วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 81 ของ นายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทย นอกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านผู้นี้ยังเคยดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ผู้บัญชาการทหารบก และรักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกด้วย และที่สำคัญคือท่านมีสมญานามว่า “ขงเบ้งแห่งกองทัพบก”
วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 81 ของ นายกรัฐมนตรีคนที่ 22 ของประเทศไทย นอกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านผู้นี้ยังเคยดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ผู้บัญชาการทหารบก และรักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกด้วย และที่สำคัญคือท่านมีสมญานามว่า “ขงเบ้งแห่งกองทัพบก”
พลเอก.ดร.ชวลิต ยงใจยุทธ (15 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 - ) คือ "ขงเบ้งแห่งกองทัพบก" ที่เรากำลังจะกล่าวถึง ท่านเป็นนายทหารนักการเมืองคนสำคัญ ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในการพัฒนาและป้องกันประเทศ พล.อ.ชวลิต ฯ เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น สมาชิกวุฒิสภา ขณะดำรงตำแหน่งทางทหาร เป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ คนแรก และเป็นอดีต ส.ส.หลายสมัย มีคะแนนเสียงหนาแน่นในจังหวัดนครพนม สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปจะเรียก พล.อ.ชวลิต ว่า "บิ๊กจิ๋ว" ส่วนในพื้นที่ภาคอีสาน เรียกว่า "พ่อใหญ่จิ๋ว" นอกจากนี้แล้ว ท่านยังมีอีกฉายาหนึ่งว่า "จิ๋วหวานเจี๊ยบ" จากการมีบุคลิกพูดจาอ่อนนิ่ม นุ่มนวล
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธเข้าเฝ้าฯ ในหลวงและพระราชินี |
ทั้งนี้ เนื่องจากผมได้บังเอิญไปพบหนังสือเล่มหนึ่งในห้องสมุด ชื่อว่า “ชีวิตและผลงาน พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ขงเบ้งแห่งกองทัพ” ซึ่งเป็นหนังสือที่กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของตระกูล “ยงใจยุทธ” ชีวิตในวัยเยาว์ ชีวิตในโรงเรียนนายร้อย จปร. และราชการทหาร รวมทั้งผลงาน คุณงามความดีต่าง ๆ ที่ท่านสร้างไว้ แต่ส่วนสำคัญที่ผมสนใจที่สุด ก็คือที่มาของสมญา “ขงเบ้งแห่งกองทัพบก” เห็นว่าน่าสนใจ และเป็นประวัติศาสตร์สำคัญ จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ดังนี้
หนังสือชีวิตและผลงาน พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ขงเบ้งแห่งกองทัพ |
“ขงเบ้งแห่งกองทัพ” เพราะความสามารถหรือวาสนา
“ขงเบ้ง” เป็นปราชญ์ชาวจีนที่มีชื่อเสียง มีภูมิปัญญาฉลาดปราดเปรื่องและแก้ปัญหาด้วยปัญญา หลักการและแนวความคิดของ “ขงเบ้ง” ยังคงมีอิทธิพลต่อชาวจีน แม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้วหลายร้อยปีดังนั้น ใครก็ตามที่มีไหวพริบปฏิภาณอันฉลาดและแก้ปัญหาด้วยมันสมองอย่างสุขุมรอบคอบ จึงมักถกเรียกว่าเป็น “ขงเบ้ง” เช่นเดียวกับ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่ถูกยกย่องจากสื่อมวลชนว่าเป็น “ขงเบ้ง” แห่งกองทัพบก
ฉายา “ขงเบ้ง” มิใช่เกิดจากสต๊าฟหรือตัวพลเอกชวลิต เป็นคนตั้งเอง เพราะคงไม่มีใครยกย่องตัวเองถึงเพียงนี้ หากแต่ว่าคำนี้เป็นเสียงสะท้อนจากสื่อมวลชน โดยบ่งถึงบุคลิกและคุณสมบัติเป็นเลิศของพลเอกชวลิตนั่นเอง
พลเอกชวลิตคงจะชื่นชอบฉายานี้เหมือนกัน เพราะแสดงให้เห็นถึงความมีอัจฉริยะ ความปราดเปรื่องและรู้จักใช้สมองในการแก้ปัญหา ซึ่งในหนังสือคำบรรยายและคำให้สัมภาษณ์ของพลเอกชวลิตที่กองทัพบกรวบรวมไว้ ก็นำเอาแนวความคิดของ “ขงเบ้ง” มาพูดถึงในหนังสือตอนหนึ่งว่า
