สวัสดีท่านผู้อ่านบล๊อกสามก๊กวิทยาทุกท่าน เนื่องในวันนี้เป็นวันที่ 12 สิงหาคม "วันแม่แห่งชาติ" ได้มีน้อง ๆ หนู ๆ แฟน ๆ สามก๊กเขียนจดหมายระบายความในใจและความรู้สึกถึงพระคุณของแม่ มาฝากไว้ให้พวกเราได้อ่านกัน
เนื่องจากว่ามีท่านผู้อ่านส่งจดหมายเข้ามาหลายฉบับ ไม่อาจลงได้ทั้งหมด จึงขอคัดฉบับที่ซาบซึ้งกินใจที่สุดมาเพียง 3 ฉบับ ... "จดหมายถึงแม่ ฉบับสามก๊ก" จะซาบซึ้งเพียงใด ลองอ่านกันดูได้ .... แล้วเมื่ออ่านจบ ก็อย่าลืมบอกรักคุณแม่กันด้วยนะครับ
สวัสดีท่านผู้อ่าน Blog สามก๊กวิทยาทุกท่าน เนื่องโอกาสวันมหามงคล 12 สิงหาคม "วันแม่แห่งชาติ" จึงได้มีน้อง ๆ หนู ๆ แฟน ๆ สามก๊กเขียนจดหมายเข้ามาบอกเล่า ระบายความในใจ และความรู้สึกที่มีต่อพระคุณของแม่ เพื่อนำมาแบ่งปันให้พวกเราได้อ่านกันอยู่หลายฉบับ แต่จดหมายถึงแม่ เหล่านี้ไม่อาจลงพร้อมกันได้ทั้งหมด สามก๊กวิทยา จึงขอคัดจดหมายฉบับที่ซาบซึ้งกินใจมากที่สุดมาเพียง 3 ฉบับ มาให้ชมกัน
"จดหมายถึงแม่ ฉบับสามก๊ก" จะซาบซึ้งเพียงใด ลองอ่านกันดูได้ .... แล้วเมื่ออ่านจบ ก็อย่าลืมบอกรักคุณแม่กันด้วยนะครับ
แม่ผู้ให้ชีวิต
เรามีแม่อยู่ 2 คน แม่คนหนึ่งคือ "แม่ผู้ให้กำเนิด" ซึ่งท่านเป็นแม่เหนือหัว เป็นแม่ที่เราเคารพรักและระลึกในพระคุณท่านอยู่เสมอ ส่วนแม่คนที่สองเป็นแม่เลี้ยงแต่ท่านก็คือ "แม่ผู้ให้ชีวิต" เพราะหากไม่มีแม่คนนี้ ชีวิตของเราก็สิ้นสูญไปแล้วตั้งแต่วัยเยาว์จดหมายของเราฉบับนี้ เราตั้งใจจะเขียนความในใจถึง แม่ผู้ให้ชีวิตของเรา เพราะเราไม่เคยมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับท่านเลย สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับท่าน มีแต่เพียงคำเก่าเล่าขานเท่านั้น
ท่านขุนพลอาวุโสจูล่ง ผู้ช่วยชีวิตเราที่ทุ่งเตงยางเล่าให้เราฟังว่า เมื่อครั้งกระนั้น โจโฉยกทัพบุกเข้าแดนเกงจิ๋ว พ่อเราต้องอพยพผู้คนหนีออกมา แต่ก็หนีมิทันพ้น ครอบครัวเราต้องระหกระเหิน แม่อุ้มเราวิ่งหกล้มหกลุก ปกป้องเราอย่างถึงที่สุด ท่านถูกทหารโจโฉเอาทวนแทงที่ขาบาดเจ็บสาหัส
แม้แม่จะเจ็บแต่แม่ก็ไม่เคยทิ้งเรา ท่านกอดเราไว้แน่น แล้วหลบซ่อนอยู่ในซอกตึก จนเมื่อท่านขุนพลมาพบ แม่จึงมอบเราให้ท่านขุนพล แม่เห็นว่าม้ามีตัวเดียว ขาแม่ก็เจ็บ หากขืนฝืนไป ทั้งแม่ ทั้งท่านขุนพล และตัวเรา ก็จะพากันหนีไม่รอดเสียทั้ง 3
แม่จึงตัดสินใจกระโดดลงไปในบ่อน้ำ เพื่อเป็นการสละชีวิตและตัดกังวล มิให้ท่านขุนพลต้องพะวง และพาเราหนีรอดปลอดภัยได้สำเร็จ
"โอรสสวรรค์" มิใช่สิ่งที่เราปรารถนาเลย ชีวิตของเราสรรหาเลือกได้ทุกสิ่ง ยกเว้นอยู่แต่เพียงสิ่งเดียวคือ โอกาสที่เราจะพูดกับแม่ของเราว่า .....
