การแข่งขัน The Star เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว เป็นการประกวดร้องเพลงแนวเรียลลิตี้โชว์ โดยบริษัทเอ็กแซ็กท์ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งทางรายการจะเริ่มต้นโดยการรับสมัครผู้เข้าแข่งจากทั่ว มาคัดเลือก วิจารณ์และตัดสินจากกรรมการสามท่าน คือ เพชร มาร์, สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา และ อรนภา กฤษฎี ผู้ผ่านการคัดเลือกจากแต่ละภาคเข้าร่วมแข่งขันร้องเพลง และแข่งขันกันอีกรอบเพื่อหาตัวแทน 8 คน มาแข่งในรอบสุดท้าย คัดออกทีละคน จนเหลือสองคนสุดท้าย ผู้ที่ชนะเลิศการแข่งขัน จะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปิน และได้ออกอัลบั้มกับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
รายการ The Star เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปัจจุบันดำเนินมาถึงปีที่ 9 แล้ว แต่นั่นก็เป็นเรื่องของวงการบันเทิง ส่วนในวงการสามก๊กของเรานั้น มีตัวเอกระดับเดอะสตาร์มากมาย แต่ผู้ที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับดาวดาวมากที่สุด เห็นจะเป็นอาจารย์ฮกหลง ขงเบ้ง ผู้ที่รอบรู้เจนจบในทุกวิชาสรรพศาสตร์ รวมทั้งการทำนายชะตาชีวิตด้วยดวงดาว ดังที่จะเคยได้ยินกันติดหูว่า “ขงเบ้งดูดาว”
หากเราอ่านสามก๊กอย่างผิวเผิน ก็จะนึกว่าขงเบ้งนี่เก่ง แค่ดูดาวก็สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ แต่แท้จริงแล้ว ในเรื่องสามก๊กนั้น มีชายคนหนึ่ง ที่มีความสามารถในการดูดาว และทำนายสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำเหนือกว่าขงเบ้ง ชายผู้นั้นมีนามว่า เจาจิ๋ว (Qiao Zhou)
การแข่งขัน The Star เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว เป็นการประกวดร้องเพลงแนวเรียลลิตี้โชว์ โดยบริษัทเอ็กแซ็กท์ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งทางรายการจะเริ่มต้นโดยการรับสมัครผู้เข้าแข่งจากทั่ว มาคัดเลือก วิจารณ์และตัดสินจากกรรมการสามท่าน คือ เพชร มาร์, สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา และ อรนภา กฤษฎี ผู้ผ่านการคัดเลือกจากแต่ละภาคเข้าร่วมแข่งขันร้องเพลง และแข่งขันกันอีกรอบเพื่อหาตัวแทน 8 คน มาแข่งในรอบสุดท้าย คัดออกทีละคน จนเหลือสองคนสุดท้าย ผู้ที่ชนะเลิศการแข่งขัน จะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปิน และได้ออกอัลบั้มกับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
