“หงส์...อ่อน” ไม่ใช่ชื่อล้อเลียนสโมสรฟุตบอลอังกฤษ แต่เป็นสมญานามของตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในวรรณกรรมจีนเรื่องสามก๊ก ซึ่งในหนังสือสามก๊กฉบับต่าง ๆ ทั้งไทยเทศ ก็อาจเรียกต่างกันไปเช่น ฮองซู, หงส์ดรุณ, หงส์ 5 สี, blooming phoenix, Young Phoenix, Fledging Phoenix, 鳳雛 ฯลฯ เขาผู้นี้มีสติปัญญาอยู่ในระดับเดียวกันกับ “มังกรหลับ” ขงเบ้ง .... นักอ่านสามก๊กจะรู้จักกันดีว่าเขาคือ “บังทอง”
“หงส์...อ่อน” ไม่ใช่ชื่อล้อเลียนสโมสรฟุตบอลอังกฤษ แต่เป็นสมญานามของตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในวรรณกรรมจีนเรื่องสามก๊ก ซึ่งในหนังสือสามก๊กฉบับต่าง ๆ ทั้งไทยเทศ ก็อาจเรียกต่างกันไปเช่น ฮองซู, หงส์ดรุณ, หงส์ 5 สี, blooming phoenix, Young Phoenix, Fledging Phoenix, 鳳雛 ฯลฯ เขาผู้นี้มีสติปัญญาอยู่ในระดับเดียวกันกับ “มังกรหลับ” ขงเบ้ง .... นักอ่านสามก๊กจะรู้จักกันดีว่าเขาคือ “บังทอง”"ยอดกุนซือจากตำนาน สามก๊ก"
บังทอง (Pang Tong, 龐統) เป็นยอดนักปราชญ์คนสำคัญของจ๊กก๊ก ที่แม้ว่าจะมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ก็มีสติปัญญาเป็นเลิศอยู่ในระดับเดียวกันอย่างยอดอัจฉริยะแห่งยุคอย่าง จูกัดเหลียงขงเบ้ง ซึ่งเรื่องราวของบังทองนั้น “สามก๊กวิทยา” ได้เคยนำเสนอมาบ้างแล้วในเรื่อง ความอัปลักษณ์ของบังทอง และเรื่องบังทองรากผัก ที่กล่าวถึงลักษณะรูปร่างของบังทองกับปรัชญาการดำเนินชีวิตของเขา
บังทอง (Pang Tong, 龐統) |
“อันฮกหลง(มังกรหลับ-ขงเบ้ง) กับฮองซู (หงส์อ่อน-บังทอง) สองคนนี้ ถ้าได้มาเป็นที่ปรึกษาด้วยแต่ผู้ใดผู้หนึ่ง ก็อาจสามารถจะคิดอ่านปราบปรามศัตรูแผ่นดินให้สงบได้“
คำกล่าวของบุคคลระดับปรมาจารย์อย่างสุมาเต๊กโชนี้เองที่ทำให้เล่าปี่ตาลุกวาว ต้องรีบขวนขวายตามหาฮกหลงฮองซูให้วุ่น และเล่าปี่ก็ทำได้สำเร็จจริงเพราะได้มาเป็นที่ปรึกษาครบทั้งสองคน
เรื่องความรู้ความสามารถและสติปัญญาของฮกหลงขงเบ้งนั้น เป็นที่ยอมรับและไร้ข้อกังขา เพราะมีผลงานประจักษ์ชัด แต่เรื่องสติปัญญาและความสามารถของบังทองกลับตรงกันข้าม เพราะเต็มไปด้วยข้อครหา ข้อสงสัยมากมายเหลือเกิน ทั้งจากตัววรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์ บทวิเคราะห์และบทวิจารณ์ต่าง ๆ
