ในเมืองจีนมีสำนวนอยู่สำนวนหนึ่งว่า กัวหมู่เซียงกั้น (刮目相看 ,guā mù xiāng kàn) แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า "มองกันใหม่" เป็นสำนวนที่มีความหมายในเชิงยกย่องเชิดชู ซึ่งสำนวนนี้มีที่มาจาก "ลิบอง" แม่ทัพเอกของเมืองกังตั๋ง ในเรื่องสามก๊ก
ลิบองในวัยหนุ่ม ชอบฝึกเพลงเพลงดาบเพลงรบ แต่ด้วยความยากจนจึงไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา เขาจึงไม่ชอบการอ่านหนังสือ ต่อมาเมื่อเข้ารับราชการเป็นนายทหารแล้ว เขาก็ยังไม่ชอบอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม ผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ ล้วนประเมินว่าลิบอง เหมาะสมที่จะเป็นเพียงแค่ขุนพลธรรมดาทั่ว ๆ ไป
ในเมืองจีนมีสำนวนอยู่สำนวนหนึ่งว่า กัวหมู่เซียงกั้น (刮目相看 ,guā mù xiāng kàn) แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า "มองกันใหม่" เป็นสำนวนที่มีความหมายในเชิงยกย่องเชิดชู ซึ่งสำนวนนี้มีที่มาจาก "ลิบอง" แม่ทัพเอกของเมืองกังตั๋ง ผู้ที่ปราบและยึดเมืองเกงจิ๋วของกวนอูได้ในเรื่องสามก๊กแค่สามวัน ก็ต้องมองกันใหม่แล้ว
ลิบองในวัยหนุ่ม ชอบฝึกเพลงดาบเพลงทวนกระบวนรบ แต่ด้วยความยากจนจึงไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา เขาจึงไม่ชอบการอ่านหนังสือ ต่อมาเมื่อเข้ารับราชการเป็นนายทหารแล้ว เขาก็ยังไม่ชอบอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม ผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ ล้วนประเมินว่าลิบอง เหมาะสมที่จะเป็นเพียงแค่ขุนพลธรรมดาทั่ว ๆ ไป
แต่ ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋ง เป็นยอดผู้นำซึ่งเก่งเรื่องการดูคน เขามองเห็นอะไรบางอย่างในตัวของลิบอง จึงเรียกลิบองให้เข้ามาพบ แล้วกล่าวว่า "ลิบองเอ๋ย หากเจ้าต้องการเป็นแม่ทัพที่ดี เจ้าก็ควรจะศึกษาหาความรู้ใส่ตัวเอาไว้บ้าง"
ลิบองจึงตอบว่า "ข้าพเจ้าง่วนอยู่แต่กับการฝึกทหารซ้อมรบ ไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่นเลย"
ซุนกวนจึงว่า "ข้ามิได้ต้องการให้เจ้าเป็นถึงนักปราชญ์ราชบัณฑิต แต่การศึกษาค้นคว้าในตำราพิชัยยุทธจะช่วยทำให้เจ้ามีวิสัยทัศน์และมุมมองกว้างไกล เจ้าอ้างว่าเจ้าไม่มีเวลา งานของเจ้านั้นหากนำมาเทียบกับงานของข้าแล้วมันช่างเล็กน้อยนัก ข้าเป็นกษัตริย์ต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่ข้าก็ยังมีเวลาศึกษาตำหรับตำราเพื่อพัฒนาตนเอง"
ลิบองได้ฟังซุนกวนตักเตือนดังนั้น เขาจึงปรับปรุงตัวและมุมานะอ่านตำราพิชัยสงครามทุกอย่างเท่าที่เขาจะขวนขวายหามาได้ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ ยิ่งรู้ก็ยิ่งชอบค้นคว้า ในไม่ช้าเขากลายเป็นนักการทหารผู้เชี่ยวชาญทั้งบู๊และบุ๋น มีสติปัญญาความรู้ชั้นเอก
ลิบอง (Lü Meng , 吕蒙) |
ลิบองจึงว่า "คนเราไม่ได้พบกันเพียงแค่สามวัน บางครั้งก็ต้องมองกันใหม่แล้ว"
สำนวน "มองกันใหม่" จึงมีความหมายที่ต้องการเปลี่ยนมุมมองของใครบางคน ให้เป็นมุมมองที่ดีขึ้น ใช้ยกย่องผู้ที่มีรู้จักปรับปรุงตน พัฒนาตัวเอง ซึ่งคำนี้ก็คล้าย ๆ กับสำนวนไทยที่ว่า "สามวันจากนารีเป็นอื่น" เพียงแต่ว่าสำนวนของไทยเราเป็นความหมายในแง่ลบ หมายถึงการนอกใจ
วันนี้เขาอาจจะไม่ฉลาด ทื่อ ๆ ทึ่ม ๆ แต่คนเราสามารถเรียนรู้และปรับตัวได้เสมอ ในวันข้างหน้า เขาจึงอาจจะฉลาดขึ้นก็ได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรดูถูกหรือสบประมาทใครพร่ำเพรื่อ
"สามวันจากลิบองเป็นอื่น" จึงแตกต่างกับ "สามวันจากนารีเป็นอื่น" ของสังคมไทยอย่างสิ้นเชิง ...
การ์ตูนสำนวนจีน กัวหมู่เซียงกั้น (刮目相看 ,guā mù xiāng kàn)
กำลังดูไปแปปๆเลยจิวยี่ก็บอกให้ลิบองปรับปรุงตัวจากคำสบประมาทว่าบ้านนอกตอน56
ตอบลบสามวันจากลิบองเป็นอื่น ชอบครับ มีความหมายดี
ตอบลบสวยงาม
ตอบลบ