ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี รัฐบาลได้กำหนดให้เป็น "วันทหารผ่านศึก" เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ มี "ดอกป๊อปปี้ สีแดง" เป็นสัญลักษณ์แทนทหารผ่านศึก โดยสีแดงของดอกป๊อปปี้ หมายถึงเลือดของทหารหาญที่ได้หลั่งชโลมแผ่นดินไว้ด้วยความกล้าหาญ เสียสละอันสูงสุด
ในวันที่
3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี รัฐบาลได้กำหนดให้เป็น
"วันทหารผ่านศึก" เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ มี
"ดอกป๊อปปี้ สีแดง" เป็นสัญลักษณ์แทนทหารผ่านศึก โดยสีแดงของดอกป๊อปปี้ หมายถึงเลือดของทหารหาญที่ได้หลั่งชโลมแผ่นดินไว้ด้วยความกล้าหาญ เสียสละอันสูงสุด
ที่มาของวันทหารผ่านศึกนี้ เกิดขึ้นภายหลังที่ทหารไทยเดินทางกลับจากสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งนั้นมีทหารที่บาดเจ็บ ล้มตาย เป็นจำนวนมาก บางส่วนก็ถูกให้ออกจากราชการไร้ผู้ดูแล ต่อมาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2491จึงได้มีการจัดตั้ง
"องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก" ขึ้นเพื่อดูแลสมาชิกและครอบครัวของทหารหาญผู้ผ่านศึก ตั้งแต่นั้นมา
เราจึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก
ในเรื่องสามก๊กตัวละครแทบทุกตัวที่เป็นทหาร ล้วนผ่านศึกกันมาหลายต่อหลายครั้ง เรียกได้ว่าเป็นทหารผ่านศึกทุกคน เจ็บบ้าง ตายบ้าง ที่เหลือรอดสมบูรณ์ก็มีเยอะ แต่ก็มีบางคนที่ต้องสูญเสียอวัยวะร่ายกาย และหากสมัยนั้นมี
องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เหมือนสมัยนี้ คนเหล่านี้ก็ควรจะได้รับการดูแลตามสิทธิที่พวกเขาควรจะได้รับ.... ใครเป็นใครบ้าง ลองดูตัวอย่าง เพื่อระลึกถึงความเสียสละและความกล้าหาญของเขาเหล่านั้น รับบรรยากาศวันทหารผ่านศึก ดังนี้
1. แฮหัวตุ้น สูญเสียลูกนัยตา
|
แฮหัวตุ้น สูญเสียลูกนัยตา |
แฮหัวตุ้น ขุนพลคนสนิทของและเป็นลูกพี่ลูกน้องที่โจโฉ เขาก็เป็นคนที่อยู่กับโจโฉมาตั้งแรกเริ่มที่โจโฉเริ่มก่อการจวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แฮหัวตุ้นเป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ เมื่ออายุ 14 ปี ได้สังหารคนที่มาดูหมิ่นอาจารย์ แฮหัวตุ้นจึงหนีไปซ่องสุมผู้คนอยู่ในป่า จนเมื่อโจโฉประกาศเรียกอาสาสมัครไปปราบตั๋งโต๊ะ แฮหัวตุ้นพร้อมด้วยแฮหัวเอี๋ยนน้องชาย ได้นำกำลังมาร่วมกับโจโฉ ครั้งหนึ่ง แฮหัวตุ้นไปรบโกซุ่น แม่ทัพของลิโป้ ที่เมืองเสียวพ่าย โจเสงนายทหารอีกคนของลิโป้ ลอบใช้เกาทัณฑ์ยิงถูกตาซ้ายของแฮหัวตุ้น แฮหัวตุ้นจึงชักลูกเกาทัณฑ์ออก ลูกตานั้นได้ติดปลายเกาทัณฑ์มาด้วย จึงร้องขึ้นว่า