เรา ... " รักแม่ "
เล่าเสี้ยน
--------------------
กตัญญู
ข้าเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของอาจารย์แว่นน้ำ สุมาเต๊กโช และแท้จริงตัวข้าเองก็มีสติปัญญามิได้ด้อยไปกว่าฮกหลงขงเบ้ง หรือฮองชูบังทองแม้แต่น้อย แต่ชีวิตของข้านั้นมีตำหนิ ข้าจึงปลีกวิเวกมาเฝ้าหลุมศพมารดา มาจนถึงทุกวันนี้มารดาของข้า คือสตรีผู้ยึดมั่นในคุณธรรม ท่านอบรมสั่งสอนให้ข้าตั้งตนอยู่ในความสุจริต ข้ารักมารดาของข้ามาก ข้าคอยดูแลปรนนิบัติท่านอยู่เสมอ จนผู้คนยกย่องในความกตัญญูของข้า
ข้านั้นมีความทะเยอทะยาน ปรารถนาจะเป็นผู้มีชื่อเสียง กอบกู้ชาติบ้านเมือง ข้าพบเจอนายผู้มีคุณธรรมนามเล่าปี่ ข้ารับใช้เขาเพื่อหวังว่าสักวันข้าจะมีชื่อเสียงเคียงฟ้าดังเก่งสง ขวันต๋ง งักเย และเตียวเหลียง โดยมิได้คำนึงเลยว่าสิ่งนี้กำลังบั่นทอนความกตัญญู รวมทั้งชีวิตมารดาของข้า
ข้าลืมคำสอนตามลัทธิเต๋า ลืมแนวทางที่ท่านสุมาเต๊กโชพร่ำสอน ในโลกเรานี้มิมีสิ่งใดจีรัง สรรพสิ่งล้วนเป็นวัฏจักร มีศึกมีสงบ มีสงบแล้วมีศึก เวียนวนกันไป
อ้ายโจโฉใช้อุบายจับมารดาข้าเป็นตัวประกัน เพื่อดึงข้าไปจากเล่าปี่ อุบายเท่านี้ มีหรือที่ข้าจะไม่รู้ แต่ข้าก็ต้องจำยอมเพราะข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของมารดา
มารดาผู้ประเสริฐ ท่านมิได้ห่วงตนเอง มิได้ห่วงในชื่อเสียงความกตัญญู ท่านห่วงในชะตากรรมของบ้านเมือง ท่านกลัวว่าหากโจโฉชนะ แผ่นดินของวงศ์ฮั่นจะสิ้นสูญ ท่านโกรธข้ามากที่ละเล่าปี่เพื่อมาอยู่กับโจโฉ วันนั้นท่านจึงกระทำอัตวิบากกรรม อันเป็นบาปมหันต์ของมนุษย์
ข้าเสียใจและผิดหวังในตนเองมาก หากข้าไม่ปรารถชื่อเสียง หรือยศถาบรรดาศักดิ์ มารดาของข้าคงไม่ต้องมาจบชีวิตเช่นนี้
ข้าเข้าใจในสัจธรรมแล้ว และข้าจะไม่ใช้สติปัญญาของข้า ไปทำร้ายชีวิตใครอีกเป็นอันขาด ชื่อเสียง หรือยศถาบรรดาศักดิ์ล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม
"ความกตัญญู" จะเป็นสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ข้ายึดถือไปจนวันตาย
ชีซี
--------------------
หนูมีส้มมาฝากแม่
แม่จ๋าแม่ วันนี้หนูได้ส้มมา ท่านเจ้าเมืองเขาให้ เขาว่าเขาเอ็นดูหนู เขาจึงฝากส้มมาให้แม่ แต่หนูก็มีเรื่องสารภาพแม่ด้วย แม่อย่าโกรธหนูนะเมื่อตอนสายหนูไปวิ่งเล่นอยู่ในงานเลี้ยงของเจ้าเมือง คนเขาลือกันว่าท่านได้ตราหยกมา จึงจัดงานเลี้ยงเตรียมตัวขึ้นเป็นกษัตริย์
หนูไปวิ่งเล่น มุดอยู่ใต้โต๊ะ แล้วก็มีส้มผลหนึ่งตกหล่นลงมา ผิวของมันเงาวับ กลิ่นของมันฉุนติดจมูกชวนให้น้ำลายสอ ใจนึงหนูคิดจะแกะกินเสียตรงนั้น แต่หนูก็คิดถึงแม่
แม่เคยบอกกับหนูว่า คนจน ๆ อย่างเราไม่มีวาสนาจะได้กินส้มผลงามเช่นนี้หรอก แม่จึงต้องพร่ำบ่นให้หนูตั้งใจศึกษาเล่าเรียนวิชา เติบใหญ่จะได้มีโอกาสสอบเข้ารับราชการ มีเงินมีทองเลี้ยงดูครอบครัวด้วยอาหารดี ๆ
หนูนึกถึงคำแม่ แล้วก็อยากให้แม่ได้กินส้มลูกนี้ก่อน จึงแอบเอาส้มลูกนั้นซ่อนไว้ในเสื้อ แต่หนูเดินหกล้ม ส้มหล่นออกมา ทหารจึงจับหนูไปให้ท่านเจ้าเมืองสอบสวน
เจ้าเมืองท่านเมตตานัก สมกับที่จะตั้งตนเป็นกษัตริย์ ท่านจึงกล่าวชื่นชมและให้อภัยหนู แล้วฝากส้มมาให้แม่อีกลังหนึ่ง
ครั้งนี้หนูโชคดีจริง ๆ ที่ได้ความกตัญญูต่อแม่ เป็นเกราะแก้วคุ้มกันหนูไว้ ต่อจากนี้หนูขอสัญญา
หนูจะไม่ลักขโมย และจะไม่ทำให้ความกตัญญูนี้ ต้องแปดเปื้อนเลย ...
ส้มอร่อยไหมแม่ ?
ลกเจ๊ก
--------------------
หมายเหตุ - ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่ใช่เรื่องจริง
ชอบมากเลยครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