“ขุนพลผู้ใดมีจิตภราดรภาพ มีเมตตา กรุณา เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก มีสัจจะและศีลธรรมเป็นที่ยกย่องนับถือของประเทศเพื่อนบ้าน มีความเจนจบทางด้านดาราศาสตร์และรอบรู้ทางด้านภูมิศาสตร์ รู้จักใช้คนให้แสดงความสามารถ สร้างภราดรภาพขึ้นในสากลโลก ขุนพลเช่นนี้เรียกว่ายอดขุนพลผู้เกรียงไกรแห่งจักรวาลซึ่งข้าศึกไม่อาจต้านได้”
ผลงานและความมีชื่อเสียงของพลเอกชวลิตมีมานานแล้ว แต่สื่อมวลชนเริ่มพูดถึงมากขึ้นหลังจากได้รับยศพลโทในตำแหน่ง ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ ทั้ง ๆ ที่ความจริงพลเอกชวลิตฉายแววแห่งความเป็นอัจฉริยะมานานตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อย จปร. หรือโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ดังผลการศึกษาที่อยู่ในระดับดีมาโดยตลอด
เมื่อเข้ารับราชการก็แสดงผลงานให้ปรากฏมากมาย พลเอกปัญญา สิงห์ศักดา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนร่วมรุ่น จปร.1 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของเพื่อนว่า ตอนเป็นพันโทก็ได้ทำงานระดับกองทัพและเมื่อครองยศพันเอกก็ได้ทำงานระดับชาติ
พลเอกปัญญากล่าวว่าพลเอกชวลิตเป็นคน “หวัด” คือ พูดหวัด เขียนหวัด และคิดหวัด อันแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนที่มีสมองปราดเปรื่อง คิดและตัดสินใจเร็ว มีอยู่ครั้งหนึ่งอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ไม่สามารถอธิบายบางวิชาให้นักเรียนเข้าใจได้ นนร.ชวลิตก็ขันอาสาออกไปยืนหน้าห้องเรียนอธิบายให้เพื่อนฟัง ใช้เวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้น ทุกคนก็เข้าใจหมด
เพราะเป็นคนที่มีความคิดเร็วและสามารถทำของยากให้เป็นของง่าย ประกอบกับเป็นคนใฝ่ศึกษาและมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ดังนั้นในการประชุมเพื่อสรุปผลการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ พลเกชวลิตจะเป็นผู้ที่บรรยายสถานการณ์ต่อที่ประชุมแทบทุกครั้ง
การประชุมดังกล่าวมีนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าประชุม ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ปลัดกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เป็นต้น โดยประชุมกันทุกปีและพลเอกชวลิตก็รับหน้าที่บรรยายให้ที่ประชุมทราบตั้งแต่ยังมียศพลตรี
จากการสั่งสมประสบการณ์ในการต่อสู้เอาชนะคอมมิวนิสต์ การใฝ่ศึกษาหาความรู้และวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีของคอมมิวนิสต์อย่างลึกซึ้ง พลเอกชวลิตจึงเป็นหัวหอกในการผลักดันคำสั่ง 66/23 อันเปรียบเสมือนคัมภีร์ฟาดฟันกับคอมมิวนิสต์
พลเอกชวลิต ในบทบาทต่าง ๆ |
ความเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ของพลเอกชวลิต มิใช่มีแต่กับผู้ใกล้ชิดเท่านั้น หากแต่ยังแสดงออกต่อผู้อื่นอย่างคงเส้นคงวา พลเรือเอกประพัฒน์ กฤษณจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือสะท้อนคุณสมบัติของพลเอกชวลิตออกมาชัดเจนว่า เป็นผู้ที่สามารถใช้การประนีประนอมเพื่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ ในเหล่าและในประเทศชาติได้เป็นอย่างดี ไม่นิยมใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ปัญหา
“เป็นผู้ที่ฉลาด มีความคิดก้าวหน้า ทันสมัย” พลเรือเอกประพัฒน์กล่าว “จะเห็นได้จากการที่พยายามพัฒนากองทัพให้ทัดเทียมกับอายประเทศ ส่งเสริมให้มีการศึกษาวิทยาการที่กำลังรุดหน้าของโลก เพื่อจะได้นำมาพัฒนากองทัพ”