"ลูกตานี้เป็นดวงแก้วอันประเสริฐ ไม่ควรจะทิ้งเสีย" ว่าแล้วก็กลืนลูกตาลงท้องไป พร้อมกับควบม้าไปเอาทวนแทงโจเสงตกม้าตาย
|
อมยิ้มลูกตาแฮหัวตุ้นจากญี่ปุ่น |
2. หันซุย เสียแขนหนึ่งข้าง
|
หันซุย เสียแขนหนึ่งข้าง |
หันซุย เจ้าเมืองเปงจิ๋ว เพื่อนสนิทของม้าเท้ง เจ้าเมืองเสเหลียง(พ่อของม้าเฉียว) เคยร่วมรบกับม้าเท้งในการรบกับลิฉุย กุยกี ต่อมาเมื่อม้าเท้งถูกโจโฉประหาร หันซุยได้ช่วยม้าเฉียว รบกับโจโฉเพื่อแก้แค้นให้ม้าเท้ง แต่ต่อมากาเซี่ยงได้เสนออุบายให้โจโฉส่งจดหมายลวง ทำให้ม้าเฉียวระแวงในตัวของหันซุยว่าจะสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ หันซุยทนแรงกดดันไม่ไหวจึงคิดจะสวามิภักดิ์ต่อโจโฉจริงๆ ม้าเฉียวได้ทราบดังนั้นจึงวิ่งไปที่ค่ายของหันซุยและตัดแขนข้างซ้ายของหันซุย หันซุยจึงหนีไปพึ่งโจโฉ เมื่อโจโฉตีทัพม้าเฉียวกระจัดกระจายแล้ว หันซุยจึงได้รับการเยียวยาจากโจโฉ โดยการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองเสเหลียงแทนที่ม้าเฉียว
3. สุมาสูลูกตาทะลัก
|
สุมาสูเสียตาหนึ่งข้างระหว่างรบ |
สุมาสู เป็นบุตรชายคนโตของสุมาอี้ หน้ากลม ปากสี่เหลี่ยม ริมฝีปากหนา ใต้ตาซ้ายมีปาน บุคลิกแลดูน่ายำเกรง มีสติปัญญาดี สุขุม ชำนาญในพิชัยสงคราม เมื่อสุมาอี้เสียชีวิตแล้ว สุมาสูก็เข้าควบคุมอำนาจในวุยก๊กแทนที่บิดา เป็นที่ครั่นคร้ามแก่พระเจ้าโจฮองมาก พระเจ้าโจฮองจึงคิดจะกำจัดเสีย สุมาสูรู้ทัน จึงปลดพระเจ้าโจฮองออกจากราชบัลลังก์แล้วตั้งโจมอขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ทำให้เหล่าขุนนางผู้จงรักภักดีไม่พอใจอย่างมาก บู๊ขิวเขียมเจ้าเมืองเกงจิ๋วจึงร่วมมือกับบุนขิม ก่อการกบฏต่อสุมาสูขึ้นที่เมืองชิวฉุน สุมาสูนำทัพไปปราบกบฏด้วยตนเองและมีชัยชนะ แต่ต้องสูญเสียลูกตาหนึ่งข้างเนื่องจากความกดดันในภาวะสงคราม ในประวัติศาสตร์ได้เขียนไว้ว่า ลูกตาของเขาทะลักออกจากเบ้า จนต้องนำผ้าปูเตียงมาคลุมศีรษะขณะบัญชาการรบ และเพื่อสะกดอาการเจ็บปวดที่ดวงตา สุมาสูต้องกัดชายผ้าปูเตียงไว้ในปากจนขาดเป็นริ้ว ๆ ต่อมาเมื่อกลับถึงเมืองฮูโต๋ เขาก็เสียชีวิต
