ต้นตำหรับ จ่าเฉย

     “จ่าเฉย” ชื่อนี้สำหรับผู้ที่ขับรถอยู่เป็นประจำคงรู้จักกันดี เพราะเป็นชื่อเรียกของหุ่นจำลองตำรวจจราจรขนาดเท่าตัวจริง ที่มักจะพบเห็นได้ตามสี่แยกไฟแดง จุดเลี้ยวโค้ง จุดที่มักจะมีการฝ่าฝืนกฎจราจร หรือจุดที่มักจะมีอุบัติเหตุบ่อย ๆ ซึ่งคนที่ขับรถมักจะสะดุ้งทุกครั้งที่เห็นจ่าเฉย เพราะหลงคิดว่าเป็นตำรวจจริง ขับรถอยู่เพลิน ๆ สติจะมาในทันที

    จ่าเฉย เกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2550 โดยโรงพยาบาลวิภาวดี และภาคเอกชน ได้ร่วมกันจัดสร้างไปประจำตามจุดต่าง ๆ เพื่อแบ่งเบาภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการป้องปรามผู้ขับขี่รถไม่ให้กระทำผิด และเพื่อลดอุบัติเหตุ ซึ่งจ่าเฉยก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทนแดดทนฝน ไม่เคยปริปากบ่น แต่กระนั้นด้วยความเป็นตำรวจตงฉิน จ่าเฉยเคยถูกปลดออกจากราชการ ในปี พ.ศ.2552 เพราะไปแย่งหน้าที่ตำรวจตัวจริงทำ และใจดีเกินไป ประชาชนไม่กลัว

     แต่ตำรวจแท้ ไม่มีวันตาย ไม่นานนักในปีถัดมา พ.ศ.2553 จ่าเฉยก็ได้รับความเป็นธรรมกลับมารับราชการอีกครั้ง เนื่องจากผลการสอบสวนปรากฏว่า จ่าเฉยไม่มีความผิดใด ๆ รวมทั้งไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ป้องปรามตามแบบของหุ่นจำลอง เขาจึงถูกเรียกกลับเข้ารับราชการอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งได้รับการยกย่องจากสังคมว่าเป็นตำรวจที่ดีที่สุดในประเทศ!

จ่าเฉยมีมาตั้งแต่สมัยสามก๊ก

ย้อนกลับมาที่เรื่องสามก๊ก วรรณกรรมจีนในดวงใจของเรา ปรากฏว่ามีการใช้ “จ่าเฉย” ในการศึกการสงครามหลายครั้ง ซึ่งผู้ที่คิดค้น และเป็นต้นตำหรับการใช้ “จ่าเฉย” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ จูกัดเหลียงขงเบ้ง ผู้หยั่งรู้เจนจบในวิชาฟ้า วิชาดินนั่นเอง

ขงเบ้ง ใช้จ่าเฉยในการล่อลวง และการป้องปรามข้าศึกศัตรูอยู่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งจ่าเฉยยุคสามก๊กของขงเบ้งก็ไม่เคยทำให้ขงเบ้งผิดหวัง เพราะจ่าเฉยสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม มีผลงานและผ่านสมรภุมิการรบสำคัญอาทิเช่น

จ่าเฉยถูกยิงพรุนเมื่อครั้งปฏิบัติภารกิจยืมลูกเกาทัณฑ์

จ่าเฉยยืมลูกเกาทัณฑ์ : ในครั้งศึกสมรภูมิเซ๊กเพ็ก ขงเบ้งสร้างจ่าเฉยในแบบหุ่นฟาง วางไว้รอบ ๆ เรือ แล้วลวงโจโฉว่าเป็นกองทัพเรือกังตั๋ง บุกมายึดตีค่าย ครั้งนั้นเป็นคืนเดือนมืด หมอกลงจัด โจโฉกลัวเป็นกลลวงจึงไม่กล้าออกเรือ ได้แต่ระดมยิงเกาทัณฑ์ไปใส่เรือฟาง ครั้งนี้จ่าเฉยยอมพลีชีพ ถูกยิงพรุน แต่ภารกิจลุล่วงด้วยดี