ผลงานสำคัญของบังทองคือหลอกให้โจโฉตรึงเรือเข้าด้วยกัน |
ทั้งนี้ผมได้ทำการรวบรวมความ “อ่อน” ของบังทองจากสามก๊กฉบับนิยาย มาให้ท่านสัมผัส ตามที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
พฤติกรรมสุดโต่ง
ในวรรณกรรมสามก๊ก ตอนที่เล่าปี่ขี่ม้าเต๊กเลาหนีชัวมอมาจนถึงแดนเมืองลำเจี๋ยง เล่าปี่ได้พบกับเด็กเลี้ยงกระบือคนหนึ่ง เด็กคนนี้พูดจาฉลาดเฉลียว เล่าปี่จึงถามว่าได้ความว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์สุมาเต๊กโช ส่วนเพื่อนของอาจารย์มีสองคน ความในสามก๊กภาษาไทยว่า“เพื่อนของอาจารย์ข้าพเจ้าสองคน คนหนึ่งชื่อบังเต๊กกง อายุแก่กว่าอาจารย์ข้าพเจ้าสิบปี เป็นอาบังทอง บังทองอ่อนกว่าอาจารย์ข้าเจ้าห้าปี มีสติปัญญาหลักแหลมนัก สุมาเต๊กโชรักใคร่เรียกเป็นน้อง อาหลานสองคนนี้อยู่แดนเมืองซงหยง เคยไปมาหาสู่พูดจาสรรเสริญเล่าปี่เนือง ๆ อยู่”
สุมาเต็กโชขึ้นต้นไม้คุยกับบังทอง คนมีปัญญาต้องคุยกันอย่างนี้ |
“มีวันหนึ่ง อาจารย์สุมาเต็กโชปีนขึ้นต้นไม้ไปเก็บผลหม่อน พอบังทองมาถึง เขาทั้งสองก็สนทนากันอยู่จนเย็นโดยที่อาจารย์สุมาเต็กโชมิได้ลงมาจากต้นไม้เลย”
ลองคิดดูว่าคนปกติที่ไหนจะคุยกันตั้งแต่เช้าจนเย็นโดยที่คนหนึ่งอยู่บนต้นไม้ ส่วนอีกคนยืนคุยอยู่ข้างล่าง... “สุดโต่ง” ทั้งคู่ แต่เรื่องของอัจฉริยะ บางทีคนธรรมดาไม่อาจเข้าใจ สุมาเต๊กโชกับบังทองอาจจะวัดใจกันอยู่ก็ได้ ว่าใครจะทนกว่ากัน
โหงวเฮ้งไม่ดี วาทีไม่เสนาะ
โหงวเฮ้ง แปลว่าการพิจารณาดูลักษณะทั้งห้าประการซึ่งได้แก่ คิ้ว หู ตา จมูก ปากและส่วนประกอบจากในหน้า รูปร่าง อริยาบทต่าง ๆ ซึ่งในตอนที่จิวยี่ตาย ซุนกวนจะตั้งโลซกขึ้นแทน แต่โลซกไม่รับเพราะคิดว่ามีคน ๆ หนึ่งเหมาะสมกว่า ว่าแล้วโลซกจึงได้นำบังทองเข้ามาพบกับซุนกวน ซึ่งซุนกวนก็ยินดีเพราะเคยได้ยินชื่อเสียงของบังทองมาก่อนแล้วในหนังสือสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ได้อธิบายลักษณะของบังทองในตอนที่เข้าพบซุนกวนว่า
“ซุนกวนจึงพิจารณารูปร่างแลลักษณะของบังทอง เห็นคิ้วใหญ่ จมูกโด่ง หน้าดำ หนวดสั้น รูปนั้นวิปริตนัก น้ำใจจึงไม่ยินดี”
บังทองหน้าตาดีแบบนี้มีแต่ในการ์ตูน |