รายการ The Star เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปัจจุบันดำเนินมาถึงปีที่ 9 แล้ว แต่นั่นก็เป็นเรื่องของวงการบันเทิง ส่วนในวงการสามก๊กของเรานั้น มีตัวเอกระดับเดอะสตาร์มากมาย แต่ผู้ที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับดาวดาวมากที่สุด เห็นจะเป็นอาจารย์ฮกหลง ขงเบ้ง ผู้ที่รอบรู้เจนจบในทุกวิชาสรรพศาสตร์ รวมทั้งการทำนายชะตาชีวิตด้วยดวงดาว ดังที่จะเคยได้ยินกันติดหูว่า “ขงเบ้งดูดาว”
หากเราอ่านสามก๊กอย่างผิวเผิน ก็จะนึกว่าขงเบ้งนี่เก่ง แค่ดูดาวก็สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ แต่แท้จริงแล้ว ในเรื่องสามก๊กนั้น มีชายคนหนึ่ง ที่มีความสามารถในการดูดาว และทำนายสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำเหนือกว่าขงเบ้ง ชายผู้นั้นมีนามว่า เจาจิ๋ว (Qiao Zhou)
เจาจิ๋ว (Qiao Zhou) จากละครโทรทัศน์สามก๊ก ปี 1994 |
“เจาจิ๋ว , เจียวจิ๋ว (เจี้ยวโจว 譙周 Chiao Chuo) เป็นชาวเมืองปาซี ในเขตซีโชงโก้วะ มีชื่อรองว่า หย่งหนาน
สูง 8 ฟุต ซื่อตรง ไม่ชอบหรูหราโอ่อ่า ชอบศึกษาจนลืมกินลืมนอน สนใจเล่าเรียนคัมภีร์ลิ้วจิง มีความรู้ความสามารถทางดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์ เขียนอักษรได้วิจิตงดงาม
เป็นที่ปรึกษาของเล่าเจี้ยง ผู้ครองแคว้นเสฉวน ได้ทำนายว่า เสฉวนจะต้องเปลี่ยนผู้ครองเมืองใหม่ ครั้นเล่าปี่เข้ามาเป็นใหญ่แทนเล่าเจี้ยง เจาจิ๋วก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็น กวงลู้ต้าฟู ซึ่งเป็นชั้นเจ้ากระทรวง เป็นผู้ห้ามมิให้ขงเบ้งยกทัพไปตีวุยก๊กครั้งสุดท้าย ขงเบ้งไม่เชื่อ จึงถึงแก่กรรมในสนามรบ
เมื่อเสฉวนตกไปเป็นของวุยก๊ก และพระเจ้าเล่าเสี้ยนถูกส่งตัวไปเมืองลกเอี้ยง เจาจิ๋วตามพระเจ้าเล่าเสี้ยนไปด้วย วุยก๊กให้บรรดาศักดิ์เป็นหยังเฉิงถิงโหว ( พระยา )
ป่วยตายที่ลกเอี้ยง”
เจาจิ๋วมีผลงานในการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าหลายต่อหลายครั้ง เวลาที่เขาเสนอความเห็นแต่ละครั้ง ก็มักจะกล่าวอ้างเหตุผลตามหลักวิชาการ ด้านโหราศาสตร์และดาราศาสตร์เสมอ ซึ่งโดยส่วนมากเจาจิ๋วจะโดดเด่นในด้านการคัดค้าน เพราะปรากฏตัวแต่ละครั้ง จะอยู่ในเหตุการณ์ที่มีการถกเถียงกัน แต่กระนั้นเจาจิ๋วก็เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คน ที่อยู่รอดปลอดภัยได้ตั้งแต่ก่อตั้ง จนถึงการล่มสลายของจ๊กก๊ก
คนเดียว 5 ชื่อ เจาจิ๋ว เจียวจิ๋ว เจียวจุ๋ย ต้าจิ๋ว และ เตียวเจียว |
- ตอนที่ 53 เล่าเจี้ยงยกเมืองเสฉวนให้เล่าปี่ : เล่าเจี้ยงตัดสินใจจะยกเมืองเสฉวนให้เล่าปี่ เจาจิ๋ว ซึ่งขณะนั้นเป็นที่ปรึกษาของเล่าเจี้ยง ได้กล่าวสนับสนุน เพราะคำนวณชะตาฟ้าไว้แล้ว โดยกล่าวว่า “ท่านคิดนี้ชอบ อนึ่งข้าพเจ้าเห็นดาวสำหรับเมืองเสฉวนนั้นหายไป มีดาวใหญ่ขึ้นแทนที่รัศมีสว่างดังพระจันทร์ มีดาวน้อยล้อมเป็นบริวารอยู่หลายดวง แล้วข้าพเจ้าได้ยินเด็ก ๆ ในเมืองเสฉวนทำเพลงเล่นว่า แม้ผู้ใดจะใคร่กินข้าวใหม่ จงคอยให้เจ้าใหม่มาครองเมืองเถิด ก็จะได้กินสมความคิด”
