สามก๊กสอนว่า ตราบใดที่หน้ายังแบ่งสี หลงยึดติดในสี .... รักชาติเท่าใดก็ไม่มีทางสำเร็จ
"งิ้ว" หรือ "อุปรากรจีน" คือศิลปะการแสดงชนิดหนึ่ง ที่นำเอาเหตุการบ้านเมือง ลัทธิความเชื่อหรือพงศาวดารสำคัญต่าง ๆ มาแสดงเป็นละครสั้น ๆ ด้วยการร้องและรำ ผู้เล่นงิ้วต้องแต่งองค์ทรงเครื่อง จำแลงกายเป็นตัวละครต่าง ๆ ด้วยสีสันจัดจ้านฉูดฉาดเพื่อเรียกความสนใจจากผู้ชม แต่ส่วนที่เน้นและสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อจำแนกแยกตัวละครให้เห็นเด่นชัด คือส่วนของใบหน้างิ้ว
ใบหน้างิ้วแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะ แบ่งลักษณะนิสัยของตัวละครด้วยสี พ่อค้าหัวใสบางคนเห็นตัวละครงิ้วตัวใดเด่นดัง มีแม่ยกหรือแฟนคลับมาก เขาก็สร้าง "หน้ากากงิ้ว" เอามาให้แม่ยกเหล่านั้นซื้อหาสวมใส่ หรือนำไปฝากบุตรหลาน เด็ก ๆ ใส่เล่นแล้วน่ารัก น่าเอ็นดู
สีต่าง ๆ ของหน้ากาก มีความหมายเช่น สีขาวและสีเหลือง มักจะมีความหมายไปทางลบ เป็นสัญลักษณ์ของผู้เหี้ยมโหดและคดโกง , สีแดง หมายถึงความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์และความกล้าหาญ , สีดำ คือแข็งกร้าว เที่ยงธรรม และเสียสละ ส่วนสีน้ำเงินหรือเขียว คือความเข้มแข็งดุดัน และเฉลียวฉลาด
"สามก๊ก" ก็เป็นวรรณกรรมที่ถูกนำมาเล่นเป็นงิ้วมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ตัวเอกของงิ้วสามก๊กมีอยู่หลายตัว หลายสี ขึ้นอยู่กับว่าโรงงิ้วจะคัดตอนไหนมาแสดง แต่ตัวละครสามก๊กที่ผู้คนจดจำได้ดี มีอยู่ 2 สี 2 ตัว หนึ่งคือ "โจโฉ" หน้ากากสีขาว และสอง "กวนอู" หน้ากากสีแดง
หน้ากากขาว กับ หน้ากากแดง ถือกำเนิดมาคล้ายคลึงกัน เพราะเริ่มต้นด้วยความรักชาติ ต้องการกอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองที่ล้มเหลวแตกแยก ทั้งหน้าขาวหน้าแดง ล้วนอาสาเป็นแนวหน้าในการศึก การสงคราม
คนหน้าขาว เป็นยอดผู้นำ เฉลียวฉลาด รู้จักใช้คน จัดเจนทั้งการเมืองและการสงคราม ส่วนคนหน้าแดงเป็นขุนพลใหญ่ มีฝีมือการรบรอบตัว ไม่เป็นรองใคร ซื่อสัตย์กตัญญู ทะนงตนต่อผู้มีอำนาจ แต่โอนอ่อนต่อผู้ยากไร้
ในคราวแรกพบ ทั้งสองสีมีความประทับใจอันดีต่อกัน คนหน้าแดงอาสาออกรบกับทหารเอกฝ่ายตรงข้าม แต่ด้วยความที่เป็นเพียงทหารมือสมัครเล่น จึงโดนดูถูกจากที่ประชุม แต่คนหน้าขาวก็ช่วยพูดประคับประคองไว้ และรินสุรารอ เพื่อให้คนหน้าแดงกลับมาดื่มกินหลังจากที่ได้ชัยชนะ