จ่าเฉยผีโขมดป่า : ในตอนขงเบ้งยกทัพไปตีวุยก๊กครั้งที่ห้า ขงเบ้งได้สร้างจ่าเฉยรูปเหมือนตนเอง 2 ตัว เพื่อลวงเอาเสบียงที่เมืองหลงเส ขงเบ้งให้จ่าเฉยแต่ละตัวนั่งเกวียน โดยแต่ละเกวียนจะมีทหารนุ่งขาวห่มขาวสยายผมเล่มละ 14 คน ทหารตีฆ้องกลองโห้ร้องเล่มละ 500 คน ทหารสำหรับล้อมวงเล่มละ 1000 คน แล้วซุ่มอยู่ข้างทางเอาไว้หลอกทหารสุมาอี้ ส่วนตัวขงเบ้งนั่งเกวียนพร้อมขบวนทหารอีกกองหนึ่งยกไปเกี่ยวข้าวที่ชายแดนเมืองหลงเส สุมาอี่เห็นขงเบ้งจึงยกทหารไล่ติดตาม แต่ขงเบ้งร่ายมนต์ไว้ ไล่อย่างไรก็ตามไม่ทัน หนำซ้ำจ่าเฉยขงเบ้งยังผลุบ ๆ โผล่ ๆ ทางซ้าย ทางขวา สุมาอี้ตกใจ ร้องว่า “เมื่อขงเบ้งขี่เกวียนทั้งสามแห่งนี้ ชะรอยผีโขมดป่าแกล้งมาหลอกหลอนเรา” แล้วก็พาทหารแตกหนีไป ขงเบ้งจึงเกี่ยวข้าวได้เสบียงเป็นอันมาก

จ่าเฉยไล่ตะเพิดสุมาอี้ : ก่อนขงเบ้งจะสิ้นใจ ได้บอกกับเอียวหงีว่า ให้ถอยทัพกลับเสฉวน หากสุมาอี้ยกทัพตามมา ให้ตั้งรับเป็นหน้ากระดาน แล้วให้เอาหุ่นจ่าเฉยรูปขงเบ้งนั่งเกวียนชักออกมากลางทหาร สุมาอี้เห็นก็จะตกใจ คิดว่าขงเบ้งยังไม่ตาย ซึ่งการณ์ก็เป็นไปตามที่ขงเบ้งคาดไว้ เพราะสุมาอี้เจอจ่าเฉยนั่งโบกพัดขนนกอยู่ ก็ตกใจที่ขงเบ้งยังไม่ตาย แล้วคิดว่าเป็นอุบายจึงต้องล้มเลิกแผนการตามล่า ทหารจ๊กก๊กจึงสามารถยกทัพกลับเสฉวนได้ต่อไป

ขงเบ้ง หรือ จ่าเฉย ?

วงการอาชีพทหาร ตำรวจ มักกล่าวยกย่องขงเบ้ง กวนอู ในเรื่องสติปัญญาความสามารถ และความจงรักภักดี นายทหารนายตำรวจฝ่ายเสนาธิการที่เก่ง ๆ ก็มักจะยกย่องว่าเป็นขงเบ้ง ใครเข้มแข็งซื่อตรงก็ยกเป็นกวนอู .... “จ่าเฉย” เป็นแค่หุ่นจำลอง ของนายตำรวจชั้นผู้น้อย แต่กระนั้น จ่าเฉยก็มีประโยชน์ ช่วยลดการกระทำผิดกฎหมายและอุบัติเหตุ ไม่เคยโกงกิน รีดไถประชาชน .... แล้วในอดีตขงเบ้ง ยังต้องให้เกียรติจ่าเฉย เป็นตัวตายตัวแทน นั่งเกวียนเทียมกันมาแล้ว

ต่อจากนี้หากเห็นจ่าเฉย เราต้องมองเขาใหม่ เพราะขนาดอาจารย์ขงเบ้ง ชายผู้มีสติปัญญามากที่สุดคนหนึ่งของโลก ยังช่วงใช้ประโยชน์และยอมรับในขีดความสามารถของ “จ่าเฉย” ..... หากขับรถขับราแล้วเห็น จ่าเฉย ก็อย่าลืมทักทายแกบ้างนะครับ แต่ระวังอย่าทำผิดเชียว เพราะเดียวนี้แกมีตา มีกล้อง .... จ่าแกเอาจริง !