“ความรู้ซึ่งท่านได้เรียนมานั้น เอาอันใดเป็นหลักที่ยึด” บังทองจึงตอบว่า
“ซึ่งจะเป็นหลักที่ยึดนั้น สุดแต่การเป็นประมาณ เมื่อการสิ่งใดมีมาจึงจะคิดต่อไป”
เป็นความในภาษาอังกฤษว่า “One must not be narrow and obstinate; one must change with circumstances.” แปลว่า “อนึ่งไม่ควรคับแคบและดื้อรั้น อนึ่งควรแปรเปลี่ยนได้ตามการณ์”
ซุนกวนยังมึนงง เพราะถามไม่ตรงคำตอบ จึงถามบังทองต่อไปอีกว่า “ปัญญาวิชาการท่านเรียนมากับจิวยี่เป็นกระไรกัน”
บังทองจึงตอบว่า “ความรู้วิชาการข้าพเจ้าเรียนมาผิดกันกับจิวยี่มากนัก”
ความในภาษาไทยยังไม่ชัด ต้องอ่านเพิ่มในฉบับภาษาอังกฤษว่า “My learning is not to be compared with his in the least. Mine is far greater.” แปลว่า
“ความรู้วิชาการข้าพเจ้าเรียนมาไม่อาจเทียบกันกับจิวยี่แม้แต่น้อย ข้าพเจ้ารู้กว้างไกลกว่ามาก”
ซุนกวนได้ยินคำตอบนี้ถึงกับผงะแล้วเชิญบังทองให้ออกจากห้องไป พอโลซกเข้ามาถามซุนกวนจึงบอกว่า “เราพิเคราะห์ดูรูปร่างก็ไม่สมที่ว่ามีสติปัญญา แล้วพูดจาพลุ่มพล่าม ถึงเอาไว้ก็ไม่เห็นจะได้ราชการ”
นี่คือการวิเคราะห์บังทองจากซุนกวนยอดผู้นำคนหนึ่งของยุคสามก๊ก ซึ่งก็เห็นสมตามคำซุนกวนว่า เพราะจิวยี่ เป็นคนที่ชาวกังตั๋งยอมรับนับถือ อีกทั้งยังเพิ่งเสียชีวิต การที่บังทองพูดจาในลักษณะนี้นับเป็นการดูหมิ่นจิวยี่และน้ำใจชาวใต้เป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวบังทองเองยังเคยคิดจะมารับราชการอยู่กับจิวยี่ และร่วมมือกับจิวยี่ในการหลอกให้โจโฉตรึงเรือ (ในประวัติศาสตร์บังทองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจิวยี่ พอจิวยี่ตายจึงไปอยู่กับเล่าปี่) นี่ทำให้บังทองหมดโอกาสทำราชการกับง่อก๊กตั้งแต่นั้น
ทำราชการไม่สุจริต
เมื่อซุนกวนไม่รับบังทอง โลซกจึงแนะนำให้บังทองไปอยู่กับเล่าปี่ รวมทั้งก่อนหน้านี้ขงเบ้งได้เคยเชิญบังทองมาก่อนแล้วเช่นกัน บังทองจึงตัดสินใจเข้าไปพบเล่าปี่ แต่เล่าปี่เห็นโหงวเฮ้งแล้วส่ายหัวแต่ก็ยังเกรงใจ จึงให้บังทองไปปกครองเมืองลอยเอี๋ยง ชายแดนเมืองเกงจิ๋วบังทองอยู่ที่เมืองลอยเอี๋ยงได้ร้อยวันเศษ ไม่เคยออกว่าราชการ วันทั้งวันเอาแต่กินแต่เหล้าแล้วนอน นอนแล้วกินเหล้า จนชาวบ้านชาวเมืองเดือดร้อนต้องเขียนจดหมายไปฟ้องเล่าปี่ เล่าปี่ได้ทราบความจึงโกรธแล้วว่า “บังทองเป็นคนไม่ดี จะทำให้เราเสียการ” จากนั้นจึงมอบหมายให้เตียวหุยและซุนเขียนไปตรวจราชการ