4. จิวท่าย มีบาดแผลทั่วร่าง
|
จิวท่าย มีบาดแผลทั่วร่าง สมกับเป็นทหารผ่านศึก |
จิวท่าย
เป็นขุนพลที่กล้าหาญ ไม่รักตัวกลัวตาย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ซุนเซ็กให้จิวท่ายกับซุนกวนไปรักษาเมืองเซวียนเฉิง ถูกโจรปล้นเมือง จิวท่ายถูกทวนถึง 10 แผล ได้อาศัยหมอฮัวโต๋รักษาจึงรอดตาย ต่อมาจิวท่ายได้ออกรบกับซุนกวนที่เมืองหับป๋า (เหอเฟย) ซุนกวนถูกโจโฉตีแตกตกแม่น้ำ จิวท่ายได้เข้าช่วยแก้ให้ซุนกวนรอดตายไปได้
เมื่อกลับไปถึงฐานทัพแล้ว ซุนกวนจัดงานเลี้ยงแล้วรินสุราให้จิวท่ายกินเอง ซุนกวนจึงว่าแก่จิวท่ายว่า ตัวท่านตั้งใจสุจริตต่อเราครั้งนี้ สู้เอาชีวิตเข้าไปแลกเอาชีวิตเราออกมาได้นั้น คุณหาที่สุดไม่ อุปมาเหมือนตายอยู่ในระหว่างทหารโจโฉ ท่านเอาซากศพเรามาชุบขึ้นให้เป็น เราจะให้ท่านบังคับทหารในเมืองกังตั๋งกึ่งหนึ่ง ตัวท่านจงคิดว่าเป็นพี่น้องร่วมอุทรกันเถิด แล้วให้จิวท่ายถอดเสื้อ เห็นแผลอาวุธนั้นทั่วกาย ทหารทั้งปวงสั่นศีรษะซุนกวนจึงถามว่า แผลนี้ แผลนั้น แผลโน้นถูกอาวุธสิ่งใด จิวท่ายจึงบอกว่า แผลนี้ถูกทวนเมื่อเที่ยวหาท่าน แผลนั้นถูกง้าวเมื่อพบท่าน แผลโน้นถูกกระบี่เมื่อพลัดกันกับท่าน จิวท่ายบอกแผนสิ้นทุกประการ จิวท่ายบอกแผลที่ใด ซุนกวนก็รินสุราให้กินทีนั้น จนจิวท่ายเมาสุรานอนหลับไป ซุนกวนจึงให้ทหารยกตัวจิวท่ายขึ้นใส่เกวียน ให้เอาสัปทนทองนั้นมากั้นจิวท่าย ไปส่งจิวท่ายถึงค่าย
จิวท่ายไม่ถึงกับพิการ แต่ก็มีบาดแผลเต็มตัว ทั้งนี้เรื่องเหตุการณ์ซุนกวนรินสุรานับแผลจิวท่าย ในประวัติศาสตร์นั้น มีขึ้นเพื่อแสดงน้ำใจและความเสียสละของจิวท่ายให้กับขุนพลคนอื่นเห็น เพราะจิวท้ายมาจากชนชั้นต่ำ เมื่อซุนกวนแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพ ขุนพลคนอื่น ๆ ไม่สู้จะนับถือนัก ซุนกวนจึงใช้วิธีการนี้สร้างศรัทธาในตัวจิวท่าย และก็ได้ผลเพราะทุกคนในงานเลี้ยงเมื่อเห็นว่าจิวท่ายคนนี้ผ่านอะไรมามากต่อมาย จึงนับถือจิวท่ายกันทุกคน... นี่เป็นอีกหนึ่งในความเป็นผู้นำของซุนกวน
|
ดอกป๊อบปี้สำหรับทหารผ่านศึกทุกท่าน |
ขอสดุดีแด่ทหารผ่านศึกทุกท่าน ผู้เสียสละชีวิต ร่างกาย และความสุขสบายส่วนตัว รักษาอธิปไตยของชาติ ให้ลูกให้หลาน ได้มีแผ่นผืนดินไว้อาศัย ตราบนานเท่านาน .....
เพลง มาร์ชสี่เหล่า, ทางขับร้อง, Thailand Philharmonic Orchestra
เพลงทหารผ่านศึก ขับร้องโดย ยอดรัก สลักใจ
กรุณาแสดงความคิดเห็น