- ตอนที่ 63 ชาวเมืองเสฉวนยกเล่าปี่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน : โจผีชิงเอาราชสมบัติของพระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วตั้งตนเป็นพระเจ้าอ้วยโซ่ ขงเบ้งจึงปรึกษากับ เคาเจ้ง เจาจิ๋ว (ในหนังสือภาษาไทยเรียกว่าเป็น เจียวจิ๋ว ซึ่งผิดจากชื่อที่ปรากฏตัวครั้งแรก) มาปรึกษาจะตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าแผ่นดินสืบวงศ์ฮั่น เจาจิ๋ว เห็นด้วยกับขงเบ้งแล้วยกเอาวิชาดาราศาสตร์มาอ้างว่า “ข้าพเจ้าดูขอบขัณฑสีมาเมืองเสฉวนเห็นอัศจรรย์ประหลาดหลายประการ อนึ่งดวงดาวประจำตัวเล่าปี่ก็รัศมีสว่างดังพระจันทร์ ซึ่งจะยกเล่าปี่ให้เป็นเจ้าสืบพระวงศ์นั้นควรแล้ว”
- ตอนที่ 70 ขงเบ้งยกกองทัพไปตีวุยก๊กครั้งที่หนึ่ง : ขงเบ้งใช้อุบายลวงให้พระเจ้าโจยอยปลดสุมาอี้ออกจากราชการ จากนั้นจึงถวายฎีกาต่อพระเจ้าเล่าเสี้ยนขออาสายกทัพไปตีวุยก๊ก แต่เจาจิ๋วคัดค้าน แล้วกล่าวว่า “เพลาคืนนี้ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูฤกษ์บน เห็นดาวประจำเมืองฝ่ายเหนือมีรัศมีบริบูรณ์อยู่ มหาอุปราชก็มีสติปัญญาหลักแหลมรู้การทั้งปวง ซึ่งจะยกไปตีเมืองฮูโต๋นั้นเกลือกจะป่วยการเสียเปล่า” แต่ขงเบ้งไม่รับฟัง เจาจิ๋วได้ทัดทานอีกหลายครั้งก็ไม่เป็นผล
- ตอนที่ 77 ขงเบ้งยกกองทัพไปตีวุยก๊กครั้งที่หก : หลังจากพักรบไปสามปี ขงเบ้งเตรียมการยกทัพไปตีวุยก๊กครั้งที่หก และครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เจาจิ๋วได้มีโอกาสเตือนขงเบ้ง เพราะขงเบ้งจะเสียชีวิตในศึกครั้งนี้ โดยเจาจิ๋ว (ในหนังสือภาษาไทยเรียกว่าเป็น เจียวจิ๋ว) ได้คัดค้านว่า “ข้าพเจ้าดูในตำราแล้วเห็นดาวมหาอุปราชเมืองเรานี้เศร้าหมอง อันดาวประจำเมืองฝ่ายเหนือนั้นรุ่งเรือง อนึ่งชาวเมืองเราเลื่องลือกันว่า เวลากลางคืนได้ยินใบสนซึ่งต้องลมนั้น เหมือนเสียงคนร้องไห้อื้ออึงอยู่ ซึ่งมหาอุปราชจะยกไปครั้งนี้ขอให้งดไว้ก่อน” ขงเบ้งนอกจากจะไม่รับฟัง ยังย้อนเอาเจาจิ๋วไว้ว่า “ท่านจะเอานิมิตมโนสาเร่มาขัดไว้นั้นไม่ได้”
- ตอนที่ 78 ขงเบ้งตาย : ขงเบ้งตายแล้ว แต่ทางเมืองเสฉวนยังไม่ได้ข่าว คืนหนึ่งพระเจ้าเล่าเสี้ยนทรงพระสุบินว่า เขากิมปินสานนั้นพังทลายลง จึงทรงนำสุบินนิมิตนั้นไปเล่าให้เหล่าขุนนางช่วยตีความ เจาจิ๋ว (คราวนี้ในหนังสือสามก๊กภาษาไทยเรียกว่า เจียวจุ๋ย) จึงทูลว่า “ เวลาคืนนี้ข้าพเจ้าเห็นดาวสำหรับมหาอุปราชตกลงข้างทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้าเห็นว่าจะมีภัยแก่มหาอุปราช ซึ่งพระองค์ทรงสุบินก็เห็นยุติกัน ” ไม่นานข่าวความตายของขงเบ้งก็มาถึงเมือง