เมื่อเตียวหุยและซุนเขียนมาตรวจ บังทองจึงยอมออกมาว่าราชการและตรวจงานที่คั่งค้างจำนวนมาหลายร้อยวันจนเสร็จสิ้นในชั่วพริบตา ไม่มีขาดตกบกพร่อง จนเป็นที่ร่ำลือและทำให้เล่าปี่ยอมเรียกตัวบังทองกลับไป
บังทองเคลียร์งานเสร็จในพริบตา |
วิธีการรับราชการแบบบังทองนี้ไม่ใช่ตัวอย่างอันดีเลย และนี่เป็นอีกข้อที่ทำให้ชื่อชั้นของ “ฮองซู” แปดเปื้อน
จุดดำบนผ้าขาว
ในตอนที่เล่าปี่เข้าเมืองเสฉวนตามคำเชื้อเชิญของเล่าเจี้ยง หัวใจของเล่าปี่นั้นต้องการจะได้เมืองเสฉวนมาเป็นที่มั่นอย่างยิ่ง แต่ติดที่เพียงว่าเล่าเจี้ยงเป็นคนแซ่เดียวกัน ซึ่งเล่าปี่มีคุณธรรมเป็นเครื่องยึดมั่น แม้เตียวสง หวดเจ้ง เบ้งตัด ที่ปรึกษาและนายทหารของเล่าเจี้ยงจะคะยั้นคะยอให้เล่าปี่แย่งชิงเสฉวนเท่าใด เล่าปี่ก็ปฏิเสธทุกครั้งบังทองก็เป็นคนหนึ่งที่แนะนำให้เล่าปี่ชิงเมืองเสฉวนมาเป็นของตัวเอง เขาพยายามจูงใจเล่าปี่อยู่หลายครั้ง แนะนำให้เล่าปี่เชิญเล่าเจี้ยงมากินเลี้ยงเพื่อลอบสังหาร แม้เล่าปี่ไม่เห็นด้วย แต่บังทองก็ยังไม่ละความพยายาม หนักถึงขึ้นวางแผนให้อุยเอี๋ยนลุกขึ้นรำดาบในงานเลี้ยงเพื่อจะฆ่าเล่าเจี้ยง ต่อหน้าต่อตาเล่าปี่ จนเล่าปี่ต้องลุกขึ้นห้าม และตักเตือนบังทองว่า
“ท่านนี้หาความพินิจไม่ ทำทั้งนี้จะให้คนติเตียนเราได้ แต่วันนี้สืบไปภายหน้าอย่าได้ทำฉะนี้เลย”
แต่ก็สายเกินแก้เสียแล้ว เพราะการแสดงต่อหน้าคนทั้งปวงเช่นนั้น ได้ทำให้รอยร้าวที่มีแต่เดิมอยู่แล้ว ปริแยกแตกไปมากขึ้น จนกระทั่งถึงขีดสุดเมื่อมีมือที่สาม อย่างซุนกวน
ซุนกวนหลอกให้ซุนฮูหยินกลับกังตั๋ง โดยให้นำมาเต๊ามาด้วยแต่ไม่สำเร็จเพราะจูล่งตามชิงตัวไว้ทัน จากนั้นซุนกวนได้รบกับโจโฉที่ปากน้ำเมืองยี่สู แต่ไม่รู้แพ้ชนะจึงยอมสงบศึกกัน ระหว่างนั้นเตียวเจียวได้ออกอุบาย ส่งจดหมายให้เล่าเจี้ยงว่าเล่าปี่จะทรยศไปเข้ากับเตียวฬ่อ และส่งจดหมายให้เตียวฬ่อไปตีเมืองเกงจิ๋ว เพราะเล่าปี่ไม่อยู่เมือง
บังทองสนับสนุนให้เล่าปี่แย่งเสฉวนมาจากเล่าเจี้ยง |
