใจอ่อนซิ"
จูกัดเก๊กเห็นเป็นที จึงจัดไปว่า "แต่ครั้งโบราณเจียงไท่กงอายุ 90 เชี่ยวชาญบุ๋นบู๊ จะว่าราชการหรือจับขวานมารำศึก ก็มิเคยอวดอ้างตนว่าเป็นผู้อาวุโส ตัวท่านเองเมื่อครั้งหน้าศึกแอบหลบอยู่แต่ในแนวหลัง ครั้นหน้าเหล้าหน้าข้าวกลับออกหน้าชื่นตาบาน ข้าพเจ้าสงสัยนักอะไรคือความอาวุโส ?"
เตียวเจียวได้ยินดังนั้นก็อ้ำอึ้ง มิรู้จะตอบอะไร จึงยินยอมให้จูกัดเก๊กรินสุราให้ ซุนกวนพอใจในตัวเด็กคนนี้มาก เมื่อจูกัดเก๊กเติบใหญ่ซุนกวนจึงฝากให้เขาเป็นผู้ดูแลอบรมราชบุตร
นอกจากนี้ ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สร้างความประทับใจให้กับซุนกวนมาก คือมีคณะฑูตจากจ๊กก๊กนำม้ามาเป็นกำนัลแด่ซุนกวน ซุนกวนรู้ว่าจูกัดเก๊กชอบขี่ม้า จึงให้ทหารไปเรียกตัวจูกัดเก๊กมาเฝ้า เมื่อจูกัดเก็กมาถึงก็คุกเข้าคำนับขอบคุณซุนกวนที่จะยกม้าให้ทันที
ซุนกวนประหลาดใจจึงถามจูกัดเก๊กว่า "เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าเราจะยกม้าให้" จูกัดเก็กจึงตอบว่า
"จ๊กก๊กก็เปรียบเป็นเพียงคอกม้าของประเทศเรา ฑูตจากคอกม้าก็ย่อมต้องนำม้ามาถวาย เป็นเรื่องธรรมดา"
จูกัดเก๊ก ไม่เคยทำให้ซุนกวนผิดหวังใน "มธุรสวาจา" ของเขาเลย
เขาเป็นคนโปรดของพระเจ้าซุนกวน มียศทหารเป็นอุยเป่ยเจียงจวิน (นายพล) มีบรรดาศักดิ์เป็นตูเซียงโหว (พระยา) เมื่อลกซุนถึงแก่กรรมแล้ว ได้เลื่อนยศเป็นต้าเจียงจวิน (จอมพล) ดำรงตำแหน่งผู้ครองแคว้นเกงจิ๋ว ตั้งกองบัญชาการอยู่ ณ เมืองอู่ซาง มณฑลหูเป่ย
เมื่อพระเจ้าซุนกวนสิ้นพระชนม์ ทรงเรียกจูกัดเก็กกับลิต้าย สองคนเข้าไปสั่งเสียและฝากบ้านเมือง จูกัดเก็กได้ยกทัพไปตีวุยก๊ก ล้อมเมืองซินเสีย แต่เสียทีถูกข้าศึกยิงด้วยเกาทัณฑ์ที่หน้าผากตกม้า แต่ไม่ตาย ด้วยความดื้อด้านไม่ฟังเหตุผล ตั้งล้อมเมืองซินเสียจนทหารหนีทัพไปมากมาย เพราะทนไข้และความอดอยากไม่ได้ จำต้องล่าทัพกลับ
เพราะความเอาแต่ใจตัวเอง พวกขุนนางผู้ใหญ่จึงเป็นปฏิปักษ์ ยุพระเจ้าซุนเหลียงว่า จูกัดเก็กคิดขบถ จึงถูกลวงให้เข้าไปในวัง แล้วถูกซุนจุ๋น นายทหารรักษาพระองค์ฟันคอขาด
ลาของจูกัดกิ๋น
ในนิทานเรื่องเล่าสำหรับเด็กของชาวจีน มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจูกัดเก๊กอยู่หนึ่งเรื่องคือ "ลาของจูกัดกิ๋น" จูกัดกิ๋นเป็นบิดาของจูกัดเก๊ก ซึ่งก็มิใช่ใครอื่น เพราะเขาคือพี่ชายแท้ ๆ ของจูกัดเหลียง "ขงเบ้ง" จูกัดเก๊กจึงมีศักดิ์เป็นหลานของขงเบ้ง ในนิทานนั้นเล่าว่าวันหนึ่งจูกัดกิ๋นพาลูกชายจูกัดเก๊ก เข้าไปร่วมงานเลี้ยงรับรองของเมืองกังตั๋ง จูกัดกิ๋นมีลักษณะประหลาดหนึ่งอย่างคือ มีใบหน้ายาวรีคล้ายลา ซุนกวนจึงแกล้งหยอกล้อจูกัดกิ๋น โดยนำลาเข้ามาในงานเลี้ยง และที่หน้าผากของลาตัวนั้นก็เขียนคำว่า "จูกัดกิ๋น" ทุกคนภายในงานพากันหัวเราะ ขบขันกันอย่างครื้นเครง
แม้จะเป็นเรื่องสนุกสนานหยอกล้อกันเล่น แต่เจ้าหนูน้อยจูกัดเก๊กแสดงอาการไม่พอใจ ที่เห็นบิดาถูกล้อเลียน ซุนกวนเห็นกริยาขึงขังของเด็กก็จึงเอ็นดู แล้วแกล้งถามหนูน้อยว่า เจ้าจะช่วยแก้ให้บิดาเจ้าอย่างไรดี ?