ต่อมาด้วยเหตุผลทางการเมือง คนหน้าขาวและคนหน้าแดงก็ต้องกลายมาเป็นศัตรูกัน เพราะคนหน้าขาวกระทำการเอิบเอื้อม ผิดประเพณีและธรรมนองคลองธรรม บ้านเมืองถึงต้องถอยหลัง กลับไปนับหนึ่งอีกครั้ง
คนหน้าขาวชนะและเคยจับตัวคนหน้าแดงได้ เขาจึงนำมาเกลี้ยกล่อมเลี้ยงดูอย่างดี เพื่อให้คนหน้าแดงยอมรับราชการด้วย คนหน้าแดงจำต้องยินยอม เพราะมีหน้าที่ในการรักษาครอบครัวของพี่ชายร่วมสาบาน แต่การยอมครั้งนั้น เป็นการยอมเพียงชั่วขณะ เมื่อคนหน้าแดงทราบข่าวว่าพี่ชายยังมีชีวิตเข้มแข็งดีอยู่ เขาจึงตัดสินใจ
"พี่ข้ายังไม่ยอม ข้าจะยอมได้อย่างไร" คนหน้าแดงจึงขอแยกทางกับคนหน้าขาว การจากกันครั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขคำสัญญาที่ทั้งคู่ได้ตกลงกันไว้ และแม้จะจากกัน แต่มิตรภาพระหว่างคนสองสี ก็ได้เกิดจับใจขึ้นตั้งแต่นั้น
หน้ากากขาว หน้ากากแดง กำเนิดจากความรักชาติ |
ในวาระสุดท้ายของคนหน้าแดง เขาถูกกองกำลังของคนสีอื่นสังหาร ศีรษะของเขาถูกส่งไปให้ คนหน้าขาวเพื่อป้ายความผิดให้ แต่คนหน้าขาวก็ฉลาดรู้ทันคนสีอื่น เขาจึงเลือกจัดพิธีเคารพบูชาคนหน้าแดง ตามประเพณีอย่างยิ่งใหญ่ สมเกียรติ สมศักดิ์ศรี
เหตุอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ คนหน้าขาวไม่เคยลืมบุญคุณของคนหน้าแดง เขาเสียดายที่คนหน้าแดงไม่อยู่ร่วมมือกับเขาตั้งแต่ต้น ให้หลังจากนั้นไม่นาน คนหน้าขาวก็ปลงตกในสภาพบ้านเมือง ชีวิตนี้เขาก้าวพลาดและเลือกทางเดินผิด ความสงบสุขที่หวังไว้จึงไม่เคยสำเร็จ สุดท้ายจึงป่วยตายตามคนหน้าแดงไป
ทั้งคนหน้าขาว และคนหน้าแดง โดยเนื้อแท้มีความรักและเข้าใจกัน ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็รักชาติบ้านเมือง ทั้งสองสีเคารพในการตัดสินใจของแต่ละฝ่าย มิตรภาพของทั้งสองไม่เคยจางหายแม้ในยามที่ตายจากกัน ทั้งสองสีเป็นวีรบุรุษ มีเรื่องราวให้จดให้จำ เล่าขานกันต่อมาไม่รู้จบ
น่าเสียดายที่ทั้งคนหน้าขาวและคนหน้าแดง ไม่ยอมผสานใจ ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทั้งสองสีจึงไม่มีโอกาสได้เห็นบ้านเมืองเป็นสุขสงบตามเจตนารมณ์พื้นฐานของตน จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต และนอกจากนี้ ความขัดแย้งของสีขาวสีแดง ยังส่งผลต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน อีกยาวนานหลายปี
ตราบใดที่หน้ายังแบ่งสี หลงยึดติดในสี ลืมเจตนาที่หวังให้บ้านเมืองเป็นสุขสงบ .... รักชาติให้ตายก็ไม่มีทางสำเร็จ .....