บังทองเห็นเป็นทีจึงยุและวางแผนให้เล่าปี่ตีด่านโปยสิก๋วนของเล่าเจี้ยงได้จนสำเร็จ และเมื่อเล่าปี่เข้ามาในด่าน เล่าปี่ก็ได้จัดให้มีงานเลี้ยงขึ้นตามประเพณี ระหว่างงานเลี้ยง เล่าปี่เมาได้ที่จึงว่า
“เราตีล่วงเข้ามาได้ด่านโปยสิก๋วนก็เห็นจะมีความสุขอยู่แล้ว”
แต่บังทองแสดงความประหลาดเหนือมนุษย์ด้วยการเตือนเล่าปี่ว่า
“เรามาตีเมืองเขาก็ปราบปรามยังมิราบคาบ ท่านจะประมาทว่าเป็นสุขนั้นยังมิบังควร”
เล่าปี่ได้ยินบังทองพูดจาไม่เข้าหู จึงไล่บังทองออกจากงานเลี้ยง แม้ต่อมาภายหลังทั้งสองจะขอโทษขอโพยและปรับความเข้าใจกันได้ แต่เหตุการณ์ยึดตีชิงเมืองแล้วจัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีนี้ ได้สร้างรอยด่างดำบนประวัติความดีงามของเล่าปี่ จนไม่อาจจะลืมเลือน เพราะเล่าปี่เปลี่ยนจากคนที่ไม่คิดแม้แต่จะแย่งชิง “ด้ายสักเส้น เข็มสักเล่ม” หรืออะไรจากใคร กลายเป็นเล่าปี่ที่สำเริงสำราญเมื่อชิงเอาเมืองของผู้อื่นได้
บังทองพยายามชักจูงให้เล่าปี่แย่งชิงเสฉวนจากเล่าเจี้ยง เป็นคนคิดแผนเข้าตีด่าน และเขาควรจะห้ามเล่าปี่ตั้งแต่ต้นว่าไม่ควรจัดงานเลี้ยง แต่ก็ไม่ห้าม แถมยังพูดโพล่งขึ้นกลางงาน เป็นการประจานให้เห็นชัดกันถ้วนทั่ว ผ้าขาวของเล่าปี่จึงเลอะรอยสกปรกตั้งแต่นั้น
แผนดาวไม่มี แผนที่ไม่แตกฉาน
ยอดนักปราชญ์ราชบัณฑิต หรือแม่ทัพนายกองในสมัยสามก๊ก นอกจากจะดูดาวเป็นแล้ว เวลารบยังต้องมีการศึกษาแผนที่เพื่อเตรียมทำการรบ แต่ปรากฏว่า “บังทอง” หงส์อ่อนของเรา บกพร่องในศาสตร์สำคัญทั้งสองนี้แพเอี้ยว ข้าราชการของเล่าเจี้ยงดูดาวเห็นดาวร้าย จึงเตือนเล่าปี่ให้ระวัง ขงเบ้งอยู่ไกล ตั้งเมืองเกงจิ๋วอุตส่าห์มองเห็นดาวร้ายจึงส่งจดหมายมาเตือนว่าจะเกิดเหตุร้ายกับแม่ทัพนายกอง เล่าปี่เห็นคนเตือนดังนั้นจึงคิดจะยกทัพกลับเกงจิ๋วเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้น แต่บังทองกลับแย้งว่าขงเบ้งอิจฉา กลัวว่าเราจะมีความชอบ แล้วกล่าวว่าดาวร้ายนั้นเป็นดวงของแม่ทัพฝ่ายศัตรู ควรที่จะทำการรบต่อไป เล่าปี่ก็ยอม
ในการเลือกเส้นทางเดินไปตีเมืองลกเสีย บังทองให้หวดเจ้งกางแผนที่ของเตียวสงอ่าน ปรากฏว่าบังทองเลือกไปทางแคบ และบังทองมารู้ต่อมาในภายหลังจากทหารว่า ทางที่เขาเลือกมีชื่อว่า “ลกห้องโห” หรือเนินหงส์ร่วง บังทองจึงเพิ่งมาฉุกคิดได้ว่า