หรืออย่าง พลอากาศเอกวรนาถ อภิจารี ผู้บัญชาการทหารอากาศก็กล่าวถึงพลเอกชวลิตว่า เป็นทรัพยากรที่หายาก และเป็นคนไบร๊ท
“เราจะเอาคนที่ไม่ไบร๊ทและขี้เกียจไปนำหรืออย่างไร ถ้าหากเราคิดว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่า เราควรจะต้องปกป้องเอาไว้”
เช่นเดียวกับ พลตำรวจเอกเภา สารสิน อธิบดีกรมตำรวจ กล่าวว่า แนวความคิดทางการเมืองของท่านเป็นแนวความคิดที่ดี ได้เสนอแนวทางแก้ไขบางสิ่งบางอย่างในจุดอ่อนของประชาธิปไตย เป็นนายทหารที่ทันสมัย มีความคิดที่จะแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตย ปรับปรุงกองทัพให้มีความกะทัดรัดและพัฒนาให้มีขีดความสามารถสูง
“นอกจากนี้ท่านยังเป็นนักการทูตที่ดี พยายามติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน” พลตำรวจเอกเภากล่าว “ผมไปฟังท่านพูดที่ประเทศพม่าแล้ว ท่านพูดภาษาอังกฤษ ผมก็คิดว่าท่านเป็นผู้พูดได้ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง แม้จะไม่ใช่ภาษาไทย พูดภาษาอังกฤษก็พูดได้ดีมาก”
อีกคนที่มีความสนิทคุ้นเคยกับพลเอกชวลิตคือ นายอำนวย วีรวรรณ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพจำกัด กล่าวถึงพลเอกชวลิตว่าเป็นคนที่มีความคิดริเริ่ม มีความสร้างสรรค์ และมีความมุมานะที่จะทำเต็มที่ให้สำเร็จสมตามเป้าหมาย ในขณะที่ท่านก็มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี โน้มน้าวจิตใจคนให้ร่วมมือร่วมใจกัน”
ดังนั้นฉายา “ขงเบ้ง” ของพลเอกชวลิตจึงไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ ๆ แต่สำหรับอนาคตนั้นขออย่าให้เป็น “จิวยี่” ก็แล้วกัน
ความเห็นจากสามก๊กวิทยา
ในระยะหลัง ๆ มานี้ จากสถานการณ์ทางการเมืองช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ชวลิต ฯ ท่านถูกโจมตีและค่อนขอดจากฝ่ายตรงข้ามอยู่บ่อยครั้ง อาจจะด้วยอายุขัยที่มากขึ้น ทำให้ท่านเลือกและตัดสินใจผิดพลาดไปบ้าง แต่หากมองถึงความตั้งอกตั้งใจในการอาสา เกียรติประวัติและคุณงามความดีที่ท่านสร้างไว้ให้กับประเทศชาติแล้ว ก็ยากนักที่จะหาใครคนใดมาเทียบเทียม อีกทั้งในผืนแผ่นดินไทยของเรานี้ จะมีใครไหนบ้าง ที่ครั้งหนึ่งของช่วงชีวิต เคยได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น "ขงเบ้ง"..... ด้วยความเคารพครับ .....
ท่านก็เป็นที่เคารพนะครับ จะพลาดพลั้งให้นินทาได้ก็ ตอนที่เป็นายกรัฐมนตรีแล้วมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำเท่านั้นแหละ แต่หากพิจารณาให้รอบด้าน จะรู้ว่าเรื่องการตัดสิน หรือองประกอบของเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้เกิดจากตัดสินใจของท่านคนเดียวซะหน่อย หากแต่ฝ่ายตรงข้ามพยายามยัดเยียดภาระหน้าที่ให้เท่านั้นเอง ก็เป็นอย่างนี้จนถึงทุกวันนั้นแล
ตอบลบความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติของการทำงานครับ ขงเบ้งยังพลาดให้สุมาอี้เลย
ลบตั้งกันเองทั้งนั้น ขงเบ้งถูกนำไปใช้เยอะมาก
ตอบลบขงเบ้งแห่งฟุตบอลไทย อาจหาญ ทรงงามทรัพย์
ขงเบ้งเมืองน้ำหอม อาแซง แวงเกอร์
แล้วยังมี สุมาอี้แห่งกองทัพไทยคู่ปรับขงเบ้ง(ชวลิต)เป็นใครผมจำไม่ได้ละ ท่านพอจะนึกออกไหม
ความคิดผมบุคลิก ขงเบ้งในวรรณกรรมกับท่านชวลิต ต่างกันลิบลับเลยนะผมว่า ถ้าจะเลือกตัวละคร(อ้างอิงวรรณกรรม)มาสักคน ผมคิดว่าน่าจะใกล้เคียงโลซกมากกว่า
แล้วไป ขงเบ้งฟุตบอลไทย นึกว่าบังยีซะอีก 5555
ลบรายนั้น อ้วนสุดครับ
ลบแต่เลือกกี่ที ๆ แกก็ชนะนะครับ ไม่เชื่อรอดูผลการเลือกนายกสมาคมฟุตบอลฯ ครั้งถัดไปใน 15 มิถุนายนนี้ครับ... พลังเยอะมาก
ลบเห็นว่าตอนนี้กำลังทำเรื่องขอเลื่อนไปก่อนนะท่าน กรรมของวงการฟุตบอลไทย
ลบ-*-
ตอบลบ