ขาวครับ เปิดก่อนได้เปรียบ
ตอบลบเราเลือกสี แบ่งฝ่ายกันมานาน นี่ก็ใกล้จะครบสิบปีแล้ว บ้านเมืองไม่เคยมีอะไรดีขึ้น
ลบทุกฝ่ายทุกสีต้องเลิกแบ่งแยกคนไทย ที่ผ่านมามีสีเหลีอง สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว สีชมพู สีขาว ฯลฯ
ทะเลาะกันเป็นนักเลงกีฬาสีทุกครั้ง สีหนึ่งเลิกก็สร้างสีใหม่ สีที่ชนะก็ไม่หยุดยั้งความแตกแยก สร้างโรงเรียน สร้างอะไรเพิ่ม ไม่รู้จักหยุด
ทั้งหน้ากากขาวและหน้ากากแดง ผมเข้าใจนะครับ ว่าเจตนาดีทั้งคู่ แต่นี่ไม่ใช่ทางออกและมันจะเป็นการเพิ่มความแตกแยกในสังคมให้มากขึ้น
ถามว่าทางออกมีไหม ... มันมีแน่นอนครับ ดูวิชาสามก๊กเป็นตัวอย่าง
"ฝ่ายหนึ่งต้องยอม ฝ่ายหนึ่งต้องฟัง" จึงจะไปด้วยกันได้ ประชาชนก็เป็นสุข
ตัวอย่างของเรื่องนี้มีในตอนที่เล่าเสี้ยนยอมให้กับสุมาเจียว สันติภาพเกิดขึ้น ณ ตอนนั้น
แม้จะดูว่าฝ่ายหนึ่งเสียหน้าและต้องเสื่อมเสียเกียรติ แต่ถ้ารักความสุขสงบ อย่างไรก็ต้องทนยอม
อีก 2 หรือ 4 ปีค่อยว่ากันใหม่ในการเลือกตั้งตามกติกาบ้านเมือง
ธรรมชาติมีกฏเกณฑ์ มีวงล้อของมัน ทุกสิ่งเปลี่ยนผันเป็นวัฎจักร มีศึกแล้วสงบ มีสงบแล้วเป็นศึก
ถ้ารัฐบาลแย่ เตือนแล้วไม่ฟัง ก็ยอมปล่อยให้เขาไปให้สุด(ซอย) เดี๋ยวสักพักคนก็จะรู้เอง ว่ารัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ เลือกตั้งครั้งหน้าเดี๋ยวเขาก็แพ้
รัฐบาลเองก็ต้องฟังเสียงจากประชาชน อย่ากลายเป็นคนสร้างปัญหาและสร้างความแตกแยกเสียเอง รัฐต้องเลิกแยกสีคนไทย
ส่วนไหน สีไหนคุมได้ก็ต้องคุมให้อยู่ และค่อย ๆ ทำให้หมดไป สีไหนคุมไม่ได้ก็ต้องรับฟังเขาบ้าง สีต่าง ๆ ก็จะสลายไปเอง คนไทยจะได้ไม่ต้องแบ่งสี แบ่งข้าง
เห็นเขียนบล๊อกสนุกไปวัน ๆ แต่ผมก็เครียดเป็นเหมือนกันนะ... ฮึ่ม ๆ
ขอคาราวะ 1 จอกครับท่าน
ลบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่มีเหตุผล ไม่มีการแบ่งสี ปกครองโดยเสียงส่วนมากของประชาชนมีการตรวจสอบโดยประชาชนอยู่แล้ว ต้องคิดใช้เหตุผลตัดสินอย่าปล่อยให้คนชักจูงโดยไม่มีเหตุผล การไม่ศรัทธาในระบบประชาธิปไตยทำให้เกิดการแบ่งสี
ตอบลบถ้าประชาธิปไตยแบบไทยยังแบ่งสีตีกัน ยังไงเรื่องก็ไม่จบครับ
ลบวันนี้พรุ่งนี้สีนี้อาจชนะ แต่วันหน้าพรุ่งหน้าอีกสีก็เอาคืน ไม่มีใครยอมใคร ต่างคนต่างมีเหตุผล และวิธีรักชาติแบบของตัวเอง
ความถูกต้องมันมีอยู่ แต่สีสัน มันบังตา