- ตอนที่ 83 เกียงอุยได้ข่าวจูกัดเอี๋ยนรบกับสุมาเจียว : สุมาเจียวกำเริบเสิบสานคิดชิงอำนาจจากตระกูลโจ จูกัดเอี๋ยนขุนนางสัตย์ซื่อจึงยกกองทัพมารบกับสุมาเจียว เกียบงอุยรู้ข่าวเห็นเป็นโอกาสดีที่วุยก๊กกำลังแตกแยก จึงคิดจะยกไปตีวุยก๊ก แต่เจาจิ๋ว (ในหนังสือสามก๊กภาษาไทยเรียกว่า ต้าจิ๋ว) ได้ทัดทานตามเหตุและผล ไม่ใช่หลักดาราศาสตร์เหมือนเคยว่า “บัดนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ไม่ว่ากิจการบ้านเมือง เชื่อฟังแต่คำฮุยโฮขันที ชวนกันเสพย์สุราทุกวันมิได้ขาด อนึ่งตัวท่านแต่ทำการมาก็เสียทีเป็นหลายครั้ง แม้เราคิดอ่านรักษาบ้านเมืองไว้ให้มั่นคงจะดีกว่า” แต่เกียงกุยไม่ฟัง ซ้ำยังด่ากลับว่า “ท่านเจรจาดังนี้ไม่ชอบ เสียทีเกืดมาให้หนักแผ่นดินเสียเปล่า” ซึ่งความตอนนี้ในสามก๊กฉบับภาษาอังกฤษ เจาจิ๋วเขียนเป็นรายงานยาวเหยียดถึงเกียงอุยชื่อเรื่องว่า “Enemy Kingdoms” ซึ่งพอเกียงอุยอ่านจบก็โยนลงพื้น
- ตอนที่ 84 เกียงอุยจะไปตีเมืองเตียวเจี๋ยง : เกียงอุยทำหนังสือกราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่าจะขอยกทัพไปตีวุยก๊ก แต่ เจาจิ๋ว (ในหนังสือสามก๊กภาษาไทยเรียกเป็น เตียวเจียว) คัดค้านและทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า “เวลาคืนนี้ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูเห็นดาวเมืองเราวิปริตฤกษ์บนหาดีไม่ แลซึ่งเกียงอุยจะอาสายกไปนั้นเห็นจะไม่มีชัยชนะ ขอพระองค์จงห้ามไว้ก่อน” แต่พระเจ้าเล่าเสี้ยนไม่กล้าขัดเกียงอุย เจาจิ๋วจึงทัดทานอีกหลายครั้ง ไม่เป็นผลจึงน้อยใจแกล้งป่วยไม่คิดมาทำราชการ
- ตอนที่ 86 พระเจ้าเล่าเสี้ยนอ่อนน้อมต่อข้าศึก : เมื่อเตงงายบุกเข้าเมืองกิมก๊กแดนเมืองเสฉวนได้แล้ว ขุนนางทั้งปวงแนะนำให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนหนีไปอยู่หัวเมืองเล็ก ๆ ชายแดนใต้ จากนั้นจึงค่อยขอกำลังเมืองกังตั๋งมาช่วยทำการ แต่เจาจิ๋ว (ในหนังสือสามก๊กเรียก เจียวจิ๋ว) ได้ทัดทานเอาไว้ว่า “อันธรรมเนียมโบราณซึ่งจะตั้งตัวเป็นเจ้าแผ่นดินนั้น จะได้อาศัยกำลังผู้อื่นหามิได้ ย่อมเพียรพยายามได้เป็นดีด้วยปัญญาความคิดแลกำลังของตัว เมื่อแลต่อด้วยข้าศึกมิได้ เข้าไปนบนอบเมืองกังตั๋งนั้น ใช่ว่าเมืองกังตั๋งจะตั้งมั่นเป็นเอกโทอยู่ก็หาไม่ ก็จะเสียแก่วุยก๊กเป็นมั่นคง นานไปก็ต้องกลับไปคำนับเขา ก็จะมิได้อัปยศเป็นสองซ้ำไปหรือจะต้องการอันใด ถ้าเข้าคำนับแก่พระเจ้าวุยก๊กเสียครั้งนี้เห็นจะได้อายแต่ครั้งเดียว ขอให้พระองค์ดำริดูเถิด” การทัดทานครั้งนี้ของเจาจิ๋ว สามารถเกลี้ยกล่อมพระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จ๊กก๊กล่มสลายไปในที่สุด เล่าขำบุตรคนที่ห้าของพระเจ้าเล่าเสี้ยนโกรธมากที่เจาจิ๋ว เสนอความเห็นนี้ จึงลุกขึ้นด่าเจาจิ๋วว่า “มึงนี้เป็นคนมิดีหากตัญญูมิได้ การศึกมีมามิได้คิดอ่านรักษาเจ้า ธรรมเนียมมีหรือเป็นกษัตริย์จะไปคำนับผู้อื่น ถึงมาตรว่าจะตายก็ควรจะสู้เสียชีวิต จะนบนอบแก่ข้าศึกหาควรไม่” แต่ก็กลายเป็นเล่าขำเสียเอง ที่ถูกพระเจ้าเล่าเสี้ยนไล่ตะเพิด เล่าขำจึงน้อยใจบิดาและฆ่าตัวตายทั้งครอบครัว