หนูน้อยจูกัดเก็กจึงแสดงปัญญาด้วยการหยิบพู่กันมา แล้วเดินไปเขียนตัวอักษรที่หน้าผากของลาว่า "ลาของ" ดังนั้นที่หน้าผากของลาจึงกลายเป็น "ลาของจูกัดกิ๋น"
จูกัดกิ๋น หน้ายาวเหมือนลา |
จูกัดเก็ก ผู้มีสติปัญญาและไหวพริบเหนือเด็กทั่วไป ตอบได้อย่างน่าฟังว่า "บิดาของข้าพเจ้าย่อมเหนือกว่า เพราะบิดาของข้าพเจ้า ฉลาดรู้จักเลือกนาย แต่อาของข้าพเจ้าเขลาในเรื่องนี้นัก"
หน้าที่รินสุราเป็นหน้าที่สำคัญ ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ผู้มีความชำนาญ เมื่อจูกัดเก๊กเดินไปรินให้เตียวเจียว ขุนนางอาวุโส เตียวเจียวไม่ยอมให้ริน แล้วตักเตือนว่า "ท่าทางของเจ้ายังไม่ถูกต้องต่อผู้อาวุโส" จูกัดเก๊กจึงเดินหน้าเจื่อน ถอยออกไป ซุนกวนเห็นดังนั้นจึงต้องการทดสอบเจ้าหนูน้อยอีกครั้งโดยกล่าวว่า "ไหนเจ้าลองพูดอะไรสักอย่างให้เตียวเจียวใจอ่อนซิ"
จูกัดเก๊กเห็นเป็นที จึงจัดไปว่า "แต่ครั้งโบราณเจียงไท่กงอายุ 90 เชี่ยวชาญบุ๋นบู๊ จะว่าราชการหรือจับขวานมารำศึก ก็มิเคยอวดอ้างตนว่าเป็นผู้อาวุโส ตัวท่านเองเมื่อครั้งหน้าศึกแอบหลบอยู่แต่ในแนวหลัง ครั้นหน้าเหล้าหน้าข้าวกลับออกหน้าชื่นตาบาน ข้าพเจ้าสงสัยนักอะไรคือความอาวุโส ?"
เตียวเจียวได้ยินดังนั้นก็อ้ำอึ้ง มิรู้จะตอบอะไร จึงยินยอมให้จูกัดเก๊กรินสุราให้ ซุนกวนพอใจในตัวเด็กคนนี้มาก เมื่อจูกัดเก๊กเติบใหญ่ซุนกวนจึงฝากให้เขาเป็นผู้ดูแลอบรมราชบุตร
จูกัดเก๊ก |
ซุนกวนประหลาดใจจึงถามจูกัดเก๊กว่า "เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าเราจะยกม้าให้" จูกัดเก็กจึงตอบว่า
"จ๊กก๊กก็เปรียบเป็นเพียงคอกม้าของประเทศเรา ฑูตจากคอกม้าก็ย่อมต้องนำม้ามาถวาย เป็นเรื่องธรรมดา"
จูกัดเก๊ก ไม่เคยทำให้ซุนกวนผิดหวังใน "มธุรสวาจา" ของเขาเลย
แล้วเหตุใดจูกัดกิ๋นถึงบอกว่าลูกคนนี้จะนำความชิบหายสู่ตระกูล??
ตอบลบเพราะความฉลาดมากรู้ จึงนำภัยมาสู่ตนครับ
ลบแหล่มเลยขอตอบครับ
ลบจูกัดเก๊กเป็นคนที่หลงคิดว่าตนเองฉลาด จนนำภัยมาสู่ตนครับ
ในสามก๊กช่วงปลาย สุมาสูให้สุมาเจียวและจูกัดเอี๋ยน ยกทัพไปตีง่อก๊ก จูกัดเก๊กกับเตงฮองสามารถตีทัพวุยแตกพ่ายกลับไปได้ จูกัดเก๊กจึงฉวยโอกาสนี้บุกวุยก๊กคืน เหล่าขุนนางพากันทัดทาน ว่ากองทัพขาดแคลนเสบียง ก็อวดฉลาด ไม่ยอมฟัง
การบุกวุยก๊กของจูกัดเก๊ก ไปติดพันอยู่ที่เมืองซินเสีย เตียวเต๊กเจ้าเมืองตั้งรับอย่างเหนียวแน่น และทำกลศึกหลอกจูกัดเก๊ก ซึ่งถ้าจูกัดเก๊กโง่กว่านี้หน่อยก็คงจะไม่หลงกล แต่ในเมื่ออวดฉลาดนักเลยหลงกลซะ จนต้องพ่ายแพ้ถอยทัพกลับ
พอกลับมาง่อก๊ก จูกัดเก๊กก็ปกครองแบบเผด็จการ จับคนที่นินทาว่าตัวเองโง่พาทหารไปตาย ไปประหารเป็นเบือๆ ซุนจุนทนไม่ไหว เลยกำจัดจูกัดเก๊กและครอบครัวเสีย แซ่จูกัดที่เหลือต้องลี้ภัยไปจ๊กก๊ก ไม่มีบทบาทในง่อก๊กอีกเลย (ยกเว้นจูกัดเจ้ง บุตรชายของจูกัดเอี๋ยน แม่ทัพวุยก๊ก ที่บิดาส่งมาเป็นตัวประกันของง่อก๊กเพื่อแลกกับการที่ง่อก๊กจะยกทัพขึ้นไปช่วยกบฏต่อสุมาเจียว พอบิดาตาย จูกัดเจ้งก็อยู่รับใช้ง่อก๊ก จนตายเมื่อครั้งที่กองทัพจิ้นบุกง่อ)
ขอบคุณ Anonymous มากค่ะ
ตอบลบได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย
smart ass :P
ตอบลบ