“ตัวเราอาจารย์แต่งนามไว้ชื่อฮองซู แลทางจะออกจากซอกเขานี้เป็นท้องทุ่ง ธรรมดาว่าหงส์นั้นแม้จะตกทุ่งก็มิอาจบินไปได้ ตัวเราก็ได้ชื่อว่าหงส์จะตกลงท้องทุ่งนี้ก็จะมีอันตราย”
คิดได้แล้วจึงสั่งทหารให้ถอยกลับ แต่ไม่ทันการเพราะฝ่ายศัตรูซุ่มรออยู่นานแล้ว บังทองจึงถูกเกาทัณฑ์ตกม้าลงถึงแก่ความตาย ณ ที่แห่งนั้น
บังทองไม่ดูดาว และไม่ศึกษาภูมิประเทศ |
บังทอง มองมุมกลับ
ความเป็นหงส์อ่อน ของบังทองนั้น หากอ่านตามวรรณกรรม ก็ต้องบอกว่าเขาอ่อนจริง ๆ เพราะไม่มีความรู้ความสามารถพอที่จะไปเปรียบเทียบกับขงเบ้งได้เลย ฮกหลงและฮองซู มีความแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งรูปร่าง หน้าตา สติปัญญา การเจรจาพาที ไม่น่าเชื่อเลยว่าสุมาเต๊กโชจะยกย่องคนทั้งสองว่าอยู่ในระดับเดียวกันในเรื่องนี้ ความสามารถของบังทองจึงต้องมีการมองมุมกลับ และวิเคราะห์ในการกระทำของเขา ซึ่งคนรุ่นหลังได้พยายามคิดหาหนทางแก้ต่างให้บังทองว่า ทั้งหมดทั้งมวลที่เขาทำ คือการเสียสละอันยิ่งใหญ่ เพราะเล่าปี่ใจอ่อนเกินไป บังทองจึงต้องยอมเจ็บยอมตาย เพื่อให้เล่าปี่มีมานะ และมีข้ออ้างในการชิงเสฉวนจากเล่าเจี้ยง ซึ่งเนื้อเรื่องแนวนี้มีอยู่ใน ละครโทรทัศน์สามก๊ก 2010 ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้
สรุป
“หงส์อ่อนมังกรหลับ” คือสุดยอดฉายานาม หงส์ตัวนี้ไม่ทันโตพอที่จะปีกกล้าขาแข็ง ส่วนมังกรก็ไม่เคยตื่นขึ้นจากความเพ้อฝัน ยอดคนทั้งสองจึงไม่อาจทำการให้สำเร็จได้ตามจุดประสงค์ ขงเบ้งนั้นโชคดีอายุยืนกว่า รูปร่างหน้าตาก็ดี พูดจาก็ไพเราะ น่าเชื่อถือ ส่วนบังทองโชคร้ายเกิดมาอัปลักษณ์ ปากเสีย แม้สติปัญญาดีแต่ก็ไม่อาจช่วยให้รอดปลอดภัยหงส์อ่อนบังทอง .... อ่อนไม่อ่อน แล้วแต่จะคิด แต่หงส์แดงลิเวอร์พูล ทีมรักของใครหลายคนนั้น (รวมทั้งผมด้วย) อ่อนมาหลายปีแล้ว เราก็ได้แต่ฝันว่าปีนี้ ปีหน้า หงส์จะโบยบิน ผงาดฟ้าเสียที ....
We’ll never walk alone !!!
ตายได้ง่ายมาก ไม่มีอะไรเลย
ตอบลบเจ้านายคนดี ซื่อฯการทำงานบ้านเมืองก็จะดีแม้แต่ชีพก็พลีได้เพื่อแผ่นดิน ข้อเสียชอบลองของเพื่อให้ผู้นำและมิตรสหาย บังทอง🇹🇭
ตอบลบ