ขงเบ้งดูดาว ยังธรรมดาเป็นศาสตร์พื้น ๆ เมื่อเทียบกับเจาจิ๋ว เพราะขงเบ้งดูได้แค่อายุขัยของผู้คนรอบตัว แต่เจาจิ๋วดูแล้วล่วงรู้ถึงความเป็นไปในสรรพสิ่งรอบตัว และเขาก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมา พูดไปตามสิ่งที่เขาคำนวณเห็น แม้ว่าหลายต่อหลายครั้งจะถูกปรามาศว่าเป็นคนขายชาติก็ตาม
ในเรื่องสามก๊ก คนที่ดูดาวเก่งที่สุด และควรได้รับรางวัล “The Star เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว” ที่สุด จึงได้แก่ เจาจิ๋ว ผู้นี้นี่แหละครับ.... และเขาสอนให้เรารู้ว่า "น้อมตามฟ้า ชีวิตย่อมเป็นสุข"...
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
หุนเทียนยี่ (浑天仪) |
หุนเทียนยี่ (浑天仪) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้คำนวณตำแหน่งและวิถีโคจรของดวงดาว ประดิษฐ์ขึ้นโดย จางเหิง (Zhang Heng) นักดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ตงฮั่น(ฮั่นตะวันออก)ของจีน มีชีวิตอยู่ในราวปี ค.ศ.78-139 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนยุคสามก๊ก นั่นจึงหมายความว่า อุปกรณ์ที่เจาจิ๋วถืออยู่นั่นมีอยู่จริง และเขาอาจจะได้ศึกษาวิถีแห่งดวงดาวจากอุปกรณ์ชิ้นนี้ และนี่เป็นเครื่องยืนยันว่าชาวจีนสามารถคำนวณวิถีโคจรของดวงดาว รวมทั้งมีความเชื่อว่าโลกกลม มานานนับ 2,000 ปีแล้ว
หากสนใจชีวประวัติและสิ่งประดิษฐ์ของจางเหิงสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ "Zhang Heng - Wikipedia, the free encyclopedia"
Official MV "เพื่อดาวดวงนั้น" The Star 8
ยอดเยี่ยมมากคับ เป็นกำลังใจในการนำเสนอ บทความต่อ ๆ ไป นะคับ
ตอบลบทำต่อไป ผมอ่านอยู่
ตอบลบสุดยอดมากครับ
ตอบลบแต่ทำไมใน RTK ภาค 11 ค่าพลังอ่อนน่าเกลียดมาก
ตอบลบปล.รูปแกในRTKภาคล่าสุดฮามาก
ปล.รูปคนแสดงนั่น ดูเหมือนผีดิบมากกว่านะครับ 5555
น่าสงสารจริง ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมาพยายามทำหน้าอย่างดีที่สุดกลับมีแต่คนตำหนิ โลกมนุษย์ล้วนเป็นเช่นนี้ สรรพสิ่งล้วนเป็นเช่นนี้ ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าขงเบ้ง เทียบกับ ซุนวูกับอู๋ฉี แล้วยังห่างไกลนัก ขงเบ้งอ่อนไหวใช้ความรู้สึกมากเกิน ไม่ประเมินศึกสุดท้ายก็ต้องตายอย่างน่าสงสาร ต้องเรียกว่าแม้รู้สิ้นดินฟ้ามหาสุมทรแต่ไม่อาจฝืนชะตาฟ้ากำหนด ไยต้องเช่นนี้ ไยต้องเป็นเช่นนี้
ตอบลบ